Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แต่งก่อนอยู่ ..หรืออยู่ก่อนแต่ง ดีกว่ากัน?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


   แต่งก่อนอยู่ หรือ อยู่ก่อนแต่

 

๑.อยู่ก่อนแต่ง   เพราะ

          ๑.  จะได้ศึกษาอุปนิสัยกันก่อนว่าจะอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

          ๒.  สภาพสังคมและเศรษฐกิจไม่อำนวยให้แต่งก่อนอยู่

          ๓.  ถ้ารักกันจริงจะอยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งก่อนอยู่ก็มีค่าเท่ากัน

          ๔.  เมื่อแต่งกันก่อน ถ้าอุปนิสัยเข้ากันไม่ได้ ก็ต้องเลิกรากันในภายหลัง

          ๕.  คู่ที่แต่งก่อนอยู่มักชะล่าใจในเรื่องการตั้งครรภ์ หากต้องเลิกราในภายหลัง จะเกิดผลกระทบต่อลูกด้วย

          ๖.  ประเทศที่เจริญแล้ว เช่น อเมริกา อังกฤษ นิยมอยู่ก่อนแต่ง

 

๒.แต่งก่อนอยู่ เพราะ

          ๑. สืบทอดประเพณีอันดีงาม และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนรุ่นต่อๆไป

          ๒. เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างญาติทั้ง ๒ ฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

          ๓.  สร้างเงื่อนใขให้ทั้ง ๒ ฝ่าย ตระหนักในหน้าที่ภริยา-สามีของตนเองมากขึ้น

          ๔. ก่อนตัดสินใจแต่งงานย่อมผ่านการกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะยองรับข้อ

              ด้อยของอีกฝ่าย  ทำให้อยู่กันยืดกว่าคู่อยู่ก่อนแต่ง

          ๕. บ่งบอกให้รู้ว่าฝ่ายชายมีความรักต่อฝ่ายหญิง มากกว่ามีความใคร่ในกามารมณ์

          ๖. สำนักข่าวรอยเตอร์ 14 ก.ค. 2545      รายงานว่า   เยาวชนอเมริกันคิดฆ่าตัว ตายปีละ 3 ล้านคน 

              ( ข้อมูลจาก น.ส.พ. มติชน 15 กรกฏาคม 2545 )

 

 

 

ทำไมคนยุคใหม่นิยมอยู่ก่อนแต่งกันมากขึ้น

 

          ๑.            ไม่มั่นใจในตนเองว่าจะอยู่กันตลอดรอดฝั่งหรือไม่   เพราะ

                    -  ได้รับข่าวสาร การหย่าร้างของคนดังในสังคมอยู่บ่อยๆ

                    -  พื้นฐานจิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่ได้รับการฝึกฝนอบรมมาจากครอบครัวอย่างเพียงพอ

เช่น มักมีอารมย์ฉุนเฉียว เมื่อต้องประสบกับสิ่งไม่พึงพอใจ แม้จะเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น

-         คนใกล้ชิด หย่าร้างกันหลายคู่

 

          ๒.           มีเพศสัมพันธ์กันง่าย เพราะ

                   -  มีการดำเนินชีวิตที่ต้องพบปะใกล้ชิดระหว่างหญิง-ชายมากกว่าคนยุคก่อน

-  สภาวเศรษฐกิจและสังคมบีบคั้นให้เห็นว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่

                     (ศาสนาทุกศาสนา เน้นสอนในเรื่องการยับยั้งชั่งใจ ไม่ให้ความอยากอยู่เหนือเหตุผล)

-  มีอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะโปรตีน ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่าย

-   ถูกสังคมโดยเฉพาะสื่อภาพยนต์ ชักจูงให้เข้าใจว่า เมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ ก็ต้องบำบัดด้วยการร่วมเพศ

-   การกระทำต่าง ๆ และการแสดงออกของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะแพทย์ ทำให้เยาวชนรุ่นใหม่เข้าใจว่า  การร่วมเพศเป็นเรื่องปกติธรรมดา  เพียงแต่ควรป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อเท่านั้น

 

 

 

สภาวการณ์วัยรุ่นไทย

        คนไทยส่วนใหญ่ยังหลงผิดคิดว่า   สังคมไทยดีกว่าสังคมฝรั่งในเรื่องเพศ     เช่น   “รักนวลสงวนตัว” มากกว่าฝรั่ง   “ชิงสุกก่อนห่าม”น้อยกว่าฝรั่ง     “สำส่อน” น้อยกว่าฝรั่ง เป็นต้น     แต่สถิติจากกระทรวง สาธารณสุขพบว่าวัยรุ่นไทย“ ทำแท้ง ” มากกว่าวัยรุ่นฝรั่งมาก    เพราะในการตั้งครรภ์ 1,000  ครั้งจะมีวัยรุ่น ไทยทำแท้งถึง 16 ครั้ง  ขณะที่วัยรุ่นเยอรมันเพียง 3 ครั้ง  วัยรุ่นเนเธอร์แลน 4 ครั้ง และวัยรุ่นฝรั่งเศส 9 ครั้ง            วัยรุ่นเนเธอร์แลนด์ มีการร่วมเพศครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 17.7 ปี   วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 15  ปี

