ไม่ค่อยสบายใจกับพ่อแม่เรื่องที่เรียนในอนาคต ทำอย่างไรดี
คือเมื่อ 2 ปีก่อน ย้อนไปตอนม.4 ที่จะขึ้นม.5ละกัน ผมมีปัญหากับพ่อแม่เรื่องที่พ่อแม่จะให้สอบนายร้อยแต่ตอนนั้่นผมเล็งว่าอยากเข้าวิศวะคอมจริงๆไว้ ซึ่งผมคิดว่าผมอยากให้คนที่เขาเป็นจริงๆสอบดีกว่า เพราะถึงผมสอบไปก็ไม่ได้ตั้งใจสอบอยู่แล้ว ก็เลย ทะเลาะกันจนเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วก็คือผมยอมสอบไป แต่ปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย แล้วก็ตกลงกันว่าว่าเรื่องนายร้อยจบแค่นี้ แต่พอมา ม.5 จะขึ้น ม.6 นี่แหละ เขาก็ถามผมว่าไปสอบอีกป่าวผมก็บอกว่าไม่ แล้วเขาก็โอเคแต่เหมือนจะเคือง พอตอนปิดเทอมที่ผ่านมา ผมลองสมัครค่ายคอมแล้วผ่านการคัดเลือกแล้วก็ไม่ให้ไปเพราะบอกว่ามันไกลบ้านมาก (ราชบุรี - กรุงเทพฯ) แล้วตั้งแต่นั้นเขาก็เอาแต่พูดว่าลูกคนนั้นคนนี้ติดนายสิบบ้าง นายร้อยบ้าง ผมค่อนข้างเสียใจมากที่ทำให้เขาไม่ได้ แต่ในเมื่อผมอยากจะเรียนตรงที่ผมชอบก่อนจะให้ฝืนมันยังไงอะครับ ก็เลยทำให้ผมไม่สบายใจมาก อ่านหนังสือเตรียมสอบก็ไม่ลงเพราะต้องมาค้างคาใจเรื่องนี้อีก
ตกลงว่าผมผิดหรือป่าวหรือเขาผิดหรือผมคิดมากไปเองครับ แล้วควรเคลียร์ยังไงดีครับ เรียกว่าเรื่องนี้ทำผมเครียดมาประมาณ 2 ปีแล้วตอนนี้อยู่ ม.6แล้วก็ยังไม่หายเครียด เลยทำให้อ่านหนังสือไม่ค่อยลง
**เรื่องค่ายคอมผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นห่วงผมก็ได้จริงๆครับ**
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 พฤษภาคม 2556 / 22:15
24 ความคิดเห็น
เป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของคนเป็นพ่อแม่ค่ะ
ที่อยากให้ลูกตัวเองได้รับราชการ มียศถาหน้าตา
นอกจากนั้น ราชการ อาชีพมันมั่นคงค่ะ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ท่านก็คิดแทนลูกไงคะ
อยากให้ลูกมีการงานทำมั่นคง มีหน้ามีตา
แต่คือ ถ้าหนูไม่ชอบ หนูก็ไม่ต้องเรียนค่ะ
เลือกทำสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะมันต้องอยู่กับเราไปทั้งชีวิต
ถามว่าผิดไหม ตอบได้เลยว่าไม่ผิดค่ะ
PS. เดี๊ยนจะเกรียนแบบไม่สนใจโลกค่าาา
ผมว่า จขกท. ไม่ต้องไปคิดมากหรอกคับ เอาเวลาไปทุ่มเทกับการอ่านหนังสือดีกว่า วิศวคอมฯ เป็นสาขาที่เข้ายากพอสมควรสำหรับมหา'ลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ โอกาสก้าวหน้าในอาชีพนี้สู้กว่า นายสิบนายร้อยเยอะ เรากำลังจะเปิดประเทศด้วยตอนนี้ เรื่องพ่อแม่ผมว่าเขาเข้าใจคุณนะ เขาก็แค่เสียดาย ไม่เคืองหรอก ชีวิตเรา เราเป็นคนกำหนดเอง เขียนบันทึกด้วยมือของเราเอง เรานี่แหละที่เลือกจะเขียนให้มันเป็นแบบไหน ชีวิตทั้งชีวิตของเราต้องอยู่กับอาชีพนั้นไปตลอด ทุ่มเทกับการอ่านหนังสือให้มากๆ ถ้าประสบความสำเร็จแล้ว พ่อแม่คุณยินดีกับคุณแน่นอน พิสูจน์ตัวเองให้ได้ แล้วจะไม่มีอะไรค้างคาใจ
