Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ไขปริศนา\"โลกาวินาศ2012\" โลกแตกจริงหรือแค่กระแสตื่นตูม!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
กระแสข่าวลือในโลก "อินเตอร์เน็ต" ผ่าน "อีเมล์ลูกโซ่" ถึงวันโลกาวินาศ หรือวันโลกแตก เดือนธันวาคม ปีค.ศ.2012 หรือพ.ศ.2555 ตามคำทำนาย "ปฏิทินมายา" และการคาดคะเนถึงปรากฏการณ์วิปริตผิดธรรมชาติต่างๆ หวนกลับมาแพร่สะพัดไปทั่วโลกอีกครั้ง รวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "2012" ของฮอลลีวู้ดลงโรงฉาย และค่ายโซนี่พิคเจอร์ส ในฐานะผู้สร้าง จัดทำเว็บไซต์ปลุกกระแสดังกล่าวขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการตลาดจนคนในองค์กร "นาซ่า" ต้องทักท้วงว่าเป็นแผนการตลาดที่ไม่เหมาะสม ส่วนข้อเท็จจริงว่าโลกจะแตกจริงตามคำพยากรณ์หรือไม่ วันนี้มาฟังข้อมูลจากนักวิชาการผู้มีความรู้โดยตรงดีกว่า

เริ่มจาก ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

เหตุที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำทำนายโลกแตก ปี 2012 กันมากขึ้น อาจเป็นเพราะอิทธิพลของการโฆษณาภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่กำลังฉายอยู่ทั่วโลกขณะนี้

นอกจากนั้น การที่มี "โหร" ออกมาทำนายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็อาจจะทำให้มีการพูดถึงกันไปใหญ่ จนกลายเป็นประเด็นที่หลายคนเริ่มตื่นตระหนก

ส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าจะพูดในแง่หลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา และนักฟิสิกส์ รวมทั้งนักดาราศาสตร์ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดนั้น ยังมีหลักฐานอ่อนเกินไป หรือแทบจะไม่มีอะไรที่จะมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวได้เลย


อย่างไรก็ตาม อาจจะมีอีกหลายข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ หรือยังหาไม่เจอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะเปิดรับฟังข้อมูล รวมทั้งเร่งศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น แล้วจึงไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

แต่ทางที่ดีที่สุด ก็คือ การทำความเข้าใจกับสภาพของโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และช่วยกันทำให้ดีขึ้นจะดีกว่า

"ในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ผมว่าเราควรเปิดกว้างสำหรับการรับฟังข้อมูลจากทุกด้าน และไตร่ตรองกับข้อมูลเหล่านั้นอย่างรอบคอบ เช่น นักวิทยาศาสตร์เขาเชื่อว่า ปี 2012 โลกยังไม่แตก เพราะเขาศึกษามา มีหลักฐานที่สามารถอ้างอิงและพิสูจน์ได้ ในขณะที่โหรคนหนึ่งบอกว่า ปีดังกล่าวโลกจะแตก เพราะเขานั่งทางในเห็น เหตุผลแบบนี้ผมก็ฟัง และทุกคนก็ฟัง แต่ก็ต้องมาคิดแล้วว่าเราจะเชื่อใครดี" ดร.อานนท์กล่าว

ด้าน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แสดงทรรศนะในเรื่องเดียวกันว่า

เรื่องปี 2012 นี้เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังกังวลอยู่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราบ้าง เพราะปัจจุบันเรามีความรู้เกี่ยวกับโลกยังไม่มากพอ

ดังนั้น สิ่งสำคัญจึงควรที่จะหาข้อมูลให้มากขึ้น โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์จะต้องช่วยกันทำงานเพื่อจะช่วยกันเผยแพร่ความรู้ต่อประชาชนทั่วไป ให้เกิดความตระหนัก แต่ไม่ควรตระหนกจนเกินไป



ที่ผ่านมา ตนได้ยินเหมือนกันว่ามีเด็กๆ เยาวชน แม้กระทั่งเด็กในโรงเรียนอนุบาล ประถม มาพูดถึงเรื่องน้ำท่วมโลก โลกจะแตก ทำให้ตื่นกลัวกันไปใหญ่ จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันมากไป ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยในอดีต จะเคยคาดการณ์เอาไว้ว่า โลกมีโอกาสล่มสลายไปได้ แต่ก็เป็นระยะเวลาอีกนับร้อยปีข้างหน้า แต่คงจะไม่ใช่การล่มสลายไปในปีสองปีนี้แน่นอน และเป็นเพียงการทำนายเท่านั้น

