} มนุษย์ ญี่ปุ่น จบมาทำงานอะไรได้บ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คือตอนแรกติดสารสนเทศม.บูรพาอ่ะค่ะ ติดสารสนเทศ
แต่พ่อไม่ให้เรียนเพราะไกลบ้านเกิน ก็เลยสละสิทธิ์ไป
แล้วทีนี้ ก็ติดม.น. คณะมนุษย์ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคณะที่เราชอบพ่อเลยจะให้เรียนที่นี่
เค้าบอกว่ามันน่าจะหางานได้ง่ายกว่าญี่ปุ่น
เค้าบอกว่างานมันแคบไปอ่ะค่ะ ก็เลยสับสนไม่รู้จะทำยังไงดี
อยากจะรู้ว่าจบญี่ปุ่นมานี่ สามารถจะทำงานอะไรได้บ้างอ่ะคะ
ปล. สารสนเทศที่เราติดนี่ เป็นอันดับสองที่เลือกค่ะ
โดยส่วนตัวก็ชอบมนุษย์ ญี่ปุ่นมากกว่า
26 ความคิดเห็น
งานก็คงประเภทพวกใช้ภาษา เช่น ล่ามญี่ปุ่น-ไทย-อังกฤษ / แอร์(ถ้าหน้าได้) / อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่น / ทำงานในสถานทูตญี่ปุ่น
แต่คืออยากบอกว่าถ้าไม่ได้จบเอกญี่ปุ่นจาก ม.ดังๆ โอกาสรุ่งอะยาก จิงๆนะ เพราะส่วนใหญ่เอกชนจะไม่มีเอกนี้
ถ้าอยากเรียนจิงๆแนะนำ จุฬาฯ มธ. เกษตรฯ ถ้าไหวนะ เพราะถ้า ม.น. เราไม่แน่ใจอะว่าจะมีงานรองรับเยอะไหมเพราะเด๋วนี้เวลาสมัครงานเค้าก้อดูเรื่องมหาลัยด้วย(ฟังจากพี่ๆที่จบไปแล้วหลายๆคน)
แต่ถ้ารัก jap จิงๆ ก้อเรียนไปเหอะ เรียนที่ใจรักอะ ดีที่สุด จะได้ happy
เพื่อนของพี่สาวพี่ก้อจบจากมน.มนุษย์ญี่ปุ่น
ตอนนี้พี่เค้าทำงานเป็นไกด์อยู่ที่ภูเก็ต
ตอนนี้พี่ก้อเรียนมนุษย์ญี่ปุ่นเนี่แหละ
แต่เรียนที่มช.พี่ว่าเรื่องได้งานทำ
ถ้าเราขยัน ตั้งใจนะ จบมาคงหางานดี ๆทำได้อยู่
เพราะถึงแม้ว่าจะจบจากม.ดังๆนะ
แต่ได้แค่ทฤษฎี คืดแบบได้แค่ไวยากรณ์แน่น
แต่พอพูดจริงๆกลับพูดไม่ได้ เค้าก้อไม่รับทำงานหรอก
เพื่อนพี่น่ะมีเยอะ
แน่นแต่ไวยากรณืแต่เอาเข้าจริงก้อเอามาใช้ไม่ได้ ใช้ไม่เป็น
ลองคิดดูสิ ว่าคนที่สื่อสารได้ กับไม่ได้
เค้าจะเลือกใครเข้าทำงาน
ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะหาความรู้เข้าตัวได้มากแค่ไหน
ถ้าน้องคิดว่าชอบจริงๆ
ก้อเรียนไปเถอะ
เพราะถ้าเรียนอะไรที่ไม่ชอบมันไม่มีความสุขหรอก
ทรมานจะตาย แล้วเราต้องเรียนเจาะลึกลงไปตั้งสี่ปี
เลือกอันที่ตัวเองชอบดีกว่านะ
พี่ว่า ญี่ปุ่นทุนเยอะมาก ๆ นะ  อย่างที่มหาลัยพี่ก็มีทุนนะ แต่ต้องจ่ายเงินเองด้วย ไปเรียนถึงหนึ่งปีแหน่ะ แต่เอาเกรดนะ ส่วนหลังจากเอนท์ทรานซ์หรือเอ็ดมิชชั่นเข้ามาได้แล้ว ต้องฝ่าอีกด้านย่อย คือ สอบญี่ปุ่นแข่งกัน ก็คือสอบความถนัดความภาษา ไม่ว่าน้องจะจบญี่ปุ่น สายวิทย์ สายศิลป์ ทุกคนจะต้องมาสอบกันหมด เพื่อเข้าชิงไปเรียน Basic