Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Sid Vicious ที่มาของเรน ในการ์ตูนเรื่อง NANA

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ที่มาของเรน พระเอกอีกคนในการ์ตูนเรื่องนี้  แท้จริงแล้วมาจากมือเบส ของวงพังค์ อมตะ SEX PISTOLS นั่นเอง  




เขาคนนี้มีนามว่า SID VICIOUS (หล่อ เนอะ)  ดูตรง ผม กับ สร้อยดิ เหมือนเรน เลย

ชื่อเดิมเขาคือ Simon John Ritchie  แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็น John Simon Beverley

Sid เกิดในวันที่ 10 May 1957   London, England, UK

ที่เขาโด่งดังนั้นไม่ได้มาจากฝีมือการเล่นเบสขั้นเทพ แต่อย่างใด

แต่เพราะนิสัยห่าม การแสดงออกที่รุนแรง และใบหน้าอันหล่อเหลานั่นเอง ประกอบกับยุคนั้นเป็นยุคมืดที่วัยรุ่น มัวเมาอยู่กับ ดนตรี ยา และฟรีเซ็กซ์ เขาจึงก้าวเข้ามาเป็นไอดอลของวัยรุ่นขณะนั้นได้ ทั้งที่เล่น เบส ไม่เป็นเลย .......(ข่าววงในเล่าว่ามีคนเล่นอัดแทน และในคอนเสิร์ตเบสเขาก็ไม่มีเสียง  เขาเข้ามาในวงเพื่อทำให้วงดัง และเบสก็เป็นอะไรที่ง่ายสุดแล้ว  ฟังเขาเล่ามาอีกทีนะ)   แต่ดันเป็นคนที่คนจำได้มากที่สุด ..ซะงั้น




ในปี 1977 เขาเข้ามาจอยกับวง Sex Pistols ได้โดย หัวหน้าของวงนี้ Rotten เห็นในความโดดเด่นของเขาระหว่างการแสดงในวงเล็กๆ จึงออกปากชวนเขาเข้ามา  และในปีเดียวกันนั้นเองที่วง Sex Pistols โด่งดังแซงหน้าวงอื่น ไปอย่างรวดเร็ว เลยจะว่าเป็นเพราะเขาก็ไม่ผิด


Sid เสพติดเฮโรอีนอย่างเปิดเผย ส่วนสาเหตุการติดนั้น บ้างก็ว่าเพราะ Nancy แฟนสาวของเขาเป็นคนชักนำ บ้างก็ว่าเขาติดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะแม่เขาเองก็เสพ (แบบว่าป้าแก เป็น ฮิปมาก่อน...)

ต่อมา.....นี่คือ Nancy Spungen แฟนสาวของเขา



สาวอเมริกันผู้คลั่งไคล้วงดนตรีร็อค เธอใฝ่ฝันอยากจะเปนคนรักของศิลปินเพลงร็อคชื่อดัง จึงย้ายจากนิวยอร์คมาอยู่ใกล้ชิกวงดนตรีร็อค ทั้งหลายที่ลอนดอน ฝันของเธอเป็นจริง  เมื่อ Sid ได้พบกับเธอที่ห้องพักของเพื่อนคนหนึ่ง ไม่นานทั้งสองคนก้อย้ายมาอยู่ร่วมกันในฐานะคนรัก พวกเขาใช้ยาเสพติดอย่างหนัก  จนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหยาบคายในที่สาธารณะอยู่เสมอ
ทั้งคู่ต่างหมกมุ่นอยุ่กับการเสพเฮโรอีนและมักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน เมื่อให้สัมภาษณ์ออกทีวีก้อจะอยู่ในสภาพเมามายแทบคงสติไม่อยู่  : ย่อหน้านี้เอามาจากกระทู้เก่าค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=raEXGXw5VJM  ลองลิ้งไปดูนะ  คือ ทั้งคู่ดูมึนๆ




ที่สำคัญ เธอเป็น รักแรก รักเดียว รักสุดท้ายของเขาด้วย (อิจฉาๆ)

แน่นอนว่า แฟนคลับ และสมาชิกต้องไม่ชอบใจที่ทั้งคู่คบกันอยู่แล้ว

เพราะ ความเจ้ากี้เจ้าการทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัว Sid ของหล่อน ยุ่งวุนวายไปซะหมด แถมทำให้ภาพลักษณ์ Sid ยิ่งดูแย่ด้วย ถึงขนาดทั้งวงต้องบีบคั้นให้ Sid เลิกทั้งหล่อน ทั้งยา ..........Sid ไม่ทำทั้งสองอย่าง !!!