วิธีการป้องกัน ก็คือ ทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษาโลก เพราะขณะที่ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องของ "สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป" อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ที่ปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" ออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลกจำนวนมาก ทำให้โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น พื้นที่ชายฝั่งหลายแห่งถูกน้ำท่วม เช่น ที่ จ.สมุทร ปราการ เป็นตัวอย่างชัดเจน

"เรื่องของระดับน้ำที่สูงขึ้น จนทำให้พื้นที่หลายแห่งของโลกจะถูกจมลงในทะเลก็อาจเป็นไปได้ เพราะในอดีตนักวิทยาศาสตร์เคยวาดภาพแผนที่โลกไว้ซึ่งก็ไม่ใช่แผนที่โลกในปัจจุบันนี้ หลายทวีปเกิดขึ้นใหม่หลายทวีปก็จมลงทะเลไปแล้ว ดังนั้นการบอกว่าโลกจะจมน้ำก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ถ้าบอกว่าโลกจะแตกในปีนั้นปีนี้อย่างรวดเร็วคงจะเป็นเพียงการจินตนาการในภาพยนตร์ ไม่อยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนแตกตื่นกันไป..

ขณะนี้ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เอง ก็พยายามที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโลกเก็บไว้เพื่อทำการศึกษา รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไป หากอยากไขข้อสงสัยอะไรก็สามารถติดต่อขอทราบข้อมูลได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น" คุณหญิงกัลยากล่าว

ขณะที่ ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า

คงไม่มีใครบอกได้ว่าโลกจะแตกจริงหรือไม่

และโลกจะแตกเมื่อไหร่

เพราะคงไม่มีใครรู้ได้ชัดเจน

การที่ตอนนี้มีประเด็นทำให้มีคนออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์กันอาจจะเป็นเพราะคำทำนายต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการทำนายของ "นอสตราดามุส" หรือการทำนายของคนอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นการจูงใจทำให้คนหันมาให้ความสนอกสนใจเรื่องนี้มากขึ้น รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวคิดว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่โลกจะแตก หรือล่มสลายไป

นอกเสียจากว่าจะมี "อุกกาบาต" วิ่งเข้ามาชนโลกฉับพลัน

ขณะนี้นักดาราศาสตร์ หรือนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องก็กำลังจับตามองอยู่ และยังไม่เห็นว่าโลกเราจะอยู่ในภาวะอันตราย

"เรื่องของโลกจะแตก หรือเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ส่วนตัวผมว่าเป็นไปได้น้อยมาก หรือหากจะเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าอาจจะเกิดเพียงจุดใดจุดหนึ่งของโลกเท่านั้น ไม่ได้ทำให้โลกนี้แตกสลายไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน อย่างน้อยเชื่อว่าคนรุ่นเราๆ ไม่น่าจะเห็น" ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าว

ที่มา ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEUzTVRFMU1nPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNUzB4Tnc9PQ==


PS.  Stop dreaming and try to open for Truth defeated. Then you will know the truth ... it is not as fancy as all of you.

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

beluvis 23 พ.ย. 52 เวลา 20:38 น. 1

ผมว่าคำว่า "โลกแตก" มันดูตลกยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าผมคิดว่าเหตุการณ์ 2012 นั้นอาจจะไม่ได้เป็นวันสิ้นโลกอย่างที่ทุกคนคิด อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรซักอย่างที่ส่งผลกระทบต่อโลกของเราซึ่งค่อนข้างรุนแรง ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานจากที่ต่างๆมายืนยันก็ตาม แต่ไม่ว่าเหตุการณ 2012 จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องซีเรียสกับมันมากจนถึงขั้นคิดว่า "เหลือเวลาอีกแค่ 3 ปี เราจะทำอะไรดี" แล้วถ้าเกิดว่าปี2012 มันผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ ???

0
Zombie' 23 พ.ย. 52 เวลา 21:10 น. 2

อยากรู้คงต้องรู้ดูกันต่อไป

ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นพอล่ะตอนนี้

ปลง!!!


PS.  :: พอใจในที่สิ่งทำ ::
0
spyboy 23 พ.ย. 52 เวลา 21:35 น. 4

ผมไม่เข้าใจว่าจะเครียดกันไปมากมายทำไม ในเมื่อเราก็ไม่รู้วิธีที่จะหยุดมันอยู่แล้ว สู้ทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ดีกว่ารึ

0
o!iv3_noy 23 พ.ย. 52 เวลา 21:39 น. 5
เราต้องไปให้เซเลอร์มุนกับอุลตร้าแมนมาช่วยโลก!!!!!

๕๕๕๕๕


PS.  A True Friend.Is One Who Walks In When Others Walk Out.
0