Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

((( นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย )))

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม (ขีตสังคะ)

                      ประวัติ
                          
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "จอมพล ป." เป็น นายกรัฐมนตรี ที่มีเวลาดำรงตำแหน่ง รวมกันมากที่สุดของไทย คือ 14 ปี 11 เดือน 18 วัน มีนโยบายที่สำคัญคือ การมุ่งมั่นพัฒนาประเทศไทย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยะประเทศ มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ โดยออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย "รัฐนิยม" หลายอย่าง ซึ่งบางอย่างได้ประกาศเป็นกฎหมายในภายหลัง หลายอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของชาิติ เช่น การรำวง ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย เป็นผู้เปลี่ยนชื่อ "ประเทศสยาม" เป็น "ประเทศไทย" และเป็นผู้เปลี่ยน "เพลงชาติไทย" มาเป็นเพลงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

คำขวัญที่รู้จักกันดีของนายกรัฐมนตรีผู้นี้คือ "เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย" และ "ไทยอยู่คู่ฟ้า"

ประวัติ

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เดิมชื่อ แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507 เป็นบุตรนายขีด และนางสำอางค์ ขีตตะสังคะ ภริยาคือ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม (เดิมนามสกุล "พันธุ์กระวี")

จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เข้าศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนกลาโหมอุทิศ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี จากนั้นได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบก กระทั่งสำเร็จการศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2459 ขณะอายุ 19 ปี โดยได้รับยศร้อยตรี และเข้าประจำการที่กองพลที่ 7 จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นไม่นานได้สอบเข้าโรงเรียนเสนาธิการได้เป็นที่ 1 และเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ประเทศฝรั่งเศส จนสำเร็จการศึกษา และกลับมารับราชการต่อไป กระทั่งได้ยศพันตรี มีบรรดาศักดิ์และราชทินนาม ที่ "หลวงพิบูลสงคราม"

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 พันตรี หลวงพิบูลสงครามได้เข้าร่วมกับคณะราษฎร ในเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยได้เป็นกำลังสำคัญในสายทหาร และเมื่อปี พ.ศ. 2477 ท่านได้เลื่อนยศเป็นพันเอก และดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก

ครั้นเมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ท่านได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อจากพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา โดยการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2484 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลตรีหลวงพิบูลสงคราม เป็นจอมพล แปลก พิบูลสงคราม (โดยได้ยกเลิกราชทินนามแบบเก่า)

ชีวิตและบทบาทในทางการเมือง

จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีชื่อจริงว่า แปลก เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีหูทั้งสองข้างอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าตา ผิดไปจากบุคคลธรรมดา จึงถูกตั้งชื่อว่า แปลก นับตั้งแต่เกิด เมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญ ไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเรียกชื่อตัวเองเช่นนั้น จึงใช้เป็นตัวอักษรย่อเป็น ป. นับตั้งแต่นั้น

จอมพล ป. เป็นหนึ่งในคณะนายทหารผู้ร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 โดยเป็นนายทหารรุ่นน้อง พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา 2 ปี ที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก มีบทบาทสำคัญในการปราบกบฏบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. 2476 จนได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อมา

นับแต่จอมพล ป. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในพ.ศ. 2481 ได้มีนโยบายในการสร้างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลัทธิชาตินิยม เช่น ออกกฎหมายคุ้มครอง อุตสาหกรรมภายในประเทศ มีการสงวนอาชีพบางอย่างไว้เฉพาะคนไทย และปลูกฝังให้ประชาชนนิยมใช้สินค้าไทย ด้วยคำขวัญว่า "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ" รัฐบาลจอมพล ป. ได้เปลี่ยนแปลงประเพณีและวัฒนธรรมบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และให้เกิดความทันสมัย เช่น ประกาศให้ข้าราชการเลิกนุ่งผ้าม่วง เลิกสวมเสื้อราชปะแตน และให้นุ่งกางเกงขายาวแทน มีการยกเลิกบรรดาศักด์ และยศข้าราชการพลเรือน มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" เป็น "ไทย" ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 และเปลี่ยนวันขึ้น ปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายน เป็นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล โดยเริ่มเปลี่ยนในปี พ.ศ. 2484 ทำให้ ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือน มีการสร้างชาติ ด้วยวัฒนธรรมใหม่ โดยจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2485 เพื่อจัดระเบียบการดำเนินชีวิตของคนไทยให้เป็นแบบอารยประเทศ โดยประกาศรัฐนิยมฉบับต่างๆ และสั่งห้ามประชาชนเลิกกินหมากโดยเด็จขาด ให้ผู้หญิงเลิกนุ่งโจงกระเบน เปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงแทน ให้สวมหมวก สวมรองเท้า และยังวางระเบียบการใช้คำแทนชื่อเป็นมาตรฐาน เช่น ฉัน ท่าน เรา และมีคำสั่งให้ข้าราชการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ในโอกาสแรกที่พบกัน เป็นต้น

