ข้อง่ายๆ เทคนิคสอบสัมภาษณ์ สอบตรง อ่านกันดูนะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ข้อง่ายๆ เทคนิคสอบสัมภาษณ์ สอบตรง
เนื่องจากสมัยนี้มหาวิทยาลัยเน้นการรับตรง โควตาเป็นจำมากดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบสัมภาษณ์ บางคนสอบวิชาการขอให้บอกทำได้สบาย แต่พอสอบสัมภาษณ์กลับตกม้าตาย ดังนั้นทาง UniGang เลยจัดทำบทความ เทคนิคการสอบสัมภาษณ์เพื่อน้องทุกคนครับ
1. การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
2. การแต่งกาย
อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ
3.ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 555
4.คืนก่อนสัมภาษณ์
ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา โจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ = = สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด (ท่าทางจะแนะนำอาหารละเอียดเกินไป)
ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555 ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ
6.นั่งรอสัมภาษณ์
ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย 555 อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =
7.เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม
8.การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )
9.การตอบคำถาม
จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
10.คำถามยอดฮิต
1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ-----อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ.....ชื่อเล่น.....มาจากรร.ไร.....ความสามารถพิเศษ.....หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ยยย ดังนั้นควนจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาศเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีระกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด
เจออาจารย์กวนปราสาท ( Edit1 )
อันนี้หลายคนจะโดนเพราะอาจารย์ต้องการรู้ถึงจิตใจว่าทนต่อแรงเสียดสี กดดันต่างๆได้มั้ย โดยอาจารย์หลายท่านอาจจะทำพูดแล้วแสดงออกทางเสียง รวมถึงหน้าตาด้วย ( ดูแล้วมันก็น่ากืนตวน ยิ่งนัก ) แต่น้องก็เย็นๆไว้นะโยม ถ้าตบะแตกขึ้นมาก็จบเหตุ บางคนคะแนนข้อสอบเทพมากแต่เจออาจารย์แซวนิดแซวหน่อย ฟิวส์ขาด อย่างเช่น เธอคะแนนน้อยมาก ไม่รุ้ฝ่ายพิจารณ์จะเรียก เธอมาสัมภาษณ์ทำไมนิ ( ตูจะรู้หรอ ก็คุณ ก็เรียกมาเองนิ xxx )
คะแนนน้อยแบบนี้เรียนไปก็ซิ่ว เราก็ต้องตอบอย่างใจเย็นว่า ถึงตอนนี้คะแนนน้อย แต่หนูคิดว่าหนูจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ หนูจะตั้งใจให้มากขึ้น ขอแค่ได้มีโอกาศสักครั้ง นะคะ
ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T) เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )
สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย
ที่มา : http://www.unigang.com/
PS. ขอบคุณที่อ่านนะจ๊ะ อิอิ *_*
10 ความคิดเห็น
ชีทสรุปแนวทางการวิเคราะห์ข้อสอบ  ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์เข้ามหาวิทยาลัยadmissionsและสอบตรงโควต้า เพื่อคะแนน 70 UP
ข้อสอบภาษาไทย admissions ตอนนี้ แนวข้อสอบที่ชอบออกกันมากๆกว่า60%ของข้อสอบ คือการอ่านสาร  วิเคราะห์บทความ ที่ชอบถามว่าผู้แต่งต้องการบอกอะไร สาระสำคัญของบทความคืออะไร  ข้อใดไม่อาจอนุมานได้จากบทความ ที่คนส่วนใหญ่มักทำกันไม่ค่อยได้  เวลาน้องๆทำข้อสอบมักเจอปัญหาว่าดูข้อสอบแล้วคิดยังไงดี มีหลักการคิดแบบไหน ซึ่งพี่ก็ใช้หลักการมองแบบที่พี่เคยใช้สอบและเนื้อหาบางส่วนที่จำเป็นที่น้องควรรู้  ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังมีแทรกเรื่องอื่นด้วย เช่น คำซ้ำ การใช้ภาษาต่างประเทศ ภาษาแสดงภาพพจน์ ในส่วนสำคัญๆที่น้องควรรู้ ฯลฯ 
ชีทฟิสิกส์ มีแทรกเนื้อหาที่น้องๆควรรู้ พร้อมหลักการทำโจทย์ แนวโจทย์ที่ชอบออก อาทิ เช่น เรื่องแสง เสียง การเคลื่อนที่ ไฟฟ้า สมดุลกล งานและพลังงาน โมเมนตัม เป็นต้น
ชีทเคมี  ในชีทนี้ประกอบไปด้วย รูปแบบโจทย์ที่น้องๆมักเจอในข้อสอบ admissions ในหลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยเทคนิกการดูและพิชิตข้อสอบ
ชีทชีวะ เน้นสรุปเนื้อหาพร้อมยกตัวอย่างรูปแบบโจทย์โดยเน้นส่วนที่มัก
ออกสอบ เช่นเรื่อง พันธุศาสตร์ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต         
การสังเคราะห์ด้วยแสง การหายใจ ระบบประสาทและอวัยวะรับสัมผัส เป็นต้น
ชีทคณิตศาสตร์ เน้นโจทย์บทที่ออกสอบมาก เช่น ลิมิตและความต่อเนื่อง
แคลคูลัส สถิติ วิธีเรียงสับเปลี่ยนและจัดหมู่ ความน่าจะเป็น ตรีโกณมิติ
เซต ตรรกศาสตร์  และอื่นๆ
อ่านง่าย เข้าใจง่าย ด้วยชีทเพียงวิชาละ 10-14 หน้าA4  ทำให้น้องทบทวนได้เรื่อยๆ ยิ่งอ่านยิ่งมั่นใจ พร้อมลงสนามสอบ !
จากประสบการณ์คะแนนสอบEntranceภาษาไทย 70 กว่าคะแนน เคมี80 คะแนน ฟิสิกส์ 70 กว่าคะแนน จัดทำโดยนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นทีมติวเตอร์ของ cu tutor team
ถ้าน้องๆคนไหนสนใจชีทของพี่ก็ติดต่อมาที่เมลล์พี่นะค่ะ auto_587@hotmail.com แล้วพี่จะส่งตอบกลับไปบอกขั้นตอนการสั่งซื้อและการรับชีทค่ะ
โอ๊ ยยย
ตายตั้งแต่เจอหน้าคนสัมภาษณ์
5 555555555
เดี๋ยวไม่ใช่เตรียมไว้อย่างดี
เห็นหน้าคนสัมภาษณ์ โอ้วว ว
เป็นลม 55 5+
PS. ยินดีต้อนรับทุกคนคร่ะ =))
^ ^
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
อ่านเตรียมไว้เพื่อไปสอบสัมภาษณ์ มศว ค่ะ  ^ ^
