Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

*** ท่านเชื่อหรือไม่ พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย? (ภาค1) ***

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 *** ท่านเชื่อหรือไม่ พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย? (ภาค1) ***

 

         

          ข้อมูลที่ผมจะนำเสนอท่าน เป็นข้อมูลที่ได้เคยติดตามมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเมื่อราวๆ 7-8 ปีที่ผ่านมา ครั้งแรกที่ได้ยินก็แปลกใจและตกใจ ไม่เชื่อ แต่พออ่านไปๆ จากข้อมูล ผมว่าก็เป็นไปได้

  เคยได้ยินจากพระเถระของไทยเองก็หลายครั้งที่พูดทำนองว่าพระพุทธเจ้าเราอยู่ไม่ไกล และทำให้งงว่าที่ไหนคือชมพูทวีปกันแน่ และที่ไหนคือดินแดนสุวรรณภูมิกันแน่

 

 ซึ่งเรื่องที่จะนำเสนอ ไม่ใช่เพื่อเป็นการสร้างเรื่องราวให้เกิดความขัดแย้ง แต่เพียงเพื่อตั้งข้อสังเกต และให้สมาชิกได้สนในเรื่องศาสนาพุทธมากขึ้น

 
 และมีเหตุผลอย่างไรจึงมีเหตุเอนเอียงหลายอย่างอันอาจจะเชื่อได้ว่า ดินแดนชมพูทวีปนั้นคือบริเวณประเทศ ไทย พม่า ลาว เขมร และไม่ใช่อินเดีย เนปาล???!

 

    

เนื่องจากมีผู้นำหัวข้อนี้มาศึกษาวิจัย และเก็บรวบรวมหลักฐานกัน

  

 1. เหตุใด ในประเทศไทย จึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมาก

แต่...ในอินเดียและเนปาล กลับมีไม่ถึง ๒๐๐ ชิ้น

 2. ทำไม พระเจ้าอโศกของอินเดียไม่ได้จารึกเรื่องสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ไว้ในเสาหินอโศกทั้งๆ ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญมากตามที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา

 3. ทำไมปีที่ขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอโศกอินเดีย (พ.ศ.๒๖๙-๓๐๖) จึงไม่ตรงกับข้อมูลที่เกี่ยวกับพระเจ้าอโศก(พระเจ้าศรีธรรมา  โศกราช) ที่ระบุในพระปฐมสมโพธิกถาว่า กระทำสังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. ๒๓๕ และสิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๕๙ พระเจ้าอโศกอินเดีย กับพระเจ้าอโศกไทย จะเป็นคนละองค์กันหรือไม่?

 4. ช่วงเวลาเข้าพรรษา คือกลางเดือนแปด ถึงกลางเดือน ๑๑ ทำไมตรงกับเมืองไทยพอดี?

 5. ภาษามคธ ถูกใช้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล และยังคงมีใช้ มีศึกษาเรียนรู้อยู่ในประเทศไทย แต่อินเดียเนปาล ไม่มีการใช้ภาษานี้?

 6. ทำไมข้อมูลระหว่างสภาพจริงในอินเดีย และในพระไตรปิฎกจึงไม่ตรงกัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ประเพณีวิถีชีวิต โบราณคดี สถาปัตยกรรม ภาษา หลักฐาน/ตำนานไทย ฯลฯ ?

 7. งานเขียนของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) ที่ได้ชี้ให้เห็นประวัติศาสตร์ไทยกว่า 8,000 ปี และโยงใยกับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดา น่าจะชี้ประเด็นเกี่ยวกับถิ่นเกิดของพระพุทธศาสนาหรือไม่?

 8. ปราสาท 3 ฤดู อันประกอบด้วย ปราสาทฤดูร้อน ปราสาทฤดูฝน และปราสาทฤดูหนาว ตามพุทประวัติที่สร้างโดยพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ แต่เนปาล และอินเดีย ตั้งอยู่ใน Tropic of Cancer ซึ่งมี 4 ฤดู???

