Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ข้อง่ายๆ เทคนิคสอบสัมภาษณ์ สอบตรง อ่านกันดูนะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ข้อง่ายๆ เทคนิคสอบสัมภาษณ์ สอบตรง





เนื่องจากสมัยนี้มหาวิทยาลัยเน้นการรับตรง โควตาเป็นจำมากดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบสัมภาษณ์ บางคนสอบวิชาการขอให้บอกทำได้สบาย แต่พอสอบสัมภาษณ์กลับตกม้าตาย ดังนั้นทาง  UniGang เลยจัดทำบทความ เทคนิคการสอบสัมภาษณ์เพื่อน้องทุกคนครับ
1. การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
2. การแต่งกาย
อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ
3.ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 555
4.คืนก่อนสัมภาษณ์
ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา โจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ = = สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด  (ท่าทางจะแนะนำอาหารละเอียดเกินไป)
5.เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์

ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน  และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด  ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน   แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที  จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น   แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว  ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555  ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ
6.นั่งรอสัมภาษณ์
ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย 555  อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =
7.เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้  ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน  ตามมารยาท  ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ  ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน  โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน  อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์  แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้  กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์  พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม
8.การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )
9.การตอบคำถาม
จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน  พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป  จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด  หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ  จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด  ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า  และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง  ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
10.คำถามยอดฮิต
1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ-----อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ.....ชื่อเล่น.....มาจากรร.ไร.....ความสามารถพิเศษ.....หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ยยย ดังนั้นควนจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร  ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ   บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาศเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีระกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด
เจออาจารย์กวนปราสาท  ( Edit1 )
อันนี้หลายคนจะโดนเพราะอาจารย์ต้องการรู้ถึงจิตใจว่าทนต่อแรงเสียดสี กดดันต่างๆได้มั้ย โดยอาจารย์หลายท่านอาจจะทำพูดแล้วแสดงออกทางเสียง รวมถึงหน้าตาด้วย  ( ดูแล้วมันก็น่ากืนตวน ยิ่งนัก ) แต่น้องก็เย็นๆไว้นะโยม ถ้าตบะแตกขึ้นมาก็จบเหตุ บางคนคะแนนข้อสอบเทพมากแต่เจออาจารย์แซวนิดแซวหน่อย ฟิวส์ขาด
อย่างเช่น เธอคะแนนน้อยมาก ไม่รุ้ฝ่ายพิจารณ์จะเรียก เธอมาสัมภาษณ์ทำไมนิ  ( ตูจะรู้หรอ ก็คุณ ก็เรียกมาเองนิ xxx )
คะแนนน้อยแบบนี้เรียนไปก็ซิ่ว  เราก็ต้องตอบอย่างใจเย็นว่า ถึงตอนนี้คะแนนน้อย แต่หนูคิดว่าหนูจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ หนูจะตั้งใจให้มากขึ้น ขอแค่ได้มีโอกาศสักครั้ง   นะคะ
 
ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T)  เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ  อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )
สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย
ที่มา : http://www.unigang.com/


PS.  ขอบคุณที่อ่านนะจ๊ะ อิอิ *_*

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

นานาสาระ 25 ก.ย. 52 เวลา 13:18 น. 1

ชีทสรุปแนวทางการวิเคราะห์ข้อสอบ&nbsp ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์เข้ามหาวิทยาลัยadmissionsและสอบตรงโควต้า เพื่อคะแนน 70 UP
ข้อสอบภาษาไทย admissions ตอนนี้ แนวข้อสอบที่ชอบออกกันมากๆกว่า60%ของข้อสอบ คือการอ่านสาร&nbsp วิเคราะห์บทความ ที่ชอบถามว่าผู้แต่งต้องการบอกอะไร สาระสำคัญของบทความคืออะไร&nbsp ข้อใดไม่อาจอนุมานได้จากบทความ ที่คนส่วนใหญ่มักทำกันไม่ค่อยได้&nbsp เวลาน้องๆทำข้อสอบมักเจอปัญหาว่าดูข้อสอบแล้วคิดยังไงดี มีหลักการคิดแบบไหน ซึ่งพี่ก็ใช้หลักการมองแบบที่พี่เคยใช้สอบและเนื้อหาบางส่วนที่จำเป็นที่น้องควรรู้&nbsp ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังมีแทรกเรื่องอื่นด้วย เช่น คำซ้ำ การใช้ภาษาต่างประเทศ ภาษาแสดงภาพพจน์ ในส่วนสำคัญๆที่น้องควรรู้ ฯลฯ&nbsp 
ชีทฟิสิกส์ มีแทรกเนื้อหาที่น้องๆควรรู้ พร้อมหลักการทำโจทย์ แนวโจทย์ที่ชอบออก อาทิ เช่น เรื่องแสง เสียง การเคลื่อนที่ ไฟฟ้า สมดุลกล งานและพลังงาน โมเมนตัม เป็นต้น
ชีทเคมี&nbsp ในชีทนี้ประกอบไปด้วย รูปแบบโจทย์ที่น้องๆมักเจอในข้อสอบ admissions ในหลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยเทคนิกการดูและพิชิตข้อสอบ