ขอให้สอบติด มศว
แค่นั่งอ่านยังตื่นเต้น 555+
PS. วันทดสอบความสำเร็จของชีวิต... ไม่ใช่วันกำหนดชะตาชีวิต
เข้าไปอย่างใจเย็น แม้จะตื่นเต้นมากก็ตาม
แล้วก็คิดก่อนตอบนี่สำคัญมาก
PS. เป็นในสิ่งที่เป็น
เทคนิคการเดาอย่างมีหลักการ เพิ่มโอกาสถูก 30-100% ถึงเรียนไม่เก่ง อ่านไม่จำ แต่ก็ทำข้อสอบได้
1.    เข้าห้องสอบตรวจสอบเลย  เลขที่สอบถูกไหม  เขียนชื่อ รายละเอียดต่างๆ ให้ครบ  แต่ละปีจะมีผู้ทำข้อสอบแบบไม่ประสงค์ออกนามมากมาย
2.    ให้ดูข้อสอบโดยรวมว่าวิชาที่เราทำอยู่มันตรงไหม  จำนวนข้อมันเท่ากับที่เขาบอกไหม  ถ้ามันถูกต้อง ก็เริ่มทำข้อสอบ 
3.    เวลาเริ่มทำข้อสอบอย่างแรกเลย  ไม่ต้องเร่ง  ค่อยๆทำ  ควรมีการจัดการเรื่องข้อสอบก็คือทำข้อง่ายถึงข้อยาก  ถามว่าข้อไหนข้อง่าย  คือเรื่องที่เรารู้  บทไหนรู้เรื่องทำมันเลย  ทำข้อง่ายก่อนข้อยาก  พอเวลาทำข้อง่ายได้แล้วไม่ต้องรีบทำนะ  ทำแบบสบายๆ  ไม่ต้องร้อนรน  ข้อไหนทำได้มาร์คใว้  อย่าทำไปเดาไป เดี๋ยวเรามาเดารวดเดียวตอน 10 นาทีสุดท้าย  เดารวดเดียวไม่เป็นไร  เรามีโอกาสถูกมากกว่า  25%  แน่นอน 
4.    เราจะแบ่งเวลา 3 ช่วง  90 นาที ,20 นาที , และ 10 นาทีสุดท้าย  90นาทีแรกทำข้อสอบที่ทำได้  ข้อทำไม่ได้ทำไม่ทันปล่อยมัน  พอ 90 นาทีหมดเวลาเลิกทำเลยครับ  ข้อไหนทำไม่ทันไม่ได้อ่านโจทย์ไม่เป็นไร
5.    20 นาทีที่เหลือให้ทบทวนข้อที่ทำได้ (ที่เรามาร์คไว้)  ข้อที่บอกว่าได้คะแนนแน่ๆ  เพราะเป็นเรื่องที่เรารู้เรื่อง  ทำไมถึงไม่ให้ไปทำข้อที่ทำไม่ได้  เพราะเป็นเรื่องที่ไม่รู้เรื่องจะไปเสียเวลากับมันอีกทำไม  ทบทวน 20 นาทีทำกับเรื่องที่ทำได้ให้ชัวร์ 
6.    10 นาทีสุดท้ายเดา  ผมมีวิธีเดาให้คุณเดาตั้งแต่ถูกตั้งแต่ 30% - 100% ใน 8 เทคนิคการเดา ใน 3-4  เทคนิคหลังถูก  100%  ไม่ต้องไปหาหนังสือที่ไหน  เพราะไม่มีใครเขาทำกัน 
กฎการเดาข้อที่ 1  โอกาสที่เป็นไปได้  หลักการตัวเลขที่ใช้ตัวจริงตัวปลอม    ถ้าเราเจอ ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่มันมีตัวเลขเศษส่วน  บอกได้เลยคำตอบนี้มักจะเป็นเลขลงตัว  เพราะว่าอาจารย์เขารู้คำตอบอยู่แล้ว  เขาก็เอาคำตอบที่มันลงตัวมาเป็นคำตอบ  คณิตศาสตร์ชอบเลขลงตัวอยู่แล้ว  ส่วนถ้าเป็นวิทยาศาสตร์  โจทย์ที่ออกมาในรูปแบบเป็นตัวเลขยุ่งๆ ซับซ้อน พวกนี้คำตอบก็จะเป็นเลขลงตัวเหมือนกันครับ
ติดตามกฎการเดาข้อที่เหลือได้ที่  http://tuent.eduzones.com/53/
ขอบคุณมากครับ  ทำให้ผมสอบสัมภาษณ์ติด
สอบสัมภาษณ์มหิดลครับ
ปี53
เกร็งมากมาย
ใกล่ถึงวันที่ 12 จะไปสอบสัมภาษณ์แล้ว
ขอบคุณกระทู้นี้มากเลยนะครับ
ช่วยเหลือผมได้อย่างมากมาย
จะพยายามเต็มที่ครับ
ขอบคุณจริงๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?