Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ผู้ที่มีไอคิวสูงที่สุดในโลก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 IQ228
เคยสงสัยไหม? ผู้หญิงกับผู้ชายใครฉลาดกว่ากัน?
ไม่รู้ซิครับ!! แต่ที่แน่ๆ คนที่ฉลาดที่สุดบนโลกกลมๆใบนี้เป็น...ผู้หญิง ครับ

มารู้จักกับคนที่ “ฉลาดที่สุดในโลก” ตั้งแต่มีการบันทึกมา กันดีกว่า


“เธอคือผู้ที่มีไอคิว”สูงสุดในโลก ถึง 228” ตามที่ได้บันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ก”

“แหวนแต่งงานของเธอทำจาก คาร์บอนไพโรไลติก วัสดุสุดไฮเทคที่ใช้ทำหัวใจเทียม
รุ่นล่าสุด ที่ประดิษฐ์โดยสามีของเธอ”

"เธอคือนางมารร้าย สำหรับนักคณิตศาสตร์ทุกผู้ทุกนาม"


ผู้ชายทั้งหลาย โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง..!!!
มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก ตั้งแต่มีมนุษย์มา...เป็นผู้หญิงครับ


เธอเชื่อ “มาริลิน วอส ซาวองท์” (Marilyn vos Savant )





ประวัติของ“มาริลิน วอส ซาวองท์”....

Born: 11-Aug-1946
Birthplace: St. Louis, MO
Gender: Female
Race or Ethnicity: White
Sexual orientation: Straight
Occupation: Columnist
Nationality: United States
Executive summary: IQ 228, still dumb
Father: Joseph Mach
Mother: Mary vos Savant
Husband: (10 years, div., 2 children)
Husband: (10 years, div.)
Husband: Robert Jarvik (m. Aug-1987)

ตอนอายุ 10 ขวบ มาริลิน ไปทดสอบ IQ Stanford-Benet test ก็ทำลายสถิติ
สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา จากนันเธอทำการทดสอบ MEGA test อีกครั้งเมื่อ
อายุ 22 ปี 10 เดือน ก็ทำลายสถิติ สูงสุดเท่าที่เคยมีมนุษย์มาอีก และทำลายสถิติอีก
หลายรายการที่ทำการทดสอบ...

“vos Savant's Stanford-Binet ratio IQ of 228 corresponds to a deviation IQ of 188, and her Mega Test deviation IQ of 186 corresponds to a ratio IQ of 224”

ไม่ต้องพูดกันถึงเรื่องพวก คิดเลขคูณเลข ในใจ 256 คูณ 3 หาร 12=?
หรือประเภทเลขยกกำลัง ถอดรู๊ท... ในใจ
อะไรง่ายๆพวกนั้น เด็กคุม๊อง เด็กอัจฉริยธรรมดาๆ ก็ทำได้แล้วครับ
ขึ้นชื่อว่าระดับ IQ 228 ต้องไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจนเธอได้รับสมยานามว่า...


"the smartest person in the world."


แต่ ชื่อเสียง มาริลิน ในวงการคณิตศาตร์ของเธอไม่ดีเอาเลย เป็นไม้เบื่อไม้เมา..
กับนักคณิตศาสตร์เสมอมา เธอคอยตั้งข้อสังเกตุ บทพิสูจน์ ทฤษฎีต่างๆ รวมทั้ง
ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์แมต์ และ ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์..

จะด้วยความอิจฉาที่ คอลัมน์ "Ark Marilyn" ของเธอ มีผู้อ่านเป็นล้านทุกสัปดาห์
หนังสือที่เธอเขียนและการถูกเชิญไปบรรยายตามที่ต่างๆ ของเธอ สามารถทำให้เธอ
ใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบาย ในขณะที่นักคณิตศาสตร์หลายคนไม่ได้เงินแม้แต่
สตางค์แดงเดียวจากหนังสือพวกเค้า

และเรื่องๆ หนึ่งที่เธอทุบวงการคณิตศาสตร์ และโด่งดังมากที่สุด
โด่งดังจนได้รับการกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ....



“3 Doors” หรือ “Goat”



ในคอลัมน์ "Ark Marilyn" เมื่อวันที่ 9 กันยายน 1990 เธอได้ตอบจดหมายผู้อ่านคนหนึ่งที่ถามว่า...

