Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รายชื่อเครื่องบินที่หายที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เครื่องบินที่สาบสูญเหนือดินแดนอาถรรพ์                    planerol.gif (6836 bytes)


ความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เริ่มสร้างความฮือฮาและดึงดูดความสนใจแก่มหาชน อย่างกว้างขวาง เมื่อเครื่องบินหกลำพร้อมด้วยนักบินและพลประจำเครื่องของ กองทัพเรือสหรัฐได้ถูกกลืนหายไปทั้งฝูงโดยไม่มีร่องรอยเหนือ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ใน วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1945 ห้าลำแรกถูกกลืนหายไปเป็นฝูงบินที่อยู่ระหว่างการฝึกบิน ตามปกติซึ่งเป็นการซ้อมบินในเส้นทางสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเครื่องบินทั้งห้าเริ่มต้นออกจากสนามบินของกองทัพเรือสหรัฐ โดยวางแผนการบินมุ่งไปทางทิศตะวันออก160ไมล์ บินเฉียงขึ้นไปทางเหนือ40ไมล์แล้วจึงบินกลับสู่ที่เดิมเป็น รูปสามเหลี่ยมและเหตุที่ผู้ให้ สมญาอาณาบริเวณของมหาสมุทรแห่งนี้ต่าง ๆ นา ๆ เช่น "สามเหลี่ยมแห่งปีศาจ" "สามเหลี่ยมมรณะ","ทะเลอาถรรพ์" หรือ "สุสานของมหาสมุทรแอ๊ตแลนติค" ก็เพราะการหายสาบสูญของเครื่องบิน ของกองทัพเรือสหรัฐจำนวนทั้งหกลำครั้งนั้นเอง ซึ่งนักสังเกตการณ์ทั้งหลายต่างให้ข้อสงสัยว่า การวางเส้นทางฝึกบิน ของกองทัพเรือ ในครั้งนั้น   เป็นเส้นทางที่อยู่ในบริเวณเดียวกับอาณาเขตของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาและ ก็เป็น ประจวบเหมาะที่มีเรือและเครื่องบินได้หายไปในท้องทะเลแห่งนั้น ด้วยสภาวะ อันผิดปกติมาก่อนจำนวนไม่น้อย ดังนั้นเมื่อกองทัพเรือสหรัฐทั้งฝูง กับเครื่องบินช่วยเหลือ ชื่อ มาร์ติน มารีนเนอร์พร้อมด้วยลูกเรือ 13 คนได้ถูกกลืนหายไปในบรรยากาศของดินแดน อาถรรพ์แห่งนี้ ก็ย่อมต้องมีการฮือฮาและโจษขานกันอย่างมากมายเป็นธรรมดา

triangle.gif (6589 bytes)รายการข้างล่างนี้คือ หลักฐานการ สูญหายที่สำคัญของเครื่องบิน และเรือเดินทะเลในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ที่เลือกนำมาแสดงนี้ เป็นกรณีที่สำคัญจริง ๆ ที่สร้างความวุ่นวายในการค้นหาและสอบสวน แก่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นยามสันติ หรือในสภาวะ ของสงคราม

เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของเครื่องบินที่หายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

gstream.gif (15767 bytes)

วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 :เครื่องบินท้องระเบิดแบบ TBM ของกองทัพเรือสหรัฐจำนวน 5 เครื่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 14 นาย หายไปขณะฝึกบินทิ้งระเบิดเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ห่างจากฐานทัพฟอร์ท ล๊อดเดอร์เดล ประมาณ 225 ไมล์
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 :เครื่องบินช่วยเหลือผู้ประสบภัย มาร์ตินน มารีน แบบ PBM พร้อมพลประจำเครื่อง 13 นาย ได้หายไปประมาณ 20 นาที หลังจากบินไปทำการช่วยเหลือเครื่องบินฝึกทิ้งระเบิดแบบ TBM จำนวน 5 เครื่องที่ขาดการติดต่อกับ หอบังคับการณ์และหายไปอย่างลึกลับ
วันที่ 3 กรกฏาคม ค.ศ. 1967 :เครื่องบินลำเลียงพลแบบ G-54 ของกองทัพบกสหรัฐหายไปห่างจากเบอร์มิวดา ขึ้นมาทางเหนือประมาณ 100 ไมล์
วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1948 :เครื่องบินโดยสารชื่อสตาร์ไทยเกอร์ เป็นเครื่องบินสี่เครื่องยนต์แบบทิวเดอร์-4 ของอังกฤษหายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมกับชีวิตของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสาร 31 คน
วันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1948 :เครื่องบินโดยสารชาร์เตอร์ ส่วนบุคคล แบบ DC-3 หายไประหว่างซานฮวนกับไมอามี่ พร้อมพนักงานประจะเครื่องและผู้โดยสาร 32 คน
วันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1949 :เครื่องบินโดยสาร สตาร์ แอเรียล ของอังกฤษ บินจากลอนดอนไปซานดิเอโก โดยผ่านทาง จาไมกา เครื่องบินได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดาในระหว่างเส้นทางไปยังคิงส์ตัน
วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบิน โกล๊ปมาสเตอร์ ของสหรัฐอเมริกา หายไปทางตอนเหนือของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะมุ่งบินไปสู่ไอร์แลนด์
วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบินโดยสารของบริษัทเดินอากาศยอร์คแห่งอังกฤษหายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พร้อมผู้โดยสาร     33 คน
วันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1954 :เครื่องบินแบบ ซุปเปอร์คอนสเตลเลชั่น ของสหรัฐ หายไปพร้อมผู้โดยสาร 42 คน ในบริเวณเดียวกับจุดที่ฝูงบิน ที่ 19 สูญหายทั้ง 5 เครื่องมาก่อน
วันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1956 :เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐแบบ P5M หายไปใกล้ ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องอีก 10 นาย
วันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1962 :เครื่องบินบันทุกน้ำมันสำหรับเติมน้ำมันกลางอากาศแบบ KB-50 ของสหรัฐ ได้หายไปอย่างลึกลับ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1963 : เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐสี่เครื่องยนต์แบบ KC-135 จำนวนสองเครื่อง หายไปทางทิศตะวันตกห่างจาก สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาราว 300 ไมล์
วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1965 :เครื่องบินโดยสารขนาดกลางแบบ C-119 หายไปใกล้ ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมด้วยผู้โดยสาร 10 คน
วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1956 : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบทันสมัย B-52 ของสหรัฐ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้า หายไปตรงจุดศูนย์กลาง ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พร้อมทั้งชีวิตของชีวิตของนักบินทั้ง 3 นาย
วันที่ 11 มกราคม 1967 : เครื่องบินแบบ YC-122ซึ่งดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าหายไปพร้อมกับพนักงานประจำเครื่อง 4 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ใกล้ ๆ กับาฮามัส
วันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1963 :: เครื่องบินแบบ C-132 ซึ่งเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ตอนใดตอนหนึ่งระหว่างทางสู่ แอโซเรส

go to top

เหตุการณ์สำตัญต่าง ๆ ของเรือเดินสมุทรที่หายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

ship_3.gif (9265 bytes)

