XXXอันตรายของกลูต้าไทโอนXXX วัยรุ่นที่อยากขาวเข้ามาอ่าน
*เนื่องจากตอนนี้กระแสความขาวมาแรง
เห็นเพื่อนๆวัยรุ่นหลายคนก็นิยมที่จะรับประทานหรือฉีดกูต้าไทโอน
จีงอยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวยานี้ค่ะ
ปล.ใครขี้เกียจอ่าน อ่านแต่ตัวหนังสือสีแดงก้อได้ 5 55+
********************************************************************************
ทางการแพทย์ใช้กลูต้าไทโอนเพื่อ
- บำบัดผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- บำบัดผู้ป่วยเอดส์
- รักษาผู้ซดพาราเซตามอลเกินขนาด หรือเป็นพิษเพราะพาราเซตามอล
- บำบัดผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- บำบัดผู้ป่วยออทิสติค ตลอดจนผู้ป่วยอัลไซเมอร์
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวถึงกรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอนฉีดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำให้ผิวขาวนั้น ว่า ขณะนี้อย.ยังไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสารกลูตาไธโอน (GLUTATHIONE) เพื่อใช้ในการรักษาโรคใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าใน ประเทศอิตาลีจะมีการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตถูกต้องแต่ก็มีการนำสารดัง กล่าวในการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งกระเพาะอาหารเท่านั้น ส่วนการทำให้ผิวขาวขึ้นถือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาดังกล่าว การนำสารตัวนี้มาฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดเองในปริมาณที่มากตามที่เป็นข่าวคือประมาณ 600 มิลลิกรัมต่อหลอด ถือ ว่าเสี่ยงอันตรายมาก เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ยาถึงขั้นช็อคและเสียชีวิตได้ การฉีดสารดังกล่าวในปริมาณมากเกินไปไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสารทุกอย่างต้องได้รับปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งในเครื่องสำอางทั่วไปพบว่ามีการผสมลงไปบ้าง แต่เพียง 0.000001-0.000005% เท่านั้น แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลว่าใช้สารในปริมาณเท่าใดและนานเท่าใดจึงเป็นอันตรายแต่ ก็ไม่ควรฉีดเข้าเส้นเพราะมีอาการเสี่ยง และที่สำคัญเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เพราะไปหยุดการสร้างเอ็นไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาติของคนผิวเอเชีย ที่เป็นสีคล้ำ ทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลง นอกจากนี้เม็ดสีในตาดำของคนเอเชียจะกรองแสงได้ลดลงมีอันตรายต่อจอประสาทตา นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งให้บริการสารดังกล่าวนำสารดังกล่าวมาใช้ นั้น ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด หากพบว่ามีความผิดจริง โดย อย.รับผิดชอบในตัวของสาร หากเข้าไปตรวจพบสารดังกล่าวมีความผิดฐานมีการใช้ยาโดยไม่ได้อนุญาตตามพ.ร.บ. ยา พ.ศ.2510 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5 พันบาท และหากมีการโฆษณาสารดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดปรับไม่เกิน 1 แสนบาท แต่หากสถานพยาบาลมีความผิดก็ดำเนินการโดยกองประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหากตัวแพทย์ที่ดำเนินการประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็เป็นหน้าที่ของแพทยสภา
