Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เทศกาลอะไร... คนไทยก็ฉลอง!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

"เทศกาลอะไร...คนไทยก็ฉลอง” ...นี่เป็นเรื่องปกติของสังคมไทยมานานแล้ว และจนถึงยุคนี้-จนถึงวันนี้...ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ซึ่งกรณีนี้ก็รวมถึงเทศกาลหรือวัน “คริสต์มาส” ที่ตอนนี้ในเมืองไทยก็กำลังคึกคัก โดยคนไทยจำนวนไม่น้อยที่แม้จะมิได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็ร่วมเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลสำคัญของชาวคริสต์เทศกาลนี้
   
ในด้านหนึ่งนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งปกติในสังคมไทย
   
แต่กับ “คริสต์มาส” ก็มี “แก่น” ที่มิใช่แค่การฉลอง
   
ทั้งนี้ คริสต์มาสคือเทศกาลฉลองการประสูติของ พระเยซู องค์ศาสดาแห่งคริสต์ศาสนา ซึ่งเชื่อกันว่าตรงกับวันที่ 25 ธ.ค. คำว่า “คริสต์มาส” (Christmas) มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณซึ่งแปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า (Christes Maesse)” โดยคำ ๆ นี้พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ ที่เขียนขึ้นในปี    ค.ศ. 1038 และภายหลังคำ ๆ นี้ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่าคริสต์มาส (Christmas) ดังที่คุ้นเคยกันในปัจจุบัน
   
“คริสต์มาส” เป็นวันสำคัญในทางคริสต์ศาสนา และมีความหมายอันสำคัญลึกซึ้ง แต่ยุคปัจจุบันสัญลักษณ์แห่งคริสต์มาสที่   โดดเด่นเป็นที่คุ้นเคยไปทั่วทุกมุมโลกเห็นจะเป็น “ต้นคริสต์มาส” ประดับประดาสวยงาม และ “ซันตาคลอส” ชายชราตัวใหญ่ใจดี มีเคราสีขาว สวมชุดสีแดง ที่ปรากฏกายพร้อมถุงใส่ของขวัญใบโต
   
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ อ.พิษณุ อรรฆภิญญ์ นักเขียนด้านศาสนศาสตร์ เจ้าของเอกสารงานเขียนประกอบการบรรยายหัวข้อ     “เบื้องหลังคริสต์มาสที่ท่านรู้แล้วจะประหลาดใจ (The Secret of Christmas that will surprise you)” เคยบรรยายไว้ที่พระวิหารคริสตจักรวัฒนา เมื่อเดือน ธ.ค. 2550 ว่า.....
   
“ต้นคริสต์มาส และซันตาคลอส ไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์”
   
กับเรื่องราวของ “ซันตาคลอส” นั้น มีที่มาจากเรื่องราวของ   นักบุญนิโคลาส และเด็ก ๆ ถูกปลูกฝังให้เชื่อว่ามีซันตาคลอสอยู่ที่    ขั้วโลกเหนือ เป็นผู้ที่ทำของเล่นและขนมแจกให้เด็ก ๆ ซึ่งแต่เดิมภาพของซันตาคลอสในยุโรปจะรูปร่างผอม ส่วนในสหรัฐอเมริกานักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกันได้จินตนาการซันตาคลอสเป็นคุณตาใจดี  พุงพลุ้ย เพื่อให้เหมาะสมกับบุคลิกในจินตนาการของเด็ก ๆ และต่อมาก็ได้กลายเป็นบุคลิกที่คุ้นเคยกันไปทั่วโลก
   
ในเอกสารของ อ.พิษณุ ระบุไว้ว่า... ซันตาคลอสมีบทบาท  สำคัญในการสร้างความผูกพันกับเด็ก ๆ ในแต่ละครอบครัว เด็ก ๆ จะได้รับการบอกเล่าว่าคุณตาใจดีจะมาที่บ้านในกลางดึกของคืนวันคริสต์มาส เพื่อเอาของขวัญมาให้ แต่จริง ๆ แล้วก็คือของขวัญจากพ่อแม่ ซึ่งโอกาสดี ๆ เช่นนี้พ่อแม่ก็จะให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนาน และตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในครอบครัว ขณะเดียวกัน เรื่องราวของซันตาคลอสในลักษณะดังกล่าวนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่พ่อแม่จะ   ใช้เพื่อการกล่อมเกลาให้ลูก ๆ มีความรัก มีความเมตตาต่อผู้อื่น จนกลายเป็นนิสัยติดตัวต่อไป
   