ในเกมส์โชว์ “Let Make a Deal” ที่ผู้เล่นจะมีประตูสามประตูให้เลือก
ข้างหลังประตูหนึ่งมี”รถยนต์”หนึ่งคัน ขณะที่อีกสองประตูที่เหลือมี”แพะ”
สมมุติว่าผู้เล่นเลือกประตูหนึ่ง และพิธีกรผู้รู้ว่ารถอยู่หลังประตูไหน?
ได้เปิดอีกประตูที่มีแพะ....จากนั้นให้เลือกว่าคุณยืนยันจะเลือกประตูแรก
หรือต้องการเปลี่ยนอีกประตู?


เราควรเลือกอะไรดี?


นี่คือปัญหาที่เรียกว่า มอนตี้ ฮอลล์ ที่แขกของรายการโทรทัศน์ยอดนิยม “Let Make a Deal” จะต้องถูกถามทุกครั้ง!!



"มิริลิน" แนะนำให้ผู้อ่านของเธอเปลี่ยนประตู!!!!


การยืนยันจะเลือกประตูแรกจะทำให้ผู่เล่นมีโอกาส “หนึ่ง ใน สาม” เท่านั้นที่จะชนะ แต่ถ้าเปลี่ยน
โอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น “สอง ใน สาม”!!! (โอกาสชนะถึง 66.66%)

เพื่ออธิบายให้ผู้อ่านมั่นใจยิ่งขึ้น
เธอบอกให้พวกเค้าจินตนาการว่า มีประตูหนึ่งล้านประตู และ”คุณเลือกประตูที่หนึ่ง” เธอกล่าว
แน่นอนแน่นอนพิธีกรซึ่งรู้ว่ามีอะไรอยู่หลังประตู จะต้องเลี่ยงที่จะไม่เปิดรางวัลใหญ่ และถ้า
คุณเห็นพิธีกรเปิดทุกประตู (แล้วมีแพะ) ยกเว้นประตูที่ 777,777 คุณจะรีบเปลี่ยนประตูทันทีจริงไหม!!


ทันทีที่คำตอบของเธอปรากฎในนิตยสาร จดหมายจากแฟนๆ รวมถึงเหล่านักคณิตศาสตร์
ได้ทะลักเข้ามาหาเธอ พวกเขา และใครๆก็ โจมตีว่าเธอผิด!!!! ผู้เล่นที่เปลี่ยนประตูโอกาสชนะ
ยังเป็นแค่ ห้าสิบ-ห้าสิบ อยู่


อย่างเช่น..


“ในฐานะนักคณิตศาสตร์ ผมรู้สึกกังวลต่อความอ่อน
หัดทางคณิตศาสตร์ของคนสมัยนี้มาก และผมอยากให้คุณ
กรุณาช่วย(แก้ปัญหานี้) ด้วยการยอมรับผิด”

จาก : ดร.โรเบิร์ต แชคส์, มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน


ขอบคุณที่มานะ...http://www.pantown.com/board.php?id=119&area=4&name=board1&topic=569&action=view


หรือ...

“คุณพลาดไปแล้ว พลาดอย่างมหันต์! ผมจะอธิบาย
ให้ฟังว่าไม่ว่า หลังจากที่พิธีกร เปิดแพะออกมาตัวหนึ่ง
เราจะมีโอกาส ห้าสิบ-ห้า-สิบ ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนประตูหรือไม่
โอกาสยังเท่าเดิม!! ประเทศเรามีสถิติคนไม่รู้คณิตศาสตร์มากพอแล้ว
ขออย่าให้มีคนไอคิวสูงมาเพิ่มสถิติอีกเลย น่าอายจริงๆ”

จาก : ดร.สก๊อตต์ สมิท มหาวิทยาลัยฟอริด้า



จดหมายทำนองนี้อีกมากมายก่ายกอง แถมเธอยังถูกสำนักงานสถิติแห่งชาติ
และศุนย์ข้อมูลเพื่อความปลอดภัยของประเทศ “บริภาษ”
จดหมายบางฉบับว่าเธอแรงๆอย่างเช่น “หล่อนนี้แหละ นางแพะโง่ตัวจริง ”