Jap 1 จ๊ะ    พี่ก็ติดนะ แต่เสียดายตอนนั้น บ้าประเทศจีนเลยเลือกเรียนจีนไป ตอนนี้มานั่งเสียดายทีหลัง แต่ก็ไม่เป็นไรเรียนได้อยู่  แล้วน้องไม่ต้องเครียดว่าจะสอบแข่งกับคนที่เรียนญี่ปุ่นมาได้หรือไม่ ไม่ต้องซีเรียสไปจ๊ะ เพราะมันเป็นแค่ความถนัดทางภาษา ก็คือเขาสร้างภาษาขึ้นมา สร้างไวยกรณ์ คำ แล้วให้เราทำให้มันเป็นประโยค ตามที่ประโยคที่เขากำหนดไว้ให้  เพื่อนพี่ได้ญี่ปุ่น 80 กว่า มันยังสอบไม่ได้เลยค่ะ ต้องรอสอบปี สอง ก็คือเรียนห้าปี  แล้วเรียนไปใช่ว่าจะง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องแข่งอีกรอบ คือเอาเกรดเข้าเอก ถ้าเกรดถึงตามที่เขากำหนด เราก็จะได้เข้าจ๊ะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่น้อง ๆ ได้เรียนรู้ ไม่ใช่เพียงแค่เอนท์ติดแล้วจบนะ ก็คือมีด่านให้แข่งขันอีกหลายรอบจ๊ะ เรื่องทุนก็ต้องแข่งเกรดกันอีก   
ส่วนเรื่องงานทำ พี่ว่าถ้าเป็นเอกชน ญี่ปุ่นจะดีกว่านะ เงินเดือนสูง แต่บริษัทญี่ปุ่นเข้มข้นมาก ๆ เลยนะ แล้วก็มิใช่ว่าเราจะอยู่สบาย ๆ เพราะเขาใช้เราจนตายคะ แต่ค่าเหนื่อยก็คุ้มนะ  อีกอย่างระหว่างเรียนก็สอนพิเศษไปหรือน้องจะเป็นไกด์ก็ได้นะค่ะ พี่ว่าก็โอเคอยู่ ส่วนสายงานที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น  เราเป็นอักษร ศิลปศาสตร์ มนุษย์ เรื่องภาษาอังกฤษเราก็ต้องยอดเยี่ยมกว่าคนอื่นอยู่แล้วค่ะ เลิศ!!  ก็คือ น้องก็เลือกวิชาโท ซึ่งมีหลายแขนง น้องจะเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาโท เรียนควบคู่กับวิชาเอกก็ได้ หรือจะเลือกสายอื่นก็ได้ค่ะ
ส่วนเรื่องสารสนเทศ อันนี้พี่ไม่ทราบนะค่ะ ว่าเป็นไง แต่พี่ว่า เรียนภาษาไม่มีทางอดตายแน่นอนค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวน้องนะค่ะ เพราะว่าภาษา ไม่ใช่นั่งเฉย ๆ แล้วจะได้มา ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการอ่าน อ่าน อ่าน อ่าน จำจำจำ เท่านั้นค่ะ ส่วนใครเรียนจีน ก็ต้องคัด ๆ ๆ และคัดเท่านั้น      พี่ว่ามันก็น่าเรียนนะค่ะ
  ส่วนความสนุกในการเรียน ก็น่าเรียนนะค่ะ ระหว่างเรียนภาษาญี่ปุ่นไป ก็ได้เรียนประวัติ เรียนทุกศาสตร์ค่ะ การละคร การดนตรี บรรณารักษ์ ปรัชญา สังคีต สังคม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้น้อง เป็นคนรอบรู้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ วรรณคดีตั้งแต่ Eng 1 น้อง ๆ ก็จะรู้จักอ่านอ่านวรรณคดี สนุกม๊าก ๆ เลยค่ะ  อย่างเทอมแรก น้องก็จะเจอวรรณคดี ไป สองเล่มค่ะ ซึ่งระดับการอ่านของน้องจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากได้อ่านวรรณคดี แล้วไปสอบ เพราะการอ่านวรรณคดี จะทำให้เราเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น แล้วเนื้อเรื่องก็น่าขบคิด น่าตื่นเต้น สอดแทรกประวัติศาสตร์ไปในเรื่องนั้น อีกอย่างนึง เวลาเอกภาษา ก็ต้องเรียนพวก Linguistics ทุกเอกโทภาษา ก็ต้องเรียน ซึ่งจะทำให้เราพูดภาษานั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง  โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ  แล้วทุกภาษาก็กำหนดสัทอักษร มีฐานกรณ์ เหมือนกันค่ะ ทำให้เราเรียนวิชาภาษาอื่นง่ายขึ้นด้วย ส่วนวิชาวรรณคดีวิจารณ์ ก็สนุกดีค่ะ วิจารณ์วรรณคดีไทย วิจารณ์บทกลอน พี่ว่าน่าเรียนนะค่ะ ภาษานะ เพราะทำให้เราเข้าใจมนุษย์ ภาษาเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อให้เราเข้าถึงเท่านั้นค่ะ                            พี่เรียนภาษาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่ก็เชียร์คณะตัวเอง เพราะไม่งั้นพี่ก็คงไม่สมัครมาเรียนนะค่ะ        ส่วนเรื่องสารสนเทศ ก็ลองถามคนอื่นดูค่ะ  อ๋อลืมไปค่ะ ถ้าหากน้องอยากเรียนภาษาและสารสนเทศควบคู่ก็มีนะค่ะ  น้องก็เลือกเอกภาษาญี่ปุ่น แล้วโทบรรณารักษ์    ซึ่งบรรณารักษ์ก็จะหลักสูตรเนื้อหา คล้าย ๆ กับพวกคณะวารสารค่ะ 
เห็นไหมค่ะ ได้เรียนควบเลย              แต่พี่ไม่รู้ว่า มนุษย์ ที่นเรศวรจะมีบรรณารักษ์ให้เลือกเป็นวิชาโทไหม ต้องไปดูหลักสูตรดูค่ะ คุณน้อง                      แต่ไม่มั่นใจว่าสารสนเทศจะเหมือนกับวารสารไหม แต่ว่าบรรณารักษ์ก็เรียนพวกคอม ทำหนังสือ อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ
พี่เรียนมหาลัยไหนหรอคะ
อ๋อนิดนึง ค่ะ เรื่องงานทำ จริง ๆ คณะภาษากว้างมาก ๆ ค่ะ อย่างรุ่นพี่ ที่รู้จักก็เป็นทูตฟิลิปปินส์อยู่คนนึงค่ะ เรียนเอกฝรั่งเศส  โทรัฐศาสตร์  ซึ่งแบบว่า เว่อร์มาก แต่ก็ต้องนามสกุลดังด้วยนะค่ะ เพราะเรื่องทูต เส้นสายจำเป็นอยู่แล้วค่ะ      แล้วก็น้องจะออกไปทำธุรกิจหรือทำไรก็ได้นะค่ะ ได้ทุกอย่างค่ะ  บริษัท โรงงาน เอย  นักพิสูจน์อักษร นักเขียนนิยาย [ซึ่งเราจะได้เขียนนิยายอย่างถูกต้อง เพราะเราเรียนรู้วรรณคดี หรือบทกลอน หนังสืออะไรมาแล้ว]          เวลาเรียนภาษามันจะเท่ห์มาก ๆ เลยนะค่ะ ในการที่เราพูดกับเจ้าของภาษาหรือเพื่อนเราแล้วคนรอบข้างฟังเราไม่รู้เรื่อง เท่ห์ค่ะ      แถมจบไปไม่อดตายค่ะ สอนพิเศษก็ได้ เพราะยังไง เราก็มีปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต ศิลปศาสตร์ มนุษย์ ค้ำหัวเราอยู่แล้ว เด็ก ๆ ก็อยากเรียนค่ะ ภาษาญี่ปุ่น แพงมาก ๆ ด้วยนะค่ะ อย่างต่ำ ที่เขาสอนกันมีหลายราคาค่ะ แล้วแต่น้องจะกำหนด  อีกอย่างทุนประเทศญี่ปุ่นมีเยอะแยะให้สอบมากมายค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างทำงานบริษัท ญี่ปุ่น ไม่แน่เขาอาจส่งน้องไปดูงานญี่ปุ่น ซึ่งน้อง ๆ ก็จะได้ไปดูหนุ่มญี่ปุ่นที่นั่น เอ้ย!!! ดูงาน ซึ่งแบบว่า ไฮโซไหมค่ะ เที่ยวฟรี มีงานทำ  เที่ยวเมืองนอกนะค่ะน้อง  แล้วก็เราเรียนอะไรแบบนี้ ก็จะทำให้วิสัยทัศน์เรากว้างขึ้นค่ะ เราเรียนรู้ได้มากขึ้น ปิดเทอมที แทนที่เราจะมานั่งเครียดเรียนซัมเมอร์ แบบเด็กสายวิทย์ อะไรนะค่ะ เราก็ไปรับจ๊อบหาเงินเป็นไกด์ สอนพิเศษ หรือเที่ยวเมืองนอก  ทั้งWork หรือโครงการต่าง ๆ    วิสัยทัศน์กว้างขึ้นค่ะ การที่เราได้ไปเห็นในสิ่งที่ใหม่ ๆ ที่ประเทศเราไม่มี เป็นประสบการณ์ชีวิต อย่างนึงค่ะ          น้องเห็นถึงความเว่อร์ไหมค่ะ ยังไงก็ถ้าหากน้องตัดสินใจแล้ว คณะภาษาก็ยินดีต้อนรับ น้อง ๆ นะค่ะ  ลืมบอกไปค่ะ เอกไทยก็มีทุนไปเมืองนอกนะค่ะ คือประเทศอะไรค่ะ เขมร ค่ะ ขะแม อะไรนะค่ะ น้อง ๆ ก็จะได้ไปเรียนรากศัพท์ภาษาไทย คือภาษาเขมรที่นั่น  เอกไทยก็ต้องเรียนภาษาเขมรอยู่แล้ว เป็นไงค่ะ น่าเรียนไหมค่ะ น่าเรียนเป็นอย่างยิ่งค่ะ    ยังไงก็ ขอต้อนรับน้อง ๆ เข้าสู่การเป็นนางฟ้า นางอักษร นางสายสวรรค์วิมานที่สถิตอยู่บนชั้นฟ้า  เรียนคณะนี้ ผู้ชายคณะอื่นก็จะโฟกัส เราเป็นพิเศษ  อะไรนะค่ะ เดือนล้อมดาว เว่อร์ไหมค่ะ เว่อร์ ไปแล้วค่ะ แอบเพ้อไปนิดนึง  ลืมบอกไป คณะพวกนี้เป็นพื้นฐานในการจีบของผู้ชายคณะอื่นค่ะ ฮ๊า ๆๆๆๆๆๆ
จะบอกว่า อาจารย์เราก็จบจากม.น. เค้าไม่ได้ดูสถาบัน ความคิดเห็นที่ 1 คิดผิดไปหน่อยป่าว  ขึ้นอยู่ว่าเก่งป่าว ต่างหาก
อาจารย์เราก็ไปต่อที่ญี่ปุ่น เรียนจนจบด๊อกเตอร์แล้ว ตอนนี้อาจารย์เราโคตรเก่งเลย ก็จบม.น.เหมือนกานอ่ะ
อาจารย์เราอีกคนจบจุฬายังไม่ได้อะไรเลย ไม่เคยไปญี่ปุ่นด้วย จบด๊อกเตอร์รึก็เปล่า ก็สอนที่สถาบันเดียวกาน
คิดมาก ใจรักไรเรียนแม่งเลย บะบาย
ไม่ต้องกังวลนะค่ะ  ไม่ต้องจำเป็นจะต้องเรียนคณะภาษาที่แบบดัง ๆ ตาม ค. 1 บอกหรอกค่ะ ไม่จำเป็นเลย ว่าต้องเรียนจุฬาฯ มธ เกษตรฯ สามที่นี้หรอกค่ะ  เรียนที่มนุษย์ นเรศวรก็ทำให้เราเป็นที่ 1 ได้ อย่าง นเรศวร เท่าที่ดู ก็มีภาษาพม่าให้เรียนด้วย แปลกดีค่ะ  หรือน้องจะลองแอดมิชชั่นดูก่อนก็ได้นะค่ะ เพราะรอบตรง เราจะมาเลือกอีกทีก็ได้ค่ะ      ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ทำให้เราเป็น นัมเบอร์วันได้ค่ะ ถ้าเรามั่นใจ ไม่เห็นจำเป็น ไร้สาระ ต้องเรียนสามที่ที่ กล่าวไว้เลย ฉั้นเรียนศิลปากร ทับแก้ว บ้านนอก ๆ แต่ภาษาและทักษะก็ไม่แพ้คนอื่นยะ  ถ้าฉั้นมั่นใจว่าเราเก่งซะอย่าง เรียนภาษาต้องมั่นใจมาก ๆ นะค่ะ  อย่างอาจารย์วันชัย ที่สอนญี่ปุ่น ที่นี่ก็เว่อร์อยู่นะค่ะ แต่งดิกชันนารี ภาษาญี่ปุ่นค่ะ ที่น้อง ๆ เปิด ๆ อยู่ยังไงค่ะ วันชัย แต่งดิ๊กค่ะ        พี่เชื่อนะค่ะ ว่า ไม่ว่ามหาลัยไหน ๆ ก็สามารถบ่มเพาะให้เราเป็น นัมเบอร์วัน ที่ 1 ได้ค่ะ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ดูหลักสูตรด้วยนะค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กัน แค่เปลี่ยนที่เรียนเท่านั้นเองค่ะ      ตรรกะที่คุณความเห็นที่ 1 พูดมาว่าต้องเรียน ม ดัง ๆ อย่าง จุฬา มธ เกษตร เจ้ไม่เห็นด้วยนะค่ะ เพราะนเรศวร ขอนแก่น มช ศิลปากรทับแก้ว ท่าพระ ม.อ. แม่ฟ้าหลวง มหิดล ฯลฯ ก็สามารถเป็นนัมเบอร์วันได้ทั้งนั้นค่ะ ยังไงก็ภาษาเหมือนกัน  ยังไงก็ยินดีต้อนรับอีกครั้งนึงค่ะ นางฟ้ามนุษย์ นเรศวร!! (ถ้าเลือกนะ)  รู้สึกว่าเพ้อไปอีกแล้ว ไปดีกว่า
คณะทางด้านภาษาญี่ปุ่น ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ..ถือเป็นภาษาที่ 3 ที่สำคัญมากๆ เพื่อน พี่ลาเต้ เองจบด้านนี้มา ตอนนี้ไปเป็นครู สอนวิชาภาษาญี่ปุ่น ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งครับ..น่าสนุกดี เจอกันทีไรแอบมาเล่าวีรกรรมของเด็กบ่อยๆ
เวลาเปรียบเทียบสถาบัน มักจะมีการลาก จุฬา เข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ ทั้งที่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
ว้าว
เพื่อนสาวเราก็ติด มน
ญี่ปุ่น
เราว่า ความคิดเห็นที่ 1 เขาไม่น่าจะเรียนจุฬานะ แต่ไม่รู้ว่าเขาเรียนที่ไหน ถ้าให้เดา ไม่ก็เกษตรหรือไม่ก็ มธ นี่แหละนะ  ประมาณว่าเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น    ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยนะ
ก็ไม่รู้อ่านะ เผลอๆ อาจเป็นศิลปากร มศว เชียงใหม่ ขอนแก่น รามก็ได้ ไปเดาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่มีอะไรมาอ้างอิง ระวังตัวไว้บ้างเหอะ
เรื่องการเรียนภาษา...อืม...ยังไงดีอ่ะ ก็ มันอยู่ที่คนนะ ถ้าไม่ขยัน ไม่ฝึกคัด ฟังพูดอ่านเขียน มันก็ไม่รอดหรอก อย่างเกิดฟลุ๊กติด จุฬา ธรรมศาสตร์เข้าไปแต่โง่คันจิ ก็ไม่รอด เพราะเค้าเรียนกันหนัก เดี๋ยวก็ได้เด้งออกมาเอง ถ้าไม่ขยันนะ