อย่างไรก็ตามในประเทศไทย สารกลูตาไทโอนที่ผ่านการรับรองจาก อย.นั้น เป็นเพียงการอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบ
กรดอะมิโน ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อใช้กินร่วมกับวิตามินเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายเท่านั้น5 แต่ไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยา ไม่อนุญาตให้เป็นยาเดี่ยวหรือยาฉีดเข้าร่างกายและไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย โดยบริษัท โรช (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาดังกล่าวได้แจ้งให้ อย.ทราบว่าไม่มีการนำเข้ามาในประเทศเช่นกัน
ยาที่มีจำหน่ายอยู่อาจเป็นยาปลอม
นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) ยังไม่รับรองผลความปลอดภัยในการใช้สารกลูตาไทโอนฉีดเข้าเส้นเลือดดำ
และไม่เคยมีผลรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศ ดังนั้น จึงไม่ทราบปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดเข้าร่างกาย จะสะสมเกิดพิษหรือเกิดผลข้างเคียงทำอันตรายให้ร่างกายในอนาคตอย่างไร แม้ว่าในประเทศอิตาลีจะมีการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตถูกต้องแต่เป็นใช้สารดังกล่าวในการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งกระเพาะอาหารเท่านั้น ส่วนการทำให้ผิวขาวขึ้นนั้นถือเป็นเพียงผลข้างเคียง
ซึ่งกลูตาไทโอนที่ใช้ในการรักษาโรคนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ แบบสูดพ่น ฉีดเข้ากล้าม และฉีดเข้าหลอดเลือดดำ โดยใช้ในการรักษาภาวะแทรกซ้อนจากการฟอกเลือดจากการขาดธาตุเหล็กภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดในผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่มี fibrosis ที่ปอด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือใช้ร่วมกับยา cisplatin เพื่อป้องกันพิษต่อสมอง เป็นต้น โดยยังไม่มีรายงานอาการข้างเคียงรุนแรง มีเพียง Cutaneous eruptions ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น9 นอกจากนี้การที่ผิวขาวขึ้นนั้นเป็นเพียงผลข้างเคียงของการรักษาเท่านั้น ไม่เคยมีข้อมูลทางการแพทย์ว่าการฉีดสารกลูตาไทโอนจะแก้ผิวดำได้อย่างถาวร หากนำสารกลูตาไทโอนมาฉีดเข้าร่างกาย โดยหวังผลให้ผิวขาวต้องใช้ยาในปริมาณที่สูงมากเพื่อให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ ซึ่งจะมีอันตรายทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เพราะเซลล์สีถูกกดจากสารที่ฉีดก็จะสร้างเม็ดสีน้อยลง โดยเม็ดสีมีความจำเป็นในการป้องกันอันตรายจากแสงอัลตราไวโอเลต และเป็นองค์ประกอบสำคัญของจอตาในลูกตา การฉีดยาที่มีผลให้เม็ดสีลดลงส่งผลกระทบต่อจอตาและการรับแสงโดยตรง และเมื่อลดกระบวนการป้องกันอันตรายจากแสงอัตราไวโอเลต