จากค่าน้ำนมถึงอิ่มอุ่น ภาพสะท้อนสังคมไทย .... เพราะอยากให้ทุกวันคือวันที่แม่สำคัญ
แม้ตอนนี้จะล่วงเลยวันแม่ มาซักพักแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ได้รักแม่ในวันอื่นๆนี้
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่แม่สำคัญ
เพราะในทุกๆวัน
มีผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้กำเนิดชีวิตเล็กๆ บนโลกใบกลมๆใบนี้อยู่
และรวมถึง ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นยังคอยรัก และดูแลเราอยู่เสมอ
ตั้งแต่วินาทีที่เธอรู้ว่ามีเรากำลังเติบโตในตัวเธอ จนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ
อย่าลืมที่จะรักแม่นะคะ....แล้วก็อย่าลืมรักพ่อด้วยล่ะ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ถ้าวันแม่กำลังจะมาถึง ทุกโรงเรียน ห้างร้านล้วนประดับประดาในแนวคิดของความรักกตัญญูคุณแม่ และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ เพลงวันแม่
เมื่อก่อนพอถึงวันแม่ ก็จะได้ยินเพลง
"ค่าน้ำนม"
กระหึ่มในฐานะเพลงของวันแม่
แต่เมื่อสิบกว่าปี หรือนานกว่านั้น
ก็มีอีกเพลงหนึ่งที่แรงพุ่งขึ้นมาเทียบชั้นเพลงค่าน้ำนม นั่นก็คือเพลง
"อิ่มอุ่น"
ทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่
มีความหมาย
มีคุณค่า
สะท้อนความรักความผูกพันของแม่-ลูก
ความกตัญญูที่ลูกต้องนึกถึงบุญคุณที่เลี้ยงดู
เมื่อฟังเพลง"ค่าน้ำนม" และ "อิ่มอุ่น"
ก็จะซาบซึ้งด้วยภาษาและท่วงทำนองของบทเพลงที่ทำได้อย่างกลมกลืนลงตัว
จากการวิเคราะห์เมื่อฟังหลายๆรอบจะพบว่า
สะท้อนภาพสังคมไทยได้ดีพอสมควร
เพลงค่าน้ำนม
ประพันธ์โดย ครูไพบุลย์ บุตรขัน
และ
ค่าน้ำนมโดย พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง
ลองมาเทียบกันท่อนต่อท่อนนะคะ
ค่าน้ำนม-แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล
อิ่มอุ่น-อุ่นใดใดโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม
ครูไพบูลย์สะท้อนว่าน้ำนม(เป็นสัญลักษณ์) หรือ การเลี้ยงดู
มีบุญคุณมาก เริ่มตั้งแต่เรายังนอนเปล-ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
พี่จุ้ยสะท้อนให้เห็นว่าความรักความอบอุ่นไหนก็ไม่เท่าอ้อมกอดแม่
(เป็นสัญลักษณ์-ไม่ใช่แค่กอดอย่างเดียว แต่เป็นความรักและการดูแล)
สมัยก่อนใช้เปลแกว่งให้ลูกนอน
ส่วนปัจจุบันแทบไม่ใช้เปลกันแล้ว
เลยใช้การอุ้ม ตะกองกอด กล่อมจนหลับ
แต่ทั้งสองสมัย
ก็รักลูกพอๆกัน
ค่าน้ำนม-กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล
อิ่มอุ่น- ...ไม่อยากจากไปไกลแม้เพียงครึ่งวัน
ครูไพบุลย์ บอกว่าแม่ดูแลลูกไม่อยากจากไปไกล
ซึ่งพี่จุ้ย เทียบความไกลออกมาเป็นเวลาครึ่งวัน
ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าแม่ทั้งสองสมัยรักและเป็นห่วงลูกไม่อยากคลาดสายตาจากลูกเลย
สมัยก่อนเวลามันไม่เร่งรีบเท่าปัจจุบัน สมัยก่อนไกลนั้ถือว่าหนักมาก
แต่ปัจจุบันเราอาจไม่มีเวลาให้ลูกแม้ว่าอยู่ด้วยกันแบบเห็นๆ
เพราะมีสิ่งอำนวนความสะดวกให้เรามากขึ้น
ความเป็นส่วนตัวก็ลดลงเช่นโทรศัพท์ อีเมล
ทำให้เราต้องทำงานมากขึ้นเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ค่าน้ำนม-แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ
อิ่มอุ่น-ให้กายเราใกล้กันให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน
ครูไพบูลย์บอกว่าแม่รักลูกดังดวงใจ
และ
พี่จุ้ย ขยายให้เราเห็นถึงความรักแบบดวงใจทั้งสองเชื่อมโยงผูกพัน
ค่าน้ำนม-เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
อิ่มอุ่น-น้ำนมจากอกอาหารของความอาทร
ครูไพบูลย์สร้างวรรคทองนี้ได้แรงมาก สะเทือนดวงใจลูกๆทุกคนทุกๆสมัยครับ
(ขอกราบคารวะดวงวิญญาณครูค่ะ)
พี่จุ้ยก็เทียบให้เห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของความอาทร
ซึ่งก็คือความรักและเสียสละอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน
ค่าน้ำนม-ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน
บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย
อิ่มอุ่น-ให้เจ้าเป็นเด็กดีให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป
วรรคนี้สะท้อนให้เห็นว่าค่านิยมในการบวชเรียนเพื่อเป็น
บัณฑิตทางธรรมนั้นเป็นการทดแทนบุญคุณ
คนสมัยก่อนจึงบวชเรียนทดแทนบุญคุณพ่อแม่ก่อนแต่งงาน
แต่ปัจจุบันแม่คาดหวังให้เป้นคนดี มีคุณธรรม
และเป็นความหวังเป็นที่พึ่งของแม่ต่อไปในภายภาคหน้า
ทั้งสองเพลงมีเหตุมีผล
เริ่มจากความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา
หาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้
แม่รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไม่เรียกร้องไม่คาดหวังมากจนเกินไป
ไม่ทวงบุญคุณ
แต่หน้าที่ของลูกต้องรู้คุณและแทนคุณตามเนื้อร้องของเพลงทั้งสอง
สังคมแม้ว่าจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยแต่ความรักของแม่ทุกยุคสมัยไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ
ขอมอบความดีของบทความนี้ให้คุณแม่ของเราและคุณแม่ทุกคนในโลกค่ะ
PS. ในเมื่อฉันไม่ใช่ "นางฟ้า" แล้วจะตามหา "เทวดา" ทำไม???
แสดงความคิดเห็น