ชีทชีวะ เน้นสรุปเนื้อหาพร้อมยกตัวอย่างรูปแบบโจทย์โดยเน้นส่วนที่มัก
ออกสอบ เช่นเรื่อง พันธุศาสตร์ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
การสังเคราะห์ด้วยแสง การหายใจ ระบบประสาทและอวัยวะรับสัมผัส เป็นต้น
ชีทคณิตศาสตร์ เน้นโจทย์บทที่ออกสอบมาก เช่น ลิมิตและความต่อเนื่อง
แคลคูลัส สถิติ วิธีเรียงสับเปลี่ยนและจัดหมู่ ความน่าจะเป็น ตรีโกณมิติ
เซต ตรรกศาสตร์&nbsp และอื่นๆ
อ่านง่าย เข้าใจง่าย ด้วยชีทเพียงวิชาละ 10-14 หน้าA4&nbsp ทำให้น้องทบทวนได้เรื่อยๆ ยิ่งอ่านยิ่งมั่นใจ พร้อมลงสนามสอบ !


จากประสบการณ์คะแนนสอบEntranceภาษาไทย 70 กว่าคะแนน เคมี80 คะแนน ฟิสิกส์ 70 กว่าคะแนน จัดทำโดยนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นทีมติวเตอร์ของ cu tutor team
ถ้าน้องๆคนไหนสนใจชีทของพี่ก็ติดต่อมาที่เมลล์พี่นะค่ะ auto_587@hotmail.com แล้วพี่จะส่งตอบกลับไปบอกขั้นตอนการสั่งซื้อและการรับชีทค่ะ

