Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[สาธารณรัฐจีน] ตอนที่ 1 การปฏิวัติและสงครามกลางเมือง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ในที่สุดก็พ้นตจากข่วงสอบสักที ทุกคนสอบเสร็จกันรึยัง?

ราวสามอาทิตย์ก่อนเราดูหนังเกี่ยวกับการปฏิวัติสาธารณรัฐประชาชนจีนเรื่องนึ่ง และครึ่งเทอมที่ผ่านมาเราเรียนเรื่องเกี่ยวกับจีนค่อนข้างเยอะ

แน่นอนว่าหนังทำโดย สาธารณรัฐประชาชนจีน มันเลยเอียงเข้าข้างจีนแดง ดังนั้นในที่นี้เราจะเขียนอธิบายเพิ่มเติมจากหนัง ในทำนองการให้ข้อมูลที่เน้นไปทาง สาธารณรัฐจีน มากกว่า



บุคคลสำคัญในการปฏิวัติคือ ดร. ซุนยัดเซ็น (ซุนอี้เซียน-จีนกลาง) หรือ ดร. ซุนจงซาน (ชื่อเก่า) เป็นบุคคลสำคัญในการปฏิวัติจีน ดร. ซุน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาย และมหาวิทยาลัยแพทย์ฮ่องกง ดร. ซุนได้ก่อตั้ง "ซุนจงฮุ่ย" หรือสมาคมจีนรุ่งเรื่อง ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กว๋อหมินต่าง (ก๊กมินตั๋ง) ขึ้นในปี ค.ศ. 1894 จนกระทั้ง 27 เมษายน คศ. 1911 พวกของ ดร.ซุนก็ก่อกบฏที่กว่างโจว (กวางเจา) และประกาศตั้งสาธารณรัฐจีนขึ้น โดยมีดร. ซุนเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว ขุนศึกผู้ครองแคว้นต่างๆ ต่างพากันร่วมด้วยจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม กำลังทหารของราชวงศ์ชิงยังเข้มแข็งมาก โดยมีแม่ทัพใหญ่คือ หยวนซื่อข่าย กองทัพฝ่ายสาธารณรัฐค่อยๆ ถูกตีร่นลงมา ดร. ซุน จึงตัดสินใจส่งจดหมายรอร้องให้หยวนซื่อข่ายย้ายข้าง โดยเสนอให้หยวนซื่อข่ายเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐ หยวนซื่อข่ายตัวแสบ หลังจากชั่งผลประโยชน์กับที่ทางราชวงศ์ชิงให้มาแล้วเห็นว่า ดร. ซุนให้มากกว่า ก็เลยย้ายข้าง ยกทัพเข้าพระราชวัง จะปลดฝูยีซึ่งตอนนั้นอายุราว 5 ขวบ ออกจากตำแหน่ง แม่เลี้ยงของฝูยี ต่อรองกับหยวนซือข่าย ว่าจะไม่ต้อต้าน ทว่าจะต้องยอมให้พวกฝูยีอยู่ในตัวแหน่งเดิม และอยู่ในวังเหมือนเดิม



สรุปว่าประเทศจีนเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐแบบงงๆ หยวนซื่อข่ายเป็น ปธน. คนแรก ฝูยียังใช้ชีวิตสุขสบายดีในวัง จริงๆ แล้วพวกนี้ก็ไม่ได้อยากปกครองประเทศให้วุ่นวายนักหรอก แค่อยากมีต่ำแหน่ง อยู่ในวัง เงินเยอะๆ เหมือนเดิมเท่านั้นเอง

