เอาจริงๆ ม.เอกชน กับ ม.รัฐ = ต่างกันตรงไหน ถ้าไม่ใช่*เพราะสอบเข้า* เราแค่อยากรู้ เครดิต ว่าต่างกันมากไหม เผิ่อเป็นแนวทาง ถ้าเรายื่นแอดไม่ผ่าน>>>...
ตั้งกระทู้ใหม่
* เราแค่อยากรู้ เครดิต ว่าต่างกันมากไหม เผิ่อเป็นแนวทาง ถ้าเรายื่นแอดไม่ผ่าน>>>...
รอแอด จิตตกมาก เรากำลังคิดว่า ถ้ายื่นแอดไม่ผ่าน แล้ว เข้าเอกชน
ศักดิ์ศรีจะต่างกันมากไหม เพราะ สมัยนี้เอกชนดัง มีคุณภาพในไทยก็มี
แต่เราได้โดนกดดันจากผู้ใหญ่ว่า ต้อง ม.รัฐเท่านั้น T^T ถือว่าเข้ามาพูดคุยกัน ระหว่างรอผลเน้อ
นารีรัตน์ ลิง
5 พ.ค. 53 เวลา 08:45 น.
839
views
25 ความคิดเห็น
รู้อย่างเดียว ค่าใช้จ่ายต่างกันสุดกู่เลย - -!
เรื่องอื่นไม่รู้นะ เพราะไม่เคยเรียนม.เอกชน แต่เด๋วนี้ก็ไม่รู้ว่าม.รัฐขึ้นค่าเทอมเป็นเท่าไรแล้ว รออ่านจากคนอื่นๆด้วยดีกว่า 0.0
PS. คนดี ดีกว่าดวงดี ทำดี ดีกว่าขอพร
- ค่าเทอมที่ต่างกัน
- ความสะดวกความพร้อมเรื่องเครื่องมือทางการศึกษา
ม.เอกชนน่าจะได้เปรียบมากกว่า
ปล.ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะเลือก ม.เอกชนก๊ควรคำนึงดีด้วย
เพราะม.เอกชนแต่ละทีก๊มีคณะที่เด่นๆแตกต่างกัน
ความต่างมันมีแน่นอนอ่ะน้อง แต่มันขึ้นอยู่ที่ใจน้องว่าจะหวั่นไหวไปกับคำพูดของคนรึเปล่า  มันขึ้นอยู่กับคณะที่น้องจะเลือกเรียนด้วย
แต่ละมหา'ลัยมันก็มีคณะที่เด่นๆ ขึ้นชื่อต่างกัน  ส่วนค่าเทอม  บางคณะของ ม.รัฐแทบไม่ต่างจากเอกชนเลย  อย่าง bba จุฬา ค่าเทอมเฉลี่ย 100,000 บ/เทอม รวมแล้ว 4 ปี 800,000 บ. - -" พี่ว่าแพงกว่าเอแบคอีก  หรือคณะเภสัช  เดี๋ยวนี้ ม.รัฐ ออกนอกระบบเกือบหมดเเล้ว ก็คือมีการรับแบบพิเศษ หลักสูตรอินเตอร์ ยังมี ม.รัฐอยู่ไม่กี่แห่งหรอกที่ยังอยู่ในระบบแบบ 100%  ส่วนเรื่องเครดิต  connection รุ่นพี่รุ่นน้องมันก็มีจริง แต่มันมีเฉพาะบางที่  บางแห่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับบริษัททั้งหมดที่อยู่ในประเทศไทยมันมีไม่ถึง 1 % หรอก  บริษัทต่างชาติเค้าไม่สนใจน่ะว่าน้องจะสีอะไร  เค้ารับคนที่ความรู้ความสามารถ  เพราะฉะนั้นมีบริษัทอีกเยอะแยะที่พร้อมจะรับน้อง  ในเมื่อบางแห่งเค้าเอาสถาบันเป็นตัวหลัก  เราก็ไม่ต้องง้อหรอก 
คนที่เรียน ม.เอกชน  โดนดูถูกจากคนเรียน ม.รัฐบาล  คนเรียน ม.รัฐบาล เค้าก็โดนดูถูกจากคนที่เรียนจบจากเมืองนอกเช่นกัน  มันก็เป็นวัฏจักรแบบนี้แหละ  ขนาดเพื่อนพี่เรียน สัตวแพทย์ ม.สามย่าน ก็ยังโดนคนในคณะแพทย์ดูถูกเลยน้อง  นี่ขนาด ม.เดียวกันน่ะ  เพราะฉะนั้นน้องไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนแบบนั้นหรอก