หรือ

“ถ้าคุณยอมรับข้อผิดพลาดของคุณ เท่ากับคุณมีส่วนแก้ไขสถานการณ์นี้
จะต้องมีนักคณิตศาสตร์ขี้หงุดหงิดอีกกี่คน ถึงจะทำให้คุณยอมรับความผิดพลาดได้”

ดังเป็นพลุ เลยครับ ได้ที ”ขี่แพะไล่” จริงๆ บรรดา นักคณิตศาสตร์ชั้นหัวกระทิและผู้รู้ทั้งหลาย
ไล่ถล่มเธอแบบไม่เลี้ยงเลย ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะตามแนวคิด ตามหลักคณิตศาสตร์
ตามหลักสถิติแล้ว เหลืออีก 2 ประตู "โอกาสชนะก็ต้อง 50-50" จริงไหมครับ


เช่นเดียวกับ "การโยนเหรียญ" โอกาสออกหัว ออกก้อยแต่ละครั้งก็ 50-50


“มิริลิน” นิ่ง...และโต้กลับในคอลัมน์ของเธอว่า
“เมื่อความจริงกับสันชาตญานประทะกันอย่างแรง ทุกคนต่างรู้สึกถึงแรงสะเทือน”
ครานี้เธอพยามอธิบายใหม่ บอกว่า...

สมมุติว่าพอพิธีกรเปิดประตูที่มีแพะออกมา ยานลำหนึ่งก็ลงมาจอดบนเวที
และมนุษย์ต่างดาวตัวเขียวตัวหนึ่งก็ออกมา..พิธีกรขอให้มนุษย์ต่างดาวเลือกเปิด
ประตูหนึ่งในสองประตู โดยที่มันไม่รู้มาก่อนว่า ผู้เล่นคนเดิมได้เลือกประตูใด
ประตูหนึ่งไว้แล้ว..โอกาสที่มนุษย์ต่างดาวจะได้รถเป็น ห้าสิบ-ห้าสิบ


แต่นั่นเป็นเพราะว่า มนุษย์ต่างดาวมันไม่มีข้อได้เปรียบอย่างที่ผู้เล่นคนเดิมได้
นั่นคือ..การช่วยเหลือจากพิธีกร...!!

ความจริงก็คือ...

"ถ้ารถอยู่หลังประตู 2 พิธีกรจะเลือกเปิดประตู 3 และ ถ้ารถอยู่หลังประตู 3
พิธีกรจะเลือกเปิดประตู 2 เพราะฉะนั้นถ้าคุณขอเปลี่ยนคุณจึงชนะ ไม่ว่ารถนั้นอยู่หลัง
ประตู 2 หรือ 3 คุณจะชนะทั้ง 2 ประตู!!


แต่ถ้าคุณไม่เปลี่ยน คุณจะชนะถ้ารถอยู่หลังประตูที่ 1 เท่านั้น”


มาริลีน ถูกต้องแล้ว!!!!!


นักคณิตศาสตร์ ทั้งหลาย...ต้องหน้าแตกและก้มหน้ายอมรับ!!
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ทดลองทำการ random ด้วยคอมพิวเตอร์ กว่า 10,000 ครั้ง
ผลออกมา...


ถูกต้อง แล้วคร๊าบ!!!!


“สองในสาม” ตรงตาม ที่"มาริลิน"ทำนายไว้แป๊ะ...!!!!!


จากคุณ : LAST VODKA - [ 16 ก.พ. 51 10:04:57 >
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6337270/X6337270.html


PS.  ถ้าคุณสวย ดี ทุเรศ เริดไฮโซ ปาท๊องโก้ อ้วนผอม มาไอดีเรา เวลคั่ม!!~♥

แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

๏NuBee๏ 1 ก.ย. 52 เวลา 15:49 น. 1

ว้าวววววว

สุดยอดจริงๆ 

แต่เท่าที่เคยอ่านมา เค้าบอกว่าไอสไตน์ฉลาดที่สุด

เชื่อใครดี = =

0
Minda 13 ก.ย. 53 เวลา 22:08 น. 10

นี่แหละนะ พรจากพระเจ้า.....