 9. ช่วงฤดูเข้าพรรษา ตามพระวินัยกำหนดให้พระอยู่ประจำพรรษา ๔ เดือนในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายนแต่ในเนปาลและอินเดียตะวันตกจะมีฝนตกในช่วงสั้น คือ เดือนมิถุนายน ถึง เดือนกรกฎาคม ดังนั้นการกำหนดช่วงเข้าพรรษาจึงน่าจะไม่ใช่กำหนดให้สอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ในเนปาลหรืออินเดียตะวันตก แต่น่าจะกำหนดให้สอดคล้องกับสภาพ ภูมิศาสตร์ ในดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งเป็นที่ตั้งของไทยลาวมอญเขมรในปัจจุบัน

 

 

      ข้อสงสัยเหล่านี้ ประจวบกับ ข้อมูลที่ไม่ตรงกันระหว่างสภาพจริงในอินเดีย และในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ประเพณี วิถีชีวิต โบราณคดี สถาปัตยกรรม ภาษา หลักฐาน/ตำนานไทย ฯลฯ ประกอบกับงานเขียนของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) จุดชนวนทำให้พวกเราทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ขึ้น

 

          ก่อนจะเข้าถึงเนื้อหา หลายคนคงอาจเคยตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคนจึงเชื่อว่า พุทธภูมิ หรือดินแดนตามพุทธประวัติคืออินเดีย หรือเนปาล?

 

 

       "ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่เราทราบ หากเราทราบมาผิดๆ ประวัติศาสตร์ก็ผิดด้วย"

 

       คำกล่าวนี้ อาจเป็นจริง สำหรับประวัติพระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดในชมพูทวีปและถือว่าอยู่ที่ดินแดนของไทยลาว เขมร พม่า และมอญ แต่ถูกฝรั่งบิดเบือนว่า พุทธศาสนาเกิดขึ้นในอินเดียและเนปาล!

 

       "เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว อินเดียเป็นดินแดนที่ไม่มีประวัติศาสตร์หรือ วัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่า

เป็นดินแดนทีมความเจรญิ รุ่งเรืองมากอ่นประวตัศาสตร์ มีความโดดเด่นในด้านวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และความต่อเนื่องมายาวนาน....”

 

         Dervla Murphy แห่ง Irish เขียนแสดงความชื่นชมหนังสือของ John Keay ชื่อ India Discovered: The Recovery of a Lost Civilization. หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้ทราบความเป็นมา ของการค้นคว้าด้านโบราณคดีที่ทำให้ฝรั่งเขียนประวัติพระพุทธศาสนาจนทำ ให้พระพุทธองค์กลายเป็นชาวอินเดีย

 

        พระเจ้าของไทย (The Thai God) ทรงพระนามว่า Pout หรือ Codom มี ปรากฏในบันทึกของชาวฝรั่งเศส (M. Simon de le Loubere เอกอัครราชทูต ฝรั่งเศสประจำสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ก่อนที่ชาวอังกฤษ จะเข้ามามีอำนาจในอินเดีย โดยได้บันทึกไว้ว่า “พระเจ้า” ของไทย เป็นที่เคารพนับถือในกภูมิภาคต่างๆ ในอินเดียเป็นพันปี และเป็นองค์เดียวกับ เทพเจ้าของชาว Ceylon ที่ชื่อ Buddha or Gautama ผู้ที่ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้คือ ชาวอังกฤษชื่อ William Chambers ผู้ค้นพบโบสถ์ที่ Mahabalipurum (Keay,pp.66-67)

 

         ทว่า ประเทศอินเดีย กลายเป็นอู่วัฒนธรรมได้อย่างไร และทำไม “พระเจ้า” ของ”ไทย คือ พระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนาจึงถูกโยกย้ายจากแหล่งเกิดในสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ไปยังอินเดีย ทำไมฝรั่งจึงไม่เฉลียวใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฉบับดั้งเดิมและหลักฐานจารึกและใบลานที่มีอยู่แล้วอย่างมากมายมหาศาลในประเทศต่างๆ ในสุวรรณภูมิ    คำตอบก็มีอยู่แล้วในงานเขียนของนักโบราณคดีอังกฤษ   ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนหลายแห่งในหนังสือของ John Keay

ในประเทศไทยและลาว ดังปรากฏในจารึกและใบลานจาร พงศาวดารท้องถิ่นที่แสดงเรื่องราวในสมัยพุทธกาลของการเกิดพระเจดีย์ พระพุทธบาท พระพุทธฉายและพระพุทธรูปของชาวเหนือและชาวลาว

 

         แสดงว่าประชาชนมีความเชื่อว่า พระพุทธเจ้าของพวกเขา อุบัติขึ้นที่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน.ในการประกาศว่า พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในอินเดียหรือเนปาล ยังความไม่พอใจให้ชาวชมพูทวีปเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เพราะส่วนใหญ่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษหรือฝรั่งเศส ยกเว้นประเทศไทยพระสงฆ์ชาวไทยที่ไม่พอใจมีจำนวนมาก แต่ไม่กล้าประท้วงอย่างเปิดเผย เนื่องจากพระผู้ใหญ่และผู้ใหญ่บางองค์ในสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเห็นคล้อยตามฝรั่ง และหันหลังให้กับหนังสือโบราณ เช่น“มหาวงศ์” และ “สังคีติยวงศ”