คนจบจาก ม. รัฐ ก้อไปต่อ นอกกันเยอะ หมายถึงสถาบันที่มี ranking นะ แต่เดกที่จบนอกมากกว่าที่ไม่ติด ม.ในนี้และมาจาก ตึกแถว จะโดนดูถูกเอามากกว่านะ
ต่างกันที่ค่านิยม[ของผู้มีพระคุณ] - -
ศักดิ์ศรีมันอยู่ที่ตัวน้องค่ะ
บริษัทที่รุ่นพี่ของพี่ไปฝึกงานนะ
รุ่นพี่ของพี่จบเอกชนมา แต่ตอนไปสมัครงานต้องแข่งกันหลายมอ
ไปเจอจุฬาเข้า แต่เด็กจุฬาไม่ได้ เพราะเด็กคนนั้นเค้าแรงมากอ่ะ
ไม่ได้บอกว่าจุฬาไม่ดีนะ
แต่จะบอกว่า จะเอกชนหรือรัฐ
มันขึ้นอยู่กับคุณภาพน้องเองนั่นหละ
ต่อให้เค้ารับเข้าทำงานแล้ว เค้าก็มีสิทธิ์เอาน้องออกได้ ถ้าความประพฤติไม่ดี ทำงานไม่ได้
เพราะฉะนั้น จะเรียนที่ไหนก็เรียนไปเถอะค่ะ
แอดติดก็ดีไป ถ้าไม่ติดม.เอกชนก็เรียนได้
ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกนะ
ค่านิยม มันก็มีจาก ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ พอใครเห็นก็อยากเรียน จะได้มีคุณภาพเหมือนเค้าไม่ใช่รึ
ค่านิยมคนไทยมักจะเห็นเด็กที่เรียน ม.รัฐ ดีกว่า ม.เอกชน นะ
ทั้งๆที่เด็กบางคน จบ ม.เอกชน แล้วเก่งกว่าก็ตาม
ยังไงเราก็เป็นกำลังใจให้นะ เพราะรอลุ้นอยู่เหมือนกัน
^^
เด็กแอด 53
เครดิตที่ว่า ม.รัฐฯ มีงานทำ
เราว่าไม่อ่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เอกชนก็มีรับรอง
มันอยู่ที่คณะ สาขาและหน่วยงานที่เราจะทำด้วย
คหสต. นะ
เราก็เข้ามหาลัยปีนี้ แต่เราไม่แอดอ่ะ
ไม่อยากเรียนม.รัฐ เพราะการแข่งขันมันสูง
เราออกแนวโง่ๆ ด้วย
เราเรียนม.รังสิตจ้า
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 พฤษภาคม 2553 / 10:33
มันก็เหมือนกันละครับน้อง
ไม่ต่างกันหรอก
เอาเป็นว่านะ
เรียนให้ได้เกรียตินิยมก็เป็นพอ(ถ้าสะกดผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ)
พี่จะยกตัวอย่างให้ดูนะ
สมมุติว่าน้องเรียนม.เอกชนแห่งหนึ่งจบออกมาได้เกียรตินิยมอันดับ1
แต่พี่เรียนม.รัฐบาลที่มีชื่อเสียงเรียนสาขาวิชาเดียวกับน้อง
แต่พี่เรียนได้เกรดแค่3.00
น้องคิดว่าพอไปสมัครงานเขาจะรับใครเข้าทำงาน
ซึ่งแน่นอนว่า
เขาต้องรับน้องเข้าทำงานแน่นอน
เพราะน้องมีความรู้ความสามารถมากกว่าพี่
ทีนี้น้องน่าจะพอมีทางออกแล้วนะครับ
มีอะไรก็แอดเมลมาคุยกันได้นะครับ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 พฤษภาคม 2553 / 10:52
มันอยู่ที่ความสามารถ = ="
PS. . . .ชนะเลิศเปล่งแสง ค่าาาาาาาาาา ! ! ! !
ม.รัฐ ได้เปรียบเรื่องชื่อเสียงหน่อย เพราะเป็นม.รัฐ คนไทยโดนปลูกฝังให้คิดว่าม.รัฐนั้นดีกว่าเอกชนทุกด้านแต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่!