เราเก่งวาดรูป กับคิดเลขเร็ว แค่ 2 อย่าง

แต่คณิตที่นอกเหนือจากนั้น โง่บรมเลย

0
สวัสดี 17 ก.พ. 54 เวลา 20:09 น. 12

คนที่มีระดับ "ไอคิว" สูงที่สุดไม่ใช่ da vinci ครับ da vinci มีไอคิวทีจัดโดยนิตยาสาร cox ในปี 1926 ที่ 180 และนิตยาสาร buzan ปี 1994 และ 2005 ที่ 220 คนที่มีการบันทึกว่ามีระดับ "ไอคิว" สูงที่สุดคือ adragon de mello ซึ่งวัดตอนอายุ 5 ขวบ ได้ 400 วัดโดย ratio iq

0
JetPond 23 ก.พ. 54 เวลา 19:25 น. 13

ทำไมผมได้ 1/4หว่า
สมมติ&nbsp รถอยู่ประตู 1
เลขตัวแรก&nbsp คือ&nbsp ประตูทีี่เลือกตอนแรก
เลขตัว 2&nbsp &nbsp  คือ ประตูที่พิธีกรเปิด
เลขตัว 3&nbsp &nbsp  คือ&nbsp ประตูที่เลือกรอบ 2
แซมเปิลสเปซ ตามเงื่อนไขที่ว่าพีธีกรเลือกแพะ {121,123,131,132,232,231,323,321}
121&nbsp ถูกโดยที่เลือกประตูเดิม
131&nbsp ถูกโดยที่เลือกประตูเดิม
231&nbsp ถูกโดยเปลี่ยนประตู
321&nbsp ถูกโดยเปลี่ยนประตู

เหตุการณ์ที่สนใจ
1.ถูกโดยที่เลือกประตูเดิม
2.ถูกโดยเปลี่ยนประตู

E1={121,131}
E2={231,321}

P(E1)=2/8=1/4
P(E2)=2/8=1/4

ซึ่งรอบ 2 ยังไงก็ต้องเลือกว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ได้เปลี่ยนก็แปลว่าไม่ได้เพิ่มโอกาสชนะแต่กลับเป็นการลดโอกาสชนะซะอีก

ปล.ผม ม.3 ลองนั่งพิสูจน์เล่นๆครับ

0
cream 28 ก.พ. 54 เวลา 22:04 น. 14

งงอ่า
ตกลงใครฉลาดที่สุดกันแน่
ที่เราได้ยินมานะคือ

เป็นผู้ชาย ชื่อ William James Sidis ซึ่ง IQ ของเขาประมาณอยู่ที่ 260-300

ความอัจฉริยะของเค้าฉายแววตั้งแต่เด็ก

-เมื่ออายุ 1 ขวบ สะกดคำทุกคำได้ถูกต้อง

-เมื่อ อายุ 1 ขวบครึ่ง ก็สามารถอ่าน หนังสือพิมพ์ New York Times ได้

-เมื่ออายุ 2 ขวบ ...ก็สามารถเรียนรู้ภาษาลาติน ด้วยตัวเอง

-เมื่อ 3 ขวบ สามารถพิมพ์ดีดแล้ว ส่งจดหมายสั่งของเล่นมาให้ตัวเอง

-เมื่อ 4 ขวบ ...สามารถอ่านนิยายภาษาลาติน จากนิยายเรื่อง Caesar's Gallic Wars

ในด้านภาษาการเรียนรู้ของเค้า ถึงจุดสุดยอด ที่ว่า นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครในโลกสามารถทำได้อย่างตลอดกาล คือ การเรียนรู้ ภาษา ภายใน 1 วัน (อย่างคล่องแคล่วซะด้วย) และ ในภายหลัง เขาสามารถ พูด สนทนา เขียน อ่าน ได้อย่างคล่องแคล่ว มากถึง 200ภาษา&nbsp 

(แต่อาจจะเป็น adragon de mello ตามที่ คห.12พูดก็ได้ค่ะ)

0
แมลงปอ 9 พ.ค. 54 เวลา 20:47 น. 15

ทำไงดีอ่ะเราอ่านหนังสือก็บอกว่าไอซไตน์แต่พออ่านหนังสือที่เราชอบอ่านก็บอกว่าเป็นคนเกาหลีเอ๊ะยังไงแต่ก็ต้องเชื่อเพราะหลักฐานเยอะเลยอ่ะ

0
siyada's 22 พ.ค. 54 เวลา 20:35 น. 16

อ้าว งง

เอ๊ะ มันยังไงหว่า ?