 

          เนื่องจากเห็นว่า หนักไปในทางปาฏหิารย์ จึงยึดถือที่ฝรั่งเผยแพร่ เป็นเหตุให้ “ชาวโยนก” กลายเป็นพวกกรีก พระยามิลินทร์และพระนาคเสนก็กลายเป็นฝรั่งไปสิ้น โดยไม่นำพาความเชื่อของชาวเหนือที่ถือว่า พระยามิลินทร์และพระนาคเสนเป็นชาวเหนืออย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระปิยมหาราช มีพระเถระรูปหนึ่ง คือ พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (ปาน) แห่งวัดมหรรณพาราม ได้เขียนหนังสือ “พระเจ้า 500 ชาติ--อ้อยต้นจืดปลายหวาน กินนานอร่อย” เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่พระปิยมหาราช ครองราชย์ได้ ๒๙ ปีเนื้อหาของหนังสือ ประท้วงคณะสงฆ์ที่ยอมเชื่อว่า พระพุทธองค์ประสูติในอินเดีย ตามที่ชาวอินเดียจากเมืองกาสี ๘ คนนำมาเสนอหลวงพ่อปานฯกล่าวหาว่า เมื่อชาวอินเดียทั้ง ๘ คนนี้เดินทางกลับอินเดีย ได้นำพระไตรปิฎก อภิธานศัพท์และคำสอนในพระพุทธศาสนาไปประเทศอินเดียด้วย และเมื่อชาวอินเดียพวกนี้กลับมากรุงเทพ ก็กลับมาพร้อมกับแผนที่ประะเทศฮินดูสถานทีมีชื่อเมือง แม่น้ำ ภูเขา ฯลฯ

 

            ตามที่ปรากฏในประไตรปิฎก ก็ยิ่งทำให้คนไทยเชื่อว่า พระพุทธอุบัติขึ้นในอินเดียมากยิ่งขึ้น โดยให้การต้อนรับอย่างดี ได้ขายนมเนย ภายหลังก็ได้มีการเรี่ยราย เงินทองเพื่อไปสร้างเจดีย์ ที่สถานที่ตรัสรู้ ณ พุทธคยา แต่หามีใครสังเกตไม่ว่า ระยะทางและทิศทางระหว่างเมือง ต่างๆในอินเดีย ขัดแย้งกับที่ปรากฏในพระไตรปิฏกชนดิ หน้ามือเป็น หลังมือ

 

            ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า”... ผู้เฒ่าผู้แก่โกรธมากที่มีคนบอกว่า พระพุทธเจ้าเป็นอินเดีย....”        

 

            ในบทที่ว่าด้วย “ตำนานพระพุทธ” John Keay ได้กล่าวถึงผลงานของCaptain E. Fell ซึ่งเดินทางไปสาญจีบ่อยๆ ได้บรรยายความสวยงามของการแกะสลักหินเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเสาหิน วัดหิน ที่นำเสนอเรื่องราวทางศาสนา และเชื่อว่าสถูปที่เมืองสาญจี เป็นของพุทธ ซึ่ง John Keay ก็สงสัยว่า หากสาญจีเป็นพุทธ จริงๆ แล้ว ชาวพุทธหายไปไหนหมด Keay บอกว่า ชาวพุทธ มีอยู่เกือบทุกประเทศ เช่น Ladakh, Nepal, Tibet, China, Burma,Thailand และศรีลังกา พระพุทธศาสนามีผู้นับถือล้อมรอบอินเดีย แต่ในอินเดียเองกลับไม่มีใครรู้จักศาสนาพุทธผู้นี้ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่มีความสนใจประวัติศาสตร์อินเดียและเหรียญโบราณ ได้ขุดค้นสถานที่ต่างๆในอินเดีย อาทิ เมืองสาญจี สารนาถ ฯลฯ ขุดอะไรได้ก็นำไปขายให้ BritishMuseum ในช่วงเวลาดังกล่าว

 

            ได้เกิดความรู้สึกอย่างรุนแรงที่จะเขียนประวัติพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ จากการขุดค้นสถานที่ไม่กี่แห่งเขาก็เขียนประวัติพุทธศาสนาขึ้นใหม่ โดยไม่ทราบหรือไม่นำพาต่อความจริงที่ว่า ประวัติพระพุทธศาสนามีอยู่แล้วที่ชมพูทวีปซึ่งไม่ใช่อินเดียแต่เป็นสุวรรณภูมิ เขาและคณะได้เผยแพร่ผลงาน ทำให้กระแสความเชื่อที่ว่า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในฮินดูสถาน (ดินแดนที่เปน็ ประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน) ก็แผ่กระจายไปทั่วโลก เขาได้รับพระราชทานอิสริยยศเป็น “อัศวิน” จากผลงานดังกล่าวใน ค.ศ. 1887