พ่อแม่อาจจะภูมิใจที่ลูกสอบติด ก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ส่วนใหญ่ค่าเทอมรัฐจะถูกกว่าม.เอกชนทั้งนั้น เพราะรัฐบาลออกให้ ครับ จากภาษีประชาชนอย่างเรา ๆ
ยังมีม.เอกชน ชั้นนำอีกหลายม. ที่ดีกว่าม.รัฐอีกในหลาย ๆ ที่ ตอนแรกก็แอนตี้ ม.เอกชนที่ค่าเทอมทำไมแพงจังว่ะ แต่นี้เข้าใจแล้วครับ น่านับถือม.เอกชนด้วยซ้ำ
เพราะม.เอกชนนั้นผู้บริหารเขาลงทุนด้านการศึกษาเอง เห็นความสำคัญของการศึกษาในบ้านเรา ดีกว่าเอาไปลงทุนด้านน้ำเมาหรืออื่น ๆ ที่ไม่ช่วยจรรโลงสังคม น่านับถือคนสร้างม.เอกชนครับ (จริง ๆ แล้ว ม.เอกชน เราอาจจะเคยได้ยิรว่า เป็นธุรกิจการศึกษา แต่จริงๆแล้วม.เอกชนนั้นไม่ได้กำไรมากมายเลย มีเพียงม.เอกชน แถวคลองหลวงม.เดียวเท่านั้นแหละ ที่ผลกำไรดีตลอด )
ม.เอกชน ได้เปรียบที่อุปกรณ์การเรียน ม.เอกชนส่วนใหญ่เน้นให้นักศึกษาปฎิบัติจริงมากกว่ามานั่งเรียนทฤษฎีจนสมองแตก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย
แต่ในบางครั้ง บางสาขาก็ต้องดูว่าที่ไหนดี ที่ไหนดังนะ
ถ้าเป็นด้าน วิทยาศาสตร์สุขภาพ แพทย์ เภสัช ....... ล่ะก็ ม.รังสิต หัวเชียวบางคณะ
นิเทศศาสตร์ ม.รังสิต ม.กรุงเทพ คู่นี้กินกันไม่ลง นี่ม.รังสิตสร้างตึกนิเทศใหม่อีกและ แข่งขันกันตลอด
บริหารนี่เยอะหน่อย ม.รังสิต ม.กรุงเทพ ม.ธุรกิจ ม.หอการค้า
นานาชาติ เอเบค ม.รังสิต ม.กรุงเทพ
วิดวะ ม.รังสิต พระนคร
เหตุที่ มีม.รังสิตในหลายสาขา ก็เพราะที่ม.รังสิตนั้นเป็นม.เอกชนที่เปิดสอนมากที่สุด และไม่ใช่แค่ปริมาณมาก คุณภาพเขาก็ดีมาก ด้วยนะครับ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมศ.ออกมาประกาศว่า ในกลุ่มที่เพิ่งประเมินไป มีเพียง ม.เอกชนเดียวคือม.รังสิตที่ ถูกประเมินในระดับ ดีมาก ซึ้งเป็นระดับสูงสุดของการประเมิน
เชียร์ม.เอกชนนะครับ ไม่ว่าที่ไหน อยากให้เป็นเหมือนเมืองนอกที่ ม.เอกชนเป็นม.อันดับ 1 ตลอด เพราะเขาพัฒนาแล้ว การที่ให้ม.ออกนอกระบบถือเป็นนโยบายหนึ่งนะครับที่สร้างคุณภาพให้กับวงการการศึกษาไทย เพราะ อะไรที่แข่งขันกัน ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ การศึกษาก็เช่นกัน วัดกันตัว ตัว ดีกว่า อิอิ
และเลิกเลิกบ้า ม.รัฐ เพราะสอบติดเลยเรียน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ชอบ เสียอนาคนป่าว ๆ นะครับ เห็นมาแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ
ขอให้ทุกคนสมปราถนานะครับ
PS. มาเป็นเพื่อนกันนะครับ หน้าตาพอดีและอร่อยครับ อิอิ
ต่างกันอันดับแรกคือ 
-  คุณภาพสมองของบุคคลที่สอบได้ 
อันจะทำให้การเรียนการสอนต้องปรับให้เข้ากับผู้เรียน  รวมไปถึงลักษณะนิสัยของผู้เรียนก็จะแตกต่างกันไปด้วยในเรื่องความเอาใจใส่ ขยันเรียน  แนวความคิด
-  การเรียนการสอน
