Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โลมาขอถามความเห็นเรื่อง Spoil Fic (วรรณกรรมแนวยั่วล้อ และ แนวว่ากระทบ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



       เชื่อว่าเพื่อนๆนักเขียนทุกๆคนคงจะคุ้นเคยกับนวนิยายแนว ฟิค หรือ แฟนฟิค ที่เขียนเรื่องของคนอื่นที่ตนเองชอบหรือประทับใจกันมาแล้ว 
      และก็คงจะทั้งปวดหัวและระแวงกับการโดนก๊อบโดนลอกมาพอตัวกันแล้วทุกๆคนเช่นกัน
      แต่เราก็อุ่นใจได้ว่า นิยายฟิค ถึงจะได้ตีพิมพ์แต่เขาก็เครดิตให้เรา ให้เกียรติเรา ช่วยสนับสนุนเรา  ส่วนเรื่องการลอก แน่นอนมีกฎหมายลิขสิทธิ์เป็นตัวรอลงทัณฑ์อยู่แล้ว

      ทว่าเพื่อนๆรู้จักวรรณกรรมอีกแนวหนึ่งซึ่งมีมานานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นแล้ว และเป็นวรรณกรรมประเภทที่ทำให้นักเขียนทุกยุค ทุกสมัย รำคาญและแสยงใจว่าผลงานของตนจะถูกกระทำไหม บ้างรึเปล่าครับ

       วรรณกรรมแนวนั้นก็คือ แนวสปอย (Spoil fic) หรือที่ไทยเราเรียก แนวยั่วล้อ หรือแนวว่ากระทบ ซึ่งดอลฟินจะขอเรียกรวมๆว่า แนวสปอย
       แนวสปอยเป็นยังไง ก็ตามชื่อแหละครับ คือคนที่จะเขียนสปอย แทนที่จะสปอยด้วยการเขียนบทความวิจารณ์ หรือเสวนาวิจารณ์ เขากลับลอกงานของคนที่เขาจะสปอยไปบางส่วนหรือทั้งหมด แล้วแต่ออกมาให้ดีกว่าเดิมบ้าง หรือยำจนแย่กว่าเดิมบ้าง หรือแต่งไปสปอยไปบ้าง (แน่นอนไม่ว่าจะแต่งแบบไหน ผลที่ออกมาคือ งานของเราโดนอัดฟรีๆแน่นอน แต่จะมากจะน้อยขึ้นกับคนเขียนสปอยผู้นั้น)
        ซึ่งระดับของการสปอย ทางทฤษฎีวรรณคดีไทย แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
    1. แนวยั่วล้อ (ปัจจุบันน่าจะเรียกว่าแนวยำ) คือไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แค่ทำประมาณว่าหยิกแกมหยอก ซึ่ง ตัวอย่างที่พบในอดีต ก็ได้แก่ ระเด่นลันได ที่ล้อเรื่องอิเหนา และ พระมะเหลเถไถ ซึ่งล้อเรื่องอิเหนาอีกเช่นกัน และที่โด่งดังเรื่องหนึ่ง คือ อุณรุทร้อยเรื่อง ของคุณสุวรรณ ซึ่งยำวรรณคดีไทยรุ่นก่อนๆเกือบทุกเรื่องในเรื่องเดียว ในทำนองตลกแบบยั่วล้อ ซึ่งก็ไม่มีใครวิจารณ์อะไร และวรรณกรรมยั่วล้อเหล่านั้น ก็ได้รับการยอมรับจากวรรณคดีสโมสร ให้อยู่ในแนวยั่วล้อและว่ากระทบ และมีให้เด็ก ม. ปลาย เรียนมาจนถึงสมัยผม (สมัยนี้ก็อาจจะยังเรียนอยู่)  
       และปัจจุบันแนวสปอยแบบยั่วล้อก็ยังแพร่หลายอยู่ทั่วโลก หากเปลี่ยนจากในงานเขียนเป็นบนแผ่นฟิล์มแทน ซึ่งของไทยก็ได้แก่
       พวกหนังตลกที่ล้อหนังดังต่างๆ หากเอาตลกมาเล่นแทน ได้แก่ กำจัดจุดอ่อน (ที่ล้อรายการกำจัดจุดอ่อนของจริงที่ยุบไปแล้ว โดยเอาคุณธงธง มกจ๊ก มาเล่นแทน อ กฤตติกา) ผีหัวขาด ที่ล้อเรื่องผีหัวขาด ซึ่งคุณต๊ะ ฌานิช เล่น แต่เอาทีมตลกมาเล่นแทน เป็นต้น
       และของนอกที่เรารู้จักกันดีก็ ได้แก่ 
       ซีรี่ย์ชุด Scary Movie ( มีทั้งหมด 4 ภาคแล้วมั้ง ) ซึ่งเอาหนังผีและสยองขวัญ อย่าง saw , summer สยองต้องหวีด , ฉันรู้ว่าเธอทำอะไรในปิดเทอมปีที่แล้ว , เอ็กโซซิส . ไซเลน ฮิล , เดอะ ริง , เดอะ กรูซ ฯลฯ มายำจนคนดูฮาตรึมแบบหมดสิ้นซึ่งความน่ากลัว (ซึ่งขณะที่คนดูกำลังฮากันนั้น ไม่ทราบว่าคนเขียนบทหนังผีและหนังสยองซึ่งเป็นต้นแบบนั้น จะฮาไปด้วยไหม เพราะถึงเป็นการยั่วล้อแบบหยิกแกมหยอก แต่สิ่งที่ออกมาคือ ผลงานแนว Horror หรือ Thriller ที่พวกเขาคิดแทบเป็นแทบตาย จะให้คนดูผวาและหลอนไปจนออกจากโรงไปแล้วยังไม่เลิกหลอน ถูกเปลี่ยนเป็นแนวตลก ชนิดที่คนไม่ดู saw เพระรับไม่ได้กับความโหด มาดู Spoil Fic ของ saw  แล้วขำฮากลิ้ง และไปบอกต่อคนใกล้ชิดว่า ไม่ต้องดู saw หรอกน่ากลัว ดู สปอย ของ saw ใน Scary Movie ดีกว่า ได้หัวเราะ + ช่วยบริหารจิตให้แจ่มใส มีประโยชน์กว่าเยอะ...) 
       และหลังจากยำหนังสยองไปแล้ว ทีมงานก็หันมายำหนังฮีโร่แทน ซึ่งที่วางแผงอยู่ตอนนี้ก็คือ แมลงปอแมน ฮีโร่ซูเปอร์รั่ว ซึ่งยำเรื่อง สไปเดอร์ แมน และ หยอก เรื่อง X men นิดๆ 

