ราชสกุล "ณ อยุธยา" เป็นมาอย่างไร???
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล พ.ศ.2456 ขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2455 บัญญัติว่าผู้ที่สืบเชื้อสายทางบิดามาจากบรรพบุรุษคนเดียวกันให้ใช้นามสกุลเดียวกัน ทำให้คนไทยทุกคนมีนามสกุลใช้ และทำให้ทราบว่าใครเป็นพี่น้องหรือสืบเชื้อสายมาจากผู้ใด
สำหรับพระราชวงศ์นั้น ผู้ใดสืบเชื้อสายมาจากพระราชโอรสพระองค์ใดของพระมหากษัตริย์ ก็โปรดให้ใช้พระนามของพระราชโอรสพระองค์นั้นเป็นชื่อราชสกุล เช่น ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระองค์เจ้าชายดารากร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นราชสกุลดารากร ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระองค์เจ้าชายกล้วยไม้ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นราชสกุลกล้วยไม้ เป็นต้น
และทรงพระราชดำริว่าเพื่อให้นามสกุลสำหรับผู้สืบเชื้อสายจากราชตระกูลให้คงอยู่ตลอดไปทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าบรรดานามสกุลสำหรับราชตระกูลให้มีคำว่า "ณ กรุงเทพ" เพิ่มท้ายนามสกุลนั้นๆ นับแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2458
ต่อมาทรงพิจารณาว่า คำว่า "ณ กรุงเทพ" เป็นคำนำหน้ามหานครอันเป็นราชธานี คือนามของพระนครศรีอยุธยา และเมื่อพระราชวงศ์เดิมก็เป็นสกุลหนึ่งในพระนครศรีอยุธยาเมื่อเป็นพระราชธานีเห็นควรจะใช้นามให้ตรงกับมูลเหตุแห่งพระราชพงศาวดาร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนาม"ณ กรุงเทพ" เป็น "ณ อยุธยา" แทน
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระดำริว่าในชั้นต้นผู้สืบเชื้อสายราชตระกูลที่ยังมีฐานันดรศักดิ์เป็นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง สามารถทราบได้ว่าสืบเชื้อสายจากราชตระกูลนั้นๆ จึงไม่ต้องใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ต่อท้าย เพราะมีคำแสดงศักดิ์ในราชตระกูลปรากฏอยู่แล้ว
แต่ผู้ที่สืบราชตระกูลต่อจากหม่อมหลวงลงไปไม่มีฐานันดรศักดิ์อันใดเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายราชตระกูล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้สืบราชตระกูลต่อจากหม่อมหลวงลงมาเพิ่มคำว่า "ณอยุธยา" ต่อท้ายนามสกุลนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2472 เพื่อให้ราชตระกูลดำรงอยู่ตลอดไป
สำหรับผู้ใช้นามราชสกุลตามมารดา หรือการขอร่วมใช้นามสกุลที่เป็นราชสกุล จะไม่ต่อท้ายด้วย"ณ อยุธยา"
ทั้งนี้ ราชสกุล หมายถึง สกุลที่สืบเนื่องมาจากพระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาลแห่งราชวงศ์จักรี คือตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ลงมาถึงปัจจุบัน
รัชกาลที่ 1 ราชตระกูล หมายถึง ตระกูลที่สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งโดยตรง และจากสมเด็จพระเชษฐภคินี พระอนุชา และพระขนิษฐา ผู้เป็นโอรสธิดาในสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกด้วยกัน สำหรับสายพระพี่พระน้อง หรือเรียก ราชตระกูลสายพระปฐมวงศ์ หรือพระปฐมบรมราชวงศ์ คือมิได้สืบสายโดยตรงลงมาจากรัชกาลที่ 1 มี 6 ราชสกุล คือ "เจษฎางกูล,เทพหัสดิน,นรินทรกุล,นรินทรางกูล,มนตรีกุล,อิศรางกูร"