PS. "Only I who can live forever." Contact me, Line : Primemerlinian
พอสอบเข้าได้ เรี่มเรียนดีมีผลงานมีโปรเจคเอามาให้เขาดูพอ
เขาเริ่มเห็นผลงานเราเขาก็เห็นด้วยเองแหละครับ
อดทนครับ แค่ระวังอย่าใช้อารมกัน เราว่านายทำได้
ถึง คห.1-3 ก็คือไม่ต้องไปคิดไรมากสินะครับ
ใชค่ะ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก แล้วถ้าเป็นไปได้
ก็คุยกับที่บ้านให้เข้าใจด้วยค่ะ ด้วยเหตุผลนะคะ อย่าใช้อารมณ์
PS. เดี๊ยนจะเกรียนแบบไม่สนใจโลกค่าาา
ถึง คห.5 จะพยายามครับ แต่คุยทีไรก็หาว่าผมโง่ อุตส่าห์เลือกสิ่งที่ดีให้แล้วไม่เอา แล้วผมควรใช้คำพูดประมาณยังไงครับ
ถามเขาสิ ว่า ติดนายร้อย มีดียังไง
เราเป็นตัวของเรา
สันโดษ พอในสิ่งที่ตนมี ก็เพียงพอแล้ว
..........
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 พฤษภาคม 2556 / 19:56
PS.
แค่คุณทำ มงคล38
ข้อ 6 ตั้งตนชอบ
24 มีความสันโดษ
น่าจะพอแล้ว แค่นี้ก็ มงคล แล้วล่ะ
25 กตัญญู ไม่น่าใช่ ตามใจเขา เอาใจ ไม่ใช่กตัญญูจริงๆหรอก
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 พฤษภาคม 2556 / 19:50
PS.
ถึง คห.7 ครับ ผมเคยลองถามครับผมก็เห็นว่ามันก็ดีครับ แต่ว่าผมอยากจะเข้าทางวิศวะคอมมากกว่า แล้วก็ทะเลาะกันอย่างนี้แหละครับ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ของผมคือ ใจเย็นๆ สงบๆ นิ่งๆแล้วค่อยๆพูดไปเรื่อยๆ
ก็เลี่ยงการคุยกันครับ พยายามทำตัวยุ่งๆ คุยเผินๆแต่อย่าพาเข้าประเด็นจริงจรัง
ยิ่งถ้าตอนหัวค่ำ ยิ่งต้องเลี่ยง มันเป็นเวลาที่ทุกคนเหนื่อยกลับมาบ้าน
ถ้ามีใครเปิดประเด็นจะทะเลาะกันตอนนี้แหละครับรุ่นแรงด้วย
ให้อยู่ในห้องตัวเองอ่านหนังสือ ให้เขาเห็นว่าเราขยัน ถ้าจะหาจะหาช่วงเวลาพูดคงยาก
ถ้าคุณไม่ใช่คนที่พูดเก่ง รู้จุดว่าพูดอะไรตรงไหน แนะนำว่าอย่าครับ พยายามทำตัวขยัน อารมดี
ผมว่าจากท่าทางคนที่อยากให้ลูกเรียนพวกนายสิบแล้ว เขาคงจะไม่กล้าเข้ามายุ่ง
เราแบบถึงตัว หรือจับเรามานั่งคุยบ่อยนักมั้งครับ ผมว่าเขามีความทะนงอยู่บ้าง
ให้เขารู้นิดๆครับว่าเราจะสอบวิศวะ แต่อย่าให้เขารู้สึกว่าเราต่อต้าน ให้เขาสงสารเราแทน
แต่อย่าหลอกเขาแล้วแอบไปสอบครับ บ้านแตกแน่ ลองหาทางดูครับ แต่อย่าเชื่อผมหมดนะ
วิธีไหนใช้ได้ลองปรับใช้ดูครับ เวลาผมคุยกับที่บ้านผมก็มีวิธีของผม ผู้ใหญ่แต่ละคนไม่เหมือนกัน
โชคดีนะนาย
น้องอย่าไปเครียดกับเรื่องเรียนมากนะ ถ้าแม่กับพ่อไม่เข้าใจก็หาเวลาคุยกันดี ๆ เอาเหตุผลมาคุยกัน อย่าใช้อารมณ์