ในปี ค.ศ. 1840 :เรือสินค้าขนาดใหญ่ของฝรั่งเศษชื่อ โรซาลี่ ได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาระหว่างเดินทางจากยุโรปไปฮานาวา โดยไม่มีผู้ใดเหลือชีวิตรอดพอที่จะบอกเรื่องราวให้ฟังได้
ในปี ค.ศ. 1840 :เรือลาดตระเวณอังกฤษชื่อ แอ๊ตตาแลนตา หายไปอย่างลึกลับไม่ห่างจากเบอร์มิวดานักพร้อมทั้งทหารประจำเรือ 290 นาย
วันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1902 :เรือเยรมันชื่อ เฟรย่า มีผู้พบทอดสมออยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่บนเรือลำนั้น จากปฏิทินฉีกประจำวันในห้องกัปตันระบุเป็นวันที่ 4 ตุลาคม 1902
วันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1998 :: เรือบรรทุกอุปกรณ์และสินค้าชื่อ ไซคล๊อปส์ เป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ มีความยาว 500 ฟุต และระวางขับน้ำ 1900ตัน หายไปอย่างไร้ร่องรอยในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมด้วยชีวิตลูกเรือและผู้โดยสาร
กลางเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 :เรือโคโทแพ็คซี หายไปในดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในระหว่างเดินทางจากซาร์ลตันสู่ฮานาวา
ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1932 :เรือใบ 21 ลำชื่อ จอนและแมรี่ เป็นเรือที่ขึ้นทะเบียนในนิวยอร์คทั้งสองลำมีผู้พบลอยละล่องใกล้ ๆ กันอยู่ในบริเวณเบอร์มิวดาใบเรือทั้งสองลำถูกลดลงจากเสา
เรียบร้อยแล้ว
วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ.1944 :เรือยอร์จ ชื่อ กลอเรียโคไลท์ มีผู้พบถูกปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา สิ่งของเครื่องใช้ทุกอย่างในเรืออยู่อย่างเป็นระเบียบ และของ
มีค่ายังอยู่ครบถ้วน
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1950 :เรือบรรทุกสินค้ายาวชื่อแซนดรา ได้หายไปบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแถวเปอร์โตริโกอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ พร้อมชีวิตลูกเรือทั้งหมดและสินค้าอีก 300 ตัน
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1955 : เรือยอร์จชื่อ คันแนมาร่าที่ 4 ได้หายไปอย่างลึกลับประมาณ 400 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบอร์มิวดา
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1963 :เรือเดินทะเลขนาดยักษ์ซึ่งมีความยาวถึง 425 ฟุต ชื่อมารีน ซัลเฟอร์ ควีน ได้หายไปอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ
วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1963 :เรือจับปลาชื่อ โชบอยหายไปพร้อมด้วยลูกเรือ 4 คนโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เหลือให้เห็น
ในปี ค.ศ. 1942 :เรือโดยสารญี่ปุ่นชื่อ ไรฟูกุ มารู ได้วิทยุขอความช่วยเหลือขณะที่วิ่งอยู่ระหว่างคิวบาและบาฮามัส แต่แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในปี ค.ศ. 1931 :เรือสินค้า สตาฟเวํงเยอร์ หายไประหว่างบาฮามัสและ แค็ต ไอร์แลน พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 43 คน
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1938 :เรือแองโกล-ออสเตรเลียน ได้หายไปทางใต้ของแอโซซเรส พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 39 ชีวิต
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1967 :เรือยอร์จขนาด 46 ฟุต ชื่อ เรโวน๊อค หายไปอย่างปราศจากร่องรอย
วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1967 :เรือยอร์จ วิชคร๊าฟ หายไปอย่างปราศจากร่องรอยนอกฝั่งไมอามี พร้อมกับชีวิตเจ้าของเรือและผู้โดยสาร
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1970 : เรือมิลตัน เอไทรด์ หายไปอย่างไร้ร่องรอยบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1973 :เรือเดินทะเลขนาดใหญ่ระวางขับน้ำ 20000ตัน ได้หายไปพร้อมกับชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

minmin 8 ก.พ. 52 เวลา 12:58 น. 2

อยากรู้อ่ะว่าถ้าจมไปแล้วจะไปอีกมิติหนึ่งป่ะ?

เคยมีคนรอดออกมาได้แล้วมาเล่าอ่ะ = =;;

0
bee 22 ก.ค. 53 เวลา 15:14 น. 4

ลองอ่านเรื่องราวของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาร์ดูแล้วจะรู้ว่ามันน่าค้นหาแค่ใหนอ่านดูเนื้อหายิ่งทำให้เราอยากรู้อยากเห็นว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสามเหลี่ยมเบอมิวดาร์นั้นมันเป็นอย่างไร"น่าค้นหาจริงๆ"