หยวนซื่อข่ายเองก็ไม่รู้จักหรอกว่าประชาธิปไตยคืออะไร รู้แค่ว่า ปธน. คือคำแหน่งใหญ่ที่สุดในประเทศ พอปี คศ. 1915 หยวน เริ่มไม่พอใจกับความใหญ่เฉยๆ จึงเริ่มให้กลับมาใช้พระราชพิธีแบบฮ่องเต้กับตนด้วย ในที่สุดก็ตั้งตัวเองเป็นโอสรสวรรค์ในปี 1916 คราวนี้ประชาชนก็ไม่เอาด้วย ขุนศึกต่างๆ ก็เริ่มกบฏ ในที่สุด หยวนซื่อข่ายก็ป่วยตายไปก่อน

การปกครองของประเทศจีนในสมัยนั้นบัดซบมาก กล่าวคือขุนศึกที่เป็นเจ้าครองแคว้นทุกคนมีกำลังเป็นของตัวเอง จงรักพักดีต่อรัฐบาลกลางตามอารมณ์ พอยึดอำนาจได้ก็เลยเริ่มตีกันแย่งอำนาจนัวเนีย ไม่ต่างจากยุคสามก๊ก ทั้งยกทัพไปเยียบดื้อๆ ลอบสังหาร เสนอผลประโยชน์ให้หักหลังพวกตัวเอง เล่นกันทุกวิธีทาง ดร. ซุน เองก็เป็นนักวิชาการณ์ไม่มีอำนาจจะทำอะไร ได้แต่ตั้งกลุ่มของตัวเองในภาตใต้ แต่ก็ตามไปซะก่อนที่จะรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ


ขุนศึกที่สำคัญในยุคนี้ได้แก่ เหมาเจ๋อตุง จากพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเจียงไคเช็ค จากกว๋อหมินต่าง

         


สองพรรคนี้เคยเป็นพันธมิตรกันในสมัยที่ ดร. ซุน ยังมีชีวิตอยู่

หลัง ดร. ซุนตาย ทั้งสองพรรคก็ร่วมมือกันตั้งฐานทัพอยู่ทางภายใต้แล้วบุกเข้าไปสู้กับขุนศึกทางเหนือ โดยให้เหมาปลุกระดมให้คนงานหยุดงาน และชาวนาลุกขึ้นสู้ด้านใน เจียงไคเช็คเคลื่อนพลจากด้านนอก

ทั้งสองเริ่มแตกกันในวันที่ยึดเซี่ยงไฮ้ได้ เรื่องคือก่อนหน้านั้นชาวนาของเหมาเริ่มหัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรก กว๋อหมินต่างและพรรคคอมมิวนิสต์ต้องการยึดอำนาจแล้วตั้งรัฐบาลร่วม แต่ชาวนาแรงงานเหล่านั้นต้องการให้ปฏิวัติล้มล้างนายทุน

พรรคคอมมิวนิสต์เองก็คิดว่ามันเร็วเกินไป จึงสั่งให้ปลดอาวุธ ทว่าพอเจียงอาศัยโอกาสนั้นสั่งกวาดล้างทันที

พวกคอมมิวนิสต์ถูกจับ และขับไล่จากพรรคกว๋อหมินต่าง ขุนศึกทั้งหมดตกอยู่ใต้อำนาจของเจียงไคเช็ก พรรคกว๋อหมินต่างถูกต่างชาติยอมรับว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายพรรคเดียวของจีนเป็นการตอบแทนที่ปกป้องผลประโยชน์ของนายทุนและต่างชาติในเซี่ยงไฮ้

เหตุการณ์ทั้งหมดพอดีเกินไป จนยากจะเชื่อว่าไม่ใช่แผนของเจียง (รวมถึงเรื่องที่เมียเจียงสนิทกับพวกฝรั่งด้วย)

นี้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างสองฝ่ายอันยาวนาน

การรบครั้งสำคัญในช่วงแรกคือ การเดินทัพทางไกลของเหมาเจ๋อตุง จากเจียงสี ไปยัง ส่านสี ในปี 1934 - 1936




