Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คณะแพทย์ เภสัช ทันตะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือ อยาก รู้ว่า

แต่ ละ คณะ ต้อง เรียน อะไร บ้างง

อัน ไหน เรียน หนัก กว่า กันน



ช่วย ตอบหน่อย น่ะคับ



แสดงความคิดเห็น

>

23 ความคิดเห็น

ผ่านมาแล้ว 28 ก.พ. 53 เวลา 20:30 น. 1

อย่างน้อย
ปีแรกก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานกันหมดแหละ
ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ของสามปีม.ปลาย
มาอัดรวมกันในปีหนึ่งปีเดียว
หนักมั๊ยหนัก ดูแค่ปีแรกพอ
เพราะปีสองหนักยิ่งกว่าเดิมอีก

0
piglet 28 ก.พ. 53 เวลา 21:09 น. 3

อันนี้เราดูจากรุ่นพี่ของเรานะ

เราว่า ทันตะ&nbsp หนักสุด&nbsp เพราะ ทำแลปเยอะมากๆๆ

พี่เค้าเล่าให้ฟังว่า&nbsp ต้องทำฟันปลอมหมดปาก เหอๆๆ

แต่ถ้าหมอแลปจะน้อยกว่า&nbsp มีแค่ ผ่ากรอส อาจารย์ใหญ่&nbsp 

ช่วงที่มีสอบ&nbsp ถ้าหมอ ก็อ่านหนังสือ

แต่ถ้าทันตะ ต้องอ่านหนังสือ + แลป ต้องผ่านให้ได้ด้วย

dentistry = dent is try&nbsp 

แต่ว่า&nbsp พอจบมาทำงาน ทันตะจะสบายกว่าอ่ะ&nbsp ได้หยุดเสาร์ - อาทิตย์

ส่วนเภสัช&nbsp ก็เบาที่สุดอ่ะนะ&nbsp เน้นเรียนเคมี

ถ้าไม่อยากเครียดเรียนเภสัชก็ ลัลล๊า ดี ^^"

0
คหสต. 28 ก.พ. 53 เวลา 21:37 น. 4

ความหนักตอนเรียน

แพทย์ > เภสัช > ทันตะ

แพทย์หนักทั้งเรียนและแลป ทันตะเรียนหนัก (แต่ไม่เท่าแพทย์) หนักตรงแลป ซึ่งใครชอบก็จะสนุกและรู้สึกว่ามันชิวๆต่างกับแลปของแพทย์ เภสัชที่ชอบยังไงก็หนัก - -"

เภสัชเรียนหนักพอควร (แต่ไม่เท่าแพทย์) แลปค่อนข้างหนัก เภสัช บางเทอม เรียนสัปดาห์ละ 6 แลป - -

ช่วงแรกๆก็ไม่ต่างกันอะครับ ที่พูดมาจะเป็นปีหลังๆมากกว่า

แต่เภสัชเรียน 6 ปี แล้วคงอัดน้อยลงนะ อาจจะเบากว่าทันตะแล้วก็ได้

ส่วนแพทย์ บางทีไม่มีปิดเทอมอะ ปีหลังๆบางที ตุลา ปิดแค่อาทิตย์เดียว ปิดเทอมใหญ่ก็แค่ 1-2 อาทิตย์ คงเข้าใจแล้วนะว่าแพทย์หนักขนาดไหน - -


ความหนักตอนทำงาน

แพทย์ > ทันตะ > เภสัช

0
my sky 28 ก.พ. 53 เวลา 21:41 น. 5

อยากเป็นทันตะมากเลยคะ

เท่าที่ถามรุ่นพี่และจากการหาข้อมูล

ทันตะจะหนักไปทางแลปนะคะ แล้วหมอเค้าจะหนักแลคเชอร์

มากกว่าปฏิบัติน่ะคะ มันก็หนักต่างกันไป แต่ก็ยากเหมือนกัน

หนูก็รู้ประมาณนี้แหละคะ^^


PS.  ขอบคุณค่า
0
FameDRx31’013 28 ก.พ. 53 เวลา 21:50 น. 7

ใครว่าเรียนเภสัช ลั้ลล้า

ลองมาเรียนดูมั้ยละครับ จะรู้ว่า โคตรยากกกก

มีเรื่องราวให้เรียนเยอะแยะ แลปของเภสัชก็มีเยอะ
เภสัช เรียนเคมีเยอะมาก และก็ไม่ใช่เคมีพื้นฐาน อย่างที่เคยเรียนทั่วๆไปหรอก
อย่างเคมียา เมื่อพูดถึงยาชนิดหนึ่ง
เภสัชต้องรู้ว่ายาตัวนี้ มีใโครงสร้างวอย่างไร การทำงานของตัวยาเป็นยังงัย
ถ้าหากคนไข้แพ้ยา หมอแค่รู้ว่า คนไข้แพ้ตัวอยาชื่อนั้น ชื่อนี้ จะมีอาการอย่างนี้
แต่เภสัชไม่ เภสัชรู้ไปถึงว่า ถ้ามีอาการแพ้แบบนี้ แสดงว่า แพ้ โครงสร้างส่วนไหนของยา
ซึ่งแต่ละส่วนของยา จะมีโครงสร้างไม่เหมือนกัน เภสัชต้องรู้หมด