0
moo 9 ส.ค. 54 เวลา 18:23 น. 6

เครื่องบินและเรือหลายลำที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหายไปไหน?
มันเป็นนิทาน ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ วิทยาศาตร์ในโลกมนุษย์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เราเปรียบเหมือนเด็กกำลังเดินเตาะแตะ แต่มนุษย์ในดาวเคราะห์ดวงอื่นในจักรวาลนี้ หลายดวงเค้าพัฒนาล่วงหน้าเราไปกว่า 100,000 ปีแล้ว!!
นิทานเล่าว่า ถูกยิงด้วยมนุษย์ใจร้ายนอกโลก ยิงด้วยอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงงงงง..มาก ยาน หรือเรือต่างๆ เมื่อถูกยิงจะละลายหายไปในทันที
มนุษย์นอกโลกยิงเราทำไม?
เค้าตอบว่าไม่ได้เจตนา แค่ตัองการทดลองอาวุธเท่านั้น!!!....โหดเ้ยมไร้ความเมตตาปราณีจริงๆ
ทำไมต้องเป็นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าที่มีเครื่องบินหายบ่อยและมากที่สุด?
พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีเรือผ่านพื้นที่นี้เป็นประจำทุกวันมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และหมู่เกาะแคริบเบียน เรือสำราญที่ผ่านพื้นที่นี้ก็มีมากเช่นกัน เรือเที่ยวเองก็มักจะมุ่งหน้าไปและกลับระหว่างฟลอริดากับแคริบเบียนอยู่เป็นปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรทางอากาศอย่างหนาแน่น ทั้งอากาศยานพาณิชย์และส่วนตัว ซึ่งมุ่งหน้าไปยังฟลอริดา แคริบเบียน และทวีปอเมริกาใต้
จึงเป็นยุทธศาตร์ที่เหมาะในการทดลองอาวุธของคนใจร้ายนอกโลกที่เหมาะสมมากที่สุด มีเรือหลายลำ เครื่องบินหลายประเภทให้ทดลองยิงได้หลากหลาย จึงซ้อมยิงกันอย่างสนุกสนาน มาซ้อมยิงกันบ่อย!! 
เค้ารู้จักโลกได้อย่างไร รู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปของโลกได้อย่างไร
นิทานบอกว่าเค้ามีความฉลาด(แต่โหดร้ายมาก) ทางด้านวิทยาศาตร์เค้าจึงเจริญ ทันสมัยมาก เค้ามีเครื่องมือชนิดนึง สมมุติเรียกชื่อว่า อุปกรณ์วีดีทัศน์ (เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้ไม่มีในโลกมนุษย์ จึงไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร) ที่นี่มีกล้องสามารถส่องเห็นมนุษย์บนโลกได้ทุกแง่ทุกมุม ทะลุผนัง ทะลุตึก ในตู้เค้ายังส่องเห็นได้หมด ชัดเจน แม้แต่วัดพระแก้วยังส่อง.. เฝ้าดูเราอยู่ตลอดเวลา!! (ไม่มีความเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวกันเลย...ไม่มีมารยาทอย่างแรง ต่อไปคงจะต้องมีกฎหมายของจักรวาล ว่าด้วยเรื่องสิทธิ...)
อาวุธอะไร ทำไมจึงมีอานุภาพร้ายแรงขนาดสามารถทำให้ยานหรือเรือหายไปได้ภายในพริบตา?
