คุณเชื่อใหม ว่ามีราชวงศ์ ที่โลกไม่รู้จัก!!!~
คำเตือน .....
บทความนี่มีสาระมากเกินกว่าที่คุณคิดนะครับ...........
ราชวงศ์ ฮัปส์บรูกส์ หรือ ฮัมส์บรูก แห่งราชอาณาจักรออสเตรีย ( ถึงแม้ว่าออสเตรียจะเป็นสาธารณรัฐแล้วก็ตาม แต่ว่าราชวงศ์ทั้งหมดก็ยังคงมีอยู่ และอยู่ในประเทศออสเตรียถึงปัจจุบันนี้
ตำแหน่งองค์พระประมุขของฮัปส์บรูกส์ มีดัีงต่อไปนี้
จักรพรรดิออสเตรีย
กษัตริย์แห่งคัสตีส
กษัตริย์แห่งอรากอน
กษัตริย์แห่งสเปน
กษัตริย์แห่งโปรตุเกส
กษัตริย์แห่งฮังการี
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
จักรพรรดิแห่งเม็กซิโก
จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส
ทำให้ราชวงศ์ฮัปส์บรูกส์ในอดีตนั้นเป็นที่ยิ่งใหญ่มาก ด้วยทั้งแสนยานุภาพและการเมืองโลก โดยทำให้ออสเตรียเจริญที่สุดนั้นอยู่ในสมัยของ "มาเรีย เทเรซา" ส่วนการเมืองโลกนั้น ออสเตรียยิ่งใหญ่ในสมัยของ " ฟรานซิสที่1" ผู้เป็นบิดาของ "มาเรีย หลุยส์" พระมเหสีสาวของ "นโปเลียนมหาราช" แห่งฝรั่งเศสนั้นเอง
" ทำไมถึงล่มสลาย?"
ราชวงศ์ฮัปส์บรูกส์นั้นสั่นคลอนตั้งแต่ปี พ.ศ.2349 เพราะนโปเลียนเข้าแทรกแซง
การเมืองภายใน ทำให้ประมุของค์สุดท้าย "จักรพรรดิฟรานซิสที่ 2 แห่งจัำกรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์สูญเสียราชอำนาจ พระองค์ทรงสร้างอาณาจักรใหม่ ที่ออสเตรียคือ จักรวรรดิออสเตรีย และทรงฉลองพระนามใหม่คือ " สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซิสที่1 แห่งออสเตรีย"
เป็นเวลาเดียวกับที่ นโปเลียน ได้รับตำแหน่ง " จักรพรรดินโปเลียน"
ในช่วงของการเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรีย-ฮังการี พ.ศ. 2410 ซึ่งเกิดจากการที่ประชาชนชาวฮังการีก่อการปฏิวัติเพื่อเรียกร้องเอกราชจากจักรวรรดิออสเตรีย สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย ต้องทรงไปไกล่เกลี่ยการจลาจลด้วยพระองค์เอง โดยทรงเจรจากับผู้นำปฏิวัติของฮังการี ในที่สุด ฮังการียอมจำนน และสลายการจลาจล จากนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิจึงทรงรวมดินแดนออสเตรีย และฮังการีไว้ด้วยกัน ในชื่อจักรวรรดิใหม่ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งเจริญรุ่งเรืองจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ราชวงศ์ฮับส์บูร์กเริ่มระส่ำระส่าย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเกิดจากการที่นักอนุรักษ์นิยม ลอบปลงพระชนม์อาร์คดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์แห่งออสเตรีย-เอสต์ และพระชายา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2457 ออสเตรียเรียกร้องให้เซอร์เบียรับผิดชอบ แต่ทางการเซอร์เบียเมินเฉย เป็นเหตุให้ออสเตรีย ประกาศสงครามกับเซอร์เบียทันที จนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 ออสเตรีย ซึ่งมีเยอรมนี เข้าช่วย ได้แพ้สงครามในที่สุด องค์พระประมุของค์สุดท้ายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 1 แห่งออสเตรีย (สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 4 แห่งฮังการี) ได้ทรงประกาศแยกออสเตรีย และฮังการีออกจากกัน ทำให้มีการล้มล้างจักรวรรดิ เป็นเหตุให้จักรวรรดิล่มสลายลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม พระองค์ยังไม่ได้ทรงสละราชสมบัติ พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย จวบจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465
ทหารรักษาพระองค์ออสเตรีย-ฮังการี
ทหารม้ารักษาพระองค์ออสเตรีย-ฮังการี
ราชวงศ์ฮัปส์บรูกส์ในปัจจุบัน
( ฉายพระฉายาลักษณ์ ที่ พระราชวังโชเอนบรุน กรุงเวียนนา ออสเตรีย )
