Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เงินเดือนนายกฯสิงคโปร์ (5 เท่าของ ประธานธิบดี USA.)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เงินเดือนนายกฯสิงคโปร์


จะรวยไปถึงไหน? คงไม่เคอะเขิน ใด ๆ หากจะใช้ประโยคนี้กับ “สิงคโปร์” เกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นต้นทุนในการพัฒนาประเทศ ขนาดน้ำจืดยังต้องต่อท่อซื้อจากมาเลเซีย แต่ปัจจุบันนี้ สิงคโปร์วิ่งแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านใน อาเซียนและในเอเชีย ผงาดเป็นชาติร่ำรวย เช่นเดียวกับสหรัฐและญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว และเพื่อตอกย้ำให้ผู้คนได้เห็นว่าสิงคโปร์รวยจริง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลสิงคโปร์เลยประกาศขึ้นเงินเดือนให้คณะรัฐมนตรีเย้ย ประเทศเพื่อนบ้านมันซะเลย โดยจะขึ้นให้มากกว่า 60% ภายในสิ้นปี 2551 เชื่อว่ารัฐมนตรีหลายประเทศได้ฟังข่าวนี้แล้ว คงอยากอพยพไปอยู่ในสิงคโปร์ใจแทบขาด


นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุง จะรับเงินเดือนเหนาะ ๆ มากกว่าประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ถึง 5 เท่า รวมเงินเดือนต่อปีของเขาจะอยู่ที่ 3.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( กว่า 70 ล้านบาท ) เงินเดือนของนายลีอยู่ในระดับปีละ 2.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 1.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อได้ปรับขึ้นตามตัวเลขดังกล่าว เขาก็จะได้ปรับเพิ่มราว 25.5% ส่วนรัฐมนตรี ซึ่งปกติก็มีเงินเดือนมากกว่ารัฐมนตรีของทุกชาติในโลกอยู่แล้ว ก็จะได้ปรับขึ้นเงินเดือนประมาณ 60% เฉลี่ยก็จะอยู่ที่ 1.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44 ล้านบาท ต่อปีเมื่อเทียบกับเงินเดือนของประธานา ธิบดีบุช ที่ได้รับอยู่ประมาณ 400,000 ดอล ลาร์สหรัฐ ก็สูงเป็นกว่า 5 เท่า และเทียบกับเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับเงินตลอดปีรวม 240,000 ดอลลาร์ ก็สูงเป็นกว่า 8 เท่าตัว

การเพิ่มเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปรับเงินเดือนข้าราชการอื่น ๆ ด้วย


อย่างไรก็ตาม ข่าวการปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่บรรดารัฐมนตรีครั้งนี้ ก่อให้เกิด เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างโกรธแค้นจากประชาชนในประเทศ ท่ามกลางปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ โดยประชาชนชาวสิงคโปร์ร่วมกันลงนามในคำร้องเรียนทางออนไลน์เป็นจำนวนหลายร้อยคน และยังได้เขียนจดหมายแสดงความไม่เห็นด้วยไปถึงหนังสือพิมพ์ของรัฐหลายฉบับ ชาวสิงคโปร์บางส่วนร้องเรียนว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ หรือผลการดำเนินงานของรัฐบาลแต่อย่างใด


เนื่องจากในสิงคโปร์ห้ามการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และสื่อมวลชนก็พูดแทบเป็นเสียงเดียวกับรัฐบาล ชาวสิงคโปร์จำนวนมากจึงหันไปแสดงความเห็นโจมตีการเคลื่อนไหวของรัฐบาลคราวนี้กันในอินเทอร์เน็ตเพื่อคัดค้านการขึ้นเงินเดือน


แต่เจ้าหน้าที่สิงคโปร์หลายคนบอก ว่า การตั้งเงินเดือนสูง ๆ ยังจำเป็นสำหรับการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันด้วย ซึ่ง ในความเป็นจริงแล้วอาจใช้ไม่ได้กับบางประเทศ เพราะนายกฯและรัฐมนตรีบางประเทศรวยล้นฟ้าอยู่แล้วยังโกงกันทั้ง ตระกูล


ด้านนายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุง ออกมาแถลงในวันต่อมาแบบกระดากอายเล็กน้อยว่า เขาขอรับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่ในปัจจุบันต่อไปเป็นเวลา 5 ปี โดยจะนำส่วนที่ได้เพิ่มขึ้นไป “บริจาค” ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ฟันธงตรงกันว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำสิงคโปร์เป็นความพยายามที่จะระงับความไม่พอใจของคนสิงคโปร์ในเรื่อง ที่รัฐบาลปรับเพิ่มเงินเดือนให้เขา คณะรัฐมนตรีและข้าราชการ


ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวยอมรับว่า เขาถึงกับเกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อทราบข่าวการขึ้นเงินเดือนอย่างบ้าเลือดให้นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ มากกว่าประธานาธิบดีบุชถึง 5 เท่า พร้อมกับพูดติดตลกว่า เขาจะอพยพไปอยู่สิงคโปร์และสมัครลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย.

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

โชค ชลบุรี 1 ต.ค. 56 เวลา 21:29 น. 5

รู้ได้อย่างไรว่าโกงทั้งตระกูล แล้วตระกูลใครไม่โกงเลย เออ แล้วรู้ได้อย่างไร แล้วถ้าการโกงคือ การทุจริต คือการเบียดเบียน คือการเอาเปรียบ แล้วในชีวิตเรามีสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่

0