  2. แนวว่ากระทบ แนวนี้คือแนวสปอยของจริงเลยครับ แบบไม่มีความเกรงใจกันเลย ก่อนแต่งคนเขียนอาจจะให้ข่าว เป็นการกล่าวนำแต่ต้นว่า ผมจะสปอยเรื่องนี้.... (ชื่อเรื่อง) และจะทำให้ดีกว่าด้วย หรือ และจะชี้ให้ทุกท่านเห็นถึงจุดบกพร่องของนักเขียนผู้นี้....(เจ้าของเรื่องที่ถูกสปอย)  แล้วก็แต่งออกมาแบบแนวยั่วล้อ คือ มีเนื้อหาและโครงเรื่องที่ถอดจากเรื่องต้นแบบที่เป็นเป้าหมายสปอยออกมาเลย (สามารถนำตัวละครของเรื่องเดิมและโครงเรื่องเดิมมาใช้ได้อย่างอิสระ)  แต่ผู้แต่งสปอยจะแต่งให้ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วเกทับ หรือแต่งไปวิจารณ์จุดบกพร่องของอีกฝ่ายไป หรือจะแต่งให้ตัวละครทำอะไรที่ตรงข้ามกับเรื่องเดิม แต่ผลออกมาดีกว่า เช่น เรื่อง ความไม่พยาบาท ที่ครูเหลี่ยม แต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก เรื่องความพยาบาทของแม่วัน ซึ่งเป็น นวนิยายเล่มแรกของไทย ซึ่งมีเนื้อหาโหดร้ายปลูกฝังเรื่องความพยาบาท ให้ตัวเอกของเรื่อง (ความไม่พยาบาท) ทำอะไรๆที่ตรงข้ามกับเรื่องต้นแบบ (ความพยาบาท) คือพอนางเอก ซึ่งเป็นคนหักหลังพระเอก ตกภาวะจนตรอกแล้ว (ในเรื่องความพยาบาท พระเอกล้างแค้นสำเร็จ คือชู้ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนรักตาย ส่วนนางเอกเสียสติแล้วถูกหินทับตาย)  แต่ในความไม่พยาบาท แทนที่พระเอกจะซ้ำจนบ้าแล้วฆ่า พระเอกกลับดีด้วย จนนางเอกกลับใจได้แล้วมาคืนดีกัน  ซึ่งเรื่องความไม่พยาบาทก็ได้รับการยอมรับจากวรรณคดีสโมสร เช่นกัน และได้รับการตีพิมพ์ออกมา หากไม่โด่งดังเท่า ความพยาบาท 
   และในปัจจุบัน ฟิคสปอย แนวว่ากระทบก็ยังมีอยู่บ้าง แม้จะไม่มากเท่าแนวยั่วล้อ แต่ถ้าใครเจอว่ากระทบไป ไม่เป๋หรือเสียความรู้สึกก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะลักษณะของแนวว่ากระทบมีจุดเด่น คือ ผู้เขียนสามารถประกาศแต่ต้นได้ว่า จะสปอยหรือกระทบเรื่องอะไรของใคร โดยไม่โดนกฏหมายลิขสิทธิ์เล่นงาน เพราะวรรณกรรมแนวยั่วล้อและว่ากระทบได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ในประเภทของวรรณกรรมมาแต่โบราณแล้ว (แม้ว่าเหตุผลของครูรุ่นเก่าจะบอกว่า เขาติเพื่อก่อ เราต้องใจกว้างรับฟังคำติชมของเพื่อนมนุษย์ได้  ซึ่งปัจจุบันวัตถุประสงค์การแต่งแนวสปอย จะไม่ได้เป็นตามนั้น 100 % แล้วก็ตาม) 
    ตัวอย่าง ของแนวว่ากระทบ ในปัจจุบัน ได้แก่ 
1. ของต่างประเทศ