 

             หลังจากการขุดค้นที่ต่างๆ ในโครงการศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศอินเดีย ใน ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419)Cunningham ก็เริ่มเขียน Ancient Geography of India อย่างเร่งรีบ ผู้ช่วยของเขา คือ A.C. Carvelleyel เดินทางมา อินเดียในปีเดียวกัน และขุดค้นที่เมือง Sahet Mahet ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า เป็นสาวัตถี (Sravasti or Savatthi) แต่ไม่พบ อะไรที่เป็นแก่นสาร จึงยกกองขุดขึ้นเหนือไปถึงเมือง Bhuilatal ริมฝั่งแม่น้ำ Rawai แล้วสรุปว่า ที่ตรงนั้น คือ กรุง กบิลพัสดุ์ (Kapilavastu) Alexander Cunningham ก็เห็นด้วยกับการค้นพบของลูกน้องอย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบก็ทำให้เกิดการโต้เถียงระหว่างอินเดียและเนปาล

 

             เนื่องจากสถานที่ที่Cunningham ชี้ว่าเป็นที่ประสูติพระพุทธเจ้าอยู่ในอินเดีย คือ ที่เมือง Pripahawa ห่างจากตำบล Tilaurakot สถานที่ถือว่าเป็นลุมพินีวันประมาณ ๒๔ ไมล์ในศตวรรษที่ 10 เจ้าผู้ครองเนปาล ด้วยไม่เชื่อว่า กบิลพัสดุ์อยู่ในอินเดีย ได้เชิญนักโบราณคดีชาวเยอรมันซึ่งมีความรู้เรื่องพระไตรปิฎกอย่างดี มาทำการขุดค้นและประกาศว่า กบิลพัสดุ์ตั้งอยู่ที่ตำบล Tilaurakot และสรุปว่าที่พบในอินเดียเปน็ เพียงวิหารแหง่หนึ่งเท่านนั้ใน ปี 1899 รัฐบาลอินเดียของอังกฤษ ได้ส่ง P. C. Mukherjee มาเนปาลเพื่อหาข้อเท็จจริง Mukherjee ยืนยัน ว่า Tilaurakot เป็นกบิลพัสดุ์แน่นอน Tilaurakot ได้รับการยอมรับว่า เป็นกบิลพัสดุเพียง 60 ปี ก็ถูกท้าทายโดย ในปี 1961 รัฐบาลเนปาลได้เชิญ Debala Mitra แห่ง Archaeological Survey of India (ASI) มาทำการศึกษานัยว่า ต้องการยืนยันว่า Tilaurakot คือ  กบิลพัสดุ์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปรากฏว่า Mitra สรุปว่า Tilaurakot มีอายุไม่เกินศตวรรษที่ ๓ ดังนั้น จึงระบุไม่ได้ว่า กบิลพัสดุอยู่ที่ใด

 

 

            ข้อค้นพบของ Mitra กระต้นนักโบราณคดีอินเดียคือ K. M. Srivastava จาก ASI ทำการขุดค้นPripahawa อีกครั้ง ตามรอยของ Mukherjee และ ระบุว่า Pripahawa เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร์ศักยะ และยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าPripahawa กรุงกบิลพัสดุ รัฐบาลเนปาลไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในปี 1997 จึงได้ขอให้ UNESCO ว่าจ้างนักโบราณคดีชาวอังกฤษชื่อ Dr. Robin Coningham จาก Beadford University ร่วมกับ Dr. Armin และ Kosh Acharya เพื่อทำการขุด ต้นเพิ่มเติม พวกเขาได้พบกองเหรียญกษาปน์โบราณกับเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ก็สรุปว่ากบิลพัสดุ์อยู่ที่ Tilaurakot และ UNESCO ก็ประกาศให้บริเวณนี้เป็นมรดกโลกในปีเดียวกัน

           

 

           


เครดิต : http://www.facebook.com/note.php?note_id=170473976305621&id=100000984677059



PS.  วัตถุสิ่งหนึ่งกำลังคุยกับคุณ

แสดงความคิดเห็น

>

23 ความคิดเห็น

DJ.คิว 25 พ.ย. 53 เวลา 22:31 น. 1

ผมคิดว่า การศึกษาเรื่องนี้ ต้องมีความลึกซึ้งมากกว่านี้

ข้อมูลในบทความนี้ บิดเบือนอย่างเห็นได้ชัด ตรรกะเสื่อม และรู้ไม่จริงในหลายเรื่องๆ

คุณต้องแยกบริบทในยุคสมัยนี้ กับยุคสมัยเมื่อ 2550 ปีที่แล้ว มันไม่เหมือนกันเลย

เมื่อ 2550 ปีที่แล้ว ไม่มีคำว่าคนไทย ไม่มีประเทศ ไม่มีเส้นแบ่งเขตแดน

ไม่มีการแบ่งฤดูตาม Tropic cancer อะไรนั่น ที่ฝรั่งเข้ามายัดเยียดให้ทีหลัง

เราต้องศึกษาความเป็นอินเดีย ด้วยวัฒนธรรมของอินเดียเอง

ไม่ใช่ศึกษาตามฝรั่ง ที่เข้ามาศึกษาอินเดีย และใส่ความคิดแบบฝรั่งเข้าไป

หลักฐานทางโบราณคดีทุกๆอย่าง บ่งบอกว่าศาสนาพุทธเกิดขึ้นที่ชมพูทวีป (อินเดีย)


พระพุทธรูปองค์แรกของโลก เกิดขึ้นในแคว้นคันธาระ พุทธศตวรรษที่ 6 อิทธิพลกรีก


คัมภรีพุทธศาสนา เก่าแก่ที่สุดในโลก เขาบามิยัน พุทธศตวรรษที่ 6 ก็อยู่ในชมพูทวีป

พระสถูป เจดีย์องค์แรกของโลก เกิดขึ้นที่สาญจี พุทธศตวรรษที่ 3 ภาคกลางของอินเดีย

เป็นต้นแบบในเจดีย์ของอมราวดี (เอเชียใต้) ส่งต่อให้ลังกา นครศรีธรรมราช สุโขทัย


ช่วงพุทธศตวรรษที่ 3-6 ดินแดนสุวรรณภูมิ ยังเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์อยู่เลย

ประเทศไทยเพิ่งเกิดเมื่อ 700 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นยังไม่เรียกว่าประเทศด้วย)

คำว่า คนไทย เพิ่งเกิดประมาณ 500 ปีมานี่เอง (สมัยอยุธยา)

เพิ่งจะเป็นประเทศไทยจริงๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เขียนเส้นแบ่งเขตแดนแล้ว


สะดุดคำพูดนี้


พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในอินเดียหรือเนปาล ยังความไม่พอใจให้ชาวชมพูทวีปเป็นอย่างยิ่ง

แต่ ธงชาติประเทศอินเดีย ประเทศอินเดีย มีตราธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์

แสดงการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศก




ธงติรังคามีที่มาจากธงของคองเกรสแห่งอินเดียซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2398 เพื่อการเรียกร้องเอกราช

สีแสดหมายถึงความกล้าหาญ เสียสละ
สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์
สีเขียวหมายถึงความศรัทธาและความอุดมสมบูรณ์

ธรรมจักรมีกำ 24 ซี่ มาจากธรรมจักรในเสาอโศกที่เมืองสารนาถ อันเป็นสัญลักษณ์ของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยของพระองค์ แต่ในธงนี้ได้ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศอินเดีย


ตอบคำถามเท่าที่พอจะตอบได้

 1. เหตุใด ในประเทศไทย จึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมาก
แต่...ในอินเดียและเนปาล กลับมีไม่ถึง ๒๐๐ ชิ้น


ตอบ อินเดีย เคยถูกพวกมุสลิมรุกราน ทำลายศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดู จำนวนมาก

เพราะศาสนาอิสลาม ห้ามสร้างรูปเคารพ

โบราณวัตถุ โบราณสถานสถาน ทั้งพุทธและพราหมณ์ จึงถูกทำลายอย่างราบคาบ

มหาวิทยาลัยนาลันทา แหล่งรวมพระพุทธรูป เจดีย์จำนวนมาก เสียหายเกือบหมด.


5. ภาษามคธ ถูกใช้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล และยังคงมีใช้ มีศึกษาเรียนรู้อยู่ในประเทศไทย แต่อินเดียเนปาล ไม่มีการใช้ภาษานี้?