ต่อมาไม่นาน Sid ก็แยกเดี่ยวออกไปทำ Single เอง  Nancy เลยยิ่งถูกเกลียดหนัก เพราะถูกหาว่าเป็นคนทำให้วงแตก (เหมือน เรื่อง John Lennon กับ โยโกะ โอโนะ เลยเนอะ)

ลองคลิกไปดูในนี้ดิ รู้เลยพี่แกเมาจริงๆ

http://www.youtube.com/watch?v=WIXg9KUiy00

และแล้ว........เหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจ แฟนเพลง มาจนถึงทุกวันนี้.......

เมื่อ Sid ตกเป็นผู้ต้องหา ฆ่า Nancy ตาย....!!!!!

เหตุเกิดเมื่อ เช้ามืดวันที่ 12 ตุลาคม 1978 ที่ โรงแรมเชลซี ในย่านแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ค

เมื่อ Sid ที่เพิ่งสร่างจากอาการเมายา  พบ Nancy นอนจมกองเลือดในห้องน้ำ เขาจึงออกไปขอความช่วยเหลือ

ในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบร่องรอยอาชญากรรม คราบเลือดจากเตียงตรงตำแหน่งที่นอนข้างๆ Sid ยาวเป็นทางเดินไปถึงในห้องน้ำ และของกลางคือมีดล่าสัตว์ ที่มีรอยนิ้วมือของทั้งคู่ โดยที่ศพของเธอมีแผลลึกจากการถูกแทงจริง และเธอก็เสียชีวิตจากการเสียเลือดมาก

ในปากคำของซิด เขาตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นแนนซี่กำลังเล่นมีดล่าสัตว์เล่มนั้นอยู่บนเตียง ซึ่งเป็นมีดที่พวกเขาเพิ่งซื้อมาด้วยกันเมื่อวันก่อน

เขาแทบจะหลับลงในทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับเธอสักคำ พอเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งภาพที่เขาเห็นนั้นก็คือ.. เลือดเต็มที่นอนไปหมด  เลือดนองไปทุกที่ บนผ้า บนหมอน บนพื้นเป็นทางยาวไปถึงห้องน้ำ "ที่ผมคิดได้ตอนนั้นคือ แนนซี่ถูกฆ่าตาย"  ซิดลุกจากที่นอนทันทีวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำ ภาพที่เห็นก็คือ แนนซี่ฟุบอยู่ที่อ่าง หลังจากตั้งสติอยู่พักหนึ่ง ก็วิ่งออกไปนอกระเบียงขอความช่วยเหลือ 

แต่ตำรวจมีความเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น และเขาเองนั่นแหละที่เป็นฆาตรกร และฆ่าหล่อนโดยไม่เจตนา เพราะพยานแวดล้อมบ่งบอกว่าก่อนเกิดเหตุ Sid ได้เสพยาเข้ามากพอจะทำให้เขาขาดสติ  จนจำเหตุการณ์ไม่ได้  โดย Sid ถูกตั้งข้อหาทันที และถูกส่งไปคุมขัง ประกอบกับมีพยานเพิ่มเติมว่าได้ยินเสียง Sid และ Nancy  ทะเลาะถึงขั้นตบตีกัน และบนตัวทั้งคู่ก็มีร่องรอยต่อสู้กันจริงด้วย

Sid ได้รับการบำบัดให้หายจากอาการเสพติดยา โดยระหว่างนั้นเขาได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

ต่อมาตำรวจพบว่ามีผู้ต้องสงสัยคือ นาย Steve นามสกุลไรไม่รู้ ได้ออกมาจากห้องพักของทั้งคู่เป็นคนสุดท้าย และช่วงนั้น Sid ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตมีรายได้หลายหมื่นดอลลาร์ แต่ตอนตรวจที่เกิดเหตุไม่พบเงินของ Sid เลย แม้แต่แดงเดียว จึงเป็นไปได้ว่านายคนนี้เข้ามาขโมยเงินและแทง Nancy ที่เผอิญ ตื่นขึ้นมา ส่วน Sid นั้นหลับลึก เพราะฤทธิ์ยา  !!!!!!!! (ไม่น่าเลย)