รัชกาลที่ 1 มี 8 ราชสกุล คือ "ฉัตรกุล,ดวงจักร, ดารากร,ทัพพะกุล,พึ่งบุญ,สุทัศน์,สุริยกุล, อินทรางกูร" บวรราชสกุล (วังหลัง-สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข) ในรัชกาลที่ 1 มี 2 ราชสกุล คือ "ปาลกะวงศ์, เสนีวงศ์" บวรราชสกุล (วังหน้า-สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) ในรัชกาลที่ 1 มี 4 ราชสกุล คือ "นีรสิงห์, ปัทมสิงห์, สังขทัต, อสุนี"
รัชกาลที่ 2 มี 20 ราชสกุล คือ "กปิตถา-กล้วยไม้- กุญชร- กุสุมา-ชุมแสง- เดชาติวงศ์- ทินกร- นิยมิศร-นิลรัตน์- ปราโมช พนมวัน- ไพฑูรย์-มรกฎ-มหากุล-มาลากุล เรณุนันทน์-วัชรีวงศ์- สนิทวงศ์-อรุณวงศ์- อาภรณ์กุล" บวรราชสกุล (วังหน้า-สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์) ในรัชกาลที่ 2 มี 10 ราชสกุล คือ "บรรยงกะเสนา- พยัคฆเสนา- ภุมรินทร ยุคันธร- รองทรง รังสิเสนา- รัชนิกร- สหาวุธ สีสังข์- อิศรเสนา"
รัชกาลที่ 3 มี 13 ราชสกุล คือ "โกเมน- คเนจร- งอนรถ ชมภูนุท- ชุมสาย-ปิยากร- ลดาวัลย์ -ลำยอง ศิริวงศ์- สิงหรา-สุบรรณ- อรณพ-อุไรพงศ์" บวรราชสกุล (วังหน้า-สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพ) ในรัชกาลที่ 3 มี 5 ราชสกุล คือ "เกสรา- กำภู- นันทิศักดิ์- อนุชะศักดิ์ -อิศรศักดิ์"
รัชกาลที่ 4 มี 27 ราชสกุล คือ "กมลาศน์-กฤดากร- เกษมศรี- เกษมสันต์- คัคณางค์-จักรพันธุ์จันทรทัต-จิตรพงศ์ ชยางกูร-ชุมพล -ไชยันต์ -ดิศกุล ทวีวงศ์- ทองแถม ทองใหญ่- เทวกุล -นพวงศ์ -ภาณุพันธุ์ วรวรรณ-วัฒนวงศ์ -ศรีธวัช ศุขสวัสดิ์- โศภางค์ สวัสดิกุล- สวัสดิวัตน์- สุประดิษฐ์ -โสณกุล"บวรราชสกุล (วังหน้า-พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ในรัชกาลที่ 4 มี 11 ราชสกุล คือ "จรูญโรจน์-โตษะณีย์- นวรัตน์- นันทวัน-พรหเมศ -ภาณุมาศ ยุคนธรานนท์-วรรัตน์- สายสนั่น-สุธารส-หัสดินทร์"
รัชกาลที่ 5 มี 15 ราชสกุล คือ "กิติยากร-จักรพงษ์ -จิรประวัติ จุฑาธุช- ฉัตรไชย-บริพัตรประวิตร- เพ็ญพัฒน์- มหิดล- ยุคล-รพีพัฒน์- รังสิต-วุฒิชัย สุริยง- อาภากร" บวรราชสกุล (วังหน้า-สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ) ในรัชกาลที่ 5 มี 9 ราชสกุล คือ "กาญจนวิชัย- กัลยาณวงศ์-รัชนี รุจจวิชัย- วรวุฒิ -วิบูลยพรรณ -วิสุทธิ์ วิไลยวงศ์- สุทัศนีย์"
รัชกาลที่ 7 มี 1ราชสกุล คือ "ศักดิเดชน์ภาณุพันธ์"
(คัดจากคอลัมน์ รู้ไปโม้ด นสพ.ข่าวสดรายวัน ฉบับวันที่ 12-13 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16ฉบับที่ 5766-5767 โดย nachart@yahoo.com ซึ่งมีผู้ถามมาว่านามสกุลที่มีคำว่า "ณ อยุธยา" ต่อท้ายมีที่มาอย่างไร มีนามสกุลอะไรบ้าง )
ศึกษาประเทศไทยเพิ่มเติมจาก Wikipedia http://en.wikipedia.org/wiki/Thailand
เครดิต :: http://www.apacnews.net/spreport/king297.htm
6 ความคิดเห็น
เคยอ่านในหนังสือถ้าจำชื่อไม่ผิดหน้าจะเป็น'สกุลหลวง' รึอะไรซักอย่าง
ประมาณว่าถ้าใช้ฐานันดรศักดิ์นำหน้าแล้วก็ไม่ต้องใส่ ณ อยุธยา ลงท้าย
แต่ถ้าไม่ได้ใส่ก็เติม ณ อยุธยาเราคิดว่านะ เช่น
คุณปลื้มใส่ฐานันดรฯ ก็ไม่ได้ใส่ ณ อยุธยาอะไรประมาณนั้นมั้ง ><'
ว้าว  กี่ร้อยตระกูลเนี่ย  พวกผู้ดีเก่า
PS. สวัสดีทุก ๆ คน
เรา ราชกาลที่ 3 อ่ะ กำภู เอ๊ะ นามสกุลเรา เป็นเชื้อเจ้ากัีบเ้ค้าด้วยหรอ
เฮ้ย!มีนามสกุลเพื่อนเราด้วย รัชกาลที่4
เพื่อนห้องเรามีคนหนึ่ง นามสกุลลงท้าย อยุธยา
ผมก็ใช้ นามสกุล พึ่งบุญ ณ อยุธยา
ดูประวัติแล้วมาจากสายราชการที่ 1
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?