ตอบ ภาษามคธ หรือภาษาบาลี เป็นศาสนาของพุทธศาสนา นิกายเถรวาท

ปัจจุบันประเทศอินเดีย นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 95% นับถือศาสนาพุทธ 1 %

จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะใช้ภาษามคธ ซึ่งเป็นภาษาหลักในการเผยแพร่พุทธศาสนา


เหตุผลที่ศาสนาพุทธ หายไปจากอินเดีย

เพราะศาสนาพราหมณ์พัฒนาแข่งกับพุทธ

ส่วนพุทธเสื่อมลงกลายเป็นพุทธตันตระ ที่คล้ายศาสนาพราหมณ์
 
ไม่มีพระราชาที่สนับสนุนพุทธ แต่กลับไปอุปถัมภ์ศาสนาพราหมณ์กันหมด

เมื่อมุสลิมเข้ามาศาสนาพุทธจึงสูญหายไปจากอินเดีย

  8. ปราสาท 3 ฤดู อันประกอบด้วย ปราสาทฤดูร้อน ปราสาทฤดูฝน และปราสาทฤดูหนาว ตามพุทประวัติที่สร้างโดยพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ แต่เนปาล และอินเดีย ตั้งอยู่ใน Tropic of Cancer ซึ่งมี 4 ฤดู??? รวมถึงข้อ 9 ด้วย

ตอบ อย่าเอาธรรมเนียมใดๆ ที่เกี่ยวกับฝรั่งมาใช้กับชมพูทวีป

รวมถึงต้องดูบริบทและช่วงเวลาในการใช้ด้วย

เอาแค่สภาพอากาศในอินเดียเหนือ และอินเดียใต้ ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว

ในสมัยนั้น คงไม่มีเอลนิญโญ หรือลานีลญ่า ภาวะโลกร้อน ที่อากาศแปรปรวนเหมือนในสมัยนี้



ศึกษาในละเอียดรอบคอบ รอบด้าน ลึกซึ้ง หาหลักฐานทางโบราณคดีมาให้เยอะๆหน่อย

หรือจะหาหลักฐานจากดินแดนเพื่อนบ้าน ลังกา ศรีวิชัย เขมร ชวา ทวารวดี ที่มีบริบทใกล้เคียงกัน ร่วมกันในสมัยนั้น

และศึกษาประวัติศาสตร์ทุกยุคสมัย รวมถึงประวัติศาสตร์ศิลปะด้วย

ก็คงไม่เกิดกระทู้บิดเบือนมากขนาดนี้.


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2553 / 22:38
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2553 / 22:40
1
Estorias 25 พ.ย. 53 เวลา 22:46 น. 2

ตอนไทเกอร์ วู้ดส์ ดัง ๆ ก็ประโคมข่าวกันเอิกเกริก ว่าเขามีเชื้อไทย
ขนาดตอน ไมค์ ไทสัน ได้แชมป์บ่อย ๆ ก็ยังไม่วายถูกยกย่องว่า มีเชื้อสายไทย

เรื่องบางเรื่อง ไม่ต้องศึกษาหรือประโคมข่าวให้มากมาย มันไม่ได้ทำให้ศรัทธามีมากขึ้นหรอกนะ
แทบจะไม่ต่างอะไร กับการกระทำของพวกไม่มีอะไรจะทำ ที่เคยพยายามจะให้บัญญัติคำว่า "พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติไทย" ในรัฐธรรมนูญ

เอาเวลาไปสร้างสรรค์อะไรอย่างอื่นที่ดี และเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้มากกว่านี้จะดีกว่าไหม

0
Pralot 25 พ.ย. 53 เวลา 23:12 น. 3

คงเป็นไปได้ยาก ที่พุทธองค์จะเป็นคนไทย เพราะภาษามคธ กับภาษาไทย ต่างกันมาก เรื่องภูมิประเทศก็แตกต่างจากประเทศไทย ทั้งแม่น้ำคงคา ภูเขาหิมาลัย เมืองไทยไม่มีนินา

0
..... 25 พ.ย. 53 เวลา 23:50 น. 4

ตอนแรกก็คิดจะตอบทีละข้อ แต่พอดีไปเจอแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ ให้ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนกับกระทู้นี้ ก็อยากให้อ่านจากหลายๆๆๆๆแหล่ง ไม่ใช่ว่าใครมาเขียนอะไรบิดๆเบี้ยวๆแล้วก็เชื่อตามทันที และหวังว่า จขกท คงจะไม่ใช่คนที่ตั้งกระทู้ คำว่าสยามในภาษาเขมร นะ แต่จะคนเดียวกันหรือไม่ ก็อยากฝากว่า ถ้าคุณไปเจออะไรแปลกๆแล้วก็อย่าคิดจะเอามาปั่นกระทู้ เพราะมันอาจทำให้บางคนเข้าใจผิดได้

http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/edicts_of_asoka_(dharmachakra_atop_the_lion_capital)_the_political_science_of_dhammocracy.pdf