เขาถูกปล่อยตัวจากเกาะไรเดอร์ปลายเดือนพฤศจิกายน 1978 เพื่อออกมาอยู่ในความควบคุมของแม่ และเจ้าหน้าที่ ช่วงนั้นเขามีแฟนใหม่  และพากันไปเที่ยวดิสโกเธคในนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และเกิดมีเหตุทะเลาะกับ  พี่น้องของนักร้องดังตระกูลSmith เขาถูกฟันที่หน้าด้วยเศษแก้วแตก Sid ยังอยู่ระหว่างการภาคทัณฑ์ จึงถูกจับอีกครั้ง พร้อมข้อห้ามเที่ยวสถานบันเทิงยามราตรีทุกแห่ง

Sid ถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระจริงๆ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1979 โดยเขาได้ให้ปากคำกับตำรวจเป็นครั้งสุดท้าย ว่า เขานี่แหละเป็นคนฆ่าที่รักของเขา เพราะ " I am a dirty dog ."  แต่ตำรวจเห็นว่าเขาเพียงเสียใจ หลังจากที่ได้อ่านรายงานคดี เขาคงโทษตัวเองว่าเขาเป็นคนทำให้เธอถูกฆ่า หากเขาไม่ทุบตีเธอจนเธอไม่มีแรงต่อสู้กับคนร้าย และหากเขาไม่เสพยาจนหลับลึกขนาดนั้น เขาคงช่วยหญิงอันเป็นที่รักของเขาได้ (เศร้าเนอะ....)


นี่คือบันทึกของเขาที่เขียนขึ้นขณะถูกคุมตัวอยู่ที่เกาะไรเดอร์

"เธอ(แนนซี่).. อยู่ในความคิดของผมตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน..
 
ผมตื่นขึ้นมากลางดึก..เอื้อมมือหาเธอ .........
 
หาร่างที่อบอุ่นที่ผมประคองกอดทุกคืนตลอด 2 ปีเต็ม ผมเหงื่อออกร้อนผ่าวไปทั้งตัว..

ผมกำลังฝันว่าได้รักเธออีกครั้ง.. รสสัมผัสที่ยังตราตรึงทำให้ผมแทบคลั่ง...

แนนซี่ในชุดนอนเซ็กซี่สีแดงดำไม่เคยเลือนหายไปจากความคิด...    ผมไม่มีวัน ฆ่าเธอได้ลง

ถ้าคุณได้รักใครสักคนมากเท่าที่ผมรักแนนซี่  คุณจะไม่มีวันฆ่าเธอได้เลย
 
ผมคิดถึงเวลาแห่งความสุขของเรา 2 คน.. 
 
แนนซี่มีความหมายสำหรับผม... เพราะ.. เราเหมือนกัน" 


 
แต่แล้วในคืนแรกที่เขาเป็นอิสระ เพื่อน และครอบครัวเขาได้จัดงานฉลองอิสระให้เขา  ซึ่งมีเพื่อนเขาคนหนึ่งนำเฮโรอีนมาในงาน......Sid
เสพเฮโรอีนเข้าไปจำนวนมาก เนื่องจากร่างกายของเขาไม่ได้รับยามานาน ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ทั้งๆที่เขาเคยใช้ยามานาน ไม่น่าเชื่อร่างกายเขาจะไม่อาจทานทน.. ... .....

แฟนสาวพบว่าเขาเสียชีวิตโดยหลับไปอย่างสงบ ข้างๆ เธอ ในเช้าวันรุ่งขึ้น

Sid Vicious เสียชีวิตลงในวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น  (ตามสโแกนของวงเลย Live fast, die young)

แม่เขาเปิดใจว่าในงานนั้น Sid บอกกับเธอว่า "แนนซี่กำลังรอผมอยู่.. ถ้าหากผมรีบไป ผมจะตามคนที่ผมรักได้ทัน"  TOT

ดร. ไมเคิล บาเน หัวหน้าชันสูตรทางยาแห่งนิวยอร์ค ได้ชันสูตรศพของซิด ว่า
"ตายโดยไม่เจตนา" 

ความปราถนาครั้งสุดท้ายของซิด ก็คือให้ฝังศพของเขาเคียงข้างแนนซี่ ทว่าครอบครัวของ สปันแกนปฎิเสธที่จะเปิดเผยสถานที่ฝังศพของแนนซี่

แอน เบเวอร์ลีย์ ด้วยความบังเอิญ เธอพบสุสานที่ฝังร่างของแนนซี่ เธอจึงเดินทางไปยังสุสานชาวยิว แห่งนั้นในฟิลาเดลเฟีย เพื่อนำเถ้ากระดูกของซิด ไปโรยที่หลุมฝังศพของแนนซี่

ในที่สุดเธอก็ได้ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของลูกชายเธอเป็นผลสำเร็จ... 