พี่พลาดมาแล้ว พี่ไม่ยอมสอบมหาลัยไหนเลย อย่าทำแบบนี้นะ อย่าประชด น้องก็อ่านหนังสือไป พยายามสอบ ติดไหนก็เรียนนั่น
สวัสดี เจ้าของกระทู้ และทุกๆคนค่ะ
มากระทู้นี้ดูอบอุ่นจัง^__^ เหมือนวัฒนธรรมไทยด้่งเดิม แดดร่มลมตกน้่งล้อมวงคุยกัน โดยเฉพาะเด็กๆตั้งคำถามหรือขอคำปรึกษาให้บรรยากาศแบบไทยๆด้่งเดิม ดีมากๆ ชอบจังเลยแบบนี้(มีโอกาสเห็นมาสองสามกระทู้แล้ว ดีใจและมีความสุขที่เห็นกระทู้ลักษณะนี้ แอบตักตวง ขออภัยค่ะ^ ^)
อ่านๆคำบอกเล่าของเจ้าของกระทู้แล้วดูเหมือนกับว่าคุณเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ เข้าใจเหตุการณ์ เข้าใจความต้องการของพ่อแม่ คุณยังเข้าใจตัวเองอีกด้วยรู้และสัมผัสความรู้สึกของตัวคุณเองได้ด้วย ว่าคุณต้องการอะไร นั้นเป็นเรื่องดีมากๆค่ะ (ดีมากๆค่ะ งานเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อคุณมีแผน ไม่ไช่หมอดูนะคะ ไม่พยายามที่จะเป็นด้วยค่ะ แต่ช่วยสรุปจากคำที่คุณเขียนซึ่งเป็นมุมมองที่ดิฉันรู้สึกได้จากคำบอกเล่าของคุณเองเท่านั้น ซึ่งดิฉันอาจจะรู้สึกผิดไปก็ได้)
แต่...มาถึงตรงนี้ "ตกลงว่าผมผิดหรือป่าวหรือเขาผิดหรือผมคิดมากไปเองครับ แล้วควรเคลียร์ยังไงดีครับ เรียกว่าเรื่องนี้ทำผมเครียดมาประมาณ 2 ปีแล้วตอนนี้อยู่ ม.6แล้วก็ยังไม่หายเครียด เลยทำให้อ่านหนังสือไม่ค่อยลง"...นั้นคือความรู้สึกลังเลค่ะ คุณต้องจัดการกับความรู้สึกนั้นให้ได้ "ความรู้สึกลังเลหรือความเชื่อมั่นยังไม่บังเกิด ความลังเลนั้นเกิดขึ้นได้"ทุกข์ละนั่น นั้นคือความทุกข์ ทุกข์มาเป็นเวลาตั้ง2ปีแล้วนะ ไม่ดีนะคะทำให้บ้่นทอนกำลังใจ ทำให้เสียเวลา และจะทำให้สุขภาพจิตเสียค่ะ และยิ่งนานก็ยิ่งจะทำให้เราแย่ หากติดกับความเครียดนานๆ คุณจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเครียดนะคะ แต่ความเป็นจริงจะทำให้คุณเป็นคนเครียดตลอดไป "น่ากลัวหรือเปล่า" ไม่ได้ขู่นะคะ ความเคยชินเป็นธรรมชาติที่น่ากลัวมาก (ดูซีเรียสเกินไปหรือเปล่า ^__^)
คุณลองพยายามทำให้ความเชื่อม้่นบังเกิดนะคะ คุณต้องเชื่อมั่นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปได้ด้วยดี หากคุณมีแผนที่จะเรียนวิชาที่คุณต้องการ และคุณต้องทำให้ได้ด้วย ต้องทำให้ได้ในที่สุดนะคะ ที่คุณ"ต้องตั้งม้่น" เพราะหากคุณพลาดคุณที่จะเป็นผู้ที่เสียใจที่สุดเป็นคนแรกด้วย แะแน่นอนพ่อแม่จะเสียใจและผิดหวังรวมกันค่ะ นั้นคงไม่ไช่เรื่องที่ดีแน่ๆ(หากเกิดขึ้น) แต่หากคุณทำสำเร็จได้ตามที่คุณตั้งเป้าหมาย คุณจะภูมิใจมากที่สุดเช่นกัน "อย่างแปลกประหลาดเป็นความรู้สึกเป็นสุข" แน่นอน พ่อแม่ จะดีใจและภาคภูมิใจ มากกว่านั้นท่านจะให้เกียรติและศรัทธาความตั้งม้่นของคุณตลอดไป
