Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การกลับชาติมาเกิดในวรรณคดีไทย (สำหรับผู้สนใจเท่านั้น)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
           ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง มีอยู่เหมือนกัน ที่เนื้อเรื่อง กล่าวถึงการกลับชาติมาเกิดใหม่ ดังที่ผมจะยกตัวอย่างต่อไปนี้

          คนแรกก็คือ พระสรรพสิทธิ์ โอรสของพระเจ้าวิชัยราชาแห่งเมืองอลิกะ ซึ่งพระสรรพสิทธิ์นั้น รอบรู้ในสรรพวิทยาการต่างๆ พระบิดาจึงตั้งชื่อให้ว่า พระสรรพสิทธิ์ 
          ในชาติปางก่อนนั้น พระสรรพสิทธิ์ เป็นพ่อนกกระจาบ มีครอบครัวที่มีความสุข ในวันหนึ่ง พ่อนกกระจาบได้ออกไปหากิน และเผลอนอนหลับในดอกบัว ทำให้ดอกบัวหุบกลีบ ขังพ่อนกกระจาบจนออกไปไหนไม่ได้ทั้งคืน เมื่อดอกบัวบาน พ่อนกกระจาบจึงออกมาและกลับมาหาแม่นก 
          ปรากฏว่า ทั้งคืนที่พ่อนกกระจาบติดในดอกบัว ได้เกิดไฟป่า ทำให้ลูกนกตายหมด แม่นกกระจาบโกรธมาก คิดว่าพ่อนกกระจาบไปติดนกสาวตัวอื่น จึงต่อว่าอย่างแรง และกระโดดเข้ากองไปตายตามลูกไป และอธิษฐานว่า หากเกิดชาติหน้าจะไม่พูดกับชายใดเลย ส่วนพ่อนกกระจาบก็กระโดดเข้ากองไฟตายไปเช่นกัน โดยอธิษฐานว่าขอให้เกิดเป็นเนื้อคู่กันทุกชาติไป
          เมื่อมาเกิดใหม่ พ่อนกกระจาบจึงเกิดเป็น พระสรรพสิทธิ์ ส่วนแม่นกกระจาบก็เกิดใหม่เป็น นางสุวรรณเกสร ธิดาของท้าวพรหมทัต ซึ่งไม่ยอมพูดจากับชายใดเลยตั้งแต่กำเนิด ท้าวพรหมทัตจึงได้ป่าวประกาศว่า หากชายใดทำให้นางสุวรรณเกสรพูดได้ จะให้อภิเษกสมรสกับนางสุวรรณเกสร และยกเมืองให้ครอบครอง
          พระสรรพสิทธิ์ก็มาร่วมในการนี้ด้วย โดยพระสรรพสิทธิ์นั้น มีวิชาถอดจิต ได้ถอดจิตของพระพี่เลี้ยงที่ติดตามมาด้วยเข้าไปไว้ในตะเกียง และได้ตั้งปัญหาตอบกับนางสุวรรณเกสร จนนางสุวรรณเกสรยอมพูด ท้าวพรหมทัตจึงยกนางสุวรรณเกสรให้พระสรรพสิทธิ์ครอบครอง แต่ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นอีกมากมาย เพราะพระพี่เลี้ยงของพระสรรพสิทธิ์ที่หักหลังก่อเรื่องขึ้น กว่าที่ทั้งสองจะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข


         คนต่อมาก็คือ พระสุธน-มโนห์รา โดยในชาติปางก่อน พระสุธนก็คือ พระรถเสน ส่วนนางมโนห์รา ก็คือ นางเมรีนั่นเอง
         โดยหลังจากที่นางสิบสองและพระรถเสนได้กลับเข้ามาอยู่ในวังแล้ว นางยักษ์สนธมาร ก็ได้คิดแผนการกำจัดพระรถเสน ด้วยการแกล้งป่วย และบอกว่า มีผลของต้นมะม่วงหาว มะนาวโห่เท่านั้นที่จะรักษาอาการของนางได้ และได้ให้พระรถเสนเป็นคนไปนำมา
          นางยักษ์สนธมารได้เขียนราชสาสน์ด้วยภาษายักษ์ส่งไปหา นางเมรี ธิดาบุญธรรมที่เมืองของนาง โดยเนื้อหาในราชสาสน์เขียนว่า หากพระรถเสนไปถึงตอนกลางวันก็ให้กินตอนกลางวัน หากไปถึงตอนกลางคืนก็ให้กินตอนกลางคืน ก่อนที่พระรถเสนจะออกเดินทางโดยม้าวิเศษชื่อ พาชี
           ระหว่างทาง พระรถเสนแวะพักที่อาศรมของฤๅษีตนหนึ่ง ซึ่งพระฤๅษีรู้ได้ด้วยฌานว่า เนื้อความในราชสาสน์เป็นเช่นไร จึงได้ทำการแปลงเนื้อความในสาสน์ให้เป็น หากพระรถเสนไปถึงตอนกลางวันให้แต่งงานตอนกลางวัน หากพระรถเสนไปถึงตอนกลางคืนก็ให้แต่งงานตอนกลางคืน ก่อนที่พระรถเสนจะออกเดินทางต่อไป
          เมื่อถึงเมืองทานตะวันแล้ว พระรถเสนและนางเมรีก็ได้พบกัน และหลงรักซึ่งกันและกัน จึงได้จัดงานอภิเษกสมรสกันขึ้นตามเนื้อความในราชสาสน์
          พระรถเสนหลงเพลิดเพลินในเมืองทานตะวันอยู่นานถึง ๗ เดือน พาชีก็ได้เตือนให้พระรถเสนต้องกลับไปเสียที พระรถเสนจึงขอให้นางเมรีพาเข้าไปในอุทยาน และแอบเด็ดเอาผลมะม่วงหาวมะนาวโห่ออกมา ก่อนจะขอให้นางเมรีพาเข้าไปในห้องยา และพระรถเสนก็ได้พบกับ ดวงตาของแม่และป้าๆ ของตน พร้อมกับห่อยาที่เมื่อใส่ดวงตาเข้าไปแล้ว ใส่ยานี้เข้าไปจะทำให้มองเห็นดังเดิม และยังมีห่อยาวิเศษอีกมากมาย ที่เมื่อโปรยลงสู่พื้นแล้ว จะเกิดเป็นสิ่งกีดขวางต่างๆ ขึ้น
           พระรถเสนได้มอมเหล้านางเมรีจนเมาหลับไป ก่อนจะนำของวิเศษทั้งหมดหนีออกมา เมื่อนางเมรีตื่นขึ้นมาไม่พบพระรถเสนก็ตกใจมาก รีบพาพรรคพวกออกตามหา เมื่อพระรถเสนเห็นดังนั้น จึงได้โปรยยาวิเศษลงพื้น ทำให้เกิดป่า ภูเขา พายุ ไฟกรดขึ้นมาขวางนางเมรีเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจสกัดกั้นนางเมรีได้ จนท้ายที่สุด พระรถเสนได้โปรยยาลงไปเกิดเป็นทะเลกรด ทำให้นางเมรีไม่อาจตามได้อีกแล้ว นางเมรีจึงได้ตรอมใจตายด้วยความเสียใจ ก่อนตาย นางเมรีได้อธิษฐานว่า "ชาตินี้มีกรรมนัก น้องจึงต้องตามพี่มา ชาติหน้า ขอให้พี่ยาต้องตามน้องบ้าง"
          ฝ่ายพระรถเสนเมื่อกลับไปถึงเมืองกุตารนครของตนได้แล้ว ก็นำดวงตาใส่ให้แม่กับป้าดังเดิม ทำให้นางยักษ์สนธมารแค้นใจมากที่แผนกำจัดพระรถเสนไม่สำเร็จ จึงกลับคืนร่างเดิมและต่อสู้กับพระรถเสน พระรถเสนจึงใช้ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้เป็นกำจัดนางยักษ์สนธมารลงได้ จนวันหนึ่ง นึกถึงนางเมรีขึ้นมาได้ จึงเดินทางกลับไปยังเมืองทานตะวัน ก็พบว่า นางเมรีได้สิ้นชีพลงแล้ว ก็เสียใจมากจนดวงจิตแตกสลาย ตายตามไปอีกคน
          เมื่อพระรถเสนและนางเมรีสิ้นชีพแล้ว ก็มาเกิดใหม่เป็น พระสุธนและนาง มโนห์รา ซึ่งเป็นไปตามคำอธิษฐานของนางเมรีก่อนตาย ในชาตินี้ พระสุธนต้องออกเดินทางตามหานางมโนห์ราไปยังเขาไกรลาส ซึ่งต้องใช้เวลาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ของโลกมนุษย์ พระสุธนต้องฝ่าภยันตรายมากมาย แถมยังต้องผ่านการทดสอบของท้าวทุมราช บิดาของนางมโนห์ราอีก จึงได้นางมโนห์รากลับคืนมา และครองรักกันอย่างมีความสุข