  รัฐจะเน้นวิชาการ  และปฏิบัติคู่กันไป  เอกชนจะเน้นปฏิบัติเพื่อให้นักศึกษาสามารถใช้เมื่อทำงานได้ทันที  เนื้อหาอาจจะน้อยกว่าบ้างในบางส่วน  หากเทียบในหนังสือเล่มเดียวกัน
-  การสมัครเข้าทำงาน
ค่านิยมของสังคมต้องการผู้ที่มีสมองดี  เพื่อที่เวลาองค์กรมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น  สามารถประยุกต์ได้  แก้ไขได้ทันท่วงที หรือประเมินเหตุการณ์ได้ล่วงหน้า
ผมเพียงสรุปแบบหยาบ ๆ นะครับ 
ดังนั้นแล้ว  หากเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน  จึงพึงตั้งใจเรียนเพื่อให้ได้รับความรู้จากการเรียนให้มากที่สุด  และให้เกรดที่ได้มีระดับสูง  จึงจะฟันผ่าอุปสรรคในการสมัครเข้าทำงานได้ครับ
สำหรับที่เคยผ่านมาในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน กรณีมหาวิทยาลัยในประเทศ  .. มักจะมอง
มหาวิทยาลัยรัฐ >> เมื่อต้องการผู้มีมันสมองในการคิดสิ่งใหม่หรือดูแลแบบองค์รวม
มหาวิทยาลัยรามคำแหง  >> เมื่อต้องการบุคคลผู้มีความอดทนและควบคุมตนเองได้ หรือในบางคณะเช่น นิติ เป็นต้น
มหาวิทยาลัยเอกชน  >> เมื่อต้องการบุคคลผู้ที่เมื่อเข้ามาแล้วสามารถปฏิบัติงานได้เลยโดยไม่ต้องสอนงานเพิ่มอีก แต่อาจจะประยุกต์หรือทำทุกด้านไม่ได้  ต้องเลือกด้านที่เขาคนนั้นจบการศึกษามา
มหาวิทยาลัยราชภัฏ >>  .. ต้องขอประทานโทษจริง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้สังเกตมากนัก
ทั้งหมดนี้ยังขึ้นกับ "คุณภาพเกรด" และ "บุคลิกภาพ"  ด้วยนะครับ  ไม่ได้ตายตัว  ขึ้นกับกรณีและงานที่ต้องใช้งาน
เพชรอยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็นเพชร
แค่ขอให้เราขยัน ตั้งใจเรียน ฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่ง
แล้วอย่าลืมร่วมทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วย
มันสำคัญเหมือนกัน เพราะจะทำให้เรารู้จักเพื่อน ๆ ต่างคณะ รุ่นพี่ที่สามารถจะให้คำแนะนำอะไรดี ๆ ให้อีกเยอะคะ
สังคมครับ
ถ้าได้เรียนรัฐ ก้อจะได้เจอแต่เพื่อนเก่ง ๆ พากันไปในที่ดี
แต่เอกชนก้อมีคนเก่งเยอะนะ แต่บางครั้งก้อจะโดนกีดกันทางสังคม โดนแบ่งชั้นวรรณะ คนรวยก้อจะคบกับคนรวย เป็นต้น
ขอหั้ยได้รัฐ แร้วกันนะ จะได้เจอแต่สังคมดี ๆ คนเก่ง ๆ เราจะได้พัฒนาตัวเองไปด้วย
PS. ฮิห้า
อืม ถามว่าต่างไหม ก็ต้องตอบว่าต่าง
ไม่ต้องไปเปรียบเอกชนกับม.รัฐหรอก
เอาแต่ต่างมหาลัยหลักสูตรยังไม่เหมือนกันเดะๆเลย
บางทีโหดสุดๆ บางทีก็ง่ายกว่าอีกที่ 4.00 ของบางที่ อาจสู้ 2.00 ของบางที่ไม่ได้ ก็มี
ถามว่าพยายามเข้าม.รัฐกันไปทำไม มันก็เหมือนเปรียบว่า คนๆนั้นมีความรับผิดชอบในการอ่านหนังสือสอบมากแค่ไหน
มันแค่วัดความหัวดี / ดวง / ความรับผิดชอบ
แล้วเกิดอะไรขึ้น กลายเป็นว่า คนที่เข้าม.รัฐได้ มีความรับผิดชอบต่อชีวิต(ในช่วงสอบ ช่วงอื่นไม่รู้)มากกว่า