และการที่เค้าเอาสถาบันมาอ้างอิง อย่างเวลาเปรียบเทียบเนี่ย จุฬาโดนทุกที ก็เพราะมันเห็นภาพได้ง่าย เพราะเด็กเค้าแน่นจริง วัตถุดิบดี มีแต่คนขยันๆ เก่งๆ ถึงจะเรียนๆ เล่นๆ ก็เหอะ มันก็ไม่แปลกที่เค้าจะอ้างถึง
ส่วนใหญ่เอกภาษาญี่ปุ่นที่เค้ามองว่าเก่งๆ ก็อักษร จุฬา (7872.50) ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ (7580) อย่าง 2 ที่นี่ใช้โอเน็ท ไทย สังคม อังกิด เอเน็ท ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น      --- มนุษย์ ญี่ปุ่น เกษตร (7535) อักษร ศิลปากร (7206.25) (ใช้โอเน็ท ไทย สังคม อังกฤษ เหมือนกัน ส่วนเอเน็ท ใช้แค่ญี่ปุ่นเลย ไม่มีไทย สังคมมากด (คะแนนในวงเล็บคือคะแนนต่ำสุดปี 51 ซึ่งเรียงตามคะแนนต่ำสุดที่มากสุดลงมา source- cuas.or.th)
แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนก็เก่งได้แหละ ต้องฝึกใช้ฝึกพูดบ่อยๆ และยิ่งภาษาญี่ปุ่น เค้าก็ไม่ได้มาดูมหาวิยาลัยมากมายหรอก เค้าดูที่สอบวัดระดับ JPLT ถึงจะเรียน มน แต่ถ้าสอบได้ระดับ 1 นี่ ก็หักหน้าพวกคณะข้างบนที่ยังได้แค่ระดับ 3 ได้ตั้งหลายคน
สู้ๆ นะจ๊ะ
ไม่ต้องอ้างถึง ม ศิลปากร ทับแก้วของฉั้นก็ได้นะยะ ศิลปากรที่ไหนจะไปชม มหาลัยชาวบ้าน  ทั้งที่คณะภาษาตัวเองก็มีอยู่ให้เรียน แถมยังตั้งมเนิ่นนานกว่า บาง มหาลัย แต่แค่อยู่ในกทม.  ใครอยากจะเรียงอันดับ ห่าเหวอะไรก็เรียงไป  ไม่ต้องมาเอ่ยถึงมหาลัยฉั้นหรอกนะ เพราะมหาลัยฉั้นอยู่เหนือการเมืองยะ แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาเอ่ยถึง ดินแดนแห่งศิลปะ ไม่ข้องเกี่ยวกับใครทั้งนั้น เราโลกส่วนตัวสูงยะ  เกษตรคะแนนสูงจริง ๆ  แต่ฉั้นก็ไม่เคยมองด้วยซ้ำ แต่ได้ข่าวว่ารับแค่  25 คนไม่ใช่เหรอ  ศิลปากร ที่คะแนนคนสอบญี่ปุ่นไม่สูงเพราะ ปีนั้นภาษาไทยมันเฟ้อ สามารถเลือกเข้ามาได้ คนส่วนใหญ่ก็เลือกไทยกันเข้ามา  เทียบกันจริง ๆ ต้องดูภาพรวม เพราะคนที่เลือกสอบอย่างอื่นที่ศิลปากร ก็สามารถเลือกเรียนญี่ปุ่นได้คือเลือกเอกปีสองเทอมสอง  ไม่ใช่จำกัดเฉพาะเป็นเอก ๆ ไปแบบเกษตร  แล้วอักษรศิลปากร ก็พึ่งมาขาลงเมื่อสี่ห้าปี เพราะเนื่องจากรับเยอะเหลือเกิน ปีนึง 6-7 ร้อย จากเดิมห้า หก ปีที่แล้ว รับเพียงแค่ 100 กว่าคนนิด ๆ เท่านั้น รับเพิ่มมากถึงหลายเท่าตัวด้วยกัน ก็ไม่แปลก ที่คะแนนมันจะต่ำ    แล้วอีกอย่างคนที่เข้ามากันทั้งหมด มีเอกทั้งสังคม ปรัชญา ซึ่งไปดูบางมหาลัย แบบเลือกตรงเข้าไปเลย คะแนนต่ำด้วยซ้ำ    แนะนำว่าให้มองที่หลักสูตร ภาพรวมดีกว่า        นี่ถ้าท่าพระมีที่ดินเยอะกว่านี้ หรือทุกคณะ ตั้งกันที่ กทม .  