Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กรดไหลย้อน...โรคทรมานชีวิตประจำวัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
โรคกรดไหลย้อนจากกระเพาะสู่หลอดอาหาร หรือ โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease : GERD) เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยสิ่งที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเป็นด่างหรือน้ำย่อยจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีภาวะหลอดอาหารอักเสบก็ได้

ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการแสบยอดอก หรือมีภาวะเรอเปรี้ยวร่วมด้วย (มีความรู้สึกเหมือนมีกรด หรือน้ำย่อยรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาที่คอหรือที่ปาก) ภาวะนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบได้ ถ้าเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรงอาจทำให้หลอดอาหารส่วนปลายตีบ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุหลอดอาหาร ในบางรายที่เป็นรุนแรงอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ นอกจากนี้ ในบางรายอาจมาด้วยอาการของโรคทางระบบหู คอ จมูก เช่น ไอเรื้อรัง เสียงแหบเรื้อรัง หรืออาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ หรือมีกลิ่นปาก เป็นต้น



สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

     1.หลอดอาหารส่วนปลายมีการคลายตัวที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับการกลืน ทำให้กรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารสามารถไหลย้อนกลับขึ้นไปสู่บริเวณหลอดอาหารได้ ซึ่งสาเหตุนี้จัดเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรค
     2.ความดันของกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณหลอดอาหารส่วนปลายลดลงต่ำกว่าคนปกติ หรือเกิดมีการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารมากขึ้น

     3.เกิดจากความผิดปกติในการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารเอง
     4.ปัจจัยทางพันธุกรรม



จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน

อาการสำคัญคือ แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ แล้วลามมาที่บริเวณหน้าอกหรือคอ อาการนี้จะเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก หรือเมื่อโน้มตัวไปข้างหน้า ยกของหนัก หรือนอนหงาย อาการสำคัญอีกประการก็คือ อาการเรอเปรี้ยว คือมีกรดซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก โดยผู้ป่วยอาจมีทั้ง 2 อาการหรืออาการใดอาการหนึ่งก็ได้ ในคนไทยที่เป็นโรคนี้บางครั้งอาจพบอาการนี้ไม่ชัดเจนอย่างคนในแถบตะวันตกหรืออเมริกา อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือกลืนลำบากในบางรายที่เป็นมาก บางรายอาจมาด้วยอาการที่ไม่ใช่อาการของหลอดอาหาร เช่น เจ็บหน้าอก จุกที่คอ มีอาการคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณลำคอ เสียงแหบ หรือเจ็บคอเรื้อรัง หอบหืด หรือปากมีกลิ่นโดยหาสาเหตุไม่ได้

 

จะวินิจฉัยอย่างไร
โดยปกติแล้วแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากอาการดังที่กล่าวมา โดยผู้ป่วยที่มีอาการทั้งแสบยอดอก และ/หรือ เรอเปรี้ยว (ทั้งนี้ไม่ควรมีอาการที่บ่งบอกว่าน่าจะเป็นโรคอื่น อาทิ น้ำหนักลด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ ถ่ายเป็นเลือด หรือมีไข้) แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะกรดไหลย้อน และให้การรักษาเบื้องต้นได้ โดยจะติดตามดูอาการของผู้ป่วย ในบางรายอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ส่องกล้องทางเดินอาหาร ตรวจทางรังสีวิทยา การตรวจวัดการบีบตัวของหลอดอาหาร และการตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร ซึ่งพบว่าได้ผลแม่นยำและดีที่สุดในปัจจุบัน



ควรปฏิบัติอย่างไรถ้าเป็นโรคนี้
โดยทั่วไปเป้าหมายของการรักษา แพทย์จะมุ่งเน้นให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น โดยรักษาอาการอักเสบของแผลในหลอดอาหารและป้องกันภาวะแทรกซ้อน การรักษาประกอบไปด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การให้ยา การส่องกล้องรักษาและการผ่าตัด ในเบื้องต้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งสามารถทำได้ดังต่อไปนี้

     1.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
     2.หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ อาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อคโกแลต
     3.ระวังไม่ให้น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป
     4.ระวังอาหารมื้อเย็น ไม่กินปริมาณมากและไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
     5.ควรรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
     6.ไม่ใส่เสื้อรัดรูปเกินไป
     7.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
     8.นอนตะแคงซ้ายและนอนหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว



**สำหรับยาในกลุ่มที่มีผลต่อการลดจำนวนการคลายตัวของหูรูดนั้น ยังมีอยู่จำนวนไม่มากและยังมีผลข้างเคียงอยู่พอสมควร

 

ที่มาจาก โรงพยาบาลเวชธานี


 


เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรทำอย่างไร

ถ้าปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น จำเป็นต้องรับประทานยาร่วมด้วย โดยยาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบันคือยาลดกรดในกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPI) โดยที่แพทย์จะให้รับประทานยาในกลุ่มนี้เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ ในบางรายที่เป็นมากอาจมีความจำเป็นต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี ซึ่งอาจจะมีการปรับการรับประทานยาแบบช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่กี่วันตามอาการที่มี หรือกินติดต่อกันตลอดเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดีการใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ในรายที่รับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นอาจพิจารณาการรักษาด้วยการส่องกล้องหรือการผ่าตัด
PS.  จะรอ....รอวันที่เราได้เจอกันอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าฉันยังลืมเรื่องของเราไม่ได้

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

nugea 6 ก.ค. 52 เวลา 11:37 น. 1

ขอบใจมาก
มีประโยชน์มากเลย
เราเคยเป็นตอนที่กินนำ้อัดลมอ่ะ
แต่เดียวนี้ไม่ค่อยได้กินแล้ว
เลยไมเป็น

0
วิทยาทาน 6 ก.ค. 52 เวลา 17:34 น. 3

กินขมิ้นผงหรือเคี้ยวสดๆครั้งละนิ้วโป้ง ก่อนนอน หรือเวลาเกิดอาการ ดีที่สุดตอนท้องว่างก่อนอาหาร
ขมิ้นชันหรือขมิ้นธรรมดาได้เหมือนกัน
ขนาดเลือดออกในกระเพาะจนต้องให้plasma ยังเอาอยู่
บอกเป็นทาน
ขอให้ผลบุญ&nbsp ช่วยให้คุณแม่เจ้าของตำหรับโบราณนี มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว

0
เกี่ย 1 ต.ค. 52 เวลา 14:49 น. 4

-ผมเป็นคนนึงที่เป็นโรคกรดไหลย้อน อาการของผมหนักมากวันแรกที่เป็นรู้สึกแน่นหน้าอก /แน่นท้อง /มีน้ำลายเหนียวๆ /อยากจะอ้วก /เรอบ่อยแต่ไม่หายแน่นหน้าอก คล้ายๆเหมือนมีก้อนน้อยติดที่ลิ้นปี่/แน่นจนขนาดหายใจไม่ออกต้องไปโรงพยายบาลให้อ๊อกซิเจน

-อยู่โรงพยาบาลได้1อาทิตย์ก็กลับมาบ้านแต่อาการก็ยังมีอยู่บ่อยๆกินยาไปได้1เดือนครึ่งก็ยังไม่ดีขึ้นมากเท่าไร น้ำหนักจาก59กิโลลดลงเหลือ46-47กิโลผมรู้สึกหดหู่ เครียด หมดเงินไปหลายหมื่นก็ยังไม่ดีขึ้น
-วันหนึ่งผมโทรไปหาญาติที่เป็นกรดไหลย้อนญาติผมเป็นก่อนผม4-5เดือนตอนนี้หายดีแล้วถึง 90-95% เค้าก็แนะนำมาว่าให้เรากินอาหารเสริมTransfer Factor plus advanced

-ผมเลยตัดสินใจลองเพราะอยู่อย่างนี้ก็ทรมานราคามันขวดละ ประมาณ 2000 กว่าบาท1กล่องมี 90 แคปซูลอยู่ที่ว่าเราจะซื้อในแบบสมาชิกหรือป่าวไม่เสียค่าสมาชิกด้วยกินมาได้1เดือนแล้วรู้สึกดีขึ้นมากอาทิตย์แรกกินคู่กับยาหมอหลังจากนั้นก็ไม่ได้กินยาหมอเลยน้ำหนัก46ก็ขึ้นมาเป็น49-50แล้วนี่แค่1เดือนญาติผมบอกให้กินไปประมาณ2-3เดือนแล้วจะหายเอง
***ใครสนใจในผลิตภัณท์Transfer Factor Plus Advancedยินดีให้คำแนะนำที่086-5572095 เกี่ย ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อนร่วมโรค
ติดต่อตั้งแต่10.00 - 22.00***1

0