เซลล์ก็จะเสื่อมเร็วขึ้น ผิวขาวมากเกินไปจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่สำคัญคือการฉีดสารชนิดนี้เข้าเส้นเลือดดำโดยตรงในปริมาณมากถือเป็นเรื่องอันตรายมาก คนไข้อาจช็อกตายขณะฉีดได้ ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานเกี่ยวกับผู้แพ้ยาฉีด กลูตาไทโอนอย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งอันตรายขนาดเสียชีวิตได้ทันที หากแพทย์ไม่มีอุปกรณ์กู้ชีพเตรียมพร้อมไว้
เครดิต http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=9712&gid=7
http://palermos.exteen.com/20081104/entry
ปล.ใครอยากอ่านแบบละเอียดเข้าไปเว็บบนนี้นะจ๊ะ
*****************************************************
สรุปแล้ว
จงพอใจในสิ่งที่ตนมี♥
39 ความคิดเห็น
จะขาวจะดำมันขึ้นอยู่ที่จิตใจ ^^
เราก้อกินไม่เห้นเปงไร ขาวขึ้นด้วย
เอ่อแล้วอีกอย่างนะคะ สารกลูต้าอ่ะค่ะ อันตรายจริง
แต่ที่เค้าทานกันกับฉีดกันมันคือตัว L-Glutatione นะคะ
เป็นคนล่ะตัวนะคะ ลองเสิชดู
อยากเห็นการแยงหหห104
คนดำทำอะไรมันก็ดำ วะ เดียวนี่อะไร ๆ ในเมืองไทยแมร่งก็ต้องขาวไว้ก่อน เบื่อว้อยย... ประเทศตูมันเมืองร้อนอยากจะขาวก็ไม่รู่จะเอาที่ไหนไปขาว เซ็งวะ
ตอบความเห็นที่ 5
การทาน L-Glutatione ไม่ได้มีผลอะไรเลยครับ คุณรู้จักแต่ search แต่ไม่ได้อ่าน research เลยสินะครับ กินเข้าไปมันก็ถูกระบบทางเดินอาหารย่อยสลายกลับเป็นกรดอะมิโนหมดครับ ลองไปศึกษาดู pathway ของกลูตาไธโอนดูครับ และเวลาอ่าน research ก็ดูด้วยนะครับว่าเขาทดลองเรื่องกลูตาไธโอนในหนูทดลองกับในเซลล์เพาะเลี้ยงครับ หรือที่ทางแพทย์หรือวิทยาศาสตร์เรียกกันว่า in vitro ครับ ..... ไม่ใช่การทดลองในคนหรือแหล่งกำเนิดจริง อ่าน paper เยอะๆ ครับ
ศึกษาเยอะๆ ครับ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาโดยไม่รู้ถึงอันตรายของการใช้ยาหรือสารเคมีโดยปราศจากความรู้ครับ ..... เหมือนพวกผู้หญิงที่ชอบซื้อเครื่องสำอางค์ที่ผสมคอลลาเจนเพราะเชื่อว่าจะช่วยลดริ้วรอยได้ โดยไม่ทราบด้วยซ้ำว่าคอลลาเจนมีขนาดโมเลกูลใหญ่มาก มากเกินกว่าที่ร่างกายจะดูดซึมเข้าไปทางผิวหนังได้
รู้สึกว่ากลูต้าไธโอนเค้าจะอนุญาติให้มีในหนึ่งแคปซูลไม่เกิน 250 มิลลิกรัม
แต่บางที่ขายกันมีไม่ต่ำกว่า500 มก. บางที่ 750 มก. ! วันนึงไม่ควรรับเข้าไปมากกว่า 500 มก.
ยาบางยี่ห้อล่อเข้า 500 มก. วันละ2เม็ด
แต่ก็มีเหมือนกันที่ดีๆ แบบที่ผสมสารอื่นที่มีส่วนช่วยบำรุงผิว
เคยไปเจอมา กลูต้าแค่150 มก. : แคปซูล เป็นอาหารเสริมไปในตัว
แล้วความห็นที่ 9 น่ะ ถ้าเค้าทานกันจะทานแบบผสมวิตามินซี จะช่วยดูดซึม ได้ดีขึ้น
ไม่ใช่กินเพียวๆ
ต้องศึกษาดีๆๆ
ตกลงว่า ถ้าเป็นแบบฉีดจะอันตรายมากกว่าแบบกินใช่มั้ยอ่ะ แต่อย่างไงก็อันตรายใช่มั้ยอ่ะ แล้วที่เป็นแบบกินอ่ะค่ะต้องกินวิตามินซีควบคุ่ด้วยถึงจะได้ผลดี งั้นกินวิตามินซีอย่างเดียวได้ป่าว แต่เคยได้รับเมล์อ่ะ แต่บอกว่าถ้ากินวิตามินซีห้ามกินกุ้ง เพราะจะมีผลทำให้เป็นมะเร้.จริงป่าว น้อ...