 1.1 Godzilla ภาคต้นแบบของโตโฮ (ญี่ปุ่น) ภาค 13 มอนสเตอร์ ซึ่งนำก๊อดซิลล่ากลับมาอัดกับมอนสเตอร์ 13 ตัว ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ก๊อดซิลล่าของอเมริกัน ซึ่งทางอเมริกาเคยขอคาแรกเตอร์ก๊อดซิลล่าไปใช้ แล้วทำออกมาไม่ดีเท่าต้นแบบ แถมทำให้ภาพพจน์ของก๊อดซิลล่ากว่า 40 ปีของโตโฮด่างพร้อย ทางโตโฮจึงเขียนบทให้ ก๊อดซิลล่าอเมริกาออกมาสู้กับก๊อดซิลล่าญี่ปุ่น แล้วโดนก๊อดซิลล่าญี่ปุ่นอัดตายในชอตเดียว 

    1.2 Godzilla ของโตโฮ ตอน คิงคองปะทะก๊อดซิลล่า ซึ่งทางโตโฮได้นำ ตัวละคร คิงคอง ของอเมริกา (RKO Radio Pictures) มาสู้กับก๊อดซิลล่า (มีฉากนางเอกโดนคิงคองจับในมือเหมือนกันเปี๊ยบ) ซึ่งก็แน่นอนคิงคองเจอก๊อดซิลล่าอัดเละจนต้องว่ายน้ำหนีข้ามทวีปกลับไปตามระเบียบ ซึ่งหากเดาจุดประสงค์ของการทำภาคนี้ น่าจะมี 2 ประการ  คือ โตโฮ ต้องการแสดงศักยภาพของตนว่า สัตว์ประหลาดของตนดีกว่าและเก่งกว่าของอเมริกา ประการหนึ่ง และโจมตีชาวอเมริกาที่เอะอะอะไรก็ใช้แต่อาวุธสงคราม ประการหนึ่ง  เพราะในเรื่องคิงคองปะทะก๊อดซิลล่านั้น ชาวญี่ปุ่นซึ่งเกิดไอเดียว่าน่าจะจับคิงคองมาปราบก๊อดซิลล่า ได้ตัวคิงคองมาโดยไม่ต้องใช้อาวุธ เนื่องจากใช้กลยุทธมอมคิงคองให้หลับแทน และตอนจบคิงคองก็ไม่ตาย แค่หนีก๊อดซิลล่าไป ส่วนของต้นแบบคิงคองตาย... 

