เมื่อฉันสัมภาษณ์นักเขียน
ตั้งกระทู้ใหม่
บทสัมภาษณ์อาจดูแปลกๆ เพราะยัยกุ๊กกับพี่เขาเวลาไม่ตรงกันซักที(และพี่เค้าอยู่เชียงใหม่) สุดท้ายเลยส่งเมลย์ไปแทน
อนึ่ง บทสัมภาษณ์นี้ พี่ปันปันอนุญาตให้เผลแพร่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ
-สวัสดีค่ะพี่พัณณิดา
ดีจ้ะ
-ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวให้พวกเราได้รู้จักกันสักนิดนะคะ
อืม...ชื่อพัณณิดา ภูมิวัฒน์ ชื่อเล่นชื่อปันปัน เป็นนักเขียน เวลาเขียนหนังสือใช้ชื่อจริง แต่ระยะหลังพิมพ์กับอีกสำนักพิมพ์ด้วย เขาบอกให้เปลี่ยนชื่อ เลยใช้ชื่อลวิตร์ ที่ใช้เป็นชื่อในเน็ตอยู่แล้ว
นอกจากเป็นนักเขียนแล้ว ตอนนี้ก็ทำงานสำนักพิมพ์ด้วย แต่ไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือของตัวเอง เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการกับผู้ประสานงาน
-พี่เริ่มเข้าวงการนักเขียนตอนอายุเท่าไหร่คะ
หนังสือเล่มแรกที่พิมพ์ ถ้าจำไม่ผิด ตอนอายุยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองละมัง แต่เขียนมานานก่อนหน้านั้นแล้ว
-อะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่คิดว่า อาชีพนักเขียนนี่ล่ะ ใช่เลย
ไม่รู้เหมือนกัน เคยสงสัยว่าชาติก่อนอาจจะเคยทำบุญด้วยปากกา กระดาษ หนังสือ (ชาติก่อนจะมีพิมพ์ดีดกะเวิร์ดโปรเซสเซอร์หรือยังนะ)
-เรื่องที่แต่งเรื่องแรกคือเรื่องอะไร ตอนนั้นอายุเท่าไหร่ แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรคะ
เรื่องที่แต่งเรื่องแรกเขียนตอน ป.สี่ อายุสิบเอ็ดสิบสอง เป็นแฟนตาซีพล็อตเรียบง่าย พระเอกเป็นเด็กลึกลับที่สรวงสวรรค์ประทานมา ต้องใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลา มีหน้าที่มาปราบตัวร้ายที่ยึดครองแผ่นดิน คิดดูแล้วก็น่าอายยังไงชอบกล
-ผู้ปกครองให้การสนับสนุนพี่มากน้อยแค่ไหนคะ
ผู้ปกครองให้การสนับสนุนด้วยการไม่ว่าอะไรแม้จะเขียนหนังสือตลอดเวลา อีกอย่างหนึ่งคือแม่เป็นหนอนหนังสือ มีหนังสือเต็มบ้าน และชอบเอาเรื่องที่ตัวเองอ่านมาเล่านิทาน เล่าทุกเรื่องที่นึกออกตั้งแต่รามเกียรติ์ Lord of the Rings สามก๊ก มหาภารตะ ไปจนถึงนิยายที่อ่านอยู่ตอนนั้น
-แรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือแต่ละเล่มมาจากที่ไหนคะ
มาจากคำถามบางอย่างที่ตัวเองอยากหาคำตอบ หรือบางทีก็มาจากความรู้สึกอยากให้เป็นอย่างนั้น อยากรู้ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วมันจะเป็นยังไงต่อ
-แล้วระยะเวลาในการเขียนหนังสือแต่ละเล่ม ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่คะ
แล้วแต่เรื่อง บางเรื่องง่าย สองสามเดือนก็จบ บางเรื่องยาก เขียน ๆ หยุด ๆ ถึงหกปีถึงจบได้ก็มี
-คติประจำใจในการทำงานของพี่คืออะไรคะ