เรื่องการคุยกับพ่อแม่ ต้องใช้เหตุผลค่ะ เหตุผลและเวลาด้วยค่ะที่ต้องใช้ โอกาสก็ต้องให้เขาด้วยนะคะ นั้นคือคุณต้องตั้งใจเรียนวิชาที่คุณเลือกเองให้เขาได้มีโอกาสเห็นว่าคุณอยู่ในเกรดที่ดีด้วย ที่คุณต้องทำอย่างนั้นเพื่อมที่คุณจะได้พิสูจน์ตัวเองและดูเหมือนกับว่าต้องการทำให้เขารู้สึกปลอดภัย พ่อแม่ปลอดภัยเมื่อมีลูกที่จะสามารถเอาตัวรอดได้ค่ะ นั้นคือความสุขของพ่อแม่ นั้นเป็นธรรมชาติของพ่อแม่นั้นคือความจริง เท่านั้นค่ะที่ท่านทั้งสองต้องการเป็นที่สุด ไม่ว่าท่านจะต้องการอย่างไรตามที่แนะนำคุณ แต่ที่สุดจนถึงที่สุดคือความปราถนาดี คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของพ่อแม่ แม้แต่...นกกายังไม่เคยทอดทิ้งลูก ไปหาอาหารมาป้อน สอนให้บิน เรามนุษย์ชาติ เป็นอะไรที่ประเสริฐมากๆ พ่อแม่รักลูกทุกคนค่ะ
คุณอย่ากังวลไปเลย คุณไม่บาปและไม่ผิดค่ะ การขออิสระภาพทางความคิดกับบุพการีคงไม่ไช่บาปอย่างแน่นอนค่ะ ขอให้คุณทำให้ดีที่สุดนะคะ ให้โอกาสทั้งตัวคุณเองนั้นไม่ไช่เรื่องผิดค่ะ อย่าลืมให้เหตุผลกับท่านทั้งสอง และเมื่อท่านบ่นๆก็อย่าเถียงฟังเฉยๆยิ้มๆกลับไปค่ะ(ต้องอดทน) ก็คุณเอาเปรียบท่านไปแล้วนี่นา เลือกวิชาที่ตัวเองชอบ (จะเอาอะไรอีก หากคุณไม่เถียงคุณจะดูน่ารักมากๆสำหรับท่านนานๆท่านจะดุไม่ลง กลับจะรัก และเอ็นดูเรามากขึ้นด้วยซํ้า ไม่เชื่อก็ลองนะคะ)
คำแนะนำยาวๆ ยกมาจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆเลย ดิฉันไม่เรียน และไม่เป็นอย่างที่ทุกคนในบ้านต้องการที่จะให้เป็นค่ะ แต่ก็ใช้เทคนิคที่เขียนมานี้ ต้องเรียนหนักและต้องวิ่งล่องประจบพ่อแม่เพื่อให้เชื่อให้ศรัทธาเราด้วย เป็นงานเพิ่มขึ้นมาอีก (ไม่อยากให้ท่านวิตก เพราะเป็นห่วง อยากให้ท่านสบายใจ สงสารท่านเหมือนกันที่เราเอาแต่ใจ งานหนักมาก โอย..เหนื่อยน่าดู ก็อยากดื้อนี่นะ ไม่เชื่อฟัง ตามใจตัวเอง เพื่อทุกอย่างก็ต้องลงแรงหน่อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปตามที่ตั้งเป้าในที่สุด)
ปล.ยาวมากๆ หวังว่าไม่ทำให้คุณเครียดหนักเข้าไปนะคะ ^__^
อ่านแล้วคล้ายนิยายเลยหรือเปล่า ไม่ไช่นะคะ เรื่องจริง จริงใจมากเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นกองหนุนให้คุณ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ^___^
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 มิถุนายน 2556 / 10:12
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 5 มิถุนายน 2556 / 17:14
PS. เป็นสุขได้นะ บนโลกนี้หากต้องการที่จะสุข ^__^
