5เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติในอนาคต
ตั้งกระทู้ใหม่
1.ในอนาคตน้ำเปล่าจะมีค่ายิ่งทองคำ
หากมนุษย์ยังใช้ สารเคมี เหมือนในปัจจุบัน ในอนาคตนั้น น้ำจืด จะกลายเป็นแหล่งน้ำเสีย ยิ่งภาวะโลกร้อนแล้วนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะจะทำให้ ต้นน้ำที่มาจากการละลายของน้ำแข็งต่างๆทั่วโลก ละลายเร็วขึ้นและหมดไป ฝนที่ตกลงมาก็เป็นฝนกรด เกษตรกรไม่สามารถเพราะปลูกได้ สุดท้ายก็ต้องทิ้งไร่เอาไว้ จนในที่สุดเมืองตางๆจะขาดแคลนน้ำ และเมื่อวันที่ รัฐบาลของประเทศต่างๆออกมาประกาศว่า เราไม่สามารถจัดการปัญหา ขาดแคลนน้ำจืด ได้แล้วจะเกิดเหตุการณ์ ต่อไป คือ
2.การอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ประชากรโลกนับ พันล้านคน จะอพยพออกจากเมือง โดยการอพยพจะเริ่มจาก ชาวไร่ชาวนา เนื่องจากไม่มีน้ำในการทำเกษตรกรรม และ จะลุกลามไปถึง เมืองใหญ่ๆ โดย เมืองนั้นจะถูกทิ้งล้าง เพราะไม่มีน้ำปะปา ซึ่งฟังดูอาจตลก แต่ หากเกิด ภาวะขาดแคลนน้ำจืด ขึ้นมาจริงๆในอนาคต การอพยพ จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก โดย เชื่อว่า มนุษย์ จะอพยพ ขึ้นสู่ตอนเหนือ เนื่องจากยังพอมีแหล่งต้นน้ำอยู่ ลองคิดถึงภาพ คนนับ พันล้านคน อพยพ เดินด้วยเท้า บ้าง เพราะ นั่งรถไปเรื่อยๆ น้ำในรถจะหมด และเมื่อไม่มีน้ำในการเผาผลาญพลังงาน รถก็ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ เมื่อการอพยพเกิดขึ้น ก็จะไม่มีใคร สนใจ การเพาะปลูก และเหตุการณ์ ต่อมา ก็คือ การขาดแคลนอาหาร
3.การขาดแคลนอาหาร
ตอนนี้ มนุษย์ เกือบทั่วทั้งโลก จะประสบกับ การขาดแคลนอาหาร และน้ำสะอาด แต่กว่าจะถึงจุดนี้ คาดว่า มนุษย์ อาจเหลืออยู่เพียง70กว่าเปอร์เซนต์ เพราะที่เหลือ ตายไปแล้ว ทั้งในปัจจุบัน ประชากร มนุษย์ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ ทรัพยากรต่างๆ ลดลงอย่างชนิดที่ว่า ทดแทนกันไม่ทัน เมื่อการ ขาดแคลนอาหาร เข้ามา จะทำให้เกิด เหตุการณืที่เรียกว่า สัญชาติญาน ของการเอาตัวรอด เกิดขึ้นกับมนุษย์ ซึ่งตอนนั้น จะทำให้เกิด การแย่งชิง และนำมาสู่ สงคราม
4.สงคราม การแย่งชิง ทรัพยากร
แต่สงครามครั้งนี้ ไม่เหมือนกับ ครั้งก่อน ที่จะมีทหาร แต่จะเป็นสงคราม ฆ่าฟันกันเอง ตัวต่อตัว ฆ่ากัน จนมนุษย์จะล้มตายไปจำนวน มาก ดีไม่ดี อาจมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดย มนุษยื อาจโยความผิดให้กลุ่มใดๆกลุ่มหนึ่ง ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนหลุ่มนั้น อาจนำมาซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ได้ และเมื่อมีการตายของมนุษย์ จำนวนมาก และศพจะถูกทิ้งเอาไว้ เพราะเมื่อเกิด ภัยพิบัติเช่นนี้ จะไม่มีใครสนใจศพ เพราะมัวแต่จะเอาตัวรอด เมื่อศพมีจำนวนมากขึ้น หมายถึง จุลชีพที่มากขึ้นด้วย จะนำมาสู่ เหตุการณืต่อไปคือ โรคระบาดร้ายแรง ซึ่งอาจเป็นจุดจบของมนุษยชาติ
5.โรคระบาด
เมื่อแหล่งน้ำเสีย ที่เพิ่มขึ้น การตายไม่ได้เกิดแต่กับมนุษย์ แต่เมื่อปัญหาขาดแคลนน้ำเกิดขึ้น สัตว์จำนวนไม่น้อยก็ต้องตายเช่นกัน ซากศพที่ไม่ได้จัดการนั้น จะรู้ได้อย่างไรละว่า ใครเคยเป็นโรคอะไรไว้ ซึ่งโรคระบาด เป็นภัยพิบัติ ที่ฆ่ามนุษย์มากกว่า ภัยพิบัติใดๆ และยังสามารถทำให้เกิดการสูญพันธุ์ได้เลยทีเดียว แม้แต่ในปัจจุบัน าเหตุการตายของมนุษย์ อันดับหนึ่ง ยังเกิดจาก โรคร้าย นั่นเอง เมื่อความสกปรกมาขึ้น สารพิษ สารเคมี ที่ฆาเชื่อแบคทีเรียน ไหลลงสู่น้ำ ไม่นาน แบคทีเรีย จะสามารถดื้อยา และ จุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จะปรับตัว เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม สุดท้าย พวกมันจะกระจายไปทั่วโลก ซึ่งโรคระบาด ในครั้งนี้อาจทำให้มนุษย์สูญพันธุ์เลยทีเดียว เพราะ เมื่อเหตุการณืต่างๆดำเนินมาถึงจุดนี้ จะไม่มีหมอ คนใดรักษาได้ เพราะ ไม่มีน้ำ ซึ่งน้ำยังเป็นารจำเป็นที่จะใช้ในการ วิจัย รักษา แต่เรารู้ๆกันอยู่ ที่จุลินทรีย์มันอยู่้ได้ ในสภาวะ ที่แทบไม่มีน้ำนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และ มีจุลินทรีย์ หลายประเภท ที่ ทำได้ทั้งร่างกายมนุษย์ ถึงตอนนี้จะอ่อนแอ เพราะ จะขาดสารอาาร และโรคระบาด จะเป็น จุดอวสานของมนุษยชาติ ที่ธรรมชาติมอบให้แก่ เผ่าพันธุ์ ที่ขึ้นชื่อว่า ผู้ทำลาย
ทุกอย่างที่กล่าวมา ตอนแรกมักเกิดเป็นปัญหาเล็กๆก่อน ซึ่งถ้าตอนนั้น มนุษย์มาร่วมกันแก้ปัญหา ก็อาจจะช่วยบรรเทาหรือยืดเวลาออกไปได้ หรืออาจแก้ไขได้ จนไม่เกิดเหตุการณืทั้งหมดนี่ขึ้นมาเลย เมื่อวาน เพื่อนเรา ส่งเมลมาให้ และในเมลนั้นบอกถึงว่า นับตั้งแต่วันนี้น ไปอีก 100 เดือน หากปัญหาโลกร้อนไม่สามารถแก้ได้ ก็จะไม่มีวันที่จะบรรเทา อะไรให้เบาบางลงได้เลย และอาจมีเหตุการณืที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้เกิดขึ้นอีกด้วย
PS. ขอบคุณจ้ะ
Raylun
20 ต.ค. 53 เวลา 16:32 น.
1,553
views
8 ความคิดเห็น
แต่ผมไม่ค่อยยึดติดกับอนาคตเท่าไหร่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
พรุ่งนี้โลกจะระเบิด จะแตก จะตายกันหมดรึเปล่าก็ไม่รู้
ไม่มีใครรู้ได้ แต่มันจะดีมากกว่าถ้าเราเตรียมตัวพร้อมอยู่ทุกวัน
ตายไปก็ไม่เสียดาย
PS.
ทุกอย่างที่มันเกิดได้ มันก็ต้องดับได้
ที่คุณอินทาเนียพูด แบบอนิจจัง มันก็ถูกต้องนะครับ ทุกสิ่งเกิดได้ ก็ย่อมดับได้ แต่...ถ้าหากเราคิดอย่างนี้ นิ่งดูดายกับสิ่งนี้ มันอาจจะเป็นการเห็นแก่ตัว
เกินไปนะครับ...อย่างน้อย เราก็ต้องทำให้ภัยเหล่านั้นเกิดช้าขึ้น ช่วยอนุรักษ์ไว้ ไม่ดีกว่าหรือ? ปลงอนิจจังแล้วก็ดี รู้ซึ้งถึงความไม่เที่ยงแล้วก็ดี แต่จะให้เฉยเลยนั้น ย่อมไม่ดี ยังมีคนอีกมากมาย ที่ไม่ได้เป็นอย่างเรา....
ตัดจบ ถ้าผมยาวกว่านี้ผมคิดว่าผมจะวกไปวนมา
เหตุการณ์ทั้ง5ที่อาจจะเกิดนี้ มันอาจจะไม่เกิดก็ได้ ในเมื่อ...เรายังไม่รู้ถึงเทคโนโลยีที่จะมีขึ้น ในอนาคต จากบรรดาผู้มีIQทั้งหลาย เขาจะทำอะไรที่เราคิดไม่ถึง ทำให้แก้ปัญหาได้ อย่างน้อย ก็จะต้องทำให้ปัญหาที่3 ไม่บานปลายมากจนกลายเป็นสงคราม อาจจะทำให้ผู้ที่อพยพ ได้ทำ....อะไรก็ว่าไป
ตัดจบ เดี๋ยวจะยาว รู้ดีว่าชาวบ้านจะเบื่อ= =''
PS. " แม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก แต่เมื่อมีสิ่งที่จะปกป้องก็จงทำ "
มนุษยชาติ เผ่าพันธุ์ ที่ขึ้นชื่อว่า ผู้ทำลาย!!
รู้ไหมเรื่องแบบนี้มันเป็นอนันต์นะ ลองนึกดีๆมันเมหมือนสมัยก่อนมาก
PS. อยากรู้จักคนเยอะๆ
ถ้าเราทุกคนไม่เห็นแก่ได้ และคนบางคนไม่เห็นแก่ตัว เราเชื่อว่าสิ่งเลวร้ายจะไม่เกิดกับโลกใบนี้ แต่อดีตที่ผ่านมามนุษย์เรามีทั้งเห็นแก่ได้และเห็นแก่ตัว ถ้าหยุดพฤติกรรมนั้นได้ สิ่งเลวร้ายก็จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน คนทุกคนบริโภคปัจจัยสี่เหมือนกัน เพียงแต่เราบริโภคไม่เท่ากัน มันก็เลยเกิดปัญหา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่สำคัญยิ่งนะ เจ้าปัจจัยสี่
รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย
และจะเป็นผลดีถ้ารู้เอาไว้
^_______^
PS. สบาย สบาย !
จงตั้งหมั่นอยู่ในศีลธรรมรักษาศีล๕ให้หมั่นคง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?