การเขียนหนังสือคือการสะท้อนตัวเอง ถ้าไม่พัฒนาตัวเอง หนังสือที่เขียนก็ไม่พัฒนา
-พี่คิดว่าข้อดีและข้อเสียของการเป็นนักเขียนคืออะไรคะ
คำถามนี้ต้องตอบยาวมาก แต่ถ้าเอาง่าย ๆ ข้อดีคือได้ดูแลและจัดการชีวิตของตัวเอง ไม่ยึดกับแบบแผนของใคร ได้ทำงานสร้างสรรค์ บางครั้งเขียนหนังสือไปก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็นึกไม่ถึงมาก่อน ถ้าเขียนดีมีคนรู้จักติดตามก็ทำให้รู้สึกดีใจ
ส่วนข้อเสียคืองานเขียนบางแนวค่าตอบแทนน้อยจนยึดเป็นอาชีพหลักไม่ได้ อยู่กับตัวเองมากไปจนบางครั้งอาจจะรู้สึกแย่ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ไม่มีอะไรวัดได้ว่าพัฒนาไปจริงหรือเปล่า ไม่มีการเลื่อนชั้นเลื่อนขั้น ขึ้นเงินเดือน จึงทำให้จิตตกง่าย นักเขียนที่ทำงานแล้วได้ค่าตอบแทนไม่พอ หรือไม่ได้รับความนิยมจากนักอ่าน หรือไม่ได้รับรางวัล หลายคนก็จิตตกมากจนเลิกเขียนไปก็มี นักเขียนที่เคยเขียนงานดีมากมาก่อน หลังจากเล่มนั้นมักจะพบช่วงตกต่ำ เพราะเกร็งเนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีเท่าเดิม สรุปแล้วเป็นอาชีพที่ต้องลงทุนทางสภาพจิตมาก ถ้าเป็นคนอ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่มั่นคง หรือไม่รู้จักดูแลสภาพจิตใจตัวเอง ไม่แนะนำให้ยึดเป็นอาชีพหลัก
-อะไรคืออุปสรรคสำคัญในการเป็นนักเขียน แล้วพี่ผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไรคะ
อุปสรรคด้านเงินทำให้ตัดสินใจทำงานประจำ อุปสรรคด้านสภาพจิต ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามดูแลตัวเอง ส่วนอุปสรรคด้านการเขียน ประเภทเขียนติดเขียนไม่ออก ไม่รู้วิธีอื่นนอกจากด้นไปข้างหน้า ชนกำแพงไปเรื่อย ๆ กำแพงมันก็พังเอง
-ตัวละครหลักในนิยายแต่ละเรื่องของพี่ มักจะมีอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ เช่นจากเรื่องมาโอ เจ้าแมวดำกวนโอ๊ยที่ไม่ยอม-ตอบคำตอบที่ถูกต้องลงไปในข้อสอบ ตัวละครเหล่านี้ พี่ได้แรงบันดาลใจมากจากที่ไหนคะ
ส่วนใหญ่ตัวละครมักจะเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นความรู้สึกอยากรู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือไม่ก็เป็นคำถามที่อยากถามกับโลก อย่างมาโอคงเป็นส่วนผสมระหว่างความรู้สึกกบฏ การตั้งคำถามกับระบบการศึกษาในปัจจุบัน และความสะใจแบบวัยรุ่นผสมกันละมัง
-ตอนที่รู้ว่าไมรอนได้เข้าชิงรอบสุดท้ายของการประกวดรางวัลซีไรท์ พี่รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ไมรอนไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย เพียงแต่สำนักพิมพ์เสนอชื่อไปเท่านั้น ตอนที่รู้ก็รู้สึกขอบคุณสำนักพิมพ์ที่เขาเห็นค่าของงานเขียนตัวเอง จริง ๆ ก็นึกอยู่แล้วว่าคงไม่ได้ เพราะเรื่องก็ยังไม่ถึงขั้นเพอร์เฟค และแฟนตาซีก็ยังไม่ได้รับการยอมรับในเวทีอย่างนั้น แต่ก็ตื่นเต้นดี