ส่วนแลป เภสัชก็เรียนหนัก การทำแลปของเภสัช จะต้องมีความผิดพลาดอย่างน้อยที่สุด
เพราะตัวยา 1 ตัว หากใช้เกินไปแม้แต่นิดเดียว ยานั้นอาจเป็นพิษ ก็ได้

นอกจากนี้ เรายังต้องเรียนพวกต้นไม้อีกด้วย พูดชื่อต้นไม้มา ก็ต้องรุ้ว่า วงศ์ไหน สกุลไหน ส่วนไหนมีฤทธิ์อย่างไร
ฟิสิกส์ เราก็ต้องคำนวณ ว่ายาตัวนี้จะต้องใช้แรงตอกเท่ารัย จึงจะออกฤทธิ์ดีที่สุด หรือว่า จะต้องทำยาออกมาในรูปแบบใด

เภสัชเป็นอะไรที่มากกว่าที่คุณคิด คุณเห็นนะ
ตอนเราอยู่ม.ปลาย เราก็คิดแบบคนทั่วไป
ว่า เภสัช วันๆก็ไม่ได้ทำอะไร แค่จ่ายยา เรียนก็คงไม่หนักมั้ง
แต่เมื่อได้มาสัมผัสเเล้ว จะรู้ว่ามันไม่ใช่เลย


สุดท้าย แพทย์ ทันตะ เภสัช ทุกคณะก็เรียน ยาก และหนักเหมือนๆกันทั้งนี้นแหละ
แต่การเรียน จะเน้นไปคนละด้านกัน
และพึงระลึกไว้เสมอว่า แม้ว่า สามวิชาชีพนี้ จะเป็นวิทยาศาสตร์สุขภาพเหมือนกัน
แต่ก็เรียนไม่เหมือนกัน และไม่มีใคร แทนใครได้


PS.  >>> Because I'm stupid , stand by Me
0
MDCU 28 ก.พ. 53 เวลา 21:56 น. 8

ความเห็นที่3 เคยเรียนหมอหรอครับ

พี่มาตอบส่วนในส่วนของการเรียนแพทย์(ที่พี่เรียนอยู่)นะครับ..(ไม่พาดพิงคณะอื่นเพราะไม่เคยเรียน) และเป็นความเห็นส่วนตัวของพี่ด้วย

ปี 1 ค่อนข้างสบายครับมี Basic science ให้นอกได้ฟาดฟันกันพอหอมปากหอมคอ แลปมีบ้างแต่ก็ไม่มากมายอะไร 
ปี 2 ผ่า gross แล้วก็เรียนเรื่องที่เกี่ยวกับระบบปกติของร่างกายแตะเรื่องความผิดปกติเป็นระยะๆ (พร้อมกับความผิดปกติของพี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นระยะๆด้วย) เพิ่มระดับความเหนื่อแก่พี่ได้เท่าตัวเลยทีเดียว
ปี 3 เฮ้อ!!ไร้ซึ่งคำบรรยาย เหนื่อยMAX!!! Lecture + Lab + อ่านหนังสือสอบกินเวลาที่พี่มีไปเกือบ 80% ของการลืมตา นอนประมาณ 4 ชม.(คนอื่นนอนมากกว่านี้เพราะสมองดีกว่าพี่อ่านแป๊บเดียวมันก็ทวนเรื่องที่เรียนมาทั้งวันกันได้) 
ปี 4-6 ไม่รู้ ให้พี่ Satooมาตอบ

แต่พี่อยากที่จะเรียน..ความเหนื่อยที่ได้รับจึงไม่เกินเลยไปกว่าความสุขที่พี่ได้รับเหมือนกัน

0
เรียวคุง 28 ก.พ. 53 เวลา 21:58 น. 9

ปรบมือดังๆให้ค.ห.7 เราเรียนเภสัชเหมือนกัน ใครว่าเภสัชลั้ลลา ลองมาเรียนดูไหมว่ามันก็หนักไม่แพ้อันอื่นหรอก มันเพีงหนักไปคนละแบบก็เท่านั้น คนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดคงจะเป็นคนที่เรียนจบทั้งสามคณะแหละ สรุปชอบอย่างไหนเรียนอันนั้น

