ปลาฉลาม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลาฉลาม |
เมื่อพูดถึงปลาฉลาม ผู้คนจำนวนมากมักมีความรู้สึกหวาดกลัวเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึง ปลาฉลามจัดเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 380 ล้านปีมาแล้วโดยมีการเปลี่ยนแปลงด้านรูปร่างน้อยมาก แต่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้จนถึงปัจจุบันด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียวราวกับเครื่องบินรบ โครงสร้างของปลาฉลามแตกต่างจากปลา ชนิดอื่นตรงที่มีกระดูกเป็นกระดูกอ่อนมีลักษณะคล้ายเอ็นเหนียวๆทำให้ปลาฉลามมีลำตัวค่อนข้างยืดหยุ่นกว่าปลากระดูกแข็งทั่วไป เหมือนกับปลาทั่วๆไป จึงทำให้ปลาฉลามได้รับการขนานนามว่า เป็นปลานักล่าผู้สง่างามแห่งท้องทะเล จากการที่มีวิวัฒนาการอันยาวนานทำให้ปลาฉลามสามารถปรับตัวจนสามารถดำรงชีวิตในทุกสภาพแวดล้อมทั่วโลกตั้งแต่ ในเขตร้อนแถบเส้นศูนย์สูตรจนถึงเขตอบอุ่นรวมทั้งแม่น้ำบางสายที่เชื่อมต่อกับทะเลก็พบว่ามีฉลามอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน เล่ามาถึง ตรงนี้หลายๆ ท่าน อาจจะสงสัยว่าปลากระดูกอ่อนและปลากระดูกแข็งนั้นเป็นอย่างไร จึงขอถือโอกาสอธิบายตรงนี้นะครับว่า เราแบ่ง ปลาเป็นกลุ่มตามลักษณะของโครงสร้างของกระดูกออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ ปลากระดูกอ่อน มีอยู่ด้วยกันประมาณ 800 ชนิด และปลากระดูกแข็ง มีประมาณ 24,000 ชนิด ลักษณะที่แตกต่างกันก็คือ ปลากระดูกอ่อนมีโครงค้ำจุนร่างกายเป็นกระดูกอ่อนทั้ง หมด ตำแหน่งของปากจะอยู่ทางด้านล่างของส่วนหัว มีช่องเหงือก 5-7 คู่ ไม่มีแผ่นปิดเหงือก มีเกล็ดมีลักษณะที่เป็นหนามแหลม ไม่เรียงซ้อนกัน เพศผู้มีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ 1 คู่ บริเวณครีบก้น หางมีลักษณะเป็นแบบไม่สมมาตร โดยแฉกบนมีขนาดใหญ่และยาว กว่าแฉกล่างหรือมีลักษณะเรียวยาวคล้ายแส้เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปลาฉนาก ปลาโรนัน และปลาโรนิน เป็นต้น จากโครง สร้างของกระดูกที่เป็นกระดูกอ่อนของปลาฉลามทำให้การศึกษาฉลามจากซากดึกดำบรรพ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากกระดูกอ่อนจะ สลายตัวผุพังไปหมด ซากที่พอจะหลงเหลืออยู่บ้างจะเป็นส่วนของกะโหลกศีรษะและกราม ส่วนซากดึกดำบรรพ์ที่พบมากที่สุดก็คือ ฟันนั่นเอง สำหรับปลากระดูกแข็งมีลักษณะแตกต่างกันที่โครงสร้างของกระดูกเป็นกระดูกแข็ง มีแผ่นปิดเหงือกชัดเจนก็คือตรง บริเวณกระพุ้งแก้มนั่นเอง ส่วนเกล็ดจะมีรูปร่างแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของปลาหรือบางชนิดก็อาจไม่มีเกล็ดหางมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบสมมาตรและไม่มีสมมาตร มีปากอยู่ทางด้านบนและด้านล่างของส่วนหัว ส่วนมากจะออกลูกเป็นไข่ และเป็นปลาที่เราพบ เห็นอยู่ทั่วไป เช่น ปลาไหล ปลานิล ปลาเสือตอ ปลาสิงโต ปลาปักเป้า เป็นต้น ปัจจุบันปลาฉลามถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มปลาฉลามผิวน้ำ และกลุ่มปลาฉลามหน้าดิน ซึ่งมีรูปร่างลักษณะ และนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปลาฉลามผิวน้ำมีรูปร่างปราดเปรียวและว่ายน้ำตลอดเวลาลักษณะของฟันเป็นฟันที่มีความแหลม คมประดุจมีดโกนเรียงกันเป็นแถวอยู่ภายในปาก ส่วนฉลามหน้าดินมีนิสัยชอบกบดานอยู่นิ่งๆมากกว่าเคลื่อนที่ ฟันมีลักษณะเป็นฟัน ขบ กินซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหาร ไม่ค่อยดุร้ายและส่วนใหญ่มีนิสัยขี้เล ปลาฉลามที่พบในประเทศไทยมีประมาณ 30 ชนิด แต่ ในที่นี้จะขอแนะนำให้ท่านรู้จักดังนี้ 1. ปลาฉลามเสือ (Tiger shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Galeocerdo cuvier เป็นปลาฉลามขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่ มีความยาวประมาณ 6 เมตร หัวมีลักษณะค่อนข้างป้าน ไม่เรียวแหลมเหมือนฉลามชนิดอื่น มีลายข้างลำตัวคล้ายกับลายของเสือ เมื่อโตขึ้นลายจางลง ปลาฉลามเสือจัดเป็นฉลามที่ดุร้ายที่สุดในน่านน้ำไทย มีนิสัยกินไม่เลือก ค่อนข้างหวงถิ่นและจะดุร้ายเฉพาะ เวลาที่มีลูกอ่อน พบได้บริเวณชายฝั่งทะเลทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างมากจนพบได้ยาก 2. ปลาฉลามหูดำ (Blacktip Reef Shark) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus melanopus จัดเป็นปลาฉลามขนาด เล็ก ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร มีลักษณะเด่นตรงที่บริเวณปลายครีบกระโดงทั้งสามจะมีสีดำ ลำตัวมีสีเทาปน เหลือง ส่วนท้องมีสีขาว มีนิสัยไม่ก้าวร้าว และไม่ยอมเข้าใกล้มนุษย์มากนัก เป็นปลาฉลามที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย พบได้ ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน บริเวณแนวปะการังที่มีน้ำตื้น 3. ปลาฉลามครีบเงิน ( Siver Tip Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus melanopus ขนาดโตเต็มที่มีความยาว ประมาณ 3 เมตร เป็นฉลามที่มีรูปทรงสมส่วนสวยงาม มีจุดเด่นคือมีแต้มสีขาวบริเวณปลายหางและครีบกระโดงทั้งสาม ชอบอาศัย อยู่ตามบริเวณชายฝั่งทะเลทั่วไป ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จัดเป็นฉลามที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เมื่อถูกรบกวน แต่จะไม่ ทำร้ายมนุษย์ก่อน 4. ปลาฉลามสีเทา( Grey Reef Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus amblyrhynchus มีรูปร่างคล้ายปลา ฉลามครีบเงินมาก แต่มีขนาดเล็กกว่าเป็นปลาฉลามที่มีลีลาท่าทางสง่างามมีความเฉพาะตัวในเวลาข่มขู่ศัตรูโดยการงอลำตัวและ ยกครีบหลังขึ้นสูงปล่อยให้กระโดงด้านข้างตกลงแนบชิดกับลำตัวก่อนเข้ามาใกล้ผู้บุกรุกเพื่อโจมตี มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ตามแนวปะการัง เป็นฉลามที่ค่อนข้างก้าวร้าวและหวงถิ่น พบได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะแลอันดามัน 5. ปลาฉลามหัวค้อน( Hammerhead Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sphyrna lewini เป็นฉลามที่มีรูปร่างแปลกกกว่า ปลาฉลามชนิดอื่น มีลักษณะเด่นคือมีส่วนหัวที่ยื่นยาวออกไป เหมือนค้อนตอกตะปู ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 4 เมตร มีนิสัยไม่ก้าวร้าวแต่อาจทำอันตรายต่อมนุษย์ได้ พบทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ปัจจุบันมีจำนวนลดลงจนพบได้น้อยมาก 6. ปลาฉลามทราย ( Nurse Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chiloscyllium indicum มีชื่อเรียกแตกต่างกันเช่นฉลามดุก ฉลามขี้เซา ฉลามพยาบาล เป็นต้น ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 3 เมตร จัดเป็นปลาฉลามที่อาศัยหากินอยู่ตามพื้นทราย