-รู้สึกอย่างไรคะที่มีคนชื่นชมผลงานเรามากมายขนาดนี้
ไม่รู้ว่ามากหรือเปล่า แต่เวลามีคนชอบงานเขียนก็ดีใจ รู้สึกขอบคุณ
-นิยายส่วนใหญ่ของพี่มักจะมีประเด็นเกี่ยวกับสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรทำให้พี่มีแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายประเด็นนี้คะ
คิดว่าที่ไหนสักแห่งในตัวคงรู้สึกว่าสงครามเป็นสภาพ extreme ที่สุดอย่างหนึ่งที่มนุษย์จะประสบได้ จึงมักจะเขียนถึง เหมือนพยายามจะเข้าใจว่าสภาพนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้คนผ่านมันไปไม่ว่าในสภาพดีหรือในสภาพบกพร่องบิดเบี้ยวได้อย่างไร บางทีมันอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่พยายามจะเข้าใจมนุษย์ ความผิดพลาดบกพร่องของมนุษย์ และความดีของมนุษย์ละมัง
-จากนิยายที่พี่เขียนขึ้นมา พี่คิดว่าตัวละครตัวไหนที่พี่คิดว่าคล้ายกับพี่คะ ในหลายๆความหมายน่ะค่ะ
ตัวละครทุกตัวมีส่วนคล้ายคนเขียน และในขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่คนเขียนอยากเป็นแต่เป็นไม่ได้ด้วย บางทีตัวละครที่ใกล้เคียงตัวเองมาก (ในบางด้าน) อาจจะเป็นเซรีกับไมรอนละมัง แต่ทั้งสองคนก็มีสิ่งที่แตกต่างจากคนเขียนมากด้วยเหมือนกัน
-แล้วถ้าพูดถึงตัวละครที่พี่ชอบที่สุดล่ะค่ะ หนูขอโหวตให้เทรมิส(หัวเราะ)
พี่ก็ชอบเทรมิส คิดว่าคงพูดกันรู้เรื่องและสบายใจดี แต่นึก ๆ ดูแล้วก็ชอบตัวละครทุกตัว เหมือนถามแม่ว่าชอบลูกคนไหนมากกว่ากัน คงบอกว่าชอบทุกคนแต่คนละแบบละมัง
-แล้วถ้าให้พูดถึงนิยาย นิยายเรื่องไหนคะที่พี่เขียนแล้วรู้สึกว่ารักมากที่สุด
ก็เหมือนข้อข้างบน ถามแม่ว่าชอบลูกคนไหนมากกว่ากันมันตอบไม่ได้หรอกนิ
-มีโครงการจะเขียนหนังสือเรื่องใหม่ไหมคะ ถ้ามี เป็นเรื่องกี่ยวกับอะไรคะ จะตามไปซื้อน่ะค่ะ (หัวเราะ)
ก็ยังเขียนอยู่ตลอดเวลา ไปดูที่ถนนนักเขียนพันทิพ เสิร์ชชื่อลวิตร์ ก็จะเห็นว่าตอนนี้เขียนอะไรอยู่ แต่จะจบเมื่อไรนี่บอกไม่ถูกเหมือนกัน
-พี่อยากฝากอะไรให้พวกน้องๆบ้างคะ
แฮปนิวเยียร์
-สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณพี่พัณณิดามากนะคะที่ยอมสละเวลามานั่งให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
จ้า
************************************
หลังจากทำรายงานจบ รู้สึกว่ารักพี่ปันชะมัด! พี่เค้าน่ารักมากมาย (แล้วยัยกุ๊กก็กลับไปเพ้อต่อ)
หลังจากทำรายงานจบ รู้สึกว่ารักพี่ปันชะมัด! พี่เค้าน่ารักมากมาย (แล้วยัยกุ๊กก็กลับไปเพ้อต่อ)
PS. ข้าพเจ้า ยัยเปี๊ยกกุ๊กกู ขอสนับสนุนให้ทุกท่านชอบเลือด!! ขอให้นรกรักคุณ หึๆๆ
11 ความคิดเห็น
ชอบข้อคิดของพี่เค้า ตรงข้อดีข้อเสียของการเป็นนักเขียน
เล่าได้เห็นภาพดี
PS. Against stupidity the gods themselves contend in vain.