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส จากปัญหาเรื่องการใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งพรมแดน ระหว่างไทยกับอินโดจีน ซึ่งอยู่ในครอบครองฝรั่งเศสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยฝรั่งเศสไม่ยอมตกลงเรื่องการใช้ร่องน้ำลึกเป็นเส้นเขตแดน ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2483 ฝรั่งเศสส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเมืองนครพนม การรบระหว่างฝรั่งเศสกับไทยจึงเริ่มขึ้น ฝรั่งเศสโจมตีไทยทางอรัญประเทศ รัฐบาล จอมพล ป. ส่งทหารไทยเข้าไปในอินโดจีนทางด้านเขมร แต่ในที่สุดญี่ปุ่นเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ย จนมีการส่งผู้แทนไปลงนาม อนุสัญญาสันติภาพที่กรุงโตเกียว (Tokyu Convention) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ในครั้งนั้นไทยได้ดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน รวมทั้งทางใต้ตรงข้ามปากเซ คือ แขวงจัมปาศักดิ์ และดินแดนในเขมรที่เสียให้ฝรั่งเศสไปเมื่อปี พ.ศ. 2450 กลับคืนมาด้วย และในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484 พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงชัยชนะของไทยต่อฝรั่งเศส และ 1 ปีต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผู้กระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485

จอมพล ป. ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ริเริ่มองค์กรและหน่วยงานสำคัญ ๆ ของประเทศหลายองค์กร ที่พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน ซึ่งล้วนแต่เป็นหน่วยงานที่มีความเฉพาะของแต่ละวิชาชีพ เช่น รัฐวิสาหกิจ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร รวมทั้งเป็นผู้ที่ใช้อำนาจยึดสถานที่ต่าง ๆ ที่เคยเป็นที่ประทับของเชื้อพระวงศ์ และที่อยู่ของบุคคลสำคัญก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาใช้เป็นสถานที่ราชการ เช่น วังบางขุนพรหม, บ้านมนังคศิลา, บ้านพิษณุโลก, บ้านนรสิงห์ เป็นต้น

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จอมพล ป. ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการประคับประคองประเทศชาติ ให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้หลายประการ โดยเป็นจอมพลคนแรกของประเทศไทยอีกด้วย เมื่อขอพระราชทานยศให้กับตนเอง ทั้งนี้มีการบอกเล่ากันว่า เพราะท่านต้องการทำสงครามจิตวิทยากับทางกองทัพญี่ปุ่น และเมื่อหลังสงครามโลกแล้ว ท่านต้องติดคุกในฐานะอาชญากรสงคราม และยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด โดยกลับไปอยู่บ้านที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยทำไร่ถั่วฝักยาว แต่แล้วด้วยความผกผันทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2491 ท่านก็ได้หวนกลับมาคืนสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งจากการทำรัฐประหารของกลุ่มนายท
หารที่นับถือท่านอยู่ ซึ่งคราวนี้ดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 9 ปี ผ่านวิกฤตและเหตุการณ์กบฏจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง เช่น กบฏเสนาธิการ, กบฏวังหลวง, กบฏแมนฮัตตัน รวมทั้งยังเคยยึดอำนาจตัวเองด้วย

