ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเรียกว่า แม่ 4
ลืมคนที่รักคุณที่สุด... ไปหรือเปล่า
กลั่นเม็ดเลือดเม็ดน้อยนับร้อยหยด
จนปรากฎเป็นหยดนมรสกลมกล่อม
เพื่อหล่อเลี้ยงทารกน้อยค่อยอดออม
เฝ้าถนอมฟูมฟักรักเมตตา
วันเปลี่ยนวันเดือนเปลี่ยนเดือนหมุนเคลื่อนคล้อย
จากเด็กน้อยเริ่มมีแรงเริ่มแข็งกล้า
ค่อยสอนเดินสอนทำสอนคำจา
สอนปัญญาสอนวิชาสารพัน
ทารกน้อยวันนี้เห็นเป็นผู้ใหญ่
แม่ภูมิใจในผลงานการสร้างสรรค์
ความเหน็ดเหนื่อยกายใจหายไปพลัน
เมื่อถึงวันลูกได้รับปริญญา
วันนี้ลูกของแม่สุขถ้วนทั่ว
มีครอบครัวอยู่เย็นเป็นฝั่งฝา
แม่คนนี้ย่างเข้าสู่วัยชรา
รอเวลาสู่กองฟอนตอนสิ้นใจ
วันเอยวันแม่
สองตาแลหม่นหมองอยากร้องไห้
บ้านแม่อยู่วันนี้ไม่มีใคร
มีแต่ไก่กับหมาที่สีมอซอ
อยากฝากดาวถามฟ้าหาลูกรัก
ใครรู้จักบอกให้ได้ไหมหนอ
แม่ชราผู้อยู่หลังยังเฝ้ารอ
บอกอยากขอเห็นหน้าอีกคราเอย
เหตุผลที่เราควรรักแม่ มากกว่าแฟน
แม่. . . ไม่เคยหลอกให้เราหลงรัก
เพราะเราเต็มใจรักแม่ โดยไม่ต้องหลง
แม่. . . อาจเคยตีเราให้เจ็บ แต่ไม่เคยทำให้เราเจ็บหัวใจ
แม่. . . ส่งเสียเรา แต่เราต้องส่งเสียแฟน
และในประเทศนี้ไม่มี . . . "วันแฟนแห่งชาติ"
เหมือนวันแม่ใช่มั้ย
รู้ว่าความรักของแม่ ยิ่งใหญ่กว่าแฟนแล้ว. . .
พรุ่งนี้!! คุณอยากบอกแม่ว่าอะไรดี. . .?
อย่ารอโอกาส หรือรอเวลาบอกรักแม่เฉพาะ "วันแม่" เท่านั้น
. . .เพราะวันเวลาอาจทำให้คุณ . . . ไม่มีโอกาสบอกรักแม่ก็เป็นได้
พื้นที่ ของแม่ ... ความรู้สึกของลูกที่มีต่อแม่
ผมไม่ได้เจอหน้าแม่มานานมากแล้ว! หลังจากที่พ่อตัดสินใจขายบ้านในกรุงเทพฯ แม่กับน้องก็ติดตามพ่อไปลงหลักปักฐานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ขณะที่ผมเลือกจะสนุกสนานอยู่กับแสงสีของเมืองใหญ่เพียงลำพัง ทันทีที่จัดการเรื่องเรียนของน้องทั้งสองคนเรียบร้อย แม่ก็เริ่มมาจัดการกับอาชีพใหม่ของตัวเองในเมืองดอกคูน แม่ได้รับการชักชวนจากอาม่าให้ไปเป็นผู้ช่วยของท่านในการปรุงและขายอาหาร
อาม่ามีร้านข้าวแกงเล็กๆ ตั้งอยู่ที่โรงอาหารของโรงเรียนประจำจังหวัด และด้วยอายุที่มากขึ้น ประกอบกับกำลังวังชาที่ถดถอยลง ท่านจึงกำลังจะตัดใจทิ้งร้านนี้เพื่อที่จะไปดูแลร้านรับถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งน่าจะเหมาะกับหญิงชราอย่างท่านมากกว่า
หลังจากแม่เข้าไปเป็นลูกมือให้อาม่า ไม่นานลูกค้าเก่าของอาม่าก็หันมาติดใจฝีมือปรุงอาหารของแม่เป็นทิวแถว นั่นทำให้อาม่ายิ้มได้ และลดบทบาทของตัวเองลงมาเป็นแค่ผู้ให้คำปรึกษา ร้านข้าวแกง "ป้าเกียว" ของอาม่า จึงกลายเป็น ร้านข้าวแกง "น้าจิ๋ม" ของแม่ไปโดยปริยาย
ช่วงนั้นครอบครัวเราจึงมีรายได้เข้ามาสองทาง จากงานศิลปะของพ่อ และร้านข้าวแกงของแม่ และที่น่ารักไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงเย็นแม่ยังไปเปิดร้านหมูสะเต๊ะข้างทางอยู่แถวริมบึงแก่นนครอีกด้วย ทุกๆ เย็นคนแถวนั้นจึงเห็นภาพสามี-ภรรยาช่วยกันเสียบไม้และปิ๊งหมูสะเต๊ะกันอย่างชินตา รวมไปถึงลิงทโมนสองตัวที่เล่นซนไปเสิร์ฟหมูสะเต๊ะไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ความสุขน่าจะกลับมาหาครอบครัวเราอีกครั้ง ถ้า "โรคร้าย" ไม่พรากพ่อจากเราไป...เราทุกคนจมอยู่กับความสูญเสียเมื่อพ่อไม่อยู่อีกแล้ว แม่เป็นคนแรกที่กัดฟันกลับคืนสู่สภาพปกติได้เร็วที่สุด ถึงกระนั้นร้านหมูสะเต๊ะก็ต้องปิดกิจการลง เพราะขาดลูกมือที่รู้ใจ แต่แม่ก็หันไปทำ "ขนมปั้นขลิบ" ส่งขายตามร้านเพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป
แม่ยังคงคิดถึงพ่ออยู่เสมอ ทุกคืนท่านนอนกอดเสื้อยืดเก่าๆ ของพ่อเป็นประจำ แต่หลังจากช่วงเวลานั้นภาพผู้หญิงอ่อนไหวนอนน้ำตาซึมกอดเสื้อของชายอันเป็นที่รัก ก็จะกลับกลายเป็นหญิงแกร่งที่ทำงานอย่างแข็งขัน โดยที่ไม่แสดงความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยออกมาให้ใครเห็นเลยสักนิด
อนาคตของลูกทั้งสามสั่งให้แม่ทำงานหนักเท่าที่แรงจะมี จากอดีต "นางงามบ้านโป่ง" ที่เลื่องลือในตอนนั้น กลับกลายเป็น "แม่บ้านโทรมๆ" ในตอนนี้ไปเสียแล้ว
ครั้งล่าสุดที่ผมเจอแม่ ปลายจมูกของท่านมีแผลไหม้ปรากฏ "พอดีทอดไก่แล้วน้ำมันกระเด็นมาโดน" แม่เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ความสวยของท่านสร่างลง "ทำไมไม่หาครีมมาทาล่ะ เดี๋ยวก็เป็นแผลเป็นหรอก" สิ้นเสียงผม แม่ส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า "ไม่ได้ใช้ครีมมาหลายปีแล้ว สิ้นเปลืองเปล่าๆ เดี๋ยวมันก็หาย แผลแค่นี้จะโวยวายไปทำไม" ผมเฉยๆ แล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น เพราะดูทีท่าของแม่แล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องเราคงต้องคุยเรื่องนี้กันอีกยาว
กว่าสิบปีแล้วครับ ที่แม่เป็นเสาหลักของครอบครัวเราแทนพ่อ ทุกๆ วันแม่จะตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อปรุงอาหาร ก่อนจะขนอาหารไปขายที่ร้าน แล้วกลับมาบ้านตอนสิบเอ็ดโมงเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงไปขาย พอขายอาหารเที่ยงเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งทำความสะอาดจาน ชาม และอุปกรณ์ในการทำครัวจนถึงสี่โมงเย็น จากนั้นก็กลับมาทำขนมปั้นขลิบไปขายและส่งตามร้านต่างๆ
แม่ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนทั้งในหรือนอกประเทศ แม่ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ทันสมัยสวมใส่ รวมไปถึงเครื่องประทินผิวมีราคา ความรับผิดชอบต่อลูกทำให้ "พื้นที่ชีวิต" ของแม่ค่อยๆ หดแคบลงเรื่อยๆ แต่กับ "พื้นที่หัวใจ" กลับถูกขยายจนกว้างใหญ่เหลือคณาด้วย "รอยยิ้มของลูกพวกเรา"
"ขอบคุณครับแม่"
แม่. . . ไม่เคยบอกเลิก
แม่. . . เป็นแบงค์ส่วนตัวที่เวลากู้ไม่เคยคิดดอกเบี้ย
และไม่ค่อยทวงคืน
แม่. . . เห็นเราเดินแก้ผ้าตั้งแต่เล็ก โดยไม่เคยติเรื่องรูปร่าง
แม่. . . เป็นคนที่เห็นเราดีกว่า แฟนของแม่เสมอ
ขอหอมแม่ไม่ยากเท่าขอหอมแฟน
แม่. . . ยอมตัดสะดือตัวเองเพื่อให้เราเกิดมา
แม่. . . สอนให้เราพูดได้ เพื่อจะไปบอกรักแฟนตอนโต
แม่. . . ยอมเป็นยายอ้วนลงพุงตั้ง 9 เดือน
เพื่อให้เราอาศัยอยู่ข้างใน
เคริต กระปุก
ที่ต้องมีกระทู้ถึง4กระทู้ เพราะ ความรักของแม่มีมากมาย อยากให้ทุกคนรักแม่ให้มากๆนะค่ะ อันที่จริงความรักของแม่มีมากมายจนอธิบายไม่หมดถึงตั้งแค่4กระทู้
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553 / 20:11
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553 / 20:19
แสดงความคิดเห็น