ทั้งสองฝ่ายเรียกได้ว่าเป็นอัฉริยะทางการทหาร โดยที่ใช้กลยุทธต่างกันสุดขั้ว เจียงจบการทหารจากญี่ปุ่น ใช้การรบในรูปแบบ อาวุธทันสมัย ทหารที่ฝึกวินัยมาอย่างดี ส่วนเหมาไม่เคยจบการทหาร อาศัยกลศึกต่างๆ ใช้การรบนอกรูปแบบ ใช้ทหารอาสาคอมมิวนิสต์
กลยุทธของเหมาเรียกได้ว่าใหม่สดมาก มันทั้ง ร้ายกาจ โหดร้าย น่ายกย่อง และสมควรถูกประนามในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นกลยุทธ ศพระเบิด กล่าวคือเอาศพทหารที่ตายทับระเบิดไว้ พอพวกกว๋อหมินต่างมาพลิกศพดู มันก็จะระเบิด หลังๆ พวก กว๋อหมินต่าง เริ่มรู้ทางเลยเอาเชือกผูกศพแล้วดึงพลิกจากไกลๆ แทน เหมาก็เปลี่ยนไปใช้คนเจ็บที่ใกล้ตายแทน ทำนองว่าขอความเห็นใจล่อให้อีกฝ่ายเข้าใกล้แล้วระเบิดตัวเอง พวกเจียงจึงสั่งให้ทหารยิงพวกคอมมิวนิสต์ทิ้งเลย ไม่ต้องถามไม่ต้องเห็นใจ กลายเป็นว่าเหมาเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ความโหดร้ายของ กว๋อหมินต่าง ได้อีก สามารถปลุกระดมคนมารบเพิ่มอีกจำนวนมาก
อีกกลยุทธหนึ่งที่โดงดังคือ เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี เอ็งหนีข้าตาม กล่าวคือในขณะที่พวก กว๋อหมินต่าง ที่เป็นทหารของรัฐบาลต้องใส่เครื่องแบบ แต่ ทหารคอมมิวนิสต์เป็นชาวบ้านธรรมดา พอพวก กว๋อหมินต่าง มา ทหารคอมมิวนิสต์ก็จะมุดหาย กลายเป็นชาวบ้านธรรมดา พอกว๋อหมินต่างเผลอ ก็ลากไปฆ่าทีละคนสองคน พอเริ่มหมดกำลังใจก็เข้าตี พอหนีก็ไล่ กลยุทธนี้เวียดนามรับไปใช้จนชนะอเมริกามาแล้ว

อย่างไรก็ตาม กำลังทหารของเจียงเข้มแข็งกว่ามาก ในศึกเดินทัพทางไกล เจียงมีกำลังมากกว่าสามแสน มีทั้งเครื่องบินและรถถัง ในขณะที่เหมามีกำลังเพียง 8-9 หมื่น และเหลือเพียง ไม่กี่พันในตอนท้าย

ในปี 1937 เจียงกำลังจะบดขยี้ทัพเหมาได้แล้ว ทว่าเหมาตั้งรับในมนทลส่านสี ที่เป็นช่องเขาง่ายต่อการตั้งรับ ทำให้ยื้นได้นาน จนเกิดเหตุการณ์สำคัญคือ ญี่ปุ่นบุกจีน เจียงตัดสินใจสั่งให้ลูกน้องจัดการเหมาก่อน ค่อยสนใจญี่ปุ่น

ทว่าญี่ปุ่นบุกรุดลงมาอย่างรวดเร็ว จางซัวะเหลียง ขุนศึกแคว่นซานสีบุกเข้าที่พักของเจียง จับเจียงไว้ บังคับให้เซ็นสัญญาสงบศึกกับเหมาเพื่อร่วมมือกันต่อต้านญี่ปุ่น หลังจากนั้นเจียงถูกปล่อยออกมา แต่ก็ยอมสงบศึกกับเหมา จางซัวะเหลียงถูกเจียงจับขังแทนเป็นการแก้แค้น กระทั้งตอนถอยไปไต้หวันเจียงก็ยังเอาตัง จางซัวะเหลียง ไปด้วยและไปขังต่อที่ไต้หวัน จนเจียงตายลูกของเจียงถึงปล่อยจางซัวะเหลียงออกมา (ท่าจะแค้นจริงๆ เจียงคงคิดว่าถ้าไม่มีเรื่องวันนั้นเหมาก็ตายไปแล้ว)

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ธันวาคม 2552 / 20:38
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 29 ธันวาคม 2552 / 00:44

PS.  MAN is born free; and everywhere he is in chains.