มีนิสัยรักสงบไม่ก้าวร้าวเมื่อไม่ถูกรบกวน มักพบอาศัยอยู่ตามโพรงหิน หรือในถ้ำใต้น้ำ ในเวลากลางวันและออกล่าเหยื่อในเวลา กลางคืน 7. ปลาฉลามวาฬ ( Whale Shark) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhincodon typus จัดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่มีความยาวถึง 18 เมตร แต่ที่พบโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 7-8 เมตร เป็นปลาฉลามที่มีนิสัยน่ารัก กินแพลงก์ตอน เป็นอาหาร เป็นปลาที่ชาวประมงคุ้นเคยดี และยกย่องให้เป็นปลาเทพเจ้าโดยเชื่อกันว่าถ้ามีผู้ใดทำร้ายปลาฉลามวาฬจะทำให้ท้อง ทะเลปั่นป่วน ปลาฉลามวาฬสามารถ พบได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน 8.ปลาฉลามกบ ( Brown-band Bamboo Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chiloscyllium punctatum เป็นฉลามหน้า ดินที่มีขนาดเล็ก จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับปลาฉลามหิน ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร รูปร่างลักษณะมีลำตัวเรียวยาว ส่วนหัวและลำตัวใหญ่ จะงอยปากกว้าง มีตาขนาดเล็ก ครีบหางแฉกบนโค้งเรียวยาวกว่าแฉกล่าง ในลูกปลาวัยอ่อนจะมีลายเป็นแถบ สีขาวสลับดำคาดตามขวางลำตัวและจะค่อยๆจางลงเมื่อโตขึ้น 9. ปลาฉลามเสือดาว ( Leopard Shark )มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Stegostoma f asciatum เป็นฉลามหน้าดินขนาดปาน กลาง มีความยาวประมาณ 2 เมตรชอบนอนนิ่งนิ่งอยู่กับพื้นท้องทะเล มีนิสัยขี้เล่นไม่ดุร้าย เมื่อยังมีขนาดเล็กจะมีลายตามลำตัว เมื่อโตขึ้นลายตามลำตัวจะจางหายไป และเปลี่ยนเป็นจุดคล้ายจุดของเสือดาว โดยปกติแล้วปลาฉลามมักจะหลบหลีกมนุษย์และจะไม่เข้าโจมตีมนุษย์ก่อนและมักจะเข้าโจมตีมนุษย์ก็ต่อเมื่อต้องการ อาหารหรือได้กลิ่นคาวเลือด เนื่องจากปลาฉลามมีระบบประสาทที่ไวต่อการรับความรู้สึก หรือถ้าหากท่านจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับ ปลาฉลามที่ดุร้าย จะต้องตั้งสติให้ดีและ ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป ควรค่อยๆ ถอยห่างอย่างช้าๆ และรีบขึ้นจากน้ำโดยเร็ว หาก จำเป็นต้องเผชิญหน้าในระยะใกล้ตัว จะต้องโจมตีจุดอ่อนของปลาฉลามซึ่งเป็นจุดรวมของระบบประสาทอยู่บริเวณปลายจมูก โดย ใช้กำปั้นหรือของแข็งๆที่นำติดตัวมา ปลาฉลามจะตกใจและว่ายหนีไป หากเสียเลือดหรือได้รับบาดเจ็บจะ ต้องรีบขึ้นจากน้ำทันที เนื่องจากเลือดเป็นตัวกระตุ้นระบบรับสัมผัสของปลาฉลามเป็นอย่างดี
|
ที่มา
http://www.stou.ac.th/thai/offices/oce/knowledge/3-50(500)/page1-3-50(500).html
3 ความคิดเห็น
สงสารมันตอนโดนตัดครีบ เอาไปทำหูฉลามอ่ะ
เครื่องสำอางมหัศจรรย์!!!
ทำตาสองชั้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม ด้วยราคาเพียง 220 บาท!!!
พร้อมกับเครื่องสำอางน่ารักๆมากมาย
เครื่องสำอางแบรนดังจาเกาหลี
Etude กับ Skinfood
แวะชมร้านของเราได้ที่
niceshop.weloveshopping.com
ทางร้านยังลงสินค้าไม่หมดคะ
ต้องการสั่งสินค้าที่ไม่มีในแคตตาล็อคสามารถสั่งได้เลยนะคะ
เดินทางช่วงสงกรานคะ
ราคาเป็นกันเอง นักศึกษาขายนักศึกษาไม่แพงอยู่แล้วคะ^^
ขอบคุณที่แวะมาชมสินค้าของทางร้านนะคะ
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงมาได้ที่ niceshop@live.com คะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?