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้รับฉายาว่า "จอมพลกระดูกเหล็ก" เพราะมีชีวิตทางการเมืองอย่างเหลือเชื่อ เคยถูกลอบสังหารมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง แม้กระทั่งในเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน ที่ท่านถูกจี้ลงเรือศรีอยุธยา ถูกทิ้งระเบิดผ่านเตียงที่ท่านเคยนอนอยู่อย่างเฉียดฉิว ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนับร้อย จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของท่าน คือ ในเย็นวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 เมื่อถูกพลเอกสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายทหารรุ่นน้องอีกคนหนึ่งที่ท่านไว้ใจและมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกให้ กระทำการรัฐประหาร ซึ่งท่านได้หลบหนีไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวกับผู้ติดตามเพียง 2 คน ไปอย่างหวุดหวิด โดยผ่านไปทางประเทศกัมพูชา ก่อนจะลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ที่นั่น ท่านและครอบครัวได้รับการต้อนรับอย่างดี ทั้งนี้เพราะทางญี่ปุ่นถือว่าเป็นท่านเป็นผู้ที่บุญคุณต่อญีปุ่น เพราะเป็นผู้ยินยอมให้ทหารญี่ปุ่นผ่านเข้าประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วยด
ี ไม่ต้องมีการสู้รบยืดเยื้ออันรังแต่จะทำให้มีแต่ความสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งท่านก็ได้พำนักอยู่ที่นั่นจนตราบถึงแก่กรรม

นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนตั้ง ตลาดนัดจตุจักร ที่พวกเรารู้จักกันดีอีกด้วย

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

Zoyon 23 ส.ค. 51 เวลา 15:36 น. 1

ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ !!!!!!!!!!!!!
วาดชอบ จอมพลป. มากกก


PS.  อันยอง!!^^..ภาพวาด..^^เม้นแระ...!! มาเม้นนิยายเค้ามั่งน้า~~รักต้องลุ้นของยัยจอมจุ้นสุดป็อป~~บายๆๆ
0
merry_rose 23 ส.ค. 51 เวลา 18:27 น. 3

จอมพล ป. จริงๆแล้ว ไม่ได้ดีอย่างที่น้องๆคิดหรอกนะคะ คนที่รังเกียจดนตรีพื้นบ้านไทย คนที่บังคับให้ทุกๆคนต้องแต่งตัวเป็นคนยุโรป ดูถูกรากเง้าของตัวเอง และไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศโดยสิ้นเชิง ยอมเป็นเบี้ยรับใช้ชาวต่างชาติ ว่าไงว่าตามกัน น่ารังเกียจค่ะ  น้องๆลองไปหาหนังสือประวัติของจอมพล ป. มาอ่าน แล้วน้องๆจะเข้าใจค่ะ น้องๆดูเรื่องโหมโรง เรื่องโหมโรงที่ในหนังพูดถึงกันว่า ท่านผู้นำ นั้นแหล่ะค่ะ เค้าหมายถึงจอมพล ป.  นายกที่ดีในสมัยนั้นก็คือ จอมพลสฤทธิ์ค่ะ ไม่ใช่จอมพล ป. จอมพลป.ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติเลยซักอย่าง นอกจากให้เลิกกินหมากแค่นั้นแหล่ะค่ะ

0
ไม่จริง 23 ส.ค. 51 เวลา 18:40 น. 4

น่าภูมิใจตรงไหน พวกคณะ(ขี้)ราดเนี่ย มันทำกับพระมหากษัตริย์ขนาดนั้นได้ยังไง
เอาการปกครองของประเทศให้พวกไม่มีความรู้ แล้วดูสิเป็นอย่างไร
ประชาธิปไตยที่ภูมิใจกันนักหนา บางคนเขียนชื่อตัวเองยังไม่ได้เลย โดนเค้าจูงจมูกเลือกอะไรก็ไม่รู้มาเป็นนายก
ประชาธิปไตยในมือผู้ไร้การศึกษา เป็นจุดจบของประเทศ จริงๆ

0
T.W 23 ส.ค. 51 เวลา 21:52 น. 5

ความจริงแล้วเรื่องอย่างนี้มันน่าจะเป็นความคิดเห็น ความชอบของแต่ละคนนะเราว่า

แต่ถ้าให่พูดถึงนายกฯที่ดีที่สุด"ในความคิดของข้าพเจ้า" ฮ่าๆๆๆ

คงต้องบอกว่าชอบ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ที่ชอบไม่ใช่เพราะอ่านจากแบบเรียน ไม่ใช่เพราะไปได้ยินใครพูดมา

แต่เพราะเจอในหนังสือ คู่สร้างคู่สม...เมื่อหลายปีมากแล้ว เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง

เพราะมีอนุภรรยามากมาย มากมายมากๆ

แต่ในฐานะของนายกฯ ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดี

ถึงจะในระบอบเผด็จการก็เถอะ

และท่านก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากัษตริย์มาก (น่าจะเป็นคนแรกๆ....จนมาถึงปัจจุบันก็อาจจะยังไม่มีใครที่ให้ความสำคัญมากเท่านี้)

ความเห็นส่วนตัวเล่าสู่กันฟังนะ&nbsp ^-^

0
T.W 23 ส.ค. 51 เวลา 22:12 น. 6

อ่อ เพิ่งได้อ่าน ความคิดเห็นที่6 ความจริงแล้ว เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร จึงขอพูด(ตามใจตู)นะว่า

ที่บอกว่าเนรเทศอ่ะ ก็มันคือรัฐประหารไง "รัฐระหาร" อ่ะรู้จักปะ

แล้วที่สำคัญคือ ที่จอมพล ป. ได้กลับมาเป็นนายกอีกครั้ง(ครั้งที่2) ก็เพราะจอมพลสฤษดิ์ที่มีความเลื่อมใสในตัวจอมพลป. (ในช่วงแรก) จึงเข้าร่วมรัฐประหาร(ที่จอมพลป.ได้เป็นนายก) และตัวจอมพลสฤษดิ์ ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แต่ก็เริ่มเห็นว่าจอมพลป. เริ่มจะไม่ดีอย่างที่คิด ( ความจริงแล้วไม่ควรจะพูดว่าไม่ดี แต่เอาเป็นว่าไม่พอใจกับการหวงแหนอำนาจของจอมพลป.ที่มากเกินไปอ่ะ)

ก็เลยลาออก&nbsp &nbsp  แล้วจอมพ ป.ก็ถูก "รัฐประหาร" โดยจอมพลสฤษดิ์นี้แหละ (เพราะจอมพลสฤษดิ์ ถูกลูกตื้อของคนอื่นๆไม่ไหว)
แต่ท่านไม่เอาตำแหน่งนายกฯ แต่ยกให้คนอื่น(จำไม่ได้) การทำรัฐประหารครั้งนั้นเพราะประชาชนลุกฮือไปหาถึงบ้าน แล้ว จอมพล ป.ก็รีบหนีไปเอง (ท่ามกลางความยินดีของประชาชน)

แล้วที่สั่งประหารอ่ะ เพราะคนนั้นทำผิดไม่ใช่เรอะ...^-- พวกวางเพลิง เอาประกัน ปลูกฝิ่น อะไรพวกนั้นอ่ะ

แล้วมันก็สงบจริงๆด้วย&nbsp  คำขวัญวันเด็กก็มาจากท่านนี้แหละ

พอละ "พบกันเมื่อชาติต้องการ"&nbsp  หุหุ
อย่าคิดมากนะ...ตามที่รู้มา ผิดถูกยังไงก็ขอโทษด้วย

0
เหอๆ 24 ส.ค. 51 เวลา 23:46 น. 7

จอมพลปอไม่ได้ดีที่สุดน๊า
สนธิลิ้มทองกุลบอกไว้ว่า ทักษิณหรอกที่เป็นนายกที่ดีที่สุดของไทย

0
เรืองชัย 18 ก.ค. 56 เวลา 11:33 น. 10

ตามความเห็นของผมทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุดเท่าที่คนอายุเลข59อัพเคยพบมาด้วยนโยบายที่ดีมีประโยขน์และสัมฤทธิ์ผลเป็นส่วนมาก การเป็นนายกของทักษิณมาโดยการเลือกตั้งของประชาชนจึงมีความชอบธรรมมากกว่าอภฺิสิทธิ์ เปรมหรือคนอื่นๆทั้งหมดอยากทราบข้อมูลนี้เป็นจริงไหมให้สอบถามหรือหาข้อมูลเชิงลึกระดับคุณภาพได้เลยครับ กรุณาอย่าอคติ นี่คือความจริงที่ต้องรับรู้ มีคนรักทักษิณมากกว่าคนเกลียดแน่นอนครับ คนที่เกลียดทักษิณคือกลุ่มอำนาจเก่าและผู้สูญเสียผลประโยชน์จากนโยบายพรรคไทยรักไทยเดิม ด้วยเหตุผลนี้ทักษิณจึงเป็นนายกที่ดีและเก่งที่สุดเท่าที่ไทยเคยมีนายกมาครับผม

0