0
|| Pinky 501 || 25 ก.ย. 52 เวลา 16:19 น. 3

เดี๋ยวไม่ใช่เตรียมไว้อย่างดี

เห็นหน้าคนสัมภาษณ์ โอ้วว ว 

เป็นลม 55 5+


PS.  ยินดีต้อนรับทุกคนคร่ะ =))
0
1991 26 ก.ย. 52 เวลา 08:58 น. 5

^ ^

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

อ่านเตรียมไว้เพื่อไปสอบสัมภาษณ์ มศว ค่ะ&nbsp ^ ^

ขอให้สอบติด มศว

0
ei ei 28 ก.ย. 52 เวลา 16:46 น. 7

เข้าไปอย่างใจเย็น แม้จะตื่นเต้นมากก็ตาม
แล้วก็คิดก่อนตอบนี่สำคัญมาก


PS.  เป็นในสิ่งที่เป็น
0
kunezjung 18 ต.ค. 52 เวลา 23:20 น. 8

เทคนิคการเดาอย่างมีหลักการ เพิ่มโอกาสถูก 30-100% ถึงเรียนไม่เก่ง อ่านไม่จำ แต่ก็ทำข้อสอบได้
1.&nbsp&nbsp&nbsp  เข้าห้องสอบตรวจสอบเลย&nbsp เลขที่สอบถูกไหม&nbsp เขียนชื่อ รายละเอียดต่างๆ ให้ครบ&nbsp แต่ละปีจะมีผู้ทำข้อสอบแบบไม่ประสงค์ออกนามมากมาย
2.&nbsp &nbsp  ให้ดูข้อสอบโดยรวมว่าวิชาที่เราทำอยู่มันตรงไหม&nbsp จำนวนข้อมันเท่ากับที่เขาบอกไหม&nbsp ถ้ามันถูกต้อง ก็เริ่มทำข้อสอบ&nbsp 
3.&nbsp&nbsp&nbsp เวลาเริ่มทำข้อสอบอย่างแรกเลย&nbsp ไม่ต้องเร่ง&nbsp ค่อยๆทำ&nbsp ควรมีการจัดการเรื่องข้อสอบก็คือทำข้อง่ายถึงข้อยาก&nbsp ถามว่าข้อไหนข้อง่าย&nbsp คือเรื่องที่เรารู้&nbsp บทไหนรู้เรื่องทำมันเลย&nbsp ทำข้อง่ายก่อนข้อยาก&nbsp พอเวลาทำข้อง่ายได้แล้วไม่ต้องรีบทำนะ&nbsp ทำแบบสบายๆ&nbsp ไม่ต้องร้อนรน&nbsp ข้อไหนทำได้มาร์คใว้&nbsp อย่าทำไปเดาไป เดี๋ยวเรามาเดารวดเดียวตอน 10 นาทีสุดท้าย&nbsp เดารวดเดียวไม่เป็นไร&nbsp เรามีโอกาสถูกมากกว่า&nbsp 25%&nbsp แน่นอน&nbsp 
4.&nbsp&nbsp&nbsp เราจะแบ่งเวลา 3 ช่วง&nbsp 90 นาที ,20 นาที , และ 10 นาทีสุดท้าย&nbsp  90นาทีแรกทำข้อสอบที่ทำได้&nbsp ข้อทำไม่ได้ทำไม่ทันปล่อยมัน&nbsp พอ 90 นาทีหมดเวลาเลิกทำเลยครับ&nbsp ข้อไหนทำไม่ทันไม่ได้อ่านโจทย์ไม่เป็นไร
5.&nbsp&nbsp&nbsp 20 นาทีที่เหลือให้ทบทวนข้อที่ทำได้ (ที่เรามาร์คไว้)&nbsp ข้อที่บอกว่าได้คะแนนแน่ๆ&nbsp เพราะเป็นเรื่องที่เรารู้เรื่อง&nbsp ทำไมถึงไม่ให้ไปทำข้อที่ทำไม่ได้&nbsp เพราะเป็นเรื่องที่ไม่รู้เรื่องจะไปเสียเวลากับมันอีกทำไม&nbsp ทบทวน 20 นาทีทำกับเรื่องที่ทำได้ให้ชัวร์&nbsp 
6.&nbsp&nbsp&nbsp 10 นาทีสุดท้ายเดา&nbsp ผมมีวิธีเดาให้คุณเดาตั้งแต่ถูกตั้งแต่ 30% - 100% ใน 8 เทคนิคการเดา ใน 3-4&nbsp เทคนิคหลังถูก&nbsp 100%&nbsp ไม่ต้องไปหาหนังสือที่ไหน&nbsp เพราะไม่มีใครเขาทำกัน&nbsp 
กฎการเดาข้อที่ 1&nbsp โอกาสที่เป็นไปได้&nbsp หลักการตัวเลขที่ใช้ตัวจริงตัวปลอม&nbsp &nbsp ถ้าเราเจอ ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่มันมีตัวเลขเศษส่วน&nbsp บอกได้เลยคำตอบนี้มักจะเป็นเลขลงตัว&nbsp เพราะว่าอาจารย์เขารู้คำตอบอยู่แล้ว&nbsp เขาก็เอาคำตอบที่มันลงตัวมาเป็นคำตอบ&nbsp คณิตศาสตร์ชอบเลขลงตัวอยู่แล้ว&nbsp ส่วนถ้าเป็นวิทยาศาสตร์&nbsp โจทย์ที่ออกมาในรูปแบบเป็นตัวเลขยุ่งๆ ซับซ้อน พวกนี้คำตอบก็จะเป็นเลขลงตัวเหมือนกันครับ

ติดตามกฎการเดาข้อที่เหลือได้ที่&nbsp http://tuent.eduzones.com/53/

0
จิรโพธิ 9 พ.ค. 53 เวลา 00:54 น. 10

สอบสัมภาษณ์มหิดลครับ

ปี53

เกร็งมากมาย

ใกล่ถึงวันที่ 12 จะไปสอบสัมภาษณ์แล้ว

ขอบคุณกระทู้นี้มากเลยนะครับ

ช่วยเหลือผมได้อย่างมากมาย

จะพยายามเต็มที่ครับ

ขอบคุณจริงๆ

0