0
Phantom's rose 28 พ.ย. 53 เวลา 14:08 น. 5

ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ
เผอิญไปเจอในเฟสบุคมาแล้วเห็นว่าน่าสนใจดีเลยลองๆเอามาขอความคิดเห็นกันดู
สังเกตุชื่อกระทู้ "เชื่อหรือไม่..."
ก็ดีแล้วค่ะที่ออกความคิดเห็นกันเยอะๆ  ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ
สำหรับคุณ คห.1 เป็นความคิดเห็นที่ดีมากๆค่ะ ขออนุญาตนำไปลงให้เจ้าของความคิดตัวจริงอ่านดูนะคะ จะลงเครดิตให้ด้วยค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าที่ไหนก็ตามลิงค์เครดิตตัวแดงๆได้เลยค่ะ

สำหรับคุณ คห.4 ไม่ใช่ค่ะ จขกท.ไม่เคยตั้งกระทู้นั้น

และสำหรับทุกคน จขกท.เป็นเพียงผู้ที่พบเจอแล้วนำมาเผยแพร่ให้เห็นกันเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ออกความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้เชื่อหรือไม่เชื่อด้วย  เพราะมันเป็นอดีต เป็นอะไรที่จขกท. ไม่อาจทราบได้จริงๆค่ะ  แค่พบเจอเลยเอามาขอความคิดเห็นผู้รู้ดู


ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็นดีๆ


PS.  วัตถุสิ่งหนึ่งกำลังคุยกับคุณ
0
TooMz 28 พ.ย. 53 เวลา 14:42 น. 6

น่าจะเป็นทฤษดี แผ่นทวีปเคลื่อนมั้ง ถ้าเป็นเรื่องจริง แผ่นทวีปเคลื่อนที่ ฤดูการเปลี่ยนไป

0
froger 24 ธ.ค. 53 เวลา 08:22 น. 7

เป็นกระทู้ที่น่าสนใจครับ เพราะหลายๆ เรื่องมันไม่ถูกต้องและถูกบิดเบือนโดยชาติมหาอำนาจอย่าง อังกฤษในยุคล่าอาณานิคม ฝรั่งเค้าเขียนตำราประวัติศาสตร์ให้เราเรียนครับ ผมว่าอย่างน้อยก็ยังมีความเป็นไปได้เพราะตำนานเกี่ยวกับชมพูทวีปนั้นจะต้องไม่ขาดพระอริยสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ และเคยได้รับการยืนยันจากหลวงปู่มั่นอีกด้วย&nbsp คุณความเห็นที่ 1 ควรพิจารณา

0
ส้มโอ 4 ม.ค. 54 เวลา 13:25 น. 8

งานนี้ไม่ใช่ฝรั่งบิดเบือนหรอกครับ&nbsp ถ้าฝรั่งบิดเบือนเขาคงบอกว่าพุทธศาสนาเกิดในยุโรปไปเเล้ว&nbsp ผมว่าคนไทยบิดเบือนมากกว่า&nbsp  การเลือกที่กําเนิดของพระโพธิสัตว์ต้องเป็นประเทศทีเป็นมัธยมประเทศ&nbsp  อินเดียเป็นเมืองศาสนาถือว่าเจริญมาก&nbsp &nbsp การค้นพบที่กําเนิดตั้งอยู่ในอินเดียเเละเนปาลทั้งหมด&nbsp  มหาวิทยาลัยนาลันทาที่ใหญ่ที่สุดของพุทธก่อนจะถูกอิสลามเผาก็อยู่ในอินเดีย&nbsp  ไปดูที่ยูทูบได้ใหญ่ขนาดไหน&nbsp  ตอนนี้ทางอินเดียก็พยายามที่จะรื้อฟื้น&nbsp  อีกข้อเมื่อพิจารณาคําตรัสของพระพุทธเจ้า&nbsp พระโพธิสัตว์จะต้องกําเนิดจาก 2 ตระกูลเท่านั้นคือพราหมณ์&nbsp กับ กษัตริย์&nbsp  ลองคิดดูไทยมี 2 สถานะนี้หรือไม่&nbsp &nbsp ลองดูคําพูดของพระอานนท์ต่อนางโกลิกา&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp "อย่าคิดอย่างนั้นเลย น้องหญิง! อาตมาไม่มีวรรณะแล้ว อาตมาเป็นสมณศากบุตร อาตมามิได้เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ ไวศยะ ศูทร หรือจัณฑาล อย่างใดอย่างหนึ่ง&nbsp อาตมาเป็นมนุษย์เหมือนน้องหญิงนี่แหละ"&nbsp 4 สถานะนี้ไทยมีหรือเปล่า