สำหรับ “ต้นคริสต์มาส” ในเอกสาร-ในการบรรยายของ อ.พิษณุ ระบุไว้ว่า... เป็นสินค้าและธุรกิจของชาวตะวันตก ซึ่งตั้งแต่ในช่วง 2 ปีก่อน ในสหรัฐอเมริกามีการซื้อขายต้นคริสต์มาสสูงถึงประมาณ 36 ล้านต้นต่อปี ในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 90 ปลูกไว้ขายโดยเฉพาะ จากจำนวนสวนกว่า 15,000 แห่ง ซึ่งกินพื้นที่ราว 2.5 ล้านไร่
   
อ.พิษณุ ระบุไว้ว่า...ถ้าเปรียบวันคริสต์มาสเป็นต้นไม้ ต้น  คริสต์มาส และซันตาคลอส ก็เป็นเพียงกระพี้หรือเปลือก แต่ว่า  ต้นไม้นั้นถ้าไม่มีกระพี้หรือเปลือก ต้นไม้ก็อยู่ไม่ได้ และ 2 สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นจากความยินดี เพื่อประดับประดา เพื่อเฉลิมฉลอง ต้นคริสต์มาสและซันตาคลอส 2 สิ่งนี้ก็มีความสำคัญ สำคัญในแง่สัมพันธภาพใน  ครอบครัว เป็นสิ่งที่ทำให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน มาร่วมประดับต้นคริสต์มาสด้วยกัน เอาของขวัญมาให้กัน
   
“ทำให้เรารู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนรักเราอยู่ มาเยี่ยมเยียนกันอยู่”
   
อย่างไรก็ตาม อ.พิษณุบอกว่า... ปัจจุบันเมื่อถึงวันคริสต์มาสก็มักนึกถึงแต่ซันตาคลอสและต้นคริสต์มาส ที่กลายเป็นเครื่องมือทาง   ธุรกิจ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในโลกของทุนนิยม เมื่อถึงวันคริสต์ มาสก็จะนึกถึง “ความสนุกสนาน” จึงกลายเป็นเรื่องสนุกสนานเป็นหลักไป ซึ่งไม่อยากให้มีการให้ความสำคัญตรงนี้มากเกินไป
   
“ควรให้ความสำคัญกับหลักคำสอนด้วย” ...อ.พิษณุระบุ พร้อมทั้งบอกไว้อีกว่า... คริสต์มาสในยุคปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดของเอกชน กลายเป็นสิ่งเพื่อจะดึงดูดให้เกิดการขายของ ซึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ก็ไม่อยากให้มีการให้ความสำคัญมากเกินไป อยากจะให้มีการให้น้ำหนัก ให้ความสำคัญกับหลักคำสอนด้วย
   
“องค์พระเยซูไม่ใช่ซันตาคลอส ซึ่งแก่นความเชื่อศรัทธา    ของคริสเตียนนั้น อาวุธของพระองค์คือความรัก ซึ่งก็คล้ายกับความเมตตาในศาสนาพุทธ ที่สำคัญความรักของคริสเตียนคือความรักที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นความรักที่ไม่มีผลประโยชน์ เป็นความรักที่ต้องการให้ผู้อื่นได้ดี ดังนั้น คริสต์มาสอย่ามัวแต่เฉลิมฉลองกันจนเพลินเท่านั้น” ...อ.พิษณุระบุไว้ถึงแก่น ถึงอีกสิ่งสำคัญของ “คริสต์มาส”
   
“คริสต์มาส” ในเมืองไทยก็ฉลองกันทั่วไป...ไม่แบ่งศาสนา
   
คงจะดีถ้าเป็นการฉลองด้วย “แก่นสำคัญ” ของคริสต์มาส
   
โดยมอบ “ความรักบริสุทธิ์” แก่กัน...ให้อบอวลทั่วไทย !!.

Credit: Daily News Online


แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

bloody-sakura 25 ธ.ค. 52 เวลา 17:03 น. 2

^W^ คนไทยก็แบบนี้ละ ยินดีกับทุกเทศกาลทั้งสาสจีน คริสต์มาส ตรุษจีน พระชาติไหนก็ไหว้หมด - - รับได้ทุกชาติ ศาสนา อ่านะ..คนไทยใจกว้าง 555+ (ที่จริงหาข้ออ้างหยุดเรียน หยุดงาน) อิอิ
PS.  never see your face,never touch your hand,but never stop missing you... (แวะมาอ่าน THE EMOTION บ้างนะ http://writer.dek-d.com/6lo0dy-s4kur4/writer/view.php?id=577404
0