อาวุธยิงได้ด้วยรังสี ที่ทำมาจากแร่ (จะเรียกว่ารังสี หรือเลเซอร์ หรืออะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จักไม่เคยพบเห็นในเมืองมนุษย์) มีอานุภาพทำลายล้างได้ภายในพริบตาไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย ละลายไปในทันที นิทานเล่าว่าชาวสูตูไปนำแร่ต่างๆ ที่ใช้ทำอาวุธหรือยาน บางส่วนอาจมาจากดาวอังคาร โบราณว่า ดาวอังคารคือดวงดาวแห่งสงคราม น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะที่นี่เพียบพร้อมไปด้วยแร่ที่มีอานุภาพมาก บางแร่ไม่มีในโลกมนุษย์ หรือหาไม่ได้ในดาวดวงอื่นนอกจากที่นี่ ดังนั้นถ้าต้องการสร้างอาวุธหรือยานหรืออุปกรณ์ไฮเทคให้เหมือนชาวบ้านเค้า ก็ต้องไปหาแร่ที่ดาวอังคารมาทำกัน แต่ที่ดาวอื่นก็มีด้วยแต่แตกต่างแร่ และคุณสมบัติ ...ถ้าไปได้!!
&nbsp&nbsp&nbsp ตัวอย่างแร่ที่พบสมมุติว่าชื่อแร่ A ลักษณะคล้ายแร่ยูเรเนียมในโลก สีขาวๆ หม่นๆ แต่ไม่ใช้ยูเรเนียมเมื่อตายแล้วจะกลายเป็นแร่ตะกั่ว มีอานุภาพร้ายแรงมาก พลังงานสูงมาก สมมุติว่านำมา 1 กก ในโลกมนุษย์สามารถสกัดเป็นพลังงานใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ได้ถึง 80 ปี!!
&nbsp&nbsp&nbsp อีกแร่คล้ายแร่เหล็ก มันๆ วาวๆ ไม่ใช้เหล็ก สมมุติว่าชื่อแร่ B ไม่มีในโลกมนุษย์ แข็งแรง ทนทานมาก ทนต่อความร้อนได้ดี
ถ้าต้องการทำยาน หรือจรวดหรือจะเรียกอะไรก็ตามของนักวิทยาศาสตร์ ถ้าได้แร่ A,B มาหลอมหรือสกัดตามกระบวนการของนักวิทยาศาตสร์ แร่ A เป็นพลังงานขับเคลื่อน แร่ B เป็นยานหรือจรวด แต่ต้องมีสสารอีกอย่างต้องนำมาผสมกับ B เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและทนทานสูง ภายในยานต้องเคลือบด้วยแร่หรือสสารบางอย่างที่สามารถสะท้อนความร้อนออกไปภายนอกจรวดได้ น่าจะไปบินเล่นในดวงอาทิตย์ได้  นี่เป็นนิทาน แต่บางทีอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้...
การเดินทางของมนุษย์ใจร้ายจากนอกโลกมาถึงโลกมนุษย์ใช้เวลานานเท่าไหร่?
ประมาณ 17 ชั่วโมงตามเวลาของโลก มาด้วยยานที่บินได้เร็วมาก กำลังเครื่องยนต์เค้าไม่ใช้น้ำมัน บ้านเค้ามีน้ำมันเหมือนบ้านเราแต่เค้าไม่ใช้ เค้าใช้แร่ที่มีพลังงานขับเคลื่อนมากส่วนหนึ่งได้มาจากดาวอังคาร!
มนุษย์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?
รูปร่างผอมเกร็งคล้ายแขก ท่าทางเป็นอันธพาล หน้าตาดุร้ายมาก จิตใจโหดร้ายมาก ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าเครียดตลอดเวลา ชอบทานอาหารดิบๆ ผักดิบๆ เนื้อสัตว์ดิบๆ คล้ายๆลาบ หรือก้อย ที่คนในโลกทานกัน
แต่เค้ามีความเฉลียวฉลาดมาก&nbsp วิทยาศาตร์ในโลกเค้าพัฒนาล้ำหน้ากว่าบ้านเราเป็น 100,000 ปี
มนุษย์นอกโลกนี้เค้ามาจากไหน?
นิทานเล่าว่าเค้ามาจากดาวสูตู&nbsp (ในอนาคตถ้านักวิทยาศาตร์ค้นพบอาจตั้งชื่ออย่างอื่นตามใจนักวิทยาศาตร์ หรือตอนนี้อาจค้นพบแล้ว หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ)อยู่ทางทิศตะวันออกของโลก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้องดูดาวของนักวิทยาศาตร์ส่องดูจึงจะเห็น เล็กมากกก&nbsp อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มาก จึงไม่ค่อยมีแสงสว่างที่ดาวดวงนี้

สรุป ถูกยิงละลายหายไปโดยมนุษย์หน้าแขก นิสัยอันธพาลจากนอกโลก!! Xxx นิทาน 

0