Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คำสอนท่านพุทธทาส เรื่อง "อิทัปปัจยตา" กฏ ว่าด้วยเหตุและผล ที่ใช้ได้กับทุกสรรพสิ่งในโลกโดยไม่แบ่งศาสนา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


.อิทัปปัจจยตา   คือ กฏที่กล่าวว่า  "เพราะมีสิ่งนี้ เป็นเหตุปัจจัย   สิ่งนี้จึงมี"

กฏนี้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งในจักรวาล   ไม่แบ่งแยกว่าศาสนาไหน   การเกิดขึ้นของจักรวาล การเกิดขึ้นของทุกสรรพสิ่งในจักรวาล เช่นโลก  เช่นดาวเคราะห์  สสาร ธาตุต่างๆ หรือแม้กระทั่ง จิตใจ  ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกฏอิทัปปัจจยตา

เช่น มีสสารตัวนั้นตัวนี้ พลังงานตัวนั้นตัวนี้   ทำให้เกิดวัตถุตัวนั้นตัวนี้  ฯลฯ

พุทธทาสสอนว่า  มีสิ่งอยู่สิ่งหนึ่ง  สร้างทุกอย่าง  กำหนดความเป็นไปของทุกอย่าง  และทำลายทุกอย่างได้  สิ่งๆนั้นคือ  "เหตุ  กับ ปัจจัย"  

เพราะมีสื่งนั้น สิ่งนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัย จึงทำให้อีกสิ่งหนึ่ง(ผล) มีขึ้น เกิดขึ้น  หรือ ที่เรียกว่า อิทัปปัจจยตา  .(แต่ถ้าใช้กับจิตของมนุษย์ จะเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท  ไม่เรียกว่า อิทัปปัจจยตา ส่วนอิทัปปัจจตา จะใช้กับวัตถุธาตุต่างๆ) 

หรือในฝ่ายดับ  ก็คือ  เพราะสิ่งนั้นสิ่งนี้(เหตุ)ดับไป   สิ่งนั้นสิ่งนี้(ผล)จึงดับไปด้วย    เพราะไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้(เหตุ)เป้นปัจจัย สิ่งนั้นสิ่งนี้(ผล) ก็ไม่มีไปด้วย

มันก็คือ กฏธรรมชาติ ขั้นอสังขตธรรม ขั้นสูงสุด ที่ไม่มีใครไปปรุงแต่งแก้ไขมันได้นั่นเอง


อิทัปปัจจยตาในที่นี้ จะหมายถึง พระเจ้าในศาสนาคริสต์ก็ได้    จะหมายถึง "อสังขตธรรม"ในพุทธศาสนาก็ได้ จะหมายถึง พระตรีมูรติ ก็ได้ คือเป็นทั้งผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผุ้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้ทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง 

ไม่ต้องมาทะเลาะกัน

ปล.ถ้าอ่านศึกษาของ ท่านพุทธทาสมา   และเข้าใจ แก่นของพุทธอย่างถ่องแท้ ก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องที่เป็นเปลือกของศาสนา


ตัวอย่าง อิทัปปัจยตา (ปฏิจจสมุปบาท) 

  • เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
  • เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
  • เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
  • เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
  • เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
  • เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
  • เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
  • เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
  • เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
  • เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
  • เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
  • ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี

ส่วนสายดับ ก็ตรงกันข้าม คือ เพราะอวิชชาดับไป  สังขาร ..........--------->ภพ ชาติ ชรา มรณะก็ดับไปด้วย(นิพาน)

ในแง่จิตมนุษย์มันก็คือ กฏของการเกิดขึ้นของกิเลส  การตั้งอยู่ของกิเลส  การดับไปของกิเลส  โดยมีสิ่งๆหนึ่ง (ก็คือตัวกฏธรรมชาติ  ตัวกฏปฏิจจสมุปบาท ควบคุมอยู่   เป็นทั้งผู้สร้าง ผู้ควบคุม ผู้ทำลาย)

ในทางวัตถุก็มีกฏนี้กฏเดียวกัน

เป็นกฏสากล ของจักรวาล  ไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องว่าเป็นศาสนาอะไร นุ่งห่มอะไร ฉันอะไรครับ

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

Samiran_Xu 2 ก.ย. 53 เวลา 21:49 น. 1

ขอ เพิ่มขยายความนิดหน่อย


เรื่อง กฏอิทัปปัจจยตา เรื่อง ปฏิจจมุปบาท  เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้แล้วนะครับ 

ส่วนท่านพุทธทาส ก็คือ ผู้ที่นำออกมาอธิบาย ขยายความ ถ่ายทอดให้ คนรุ่นหลังได้เข้าใจมากขึ้น
0