คะแนนก็อาจดีกว่านี้ เพราะเด็กสมัยนี้วัตถุนิยม ไม่อยากออกไปไกล กลัวความลำบาก แต่ฉั้นก็ชอบอากาศอะไรที่นี่นะ เราหนีความวุ่ยวายมา แต่จริง ๆ คือ ไม่มีที่ดินพอที่จะสร้าง ทำให้สร้างคณะล่าช้า กว่า มธ        ส่วน คุณ ค.13 คุณค่ะ ไม่ต้องมาเอ่ยถึงศิลปากร ก็ได้นะค่ะ เพราะไม่ได้อยู่ในประเด็น
ถ้าเทียบระหว่างภาพรวม ศิลปากร คะแนนต่ำสุดเฉลี่ยแล้ว 7200 ขึ้นไป ทุกเอก ทุกสาขา  3-4 ร้อยคน      แต่เกษตร สูงเป็นบางเอกเท่านั้น อย่างบางเอก เช่น  มนุษย์เยอรมัน ก็คะแนนแค่ 5700 เท่านั้น  ปรัชญาก็อยู่ที่ 5600  สาขาฝรั่งเศส ก็แค่ 6100  ส่วนเอกอื่น ๆ ก็มีตั้งแต่ 6600 ถึง 6800      แต่บางเอกจะคะแนนสูงหน่อย เช่นเอกอิ้งค์ คือ 7500 เป็นอย่างนี้เพราะว่า  ใคร ๆ ก็อยากเรียนเอกภาษาอังกฤษกัน แล้วอีกอย่างรับแค่ 40 คนเท่านั้นเอง  แบบแยกเอกแล้ว คะแนนจึงสูง เพราะคนที่ไม่อยากจะไปแข่งขันต่อก็มักจะเลือกที่นี่ แล้วอีกอย่างอยู่ในตัวกทม. คนเลยสนใจเป็นพิเศษสำหรับเด็กที่ไม่อยากออกนอก กทม.
แต่ฉั้นก็เห็นด้วยกับคนที่บอกว่า  เรียนที่ไหนไม่สำคัญนะ  ฉั้นว่าคะแนนมันบ่งบอกอะไรไม่ได้หรอก บ่งบอกได้เฉพาะตอนที่เข้ามา แต่ใช่ว่าเวลาเรียนแล้ว จะขยันได้เท่ากัน ส่วนใหญ่เด็กเรียนเก่งแพ้เด็กขยันนะ    อย่างตอนเอนท์ทรานซ์ คะแนนของฉั้นห่างกันเพื่อนที่ติดจุฬาแค่ไม่กี่คะแนนเอง    แต่ถ้าดูภาพรวม ไม่บวกจีพีเอแล้ว ฉั้นชนะเขาด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวนี้ดันเอาคะแนน จีพีเอ ตั้ง 30 % แหน่ะ ซึ่งเสียเปรียบพวกสายศิลป์มาก ๆ        ฉั้นว่าเวลาเลือกมหาลัยดูที่ว่าเราสะดวกหรือว่าชอบที่จะอยู่ที่ไหน ชอบหลักสูตรที่ไหนมากกว่ากันดีกว่า เพราะแต่ละที่เน้นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่ใช่จะเหมือนกันทุกอย่าง    ชอบ มนั้น ก็เรียน ม นั้นไป ชอบ ม นี้ ก็เรียน ม นี้ เออชอบค่าเทอมถูกดี ชอบบรรยากาศ เบื่อกทม รถติด วุ่นวาย ก็เลือ กตจว หรืออยู่ ตจว แต่ เฮ้ย อยากเปรี้ยวในกทม ชอบแสงสี ความวุ่นวายก็เลือกไป  อะไรประมาณนี้ดีกว่า                ฉั้นคิดว่าเวลาจะวัด วัดกันตอนเรียนจบเลยดีกว่า ว่าใครมันจะดีกว่าใคร          ส่วนขอคอนเฟิร์มว่า ค. 1 ไม่ใช่ศิลปากร แน่นอน เพราะ ที่นี่ไม่ได้สอนให้ดูถูกมหาลัยอื่น (ถ้าไม่เริ่มก่อน แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่เฉย ๆ ไม่ตอบโต้ค่ะ)
สมัยนี้เด็กเขาเลือกเรียนมหาลัยที่สถาบันแล้วเหรอคับ
ประเทศชาติจะเป็นยังไงน้อ...