0
SaKe 28 ก.พ. 53 เวลา 22:34 น. 11

เห็นด้วยตาม คห.7 คับ
พี่เรียนอยู่เภสัชฯ ไม่เห็นจะสบายตรงไหนเลย
แต่ละวิชา แรงMax!!!
แล้วที่ว่าเภสัชฯเรียน 6 ปีแล้ว คงไม่อัด น่าจะเรียนเบาลงพี่ว่าคงไม่นะ
มันคงจะมีวิชาอะไรเพิ่ม
มานี่แหละ แล้วที่เค้าเพิ่มปีที่เรียนขึ้นมาเนี่ย
ก็เพิ่มเวลาการฝึกงานด้วยนะ
ถึงตอนนี้พี่จะเรียนอยู่แค่ปี 2 แต่ก็รู้สึกว่ามันหนักมาก
ถ้าจะเปรียบกับการขึ้นบันไดนะ ก็เปรียบได้ว่า
จากม.ปลายขึ้นสู่ปี 1 ก็เหมือนขึ้นบันไดซัก 2 ขั้น(ไม่หนักหนาไรใช่มั้ยล่ะ ยังสบายๆอยู่)
จากปี 1 เทอม 1 สู่ เทอม 2 ก็กลายเป็นก้าวประมาณ 3-4 ขั้น ซึ่งยังไม่เจอวิชาคณะนะ มีแต่พวก basic sciences อยู่ แ่ต่หนักเพราะเจอ organic chem. นี่แหละ เจออาจารย์ที่สอนเป็นคนที่ออกข้อสอบได้แรงที่สุดในภาค - - (แถมยังมาเจอต่อในปี 2 เทอมแรกอีก T^T)
พอปี 2 วิชาของทางคณะวิทย์ก็เหลืออยู่ 2-3 ตัว แล้วก็มาเรียนวิชาคณะบ้างแล้ว ก็เทอม 1 นี้ ก็ถือว่าหนักกว่าปี 1 อ่ะนะ ถือว่าก้าวขึ้นประมาณ 3-4 ขั้นละกัน
แต่พอเข้าเทอม 2 นี่ ขอบอกเลยว่ามีความสามารถเท่าไหร่ต้องงัดออกมาใช้ทั้งหมดเลยคับ ทั้งความสามารถในการท่อง(ที่ได้เริ่มฝึกจากเทอมแรก) การคิดวิเคราะห์ การสังเกตุ การคำนวณ เหมือนก้าวขึ้นบันไดมากกว่า 4 ขั้นใน 1 ครั้งน่ะคับ(จินตนาการออกป่าวหว่า ว่าอยากรู้ลองทำดูดิ ถ้าทำได้มันก็ลำบากกว่าขึ้นปกติอ่ะเนอะ)
ถ้าจะถามว่า้ภสัชฯเรียนไรบ้าง พี่ก็จะตอบเท่าที่พอรู้นะ ก็จะมีตั้งแต่กระบวนการทางเคมีต่างๆในเซลล์หรือร่างกาย เรียนรู้เกี่ยวกับระบบต่างๆของร่างกายทั้งในเชิงโครงสร้าง หน้าที่ และตัวอย่างความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ เรียนถึงสัณฐานวิทยาของพืช การจัดจำแนกวงศ์ของพืช สมุนไพรต่างๆ(ไม่ได้จำกัดเฉพาะพืชนะ !!!) ที่มีสารสำคัญที่นำมาใช้ทางเภสัชกรรมซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของยา การคำนวณทางเภสัชกรรม การทำยาตามรูปแบบยาต่างๆ การผลิตยาในระดับอุตสาหกรรม กลไกการออกฤทธิ์ของยาและพิษที่เกิดขึ้น การวิเคราะห์ต่างๆทางเภสัชเคมี เคมีอินทรีย์และอนินทรีย์ของยา ว่าโครงสร้างแบบนี้มันไปออกฤทธิ์ได้ยังไง การใช้ยาในผู้ป่วย ระบบสาธารณสุขของประเทศ กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับเภสัชกร จุลินทรีย์ต่างๆ ฯลฯ (ยาวไปแระ - -)
แต่ถึงยังไงพี่ก็อยากจะฝากไว้ว่า แต่ละคณะนั้น ต่างก็เรียนหนักกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าจะหนักกันไปคนละด้าน ถ้่าเราไปเรียนในคณะที่เราชอบและถนัด ก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ไม่ยาก ซึ่งตามที่ คห.7 ได้กล่าวไว้คับว่าทั้งสามวิชาชีพ(แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร) เป็นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาวะของผู้คน ต่างก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน และมีความจำเพาะต่องานตามสายวิชาชีพนั้นๆ(เหมือนกับ receptor ที่จำเพาะกับโมเลกุลสัญญาณ 555+ เรียนจนเพี้ยนแระ) ไม่มีวิชาชีพไหนที่จะทำแทนกันได้(แต่ถ้าทำแทนกัน คงจะได้ไม่ดีและเกิดปัญหาต่อผู้ป่วยได้)