    1.3 -1.4 แฟรงเกนสไตน์ปะทะบารากอน และแฟรงเกนสไตน์ปะทะไกล่า 
งาน 2 ชิ้นนี้ก็ของ โตโฮ เช่นกันครับ  และแน่นอนเป้ามหายของการสปอยคือ นวนิยายแฟรงเกนสไตล์และหนังแฟรงเกนสไตล์ของฝรั่ง ซึ่งเนื้อหาต้นแบบแฟรงเกนสไตล์นั้นถูกผู้คนรังเกียจ จึงได้ฆ่าผู้คนแล้วหนีหายไปในขั้วโลก  แต่ในของโตโฮ นางเอกซึ่งเป็นนักวิจัยสาวสวยของ G force ได้พบแฟรงเกนสไตล์ และให้ความอาทรแก่แฟรงเกนฯ โดยไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของแฟรงเกนฯ และไม่สนใจคำครหาของผู้คนรอบข้าง จนสุดท้ายแฟรงเกนฯตัดสินใจตีจากนางเอกไปเสียเอง เพราะไม่อยากให้นางเอกถูกผู้คนรังเกียจไปด้วย  และนางเอกก็ออกตามหาแฟรงเกนฯด้วยความเป็นห่วง เพราะขณะนั้นสัตว์ประหลาดบารากอนกำลังออกอาละวาดพอดี (นางเอกต้องการแก้หน้าให้แฟรงเกนฯด้วย เพราะรู้ว่าคนร้ายที่สังหารผู้คนตัวจริงคือบารากอนไม่ใช่แฟรงเกนฯ) และเมื่อนางเอกต้องเผชิญหน้ากับบารากอน แฟรงเกนฯก็มาช่วยนางเอกและสังหารบารากอนให้ ก่อนจะหนีหายสาบสูญไปอีก  จนกระทั่งไกล่าเข้ามาอาละวาดในภาคต่อมา (เป็นภาคเปิดตัวรถถังเมเซอร์แทงค์ ซึ่งต่อมาใช้ยิงก๊อดซิลล่าและถูกก๊อดซิลล่าเหยียบพังตลอดอีกด้วย) ในขณะที่นางเอกจะถูกไกล่าทำร้าย แฟรงเกนสไตน์ ซึ่งได้ชื่อจาก G force หลังเหตุการณ์ปะทะกับบารากอนว่า Thunder ก็มาช่วยนางเอกอีก จนพระเอกแซวว่า \" เจ้าตุ๊กตาหมีตัวนั้นมาช่วยคุณอีกแล้วนะ \" และพอจัดการไกล่าได้ แฟรงเกนฯก็หายไปอีก และก็ไม่กลับมาอีกเลย...

       แน่นอนว่าภาพยนตร์สัตว์ประหลาดทั้ง 2 เรื่องนั้น ไม่ได้โจมตีเรื่องแฟรงแกนสไตน์ของฝรั่งโดยตรง แต่เนื้อหาของเรื่องที่หักมุมไปจนดีกว่าเดิม ทำให้ผู้ชมได้รับความประทับใจจากมิตรภาพของนางเอกที่มีต่อแฟรงเกนฯ อันมีชัยชนะเหนือกำแพงของคำว่า เผ่าพันธุ์ ความกลัว และรูปลักษณ์ภายนอก ไปได้ รวมถึงเนื้อหาที่ปลูกฝังให้ผู้ชมส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเยาวชน ได้รับแนวคิดเรื่องการไม่ดูคนแต่ภายนอกไป  ก็ทำให้แฟรงเกนสไตน์ของโตโฮ ได้คะแนนจากผู้ชมไปในด้านบวกมากกว่าแฟรงเกนฯ ฉบับต้นแบบมากมาย 