ถึง คห.12 ยาวเนอะครับ ยอมรับเลยครับว่าตอบได้รายละเอียดมากครับ คือจริงๆแล้วเนี้ยคือผมก้มีส่วนผิดด้วยครับ เพราะจริงๆสิ่งที่ผมบอกปัญหาไปไม่ได้มีแค่นั้นครับ ผมจะเล่ารายละเอียดอีกนิดให้ฟังครับ คือพอดีแม่ผมจะส่งผมไปเรียนคอร์สทหารตอนปิดเทอมแต่ทีนี้ ผมบอกว่าไม่เรียนหลายรอบแล้วเขาก็ไม่ํฟัง ผมเลยต้องเอาเงินไปซ่อนเพื่อที่จะให้เขาโอนเงินไม่ได้จนถึงวันที่กำหนดแล้วก็จะเอาไปคืนให้เขา แต่เขาก็จับได้ แล้วก้หาว่าผมขโมยเงินไปซื้อมือถือ(จริงๆตอนนั้นอยากได้มือถือใหม่ด้วย แต่ผมไม่ได้มีเจตนาทำอย่างนั้น) จากนั้นก็คุยกันจนเขายอม (คุยทั้งน้ำตาเลยนะครับ) แล้วก็เลยไม่ได้ให้ผมเรียนคอร์สนั้น จากนั้นก็เคืองเลย ผมรู้ว่าผมผิดมาก ผมควรจะแก้ไขยังไงครับ หรือว่าแสดงให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจจะเข้าวิศวะคอมจริงๆครับ
สิ่งที่เขาเลือกดีที่สุด (ทฤษฏี)
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ใน ทางปฏิบัติ ไม่ใช่ในทฤษฏีหรอกครับ
ไม่รู้เหมือนกันแก้ยังไง
อัตตา เอาตนเป็นที่ตั้ง ยาก อ่ะครับ
PS.
ถึง คห.14 งงครับ คือหมายความว่าอย่างไรครับ หมายถึงเรื่องที่ผมเอาไปเงินไปซ่อนใช่ไหมครับ ตอนนี้ผมก้ขอโทษเขาไปแล้วก็พยายามทำตัวให้ดีที่สุดครับ แต่ความเชื่อก็ลดลงไปด้วยก็คือรับสภาพตรงนี้ได้พอตัวแล้วครับ แต่แค่อยากรู้ว่าไอเหตุการณ์นี้ที่เอาเงินไปซ่อนมันจะเกี่ยวด้วยไหม หรือว่ากำลังหมายถึงว่าให้ผมเชื่อตามเขางั้นหรอครับ ผมงงจริงๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 มิถุนายน 2556 / 22:42
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 1 มิถุนายน 2556 / 22:28
หมายถึงการยัดให้เข้าไปเรียน น่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอก
เรื่องเงิน ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่แรก ไม่ต้องคิดไรมาก ยิ่งคิดยิ่งทุกข์
ต้องพยายามอ่ะ
หาทุน ทุนให้เปล่า ก้ดีน่ะ หรือ ทุน ที่ใช้คืน แทนก็ได้ เห็นว่าตัวเองทำได้
PS.
ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละคับ เขาเปิดโอกาสให้แล้ว ก็ลุยให้เต็มที่ เรื่องซ่อนเงิน ถ้าคืนแล้วไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ต้องทุกข์อย่ายึดติดกับการโทษตนเอง อย่าผูกใจเจ็บ มันจะทำให้เราอ่อนแอ ลืมๆ มันไปเถอะ
PS. "Only I who can live forever." Contact me, Line : Primemerlinian
ถึง คห.16และ 17 โอเคครับ สรุปก็คือ อยู่กับปัจจุบันทำให้ดีที่สุด เรื่องที่มันร้ายๆก็ลืมไปว่างั้น
ถ้าคุณเขียนชีวิตในปัจจุบันได้ดี อดีตกับอนาคตมันก็จะดีเอง และคนที่ทำใจไม่ให้เป็นทุกข์ได้ นั่นแหละคือคนเก่ง แล้วก๋สอนตัวเองได้
PS. "Only I who can live forever." Contact me, Line : Primemerlinian
คห.19 โอเคครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?