Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ที่มาความหมายของ 'ฮูลิแกน'

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จากมติชน

ฮูลิแกน

คอลัมน์ กูรูศัพท์กีฬา




เวลามีการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญๆ ที สิ่งที่ทำให้เจ้าภาพและทีมคู่แข่งทั้งสองฝ่ายตื่นเต้นไม่แพ้ผลแข่งที่ยังไม่ออกมา ก็เห็นจะเป็นพฤติกรรมของแฟนบอลซึ่งไม่รู้ว่าจะปะทุขึ้นมาตามอารมณ์ของเกมเมื่อไร

เหล่าแฟนบอลหัวรุนแรงหรือพวกอันธพาลลูกหนังนี้ มีหนึ่งคำเรียกที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นคือ ""ฮูลิแกน" (hooligan)" นี่เอง

อันที่จริงคำว่า "ฮูลิแกน" นั้นไม่ได้จำกัดว่าจะต้องหมายถึงแฟนบอลอันธพาลอย่างเดียว เพราะความหมายโดยรวมใช้สื่อถึงพวกนักเลงหัวไม้หรือกุ๊ยอยู่แล้ว เพียงแต่คำนี้ออกจะผูกพันกับกีฬามากเป็นพิเศษเท่านั้น

ส่วนที่มานั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด มีเพียงสมมติฐานว่ากันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะทฤษฎีไหนต่างก็อ้างตรงกันว่าคำนี้แผลงมาจากนามสกุลของชาวไอริชที่ว่า "ฮูลิฮาน" (Hoolihan) หรือ "ฮูลิแกน" (Hooligan) นั่นเอง

ดิคชันนารีของออกซ์ฟอร์ดระบุว่าคำนี้มีกำเนิดจากนามสกุลของครอบครัวคนพาลชาวไอริชในเพลงร้องสมัยทศวรรษที่ 1890 ขณะที่ "เออร์เนสต์ วีกลีย์" เขียนหนังสือชื่อ "โรแมนซ์ ออฟ เวิร์ดส์" ในปี 1912 โดยระบุว่า ฮูลิแกนมาจากครอบครัวชาวไอริชที่ช่วยสร้างสีสันในชีวิตที่จืดชืดของผู้คนเขตเซาธ์วอร์กในกรุงลอนดอนเมื่อ 14 ปีที่แล้ว (ณ เวลานั้น) บ้างก็ว่ามาจากภาษาไอริชว่า "ฮูลี่" ที่หมายถึง ดิบเถื่อน

นอกจากนี้ยังมีหนังสือ "ฮูลิแกน ไนต์ส" ของ "คลาเรนซ์ รู้กส์" ตีพิมพ์ในปี 1899 กล่าวถึงนักเลงเฝ้าร้านชื่อ "แพตทริค ฮูลิแกน" ซึ่งฆ่าตำรวจตายเลยต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตและเสียชีวิตในคุกในเวลาต่อมา

คำว่า "ฮูลิแกน" ปรากฏครั้งแรกในสำนวนคดีของตำรวจเมืองผู้ดีในปี 1894 โดยใช้เอ่ยถึงแก๊งนักเลงวัยฉกรรจ์ชื่อ "ฮูลิแกนบอยส์" ในย่านแลมเบธของกรุงลอนดอน ต่อมาในปี 1898 เมื่อสมาชิกของแก๊งดังกล่าวก่อเรื่องฆ่าคนตาย หนังสือพิมพ์จึงนำคำนี้มาใช้แตกหน่อเป็นศัพท์ใหม่ๆ มากมาย อาทิ hooliganism, hooliganesque, hooliganic และกริยา hooligan แต่สุดท้ายเหลือเพียงคำว่า hooliganism ซึ่งใช้สื่อถึงพฤติกรรมการก่อความวุ่นวายที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับโลกกีฬา กล่าวกันว่าเริ่มต้นใช้คำว่า "ฮูลิแกน" ราวทศวรรษที่ 1960 ในวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่ถ้านับเฉพาะประวัติความรุนแรงของผู้ชมกีฬาระหว่างการแข่งขันแล้ว ปรากฏหลักฐานว่าในปี ค.ศ.532 เกิดเหตุวิวาทระหว่างผู้ชมสองฝ่ายต้นเหตุจากการแข่งขันรถศึกเทียมม้าที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล

เป็นความวุ่นวายที่ต่อเนื่องถึง 1 สัปดาห์ และลงเอยที่เผาเมืองไหม้ไปครึ่งหลัง และมีคนตายหลายหมื่นคน!!


PS.  เป็นแฟนพันธุ์แท้เรา...ต้องอดทน!!!

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

Deta 22 ส.ค. 52 เวลา 15:17 น. 1

โอะโอว *-*

คำนี้น่ากลัวกว่าที่คิด
เหอเหอเหอ


PS.  [สถานะ:: แอบเซ็ง]// ข้าน้อยไม่ชอบสบู่ก้อน เพราะงั้นข้าน้อยไม่ก้มเก็บสบู่หรอกนะ =w=~ เมี้ยว~ // โฮะ! อะไรกัน? ท่านที่ทำสบู่ตกแบบนั้น หมายความว่ายังไงกันนะ? ลัลลา~~
0
puresamon 22 ส.ค. 52 เวลา 16:15 น. 2

ว้าว~~ เคยได้ยินผ่านๆ ไม่เคยรู้ว่ามันมีที่มาที่ไปเหมือนกันนะ อืม...

ชอบรูปนี้ค่ะ ^^

0
sarinubia 22 ส.ค. 52 เวลา 21:35 น. 4

รู้สึกเหมือนเคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว

พ่อหรือพี่เอามาเปิดให้ดู -_-


PS.  ระหว่างมีโอกาส...แต่ไม่ไขว่คว้า กับ ไม่มีโอกาส...แต่ไขว่คว้าขวนขวาย อยากเป็นใครดีล่ะ ?
0
14-HAKASE 23 ส.ค. 52 เวลา 19:20 น. 5

อดีตเปลี่ยนมาจนถึงปัจจุบันสินะครับเนี่ย


PS.  ปัญหาทุกปัญหามีทางออก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะหาประตูที่แฝงตัวอยู่ในความมืดเจอหรือไม่
0