2. ของไทย
แนวว่ากระทบของไทย ในสมัยเก่าไม่ค่อยปรากฏ (จะพบเเนวยั่วล้อเป็นส่วนใหญ่) อาจเป็นเพราะคนไทยดั้งเดิมมีนิสัยไม่ชอบวิวาทกันโดยไม่จำเป็น แต่ชอบยั่วล้อเชิงหยิกแกมหยอกมากกว่าก็เป็นได้ แต่ที่ปรากฏในอดีต - ปัจจุบัน ได้แก่

  1. ภาพยนตร์อภินิหารเรื่อง ศึกยักษ์วัดแจ้ง  วัดโพธิ์ ซึ่งมีเนื้อหาให้ยักษ์วัดแจ้ง กับ วัดโพธิ์ฟื้นมาสู้กันจนท่าเกือบเตียนอีกครั้ง แต่นางเอกซึ่งมีวิชาอาคม กับพรรคพวกก็สามารถสะกดยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ ได้อีกครั้ง ซึ่งหากจับใจความสำคัญก็น่าจะเป็นว่า ยักษ์วัดแจ้ง - วัดโพธิ์จะมีฤทธิ์ใหญ่โตแค่ไหน ก็เป็นเพียงรูปปั้นที่มนุษย์สร้างขึ้น ถึงจะมาอาละวาดได้จริง ก็ไม่มีทางสู้มนุษย์ที่มีสมองและปัญญาได้

 2. เดี่ยว ไมโครโฟน ของคุณโน้ต อุดม ภาคต่างๆ เช่น เดี่ยว 7 ซึ่งยำ การเต้นแรป มาเป็นวัฒนธรรมการไถนาของไทยไป จนผู้ชมทุกระดับฮากันกลิ้ง แต่พวกแรบโย่ว จะฮากลิ้งด้วยไหมอีกเรื่องหนึ่ง...

  ซึ่งจากตัวอย่างเรื่องราวของงานเขียน วรรณกรรม และภาพยนตร์แนวสปอยต่างๆ ที่ดอลฟินยกมา ก็เพื่ออยากจะถามเพื่อนๆว่า คิดอย่างไรกับแนวนี้ และถ้าสักวันหนึ่ง งานของเพื่อนเราคนใดคนหนึ่งหรือตัวเรา ถูกสปอยขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแนวยั่วล้อ หรือว่ากระทบ หรือเกทับ ตรงๆ เพื่อนๆจะทำอย่างไร ในเมื่องานแนวนี้ได้รับการยอมรับให้สามารถเผยแพร่สู่สาธารณชนได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการลอก (แต่เป็นการสปอย...)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ธันวาคม 2551 / 12:08
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 28 ธันวาคม 2551 / 22:06

แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

Boonmaza 28 ธ.ค. 51 เวลา 12:28 น. 1

ง่า ลอกของเราไปสปอยแล้วยังตีพิมพ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมายอีกเรอะ ขี้โกงอะ

0
จักรพรรดิ_หน่อง 28 ธ.ค. 51 เวลา 12:33 น. 2

แฟนหนังสัตว์ประหลาดของ TOHO หรือนี่ ผมน่ะอยากดูภาค 13 Monster มากเลย
(ดูใน Youtube ซะใจจริงๆ โกจิร่า ของผม อัด มะกันก็อด ซะลิ้นจุกปาก)

ส่วน คิงคอง พอมาทำภาคฮอลลี่วู้ดรีเมค
ก็มีฉากเจอไดโนเสาร์ยักษ์แน่นอนมันคือโกจิร่าของผม (โดนอัดเละ)
ช่างเป็นการกระทบกระทั่งกันแบบซะใจคนดู ... อะไรประมาณนั้น

แนวยั่วล้อนี่ - Scary Movies / Super Heroes Movie / Disaster Movie
ที่คนไทยเอามาแปลชื่อมั่วๆไปนิด