ก็เป็นแบบนี้แหละ คห.17 คือมันก็ไม่แปลกอ่านะที่เด็กมันจะเลือกสถาบันด้วย หลักๆเลยเพราะคะแนนถึง!!! หรือเพราะฟังดูดีก็ส่วนหนึ่ง หรือเพราะติดรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ดูอย่าง มนุษย์ เกษตร กับ มนุษย์ มศว สิ มนุษย์เกษตรเองก็ไม่ได้เด่นดังอะไรด้านภาษามากมาย เพราะเกษตรเค้าเน้นด้านวิทย์มากกว่า แต่ไม่กี่ปีมานี้บูมมาก โดยเฉพาะอิ้งค์ อาจเพราะเอาอังกฤษยื่นคะแนนเอเน็ทเข้าได้ทั้งวิทย์ทั้งศิลป์ เลยวัดๆ กันไปเลย ไม่เกี่ยงใครจะวิทย์จะศิลป์ อีกทั้งก็อยู่ในตัวเมือง บางเขนแถวนั้นก็มีเซนทรัลลาดพร้าว จตุจักร เจริญดี อาจารย์ก็อยากมาสมัครสอนที่นี่เพราะมันเดินทางสะดวก เพราะมีอาจารย์มาสมัครเยอะก็สามารถเลือกได้ สกรีนได้ เด็กก็อยากมาเรียน มันก็เป็นอะไรแบบนี้...สวนทางกับ มนุษย์ มศว เลย ตรงกันข้าม เดี๋ยวนี้คะแนนกลับลดฮวบแบบ ห้าพันกว่าๆ บางเอกก็ติด เพราะตั้งแต่ปี 1 ย้ายไปองครักษ์ ถ้าใจไม่รักจริงเด็กก็เซย์โนอ่านะ นี่แค่แบบอยู่ในแถบชานเมืองนะ ลองดูที่ไกลๆ อย่าง มอ. ปัตตานีโน่นสิ บางเอกแทบจะปิด ก็ว่าใกลบ้าง เป็นห่วงชีวิตบ้าง คะแนนบางเอกก็แบบ สามสี่พัน แต่ก็จะว่าอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนย่อมรักตัวเองแหละ ถ้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ก็เลือก ส่วนศิลปศาสตร์ มธ หรืออักษร ศิลปากร อันนี้ส่วนใหญ่เป็นคณะพวกที่รองรับพวกเลือกอักษร จุฬาอันดับ 1 แต่ไม่ติด แต่ก่อนศิลปศาสตร์ มธ. สมัยที่เค้ายังเรียนที่ท่าพระจันทร์คนก็เลือกเยอะ เพราะอยู่ติดแหล่งชุมชน เดินทางสะดวกทั้งรถทั้งเรือ ของกินเยอะ ตั้งแต่เค้าระเห็จไปศูนย์รังสิตก็มีแผ่วๆ ลงบ้าง สู้เลือกในเมืองอย่างเกษตรไม่ดีกว่าหรอ แต่สามที่อย่าง จุฬา มธ. ศิลปากร อันนี้ของเค้าก็ดีจริง ต่อให้ย้ายไปไกล เด็กเก่งๆยังนิยมเลือก คะแนนก็สูงเหมือนเดิม ยิ่งเดี๋ยวนี้เดินทางก็ไม่ลำบากอะไร ทั้งรถตู้ รถเมล์ เลือกสถานที่เลยไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เว้นแต่พ่อแม่หัวเก่าๆ หรือรักลูกมากๆ ไม่อยากให้อยู่หอนั่นแหละ
ถ้าเวลาเลือกคณะ สาขาวิชาก็ดูที่แบบที่อยากเรียนละกันนะ แบบนี้แหละดีที่สุด
ขอโทษนะคะ คือที่หนูมาถามเนี่ย
เกี่ยวกับคณะค่ะ ว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร
หนูไม่เคยพูดถึงการเปรียบเทียบมหาวิทยาลัยเลยค่ะ
บริษัทพ่อเรา
จบ เอก ญี่ปุ่น
เงินเดือน 15,000 - 20,000 บาท
แต่ต้องสอบอังกฤษด้วยอ่ะ
ก็นั่นมันบริษัท พ่อเธอ แต่ถ้าบริษัท ญี่ปุ่น น่าจะเงินเดือนเยอะกว่านี้ หมายถึง ของคนญี่ปุ่นนะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?