                    ( ข้อมูลจาก น.ส.พ.มติชน วันที่ 18 กันยายน  หน้า 7 )

 

 

 

 

 

ฟังก่อนน้องหญิง  ...พี่ชาย มีอะไรจะบอก

 

ข้อคิดก่อนมีเพศสัมพันธ์

          ๑.       เสียแล้วเสียเลย เรียกกลับคืนไม่ได้

          ๒.      เมื่อมีครั้งแรก จะมีครั้งต่อไปตามมาไม่มีที่สิ้นสุด

          ๓.      สิ่งที่ได้มาโดยง่าย มักจะไม่มีคุณค่า  ( ในความคิดของฝ่ายชาย)

          ๔.      ความภาคภูมิใจ และความมั่นใจในตนเองจะลดลง

          ๕.      จะเกิดจิตตกค้าง (นึกรังเกียจตนเอง) หรือทำให้ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปง่ายขึ้น

          ๖.       เพิ่มความกังวลให้กับตนเอง (เกิดความหึงหวง)

          ๗.      จิตหมกมุ่น ทำให้ความสนใจในการศึกษาเล่าเรียนลดลง

          ๘.      มีอุปนิสัยกระด้างและหยาบคายขึ้น

          ๙.       เป็นตัวอย่างให้กับน้องๆ และเพื่อนๆ

          ๑๐.    เป็นส่วนกระตุ้นให้คนรุ่นหลังมีเพศสัมพันธ์กันเร็วยิ่งขึ้น

          ๑๑.    อาจติดโรคเอดส์ และกามโรคได้

          ๑๒.   ทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของสังคม

          ๑๓.   อาจจะเกิดการตั้งครรภ์ได้

          ๑๔.   อนาคตทางการศึกษาจะมีอุปสัคมากขึ้นเป็นทวีคูณ

          ๑๕.   จะต้องเจ็บช้ำเมื่อฝ่ายชายทอดทิ้ง

          ๑๖.    จะต้องระทมทุกข์อย่างแสนสาหัส ถ้าฝ่ายชายติดยา

          ๑๗.   จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่มีเชื้อเอดส์   แม้แต่เด็ก ป. ๑  ติดเชื้อเอดส์ ทั้งที่พ่อแม่ไม่เป็นเอดส์ ก็เคยมีมาแล้ว

          ๑๘.   ฝ่ายชายเลว มีสาเหตุหนึ่งมาจากมีแม่ชั่ว  เช่น  สำส่อนทางเพส ติดยา ดื่มสุรา  เป็นต้น

          ๑๙.    รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่มีลูก-เมียอยู่แล้ว  ผู้หญิงบางคนอยู่กินกับสามีนานเป็นปีกว่าจะรู้ว่าสามีมีลูก-เมียอยู่ก่อนแล้ว

 

                                               

สาเหตุที่เขียน :    ๑.ต้องการลดปริมาณงานที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต    เช่น  ต้องหาเงินมาเลี้ยงเด็กกำพร้าในวัด  เป็นต้น

                    ๒.ต้องการให้พระปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดอย่างสงบสุข ไม่ต้องถูกเพ่งเล็งจากสาวเทื้อ  หรือสตรีแม่ม่าย

 

                                                                                                                โดย  ...พระมหาประเสริฐ  มนฺตเสวี

               

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

Neverheal 31 ก.ค. 51 เวลา 00:27 น. 1

อยู่มันระหว่างแต่งเลย!!


เอาให้งานแต่งกระจุย


กรักๆๆๆๆๆ


PS.  https://sites.google.com/site/neverheal แวะเวียนกันไปได้เน้อ ฝึกๆอยู่
0
โบวี่ 21 ก.ค. 53 เวลา 20:43 น. 5

มันขึ้นอยู่กับความมั่นคง ว่าเขาสามารถเลี้ยงเราได้หรือเปล่า&nbsp  และมั่นใจ ว่าทั้งเราและเค้าจะยึดมั่นในรักของเรา

0
นะโม 22 ก.ย. 53 เวลา 10:09 น. 6

อยู่คนเดียวไปก่อนก็ดี&nbsp แต่ถ้ามีแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็จำใจต้องทิ้ง ผู้หญิงเราต้องทำใจไว้ก่อนนะ
เราต้องใจแข็ง เราต้องมีตัวสำรอง&nbsp ฮ้าๆ ๆ ๆๆ ๆๆๆ...............

0
นวลฉวี 13 ก.พ. 56 เวลา 22:46 น. 8

ไม่ดีแน่นอนค่ะ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เพื่อสนองความอยาก แต่เพื่อให้กำเนิดสายเลือดที่รวมเอาทั้งชายและหญิงไว้ในหนึ่งเดียว ไม่มีใครอยากให้ลูกมีหลายพ่อแม่หรอกค่ะ

0