0
new 1 มี.ค. 53 เวลา 01:21 น. 13

เหอะๆ
อยากเรียนเภสัช
แต่ไม่รุ้จะติดหรือเปล่า
^^

ปล.ตั้งแต่อด กสพท. มาปลงชีวิตขึ้นเยอะ
^^

0
MiChan 1 มี.ค. 53 เวลา 03:01 น. 14

สำหรับผมทำไมไม่รู้ รู้สึกว่าเรียนเภสัชเหนื่อยกว่าอะ หรืออาจจะเป็นเพราะวิชาที่สายเภสัชเรียนมันขัดแย้งกับธรรมชาติส่วนตัวก็ไม่รู้ ผมไม่รู้นะผมเรียนสัตวแพทย์ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ค่อยอยากเจอวิชาพวกเคมีอะ ให้มานั่งเรียนวิชาสายชีวะดีกว่า = ='' ปวดเฮด ...

0
นสภ 1 มี.ค. 53 เวลา 03:03 น. 15

ตอนนี้เรียนเภสัชอยากจะร้องให้โลกรู้ว่า หนูเหนื่อย


เห้อสุดๆอ่ะ

การเรียนหนักม่ายหนักมันก็แล้วแต่คนเรียน แล้วแต่หลักสูตร แล้วแต่สภาพแวดล้อม ที่สำคัญแล้วแต่อาจารย์คนสอนด้วย

รู้แต่ว่า แพทย์ก็หนัก เภสัชก็หนัก ทันตะก็หนัก แต่หนักคนละช่วงชั้นปี และคนละแบบ แต่ละแบบหนักแบบของตัวเอง แต่ในหมู่เพื่อนด้วยกันเนี่ยเพื่อนที่อยู่ทันตะดูมีเวลามากสุดแล้ว แต่แพทย์ก็เริ่มเรียนสบายขึ้นแล้ว แต่ช่วงนี้ก็กลับมาโถมชีทอีกแล้วเพราะจะสอบ license ทั้งแพทย์ เภสัช และทันตะ เลย&nbsp สู้ๆๆวุ้ย

0
alohanid 1 มี.ค. 53 เวลา 11:30 น. 16
หนูอยากได้เมลของพี่ที่เรียนเภสัชอะค่ะ 
ขอหน่อยนะค้า
ขออขอบคุณร่วงหน้าค่ะ
 ขอบคุณมากๆค่ะ พี่ๆ
0
Cheriez 1 มี.ค. 53 เวลา 14:36 น. 17

มันหนักทั้งนั้นแหละลูก.. จะมาเทียบทำไมล่ะ ว่าอันไหนหนักมากน้อยกว่ากัน  - -'a
ไม่มีการเรียนสาขาไหนหรอก ที่ได้มาโดยง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก

ยิ่งกับสาขานี้ด้วยแล้ว เพราะเราเกี่ยวกับชีวิตคน ทุกอย่างที่เราต้ิองแบกรับมันจึงยิ่งหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า


.
.
โดยส่วนตัวยังยืนยันคำเดิมนะ ช่วงเวลาที่เรียน 6 ปี มันก็เท่าๆกัน
.. แต่สิ่งที่ต่างกันคือหลังจากน้องเรียนจบ แล้วต้องอยู่กับมันทั้งชีิวิตนี่แหละ..

ถามตัวเองว่า ถ้าอนาคตข้างหน้าย้อนกลับมาดู แล้วจะเสียใจมั้ย ถ้าเลือกเรียนคณะนี้


PS.  ----- You are you, you were not born for my expectation, And I am I, I was not born for your expectation too, but if by chance we meet, it's beautiful. -----
0
||-HeDw!g & P!gw!Dgeon-|| 1 มี.ค. 53 เวลา 20:40 น. 18

*กอดพี่เชอรี่*
ปลื้มๆ...

ไม่ติดแพทย์อ้ะ ไม่รู้จะมีหวังกับเภสัชมั้ยยย
เง้ออ

T^T


PS.  นี่คือความคิดเห็นจากมักเกิ้ลคนหนึ่ง
0