             ส่วนตัวสุดท้ายที่นำมาเล่าก็คือ มังกรกัณฐ์ ในเรื่องรามเกียรติ์ โดยในชาติก่อน มังกรกัณฐ์ก็คือ ควายทรพีนั่นเอง
             ควายทรพีเป็นควายที่มีนิสัยมุทะลุดุดัน ถึงขนาดสังหาร ทรพา ผู้เป็นพ่อแท้ๆ ของตนได้ เมื่อสังหารทรพาแล้ว ทรพีก็ออกท่องไปในโลกกว้าง ท้าผู้อื่นต่อสู้ไปเรื่อย ทรพีกล้าแม้กระทั่งท้าพระอิศวรให้มาสู้ด้วย พระอิศวรจึงตรัสว่า ทรพีจงไปสู้ให้ชนะพาลีแห่งนครขีดขินให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยมาสู้กับพระองค์
            ทรพีจึงได้ท้าพาลีให้มาสู้ด้วย แต่ในวันแรก ยังไม่มีผู้ใดชนะซึ่งกันและกัน จึงได้นัดแนะให้มาสู้กันอีกครั้งในถ้ำสุรกานต์ ซึ่งก่อนจะออกไปสู้ พาลีได้สั่งสุครีพผู้เป็นน้องชายว่า หากเลือดที่ไหลออกมาที่หน้าปากถ้ำเป็นเลือดแดงข้น แสดงว่า ทรพีถูกกำจัดลงแล้ว แต่หากเลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดใส นั่นแสดงว่า พาลีพ่ายแพ้แก่ทรพีแน่นอน ให้นำก้อนหินมาปิดปากถ้ำเพื่อมิให้ผู้ใดเห็นศพให้เป็นที่อนาจใจ สุครีพก็รับคำ
             วันต่อมา ทรพีและพาลีก็ได้มาต่อสู้กัน ซึ่งทรพีนั้น มีเทวดาสิงสถิตอยู่ที่เขาและขาของมัน ทำให้มีพละกำลังมากกว่าควายทั่วไป พาลีจึงได้ถามทรพีว่า "เจ้ามีเทวดาคอยปกป้องอยู่หรืออย่างไร จึงได้มีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้" ด้วยความทะนงตน ทรพีจึงกล่าวว่า "ข้านั้นหาได้มีเทวดาองค์ใดปกป้องอยู่ไม่ หากแต่ข้ามีฝีมือของข้าเอง" พาลีจึงกล่าวว่า "ท่านเทวดาจงดูเถิด เจ้าควายทรพีที่ท่านอุตส่าห์ปกป้องมัน มันกลับไม่เห็นพระคุณของท่าน แล้วพวกท่านจักยังปกป้องคุ้มครองมันอยู่อีกกระนั้นหรือ" เหล่าเทวดาเห็นดีด้วยกับพาลี จึงได้พากันออกจากร่างของทรพี ทำให้ทรพีไม่มีกำลังอีกแล้ว จึงถูกพาลีสังหารในที่สุด
           เลือดที่แดงข้นของทรพีไหลออกมาที่หน้าปากถ้ำ แต่เทวดาก็ได้โปรยฝนลงมาเพื่อแสดงความยินดีกับพาลี ทำให้เลือดที่แดงข้นจางใสลง เมื่อสุครีพมาดูก็คิดว่าพาลีสิ้นชีพแล้ว จึงนำก้อนหินมาปิดปากถ้ำตามคำสั่งของพาลี เมื่อพาลีเห็นว่ามีก้อนหินปิดปากถ้ำ ก็โกรธมาก คิดว่าสุครีพคิดไม่ซื่อต่อตน จึงได้เนรเทศสุครีพออกจากเมืองไป ส่วนวิญญาณของทรพีก็ได้มาเกิดใหม่เป็น มังกรกัณฐ์ โอรสของพญาขร แห่งกรุงโรมคัล ผู้เป็นน้องชายของทศกัณฐ์นั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

Smile'GS 4 เม.ย. 53 เวลา 17:09 น. 1

ความคุณสำหรับ ความรู้ดีๆนะ

ไม่กี่กระทู้นะที่ยาวๆ แล้วเราจะอ่านนะ ^^


PS.  ++ฉันเป็นคนมั่งมี แต่มิใช่มีมากมาย ++แต่ฉันคิดว่าตัวเองมีมากพอ ++
0
ใต้ฟ้าข้าเดียวดาย 4 เม.ย. 53 เวลา 17:26 น. 2
เราชอบเรื่อง สรรพสิทธิ์คำฉันท์ของ กรมพระปรมานุชิตชิโนรสมากๆๆๆ  โดยเฉพาะบทชมดาวที่ไม่มีในที่อื่น ^^
PS.  ...Ye dhammā hetuppabhavā tesaṃ hetuṃ tathāgato āha, tesañca yo nirodho evaṃ vādī mahāsamaṇo...
0
JUNEiizZ™ 4 เม.ย. 53 เวลา 17:31 น. 3

ขอบใจจ้า

เราอุตส่าห์อ่านจนจบเลยนะเนี่ย 


PS.  ~หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน~!!!T^T---DEATH OWNER™"I Believe In My Own Actions,Not Destiny"---วิทย์-คณิต---ภูมิใจหลายๆ สู้ตายค่าาาา....---
0