หมอบางคนก็บอกว่ากินแล้วก็ย่อยสลายหมด กระเพาะไม่ดูดซึม แต่หมอบางคนก็บอกว่าดูดซึมได้แต่น้อยมาก แต่เราว่านะ ตามความรู้สึกส่วนตัว อะไรที่เรากินๆไปมันก็ดูดซึมได้หมดแหละ จะมากจะน้อยก็แค่นั้นเอง ถ้าดูดซึมไม่ได้ กินพวกแตงโมที่มันมีสารกลูต้าไป มันก็ไม่มีผลอะไรน่ะสิ เคยเห็นคนที่มันชอบกินแตงโมไหม ประมาณกินทุกวัน ตัวมันขาวจะตาย (แต่เราเกลียดแตงโมมาก กินแล้วแหยะๆ)
ส่วนเรื่องฉีด สารตัวนี้มันไม่มีอันตรายหรอก กลูต้ามันมีในตัวเราอยู่แล้ว สารอะไรก็แล้วแต่ที่มีอยู่ในตัวเรา เราจะแพ้มันได้ไงอ่ะคะ นอกจากคุณไปฉีดตัวที่มันผสมสารอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลูต้า อันนั้นมีสิทธิแพ้ยาได้  ส่วนที่ฉีดแล้วตายนี่ฉีดเองทั้งนั้น น่าจะฉีดในปริมาณที่เยอะเกินไป
จะถามว่าขาวไหม มันขาวอยู่แล้วค่ะ คงเคยอ่านคุณสมบัติสารตัวนี้นะคะ แต่ต้องใช้ให้เป็นถึงจะไม่ทำให้เกิดโทษ ถ้ากิน ควรกินติดต่อกันไม่เกิน 3-4 เดือน แล้วหยุดซักพัก(ประมาณ 1 เดือน) แล้วค่อยกลับมากินใหม่ ถ้าฉีดก็ฉีดติดต่อกันทุก 1 อาทิตย์ติดต่อได้ไม่เกิน 1 เดือน (อย่าไปบ้าฉีดทุก 2-3 วันแบบบางเวบมันบอกนะ) หลังจากนั้นก็ฉีดทุก 1-2 เดือน หรืออาจเว้นถึง 3 เดือนเลยก็ได้ คือประมาณรักษาปริมาณกลูต้าในตัวเราให้เหมาะสม ไม่ให้มากจนเกินไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ล่ะคน
จะฉีดเข้าเส้นเลือดดำ หรือ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อดี?  มันคล้ายๆกันแหละค่ะ ยังไงมันก็เข้าตัวเราเหมือนกัน แต่เข้าเส้นมันจะเข้าตรงเลย แต่เข้ากล้าม เส้นเลือดฝอยในกล้ามเนื้อเราก็มีเยอะ มันก็ดูดเข้าไปเหมือนกันแต่อาจจะดูดได้ไม่เต็ม 100%
ฉีดดีไหม? ถ้ากลัวก็ซื้อแบบแผงตามร้านขายยามากินก็ก่อนก็ได้ มี อย. ตกเม็ด 15 บาท กินกับวิตามินซีแบล็คมอร์ ไม่แน่ใจจะขาวทันใจหรือเปล่านะคะ แต่เห็นคุณหมอสาวๆเค้ากินกัน ก็ดูใสๆนะ ถ้าชัวร์แล้วอยากขาวๆ ก็ลองฉีดดูซักเข็ม เอาเข้ากล้ามก่อนก็ได้ เข้าเส้นเอาไว้มั่นใจแล้วว่าไม่แพ้
ก็พอใจในสินที่มีสิ...
อยากขาวนะแต่กลัว ตออนนี้ก็ทานวิตามินอยู่
ใช่เลยค่ะ ผิวขาวเนี่ย เสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากกว่าคนผิวดำค่ะ
และเราภูมิใจเถอะ ผิวสีแทนของคนไทย คือสีผิวที่สวยที่สุดแล้ว ^^
ขาวเกินไป มันก็ดูไม่สวยอ่ะ เราว่านะ -*-
บางทีมันดูซีดอ่ะ แบบ ดูจืดชืด -*-
*โดยส่วนตัวคิดงี้นะ..
แล้วขาวจริงป่ะ
ลองซื้อมาทานได้ซัก 1 สัปดาแล้วค่ะ  ยังไม่เห็นผล
เห็นเค้าบอกว่าต้องทานไปประมาณ3-4สัปดาห์แน่ะ กว่าจะเห็นผล
ถ้ามันดียังไงจะมาบอกนะคะ
เคยทั้งกินทั้งฉีด ได้ผลชั่วคราว พอหยุดสีผิวมันก้กลับมาเหมือนเดิม แถมยังเป็นกระอีกด้วยอ่ะ เซ็งเลย  อีกอย่าง เป็นอันตรายกะสายตาเราด้วย เพราะหลังจากที่กิน มีความรุ้สึกว่า ตาเริ่มมัว ๆ  ตอนนี้หยุดละเพราะคิดว่ามันไม่คุ้มแน่ ๆ  เสียทั้งเงินและเสียทั้งชีวิตด้วยยยย ฮาๆ ๆ ๆ  ไม่คุ้ม ๆ (คุ้มระยะสั้น ไม่คุั้มระยะยาว)
อืมม เราก็เคยอยากลองเหมือนกันนะ แต่นังไม่กล้า
กลัวว่าจะแพ้ยา
เฮ้อๆๆๆๆ
เราอยากขาวแต่ก็กลัวมัยอัตรายจิงป่ะเอาแบบชัวๆ ได้ป่ะ
กลูต้ามีหลายรูปแบบ
ถ้าจะทานต้องศึกษาให้ดีก่อนนะ..เพิ่งๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?