แล้วการทำงานไม่ว่างานไหนก็ต้องมีความรับผิดชอบเป็นหลัก กลายเป็นว่า เลือก คนที่ดูแล้วน่าจะมีความรับผิดชอบมากกว่า
เข้าทำงาน ถามว่าที่ไหนไม่ดูมหาลัยบ้าง ต้องตอบว่า น้อยที่นัก แม้แต่บริษัทฝรั่งก็ดูนะ เพราะคนรับสมัครงานก็คนไทยด้วยกันนี่นา
พอนานๆไปเข้าก็กลายเป็นค่านิยมไป ส่วนเกรด ส่วนมากเค้าจะตั้งว่า ม.เอกชน ลดเกรดลง 0.25-0.75 แล้วแต่สาขา ถึงเอาไปเทียบกับม.รัฐ
แต่เราก็ต้องดูกันที่หลายๆด้าน เห็นหลายๆคน เข้าม.ดังๆ แต่เรียนสาขาที่ไม่ชอบก็ลำบากเหมือนกันนะ กลายเป็นเสียเวลาซิ่วอีกรอบ
PS. ¯¨'*·~-.¸¸,.-~*'<GUILTY!> !~!!~~¯¨'*·~-.¸¸,.-~*...
เราเป็นคนนึงค่ะ ที่ไม่ได้แอด
ที่ไม่ได้แอด เพราะไม่ได้ว่าโง่ เกรดก็ 3 กว่า ..
แต่เราเชื่อว่า ม.เอกชน มีคุณภาพ มีความพร้อมในหลายๆด้าน
ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนยึดติดกับ ม.รัฐ ก็แค่ชื่อเสียง
ส่วนศักดิ์ศรีเรามีในตัวเราทุกคน มาเรียนเอกชนไม่มีศักดิ์ศรีตรงไหนหรอคะ?
ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มนุษย์เรียนเหมือนกัน และคุณภาพดีมากด้วย ลองคิดดูเอานะคะ
เราก็เด็กแอดปี53 แต่ไม่ได้แอดค่ะ ตอนนี้ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตแล้วจ้ะ ..
ABM53 หรือ ธุรกิจการบิน ค่ะ แล้วเจอกัน ถ้าเธอพลาดแอด
อยากรู้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่พี่เรียนค่ะ. อยากเข้ามากๆ
ตอนนี้ไม่แน่!! ต่อไป ม.เอกชนอาจแซงหน้ารัฐบาลครับผม
ขออีกเสียง
คห.12คับ ข้อมูลเรื่องผลการประเมินสมศ. ข้อมูลคุณคลาดเคลื่อนนะคับ ไม่ใช่ม.รังสิต ม.เดียวครับที่ผ่านการประเมินในระดับดีมาก
เค้าเป็นเป็นกลุ่มๆคับ ให้มหาลัยเลือกเอาเองว่าจะอยู่กลุ่มไหน
เช่นกลุ่ม วิจัยและผลิตบัณฑิต กลุ่มพัฒนาสังคม อื่นๆ มีอยู่4กลุ่ม 
ก็มีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร นะคับที่ได้การประเมินระดับดีมาก ในกลุ่มผลิตบัณฑิตและวิจัย
ช่วยกรองข้อมูลให้ชัดเจนก่อนนะคับแล้วค่อยเอามาลง
ทุกอย่างอยู่ตัวตัวเราเองครับน้องๆ ว่าเราจะรับในสิ่งที่อาจารย์สอนมากเท่าไร
ที่สำคัญคือการประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้ได้กับการทำงานจริง มีความอดทนในการทำงาน การปรับตัวเข้ากับสังคม
การสังสมประสบการณ์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้น้องประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียนและหน้าที่การงานในอนาคตคับ
พี่เป็นกำลังใจให้ เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไรขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะ มีความตั้งใจแค่ไหนในการเรียน
อ้างอิงข้อมูลสมศ. http://www.mut.ac.th/news/2009/09-09-09-mut-no1.html
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?