ผมชอบนะครับ หลายๆเรื่องฮาแตก ตอนนี้มี ยำข่าวฯ ก็ตลกดี
ส่วน Spoil Fic. อันนี้ต้องยอมรับจริงๆครับว่าละเอียดอ่อนนะครับ

การเอาเรื่องหนึ่งมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นงานชั้นหนึ่ง ...
มองเป็น Dirty Joke ก็ได้ มองเป็น Alternative thinking ก็ได้

ซึ่งปัจุบัน มีหลายวงการทำกัน เพลงก็มีนะ เพลงแก้ ขอนไม้กับเรือ(ใช่ไหมนะ)
ที่ก็ถูกเอามาแต่งเป็นอีกเพลงนึง

อะไรทำนองนี้ครับ ผมเองก็เห็นสังคมเรา เอาเรื่องพวกนี้มาสอดแทรกไม่ใช่เพียงวรรณกรรมแต่เป็น
ทั้งงานศิลปะ ศาสตร์ หรือแม้แต่ การเมือง ศาสนา ...

ถ้าหากมันไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายก็ดีครับ
ขอเพียงอย่าก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งจนบาดหมางกันเลย ดีที่สุดครบ

ปล. ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่มีสาระประโยชน์ครับ

0
GINSEI 28 ธ.ค. 51 เวลา 19:13 น. 4

เป็นแนวที่เราชอบเลยล่ะ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ธันวาคม 2551 / 19:15

PS.  คนที่ไม่เคยผิดพลาด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
0
Deta 28 ธ.ค. 51 เวลา 19:33 น. 5

*-*
มันก็แล้วแต่ล่ะนะ
แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบแนวของสแกรี่มูฟวี่เท่าไหร่ (ดูมุกของมันสิ มีแต่อะไรน่าแหยะทั้งนั้น) - -*
ถ้าข้าน้อยโดนจับไปสปอยล์แบบนั้นบ้าง...(อ่ะเหอะ! จะมีวันนั้นไหมหนอ?) มันคงรู้่สึกแย่ๆพิกลแฮะ


PS.  ไม่รั่ว ไม่บ้า แค่กล้าไปหน่อย///อ๊ากกกกก ชิพมั้งค์!!! ธีโอดอร์ แอลวิน ไซม่อน!!! ข้าน้อยหลงรักซะแล้ว!!!
0
a1andb2 29 ธ.ค. 51 เวลา 10:36 น. 7

เรื่องที่รู้จักและอ่านจบซีรีย์ที่เป็นแนวสปอยยั่วล้อ ก็ชุดเทพเพี้ยนเปลี่ยนตำนาน ของสำนักพิมพ์ ASK เวปที่สิงอยู่ประจำนั้นแหละ ยกเป็นตัวอย่างเห็นชัดๆ�
มาจากเรื่อง Myth-O-Mania แต่งโดย Kate McMullan แปลโดย พนิดา จาโรทก ชุดนี้มี 8 เล่ม ถ้าอยากอ่านงานร่วมสมัย อ่านง่าย อ่านสนุก กรุณาหาซื้อตามร้านหนังสือชั้นนำ อาจหาซื้อยากสักหน่อย ถ้าหาไม่เจอสั่งซื้อได้ที่เวปของสำนักพิมพ์� ที่บอกมานี่ไม่ใช่เป็นการโฆษณาหนังสือของสำนักพิมพ์ เพราะโดยส่วนตัวไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด เพียงแต่เห็นตัวอย่างหนังสือที่ท่านดอลฟิลเอามาลง บางคนคงหาอ่านยากอยู่สักหน่อยเลยแนะนำ ทีจริงก็มีอีกเรื่องแนวล้อเลียนเหมือนกัน ถ้าใครเคยอ่านรึเคยดู �STARWAR คงจะชอบเรื่องนี้ Star Bores แปลโดยคนเดียวกันกับชุดเทพเพี้ยนเปลี่ยนตำนานนั่นแหละ�

ข้อดีของการอ่านเรื่องสปอย เห็นได้ชัดเจนจากเวปที่สิงอยู่

1. อาจจะรู้เรื่องราวจริงๆ รึ ต้นฉบับที่ถูกสปอยว่าเป็นยังไง� สาวกบางท่าน(เรืยกสมาชิกในเวปว่าสาวก) ดั้นด้นหาข้อมูลตำนานเทพกรีกจนบัดนี้หากินได้แล้วครับท่าน จนจะกลายเป็นกูรู อยู่มะรอมมะร่อแล้ว��
2. สร้างรอยหยักแก่สมอง ว่าคนแต่งเอาส่วนไหนมาคิดได้เนี่ย ถึงสปอยออกมาได้อย่างนี้
3.ที่แน่ๆ สปอยแล้ว มีคนอ่านเพิ่มขึ้นแน่นอน�
4.มีสหาย(สาวกร่วมอุดมการณ์เดียวกัน) เรามาสปอยกันเถอะ�
5.ที่แน่ๆจากสปอย พัฒนาการเป็นงานเขียนส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับสปอยไปได้�
6. หาคนช่วยคิดเพิ่ม

ข้อเสียของการสปอย โดยเฉพาะ นิยาย ละคร หนังที่กำลังฉาย�และกำลังอยากดู

ไม่อยากรู้เว้ย อยากรู้เอาเองเดี๋ยวไม่มัน

ส่วนมากหาอ่านใน fanfiction ของเว็บรวมต่างประเทศเอา มีให้อ่านตั้งแต่นิทานยังหนัง แบ่งเป็นหมวดๆ อ่านจนเป็นงานอดิเรก แต่มีใครอ่านบ้าง แฟนฟิกชั่น transformer�

โดยส่วนตัวแต่งสปอย ยกตัวอย่างงานของญาณวุติ (แต่งไปแต่งมาเลยได้โครงเรื่องเป็นของตัวเองไป ส่วนตาญาณยังสนับสนุนอนุญาตให้ใช้ตัวละครอีกด้วย) จนบัดนี้ยังแต่งไม่จบเนื่องเจ้าของเรื่องดันด่วนตายไปเสียนี่ แล้วจะเราจะแต่งไปให้ใครอ่าน (แต่งทีเจ้าญาณก็เข้ามาตื่นเต้นที เขียนแล้วแลกเปลี่ยนความคิดกันไป) เฮ้อ.. ส่วนมากไม่ค่อยวิจารณ์เท่าไหร่ มีแต่แต่งสปอยหยอกบ้างกระทบบ้างเป็นที่รู้กันภายใน ว่ามาอ่านแล้วชอบจึงเขียนให้ ส่วนมากออกมาเป็นแนวตลกล้อเลียนส่วนใหญ่ ที่เพิ่งเขียนเป็นซีรีย์ไปก็เรื่อง เทพเพี้ยนเปลี่ยนนิทาน สปอยนิทาน ล่าสุดกำลังจิ้มดีดเรื่องหมาป่ากับขนแกะ ยังแต่งไม่จบและยังไม่ได้ลง ส่วนเรื่องที่โหวตเข้ามารอไปก่อนไม่ได้เขียนมานานหกเดือนรู้สึกสำนวนแย่ลงแฮะ��

แต่ว่า ดอลฟิล สนใจให้สปอยไหม? จัดให้ได้นะ

เอวังประการ ฉะนี้

0
NONTHAI 29 ธ.ค. 51 เวลา 19:51 น. 10

ถ้าเขาต่อเรื่องได้ดีกว่าของเราก็ทำไปสิครับ...อีกเดี๋ยวก็ตกม้าตายเองแหละนะ หรือไม่งั้นก็อาจออกทะเลไปเรื่อยๆ- -" เนื่องจากไม่รู้ตอนจบที่แท้จริงและความสมเหตุสมผลของตอนจบนั้นๆ

กรณีสปอย์ มักจะเป็นที่ครหาอย่างมากสำหรับวงการนี้เลยอ่ะ...