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

หยงเล่อ Starlessnight 28 ธ.ค. 52 เวลา 21:10 น. 1
  VS  

เราจะไม่พูดเรื่อง นี้มาก เดี๋ยวจะยาวเอาเป็นว่า ญี่ปุ่นบุกเข้ามาแบบสบายใจ กองทัพจีนอ่อนแอกว่าญี่ปุ่น ถึงจะได้รับความช่วยหรือเหลือของสัมพันธมิตร เจียงทำได้แค่ยันไว้ ให้ความเร็วในการยึกครองของญี่ปุ่นช้าลงเท่านั้น

กองทัพของเจียงเสียหายอย่างแรง เมืองหลวงหนานจิง (นานกิง) ถูกยึดและสังหารหมู่ ทหารล้มตายจำนวนมาก

ทหารฝ่ายจีน











ฝ่ายญี่ปุ่น






การสังหารหมู่ที่นานกิง

ตอนนั้น พรรคคอมมิวนิสต์ กับ กว๋อหมินต่าง ร่วมมือกัน รูปจู่เตอในหมวกที่มีตราสัญลักษณของ กว๋อมินต่าง ขณะบัญชาการรบ



ในที่สุด ญี่ปุ่นก็แพ้ หลังการทิ้งระเบิดนิวเครียสองลูกของอเมริกา กองทัพญี่ปุ่นในจีนประกาศยอมแพ้






จีนได้ดินแดนที่ญี่ปุนยึดครองไปคืน รวมทั้ง แมนจูเรีย และไต้หวันด้วย

เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนในหนัง คราวหน้า ค่อยมาว่ากันว่าหลังจาก พวก กว๋อหมินต่าง ถอยลงไปไต้หวันแล้วเป็นยังไงต่อละกัน


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ธันวาคม 2552 / 21:14

PS.  MAN is born free; and everywhere he is in chains.
0
โฮเฮ 29 ธ.ค. 52 เวลา 07:01 น. 3
ว้าว ได้ความรู้อีกแล้ว
ขอบคุท่านหยงเล่อนะคะ

PS.  เดอะ สาวโฮกกก!! =[ ]=!! ดัชเชสโฮลิค = DC.HOLlC
0
-o- น๊อคเทินร์ -o- 29 ธ.ค. 52 เวลา 10:57 น. 4

โศกนาถกรรมที่นานกิง  ทำให้คนจีนเจ็บแค้นคนญี่ปุ่นมากๆๆๆ     ใครที่รับรู้ถึงชะตากรรมของชาวจีนที่ต้องตกอยู่ในช่วงเวลานั้นจะรู้สึกสลด

หดหู่ต่อการกระทำของทหารญี่ปุ่นอย่างที่สุด  ผมยังคิดว่าการสังหารหมู่ชาวยิวของนาซีถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่าที่นานกิง

แต่ที่นานกิงนี่ ความอำมหิตของทหารญี่ปุ่นมันสุดๆแบบไม่สามารถอธิบายได้

0
BIGBALL 29 ธ.ค. 52 เวลา 16:56 น. 5
เห็นด้วยกับน็อค ถ้าให้จัดอันดับความโหด ผมว่าที่นานกิงนี่อันดับต้น ๆ เลย...
PS.  ก็แค่ความเห็นไม่ตรงกัน มันเป็นสัจธรรมของโลก
0