พระราชวงศ์อิมพีเรียลออสเตรีย-ฮังการีไร้อำนาจ และ แทบจะไร้ความหวังต่อการหวนคืนบัลลังก์โดยประชาชนที่ยังจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์อิมพีเรียล จนกระทั่งเมื่ออาร์คดัชเชสอาเดลเลดแห่งออสเตรีย พระราชธิดาองค์โตในสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ล ได้ทรงเรียกร้องหวนคืนบัลลังก์ให้กับพระเชษฐาของพระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดิออตโตที่ 1 แห่งออสเตรีย ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์โตโดยทรงสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาหลังจากที่พระราชบิดาเสด็จสวรรคต เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย ได้ทรงเรียกร้องหวนคืนบัลลังก์ออกทางสื่อต่างๆ ทำให้รัฐบาลออสเตรีย และรัฐบาลฮังการีได้ร่วมมือกันประชุมหารือเรื่องการกลับมาของพระราชวงศ์อิมพีเรียล แต่การประชุมครั้งนี้ ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด เป็นเหตุให้ยุติการประชุมชั่วคราว
จนกระทั่งเมื่อวันที่12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 มีกลุ่มประชาชนที่จงรักภักดีในพระราชวงศ์อิมพีเรียล ได้ตั้งการชุมนุมเรียกร้องการฟื้นฟูสถาปนา พระราชวงศ์อิมพีเรียลออสเตรีย-ฮังการีขึ้น ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมื่อเวลา 9 นาฬิกา ต่อมาเวลา 18 นาฬิกา ก็มีการชุมนุมเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสถาปนาพระราชวงศ์อิมพีเรียลให้กลับมาครองบัลลังก์ และยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในออสเตรีย และฮังการีอีกด้วย การชุมนุมนี้มีขึ้น ณ ใจกลางกรุงเวียนนา โดยมีหัวข้อชุมนุมเรียกร้องเป็นภาษาเยอรมันว่า
89 Jahre Republik Sind Genug! แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า 89 Years are enough for the Republic: 89 ปี...มากพอแล้วสำหรับการเป็นสาธารณรัฐ
การชุมนุมของทั้ง 2 ประเทศนี้ ทำให้มีการประชุมอย่างเร่งด่วนในรัฐสภาทั้งในออสเตรียและฮังการี รวมทั้งประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศต่างหารือกันอีกด้วย ทั้งนี้ อาจมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของทั้ง 2 ประเทศ และอาจมีแนวโน้มว่า พระราชวงศ์อิมพีเรียลอาจกับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง และพระองค์เองอาจมีโอกาสได้กลับมาเป็นองค์พระประมุขเต็มตัวก็เป็นได้...
น่าเสียดาย ที่ชาวโลก ลืมบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งไปแล้ว
ปล.คราวหน้า มาพบกันกับ" ความหายนะของนโปเลียน"
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 23 กรกฎาคม 2552 / 15:36
PS. Marshal Kanase The Gold Dragon
7 ความคิดเห็น
โอ๊ะ....คนแรกๆๆ
ก็เพิ่งจะรู้เนี่ยแหละค่ะ
ขอบคุณที่เอามาลง
แต่ยาวมาก เลยอ่านบ้าง ข้ามบ้าง
PS. ~หากความจริงใจ ไม่มีค่าให้เธอนั้นจริงจัง ย้ำอีกทีว่าเธอจะทิ้งฉัน ย้ำอีกครั้งตรงนี้ดีกว่า มองหน้าคนที่เธอไม่แคร์ และทำให้จบเถอะนะ ไม่ต้องห่วงเลยว่าใคร นั้นจะขาดใจเพราะเธอ
^
^
^
^
หง่ะ
เป็นคนที่ สองก้อได้
PS. ~หากความจริงใจ ไม่มีค่าให้เธอนั้นจริงจัง ย้ำอีกทีว่าเธอจะทิ้งฉัน ย้ำอีกครั้งตรงนี้ดีกว่า มองหน้าคนที่เธอไม่แคร์ และทำให้จบเถอะนะ ไม่ต้องห่วงเลยว่าใคร นั้นจะขาดใจเพราะเธอ
มีสาระกว่าที่คิดเฮะ....แปลกจัยเลยนะเนี่ย
PS. ขอบคุณ นร้า คะ เหอะ ๆ
เกลียดโรมัน อ่ะๆ พี่เตอร์อย่าโกรธนะที่นอกเรื่องอ่ะ แต่
แป้งเกลียดโรมันมากก บังอาจมาทำร้ายกรีก อภัยให้ไม่ได้
จับตัดหัวเลย อ๊ากก แอ้ก
PS. รักกรีซ รักประวัติศาสตร์ รักภูมิศาสตร์ รักโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร โย้ววว...
จะว่าไปแล้ว สมัยนี้ที่ออสเตรียยังมี พระราชวงศ์ฮัปก์บรูกส์อยู่เหรอ
แป้งก็นึกว่า ตอนนี้ในยุโรป มีที่เดียวที่ปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์
คือ อังกฤษ
ปล.ตอนนี้กรีซยกเลิกการปกครองแบบจักรพรรดิไปแล้วว แต่ยังมีเชื้อพระวงศ์อยู่
PS. รักกรีซ รักประวัติศาสตร์ รักภูมิศาสตร์ รักโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร โย้ววว...
มีสาระมากมายยย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?