แต่เนื้อเรื่องผมมันคงยากที่จะสปอย์ล่ะมั้ง เพราะคนแต่งเท่านั้นที่จะรู้(เว้นแต่ตนเองจะเล่าหมดเปลือก)

0
BackHand 29 ธ.ค. 51 เวลา 19:57 น. 11

ไม่รู้นะครับว่าจะคิดยังไง เพราะไม่เคยโดนเองกับตัวครับ(^^)

แต่สำหรับผม ถ้าโดนแนวยั่วล้อ จะไม่โกรธเท่าไหร่นะครับ จะมาโกรธก็ตรงแนวว่ากระทบนี่แหละ


PS.  ความอดทนคือเพื่อนแท้ผู้ไม่เคยทิ้งใคร นอกเสียจากใครคนนั้นจะทอดทิ้งเขา
0
Sylphine Sylphgale 29 ธ.ค. 51 เวลา 20:14 น. 12

เอ่อ.......NONTHAI

เรื่องยั่วล้อเกือบทั้งหมดเขารอคนแต่งแต่งจบแล้วเขาค่อยล้อนะ (ตัวอย่างหนังก็เห็นทั่วไป ไม่เคยเห็นเรื่องไหนที่ออกมาล้อหรือเกทับโดยยังไม่จบ)

ไม่งั้นหนังบางเรื่องคงตกม้าตายเป็นแถบๆแล้วล่ะ

0
เชษฐะ 30 ธ.ค. 51 เวลา 09:57 น. 13

เฉย ๆ นะ

ถ้ามีใครเอาไปทำ แปลว่า ดังพอตัวเลยแหละ


PS.  การกินหนึ่ง การนอนหนึ่ง การเสพกามหนึ่ง การเสวยอำนาจหนึ่ง บุคคลจะไม่มีวันเบื่อเด็ดขาด ยกเว้นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร พยายามหลีกหนีมันให้ได้เท่านั้น
0
จักรพรรดิ_หน่อง 30 ธ.ค. 51 เวลา 10:43 น. 14

คุณ NonThai�

Spoil ส่วนใหญ่ต้องดูจนจบก่อน แล้วเอามาเล่า เอามาเปิดเผยนะ เท่าที่ผมรู้จัก

แบบสมมติ เพื่อนผมไปดูหนังเรื่อง Friendship แล้วก็มาเล่าบอกว่า�
\"โห ตอนจบ นางเอกติดเอดส์เพราะพระเอกมาหาไม่ทัน ...\"

เนี่ย เซ็งไปตามๆกัน คือ ความอยากดูลดฮวบเลยครับ...

แต่ยั่วล้อ ไรงี้ จะเอาฉากสำคัญมาล้อหรือแซว

ประมาณว่า�

ในเรื่อง นางเอกถูกขืนใจใช่มะครับ ก็เอามาแซวว่า จริงๆ หนึ่งในนั้นเป็นพระเอกด้วย ...�
แล้วพระเอกก็ติดโรคไปด้วย แต่จริงๆโรคนั้นไม่ใช่เอดส์แต่เป็นไวรัสจี แล้วพระเอกนางเอกกับสามผู้ร้ายนั่น
ก็กลายเป็น ซอมบี้ G Virus ออกฆ่าคนในเมือง รุ่งเช้า พอน้องๆจากเรื่องบุญชูตื่นขึ้นมา ปรากฏว่า กทม.�
หลายเป็น รุ่งอรุณแห่งความตายเสียแล้ว มีแต่ซอมบี้ ไม่ว่าจะเป็น น้องโฟกัส ที่กำลังกัดคอ เจ้าแจ็คแฟนฉัน
หรือ มิวที่กำลังฆ่าโต้ง คู่หูรักแห่งสยามอย่างโหดม

แบบนี้อ่ะ โคตรฮาครับ GTS movies ยำใหญ่หนังวัยรุ่น วุ่นนักเชียว !�

ปล. อยากดูเลยแหะ คงโหดและฮามากๆ

0
MyFairy 3 ม.ค. 52 เวลา 14:20 น. 18

น่าจะมีกฎหมายคุ้มครองอ่ะ (ไปบอกอภิสิทธิ์กัน)

แบบว่า จะเอาเรื่องก็ได้ หรือไม่เอาเรื่องก็ได้ 

แบบนี้เป็นธรรมกว่า


PS.  [ ~Skulduggery Pleasant~ ]
0