เรื่งราวของทั้งคู่ได้กลายมาเป็นตำนานคู่รักทรหด และถูกยกขึ้นมาพูดพาดพิงบ่อยครั้ง จนถึงปัจจุบัน

ในปี 1986 เรื่องราวของทั้งคู่ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนัง เรื่อง Sid and Nancy โดย Gary Oldman รับบทเป็น Sid vicious  หลายคนอาจคุ้นชื่อนี้นะ......ก็คนที่รับบทเป็น ซีเรียส แบล๊ก พ่อทูนหัวของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไง.....

     <<<<<<คนนี้นะเองจ้า


แถมเมืองไทยเรา ก็มีเอาแปลงเป็นนวนิยายด้วยเรื่อง  T
he moon light ที่หลายคนเคยอ่านแร้วนั่นแหละ

ก่อนไป ขอจบแบบเศร้าๆ


นี่คือกลอนที่ Sid แต่งให้ Nancy

You were my little baby girl,
I knew all your fears.
Such joy to hold you in my arms
and kiss away your tears.
But now you're gone, there's only pain
and nothing I can do. And I don't want to live this life,
If I can't live for you.






                                         เครดิตจาก 
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=428296
                                                             http://en.wikipedia.org/wiki/Sid_Vicious
                                                             ตามบอร์ดที่ไปอ่านมาและความเข้าใจของอะฮั้นค่ะ
 หากมีอะไรผิดพลาดก็ช่วยกันเพิ่มเติมนะคะ  ที่เอามาลงไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดีนะคะ  ^^



ใครเม้นน้า ขอให้เอนติดคณะที่หวัง  ใครเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ขอให้ได้ A 5ตัวรวดเลย  สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ







แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 7 มิถุนายน 2552 / 09:03

แสดงความคิดเห็น

>

28 ความคิดเห็น

555 4 มิ.ย. 52 เวลา 11:29 น. 5

เราว่าเรื่อง NANA คนเขียนอาจมีแรงบรรดาลใจ
มาจาก ทั้งคู่ก้อได้เนอะ109

0
อ่านะ 4 มิ.ย. 52 เวลา 15:29 น. 9

เห้ย เราว่าเค้าหล่อจริงๆ เน้

นานะ ก็เป็นเรื่องที่ซึ้งเน้
แต่ไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชนเน้

ใครที่อ่านคงรู้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ให้อะไรหลายอย่าง

0
aeksample 4 มิ.ย. 52 เวลา 18:11 น. 14

ตอบ คห ข้างบนนะจ๊ะ

คือ รู้นานละจ้ะ

แต่เผอิญว่ามันว่างจัด เลยเอามาลง แบ่งๆ กันรู้น่ะจ่ะ

คนที่ไม่รู้ ก็จะได้ความรู้รอบตัวบ้าง   ส่วนคนที่รู้จริง  ถ้ามีอะไรตกหล่นหรือ บิดเบือนก็จะได้ช่วยแก้ไขข้อมูล

ไม่ใช่ว่ามา เหน็บ อย่างนี้ นะจ๊ะ

 ^^

0
[[onizuka_L~* 4 มิ.ย. 52 เวลา 19:58 น. 17

ขอบคุณมากๆเลย
ถ้ามีโอกาสเราไปหานิยายเรื่อง มูนไล มาอ่านะ
เรื่องมันเศร้าเนอะ

0
Penalupii^_^ 5 มิ.ย. 52 เวลา 19:14 น. 20

เพิ่งรู้ละเอียดจริงๆก็วันนี้เนี่ยแหละ เคยอ่านจากมูนไลท์แล้วเศร้ามากๆ
พอมาอ่านกระทู้นี่เศร้ายิ่งกว่าเดิมอีก รู้สึกว่าความรักนี่มีพลังจริงๆ

0