หกปีจบ งั้นบอมก็ดองต่อไป
(มาเอาอะไรเนี่ย)
PS. พาหนะของบอมคือเต่า!!!~
นิสัยพี่แกเหมือนท่านกุ๊กละมั้งครับ ท่านกุ๊กเลยรู้สึกถูกชะตากับพี่เขา
อย่าลืมเมลไปบอกพี่เขาด้วยนะท่าน ว่าเอาบทสัมภาษณ์มาโพสในบอร์ดด้วย ก๊ากๆๆ
ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
PS. To be continue.
ชอบพี่ปัน...แค่อ่านบทสัมภาษณ์ก็รู้เลยว่าพี่เขาเป็นนักเขียนที่ดีคนหนึ่ง
เคยอ่านเรื่องไมรอนของพี่เขาด้วย...อ่านแล้วทำให้เราคิดนะ...
และจะว่าไปเรื่องนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราคิดพล็อตของตัวเองออก
ขอบคุณ จขกท นะคะที่เอามาให้อ่าน..อิจฉาอะ
ได้สัมภาษณ์นักเขียนมืออาชีพ...แหะๆ
PS. Tell the heaven that please let me be a writer. Hell ya!!! It's my life.
นึกว่ากระทู้นี้จะแป้กซะแล้ว (/me ถอนหายใจด้วยความโล่งอก)
ท่านตั้งงี้: ตอนที่พี่เขาพูดถึงข้อดีข้อเสีย ยัยกุ๊กก็กลับมานั่งคิดเรื่องอนาคตตัวเองไปพักใหญ่ๆเลยท่าน ประมาณว่าถ้ากุีกยึดอาชีพนักเขียนจริงๆกุ๊กจะทำไหวมั้ย หรือทำเป็นงานอดิเรกเหมือนเดิม...เซรีญา(อนาคตไม่มีความแน่นอน)
บอม: เอ๊ย~ เรามาดองกันนิยายกันเถอะ! (ไม่ใช่แล้ว~~~~)
ท่านน็อคเทิร์น: คล้ายๆมั้ยยัยกุ๊กก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ =w=" แต่ถ้าคล้ายก็เป็นปลื้ม (ฮา) เรื่องเอาบทสัมภาษณ์ขึ้นบอร์ดยัยกุ๊กบอกพี่เค้าเรียบร้อยแล้วฮะ (แต่ยังไม่ได้ส่งลิงค์ไปให้)
ท่าน signjang : ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะเจ้าคะ แหะๆ
ท่าน amma: ยัยกุ๊กก็อ่านไมรอน ชอบตาไมรอนมาก ตาสีดำๆที่มีไฟสีฟ้าเต้นอยู่ข้างไหน =w= (ยัยกุ๊กมีเมลย์พี่เค้านะท่าน สนใจมั้ยเจ้าคะ เดี๋ยวส่งหลังไมค์ไปให้ )
*****************
รู้สึกว่าตัวเองตอบเมนท์ไม่เก่งเอาเสียเลย...เฮ้อ
PS. ข้าพเจ้า ยัยเปี๊ยกกุ๊กกู ขอสนับสนุนให้ทุกท่านชอบเลือด!! ขอให้นรกรักคุณ หึๆๆ
ขอบคุณคุณกุ๊กกูมากมายที่เอาบทสัมภาษณ์พี่ปันมาให้อ่านนะคะ
พี่ปันเป็นไอดอลคนนึงของเรา ^^
ขอบคุณมากเลยคะถ้าจะกรุณา ^^
PS. Tell the heaven that please let me be a writer. Hell ya!!! It's my life.
อ๊ะ นักเขียนโปรดอีกหนึ่งคนของเรานี่นา... = [] =!!!
PS. *+...หนุ่มแว่น...หัวฟู...หูหมา...+*
อิจฉาจังครับ ได้มีโอกาสคุยกับพี่ปันด้วยอะ
PS. ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริง ๆ
อืม... น่าอิจฉาจริง ๆ ด้วย...
อยากเจอเหมือนกันนะเนี่ย...
PS. ...มันไม่ใช่พีเอสนะ มันคือปัจฉิมลิขิตต่างหาก...
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?