หนังสือเล่มหนึ่งบอก ไอซไตน์
หนังสือเล่มหนึ่งบอก ดาวินซี
หนังสือเล่มหนึ่งบอก คนเกาหลี
หนังสือเล่มหนึ่งบอก.......

OH ! My God !!

ไม่ซ้ำกันซักเล่ม ( เท่าที่อ่านมา )

0
goi 8 ส.ค. 54 เวลา 20:36 น. 17

งงเหมือนกันบางเล่มบอก คนเกาหลี
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ไอสไตน์
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  แล้วนี่บอก.....................................................
โอ้ย งง&nbsp 

0
Miew(มิวร์) 28 ส.ค. 54 เวลา 13:13 น. 18

ความคิดเห็นที่ 13 ครับ ผมว่าคุณผิดนะครับ
ถึงแม้ว่าผมเด็กอยู่ ไม่มีความรู้ด้านคณิตอะไรมากมาย แต่จากการที่ผมได้คิดไว้ก็คือ
โอกาสที่รถจะอยู่ทั้ง 3 ประตูนั้นคือ 1/3&nbsp ทั้ง 3 ประตูเลยใช่ไหมครับ ดังนั้น ประตูที่ถูกเลือกครั้งแรก สมมติให้เป็นประตูแรกแล้วกัน โอกาสที่จะถูกคือ 1/3 แต่ ประตูที่ 2 และ 3 รวมกัน โอกาสถูกคือ 2/3 นะครับ ถ้า ประตูที่ 2 และ 3 รวมกัน เป็นประตูเดียวคือมีโอกาส 2/3 ใช่ป่าวคับ แล้วที่นี้ พิธีกรก็จะเปิดประตูที่ 2 หรือ 3 นะครับ จากนั้นลองคิดดูว่า เหลือประตู ไม่ 2 ก็ 3 ที่ยังไม่ได้เปิด ซึ่งก็เหมือนกับว่า อีกประตูที่ยังไม่ได้เปิดนั้นแหละ โอกาสก็ยังเป็น 2/3 เหมือนเดิม ถูกต้องรึปล่าวหละครับ

0
ชัย 15 ก.ย. 54 เวลา 20:52 น. 19

คนที่ไอคิวสูงที่สุด ไม่ใช่คนนี้หรอกครับตั้งแต่กิสเนสบุคบันทึกมา
แต่คนที่ไอคิวสูงที่สุด คือ วิลเลียม เจม ไซดิส...ที่มีไอคิวสูงถึง 300 นะครับ
..แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่า เธอคือผู้หญิงที่ไอคิวสูงที่สุดในโลกต่างหาก
มะใช่คนที่ไอคิวสูงที่สุดในโลก
&nbsp  ส่วนอัลเบิร์ต ไอน์สไตล์...นั้น เขาไม่ใช่คนที่ไอคิวสูงที่สุด (ไอคิว 160-180)
แต่สิ่งที่ทำให้เขามีผลงาน และทฤษฎีที่ดูเด่นชัด และเหลือเชื่อกว่าคนอื่นๆ นั้นคือ
.......เขาใช้............EQ...............หรือจินตนาการ..ครับ~
...&nbsp (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้~)

0
Ocean 27 มิ.ย. 55 เวลา 14:16 น. 20

ง่ายๆคือ เราเลือก 1 พิธีกรเลือกอีก 1 เท่ากับเราเลือกแล้ว 2 ใน 3&nbsp เมื่อพิธีกรเปิดประตูแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็มีโอกาศ สองในสาม ถ้าเปลี่ยนเราก็มีโอกาศสองในสาม มันคนละเวลากันนะ ครั้งแรกเป็น 1/3 ครั้งที่สอง 2/3 ลิริลิน เทียบผิดครับ เอาครั้งที่หนึ่งมาเทียบครั้งที่สองไม่ได้ ต้องเอาครั้งที่สองระหว่างเปลี่ยนกับไม่เปลี่ยนมาเทียบกัน

0