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=283366

0
เหน่งน้อย 26 พ.ย. 55 เวลา 05:18 น. 9

คหที่ 9 คับ
ผมเจอคนที่บอกแบบนี้อีกแล้ว ผมเคยเจอในยูทูบครั้งนึงแต่เค้าก็ไม่ได้ตอบ ผมถามเค้าไปว่าถ้าพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์นึงหรือสืบเชื้อสายมาจากผู้นับถือพระเจ้า (จะคริสต์ อิสลาม หรืออะไรก็แล้วแต่) ทำไมพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องพระเจ้าเลย ไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ ตามในประวัติศาสตร์ล้วนๆนะครับ อืมและนี่ก็เป็นข้อสมมติ ในคำถามส่วนตัวนะครับ

0
ศรัธา 21 มิ.ย. 56 เวลา 23:19 น. 10

ปล่อยวางเถอะ ครับ !!! อ่านเพื่อรู้ ดูเพื่อเห็น คนที่เป็นกลางก็อยู่เชยๆ คนที่สงสัยก็ค้นคว้าไป ปล่อยให้เขาใช้ความเพียรของเขาไป ..... ความจริงนั้นเป็นสิ่งไม่ตาย จะบิดเบือนความจริงนั้นก็ย่อมทำได้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ (ดั่งคนพาลได้ดีในตอนนี้ แต่เมื่อเขาหมดบุญแล้วบาปนั้นก็จะสนองแทน).....

0
กุ๊ก 27 ก.พ. 58 เวลา 09:57 น. 11

เชื่อในคำบอกของพระอริยผู้ปฏิบัติจนข้ามผ่าน เพราะท่านไม่โกหกแน่นอน อ่านและคิดตามด้วยปัญญาก็จะพอทราบได้ ไม่ใช่เอาความรู้แบบโลก ๆ ที่มนุษย์ทั่วไปเข้าใจไปเองถึงจะอ้างว่ามีหลักฐานมาเป็นตัวตัดสิน สติปัญญาการรู้เห็นอย่างลึกมันคนละระดับกัน

0
แสงธรรมส่องทาง 30 เม.ย. 58 เวลา 08:11 น. 12

"หลวงปู่มั่น" เล่าว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พุทธศาสนาเกิดในชมพูทวีป (ชมพูทวีป คือ โลกมนุษย์ทั้งหมด ไม่ใช่อินเดีย-เนปาล อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ) แต่ปัจจุบันก็คืออินเดีย เนปาล ฯ ซึ่งอยู่ในแถบชมพูทวีป ชาวมคธ ก็คือ บรรพบุรุษของคนไทยในปัจจุบัน ส่วนชาวรัฐโกศล เป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่าในปัจจุบันนี้
หนีการล้างเผ่าพันธุ์ ของชนชาติอิสลาม คนแขกอินเดีย ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา
รัฐสักกะใกล้กับรัฐมคธ รวมตัวกันอพยพมายังดินแดนสุวรรณภูมิ (สุวรรณภูมิ ปัจจุบันคือ ไทย ลาว พม่า เขมร) ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว
(ดินแดนสุวรรณภูมิ แปลว่า ดินแดนแห่งทองคำ หมายถึงดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์)
ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงเป็นบรรพบุรุษของคนไทย และคนไทยในปัจจุบันก็คือ ชาวมคธที่อพยพหนีตายจากการไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของคนแขกอิสลามอินเดีย มายังดินแดนสุวรรณภูมิ นั่นเอง
.........................................................................................................................................

0
namtan 21 มิ.ย. 58 เวลา 13:27 น. 13

เอาเวลาเถียงกันไปรักษาศีล และ ทำความดีเถอะ
ใครถูกใครผิดไม่รู้
แต่ที่รู้ ๆ แนวทางคำสอนที่ท่านสอนน่ะคือความจริงอันเป็นนิรันคร์

0
วัชระ 20 ธ.ค. 58 เวลา 20:43 น. 14

ในอินเดีย ไม่มีผู้รู้หลักธรรมคำสอน ไม่เข้าใจสติปัฎฐาน ๔ แม้แต่หลักปฏิบัติของภิกษุ เมื่อบิณฑบาต พระพุทธเจ้ามิให้กล่าวคำใดใด ทำได้แต่เพียงไปยืนให้เขาเห็น ยืนเฉยๆ เพียงให้เขาเห็นว่าเราต้องการอาหาร ไม่ใช่กล่าวอย่างในภาพยนต์ที่ทำออกมาว่า " ท่านผู้มีเมตตา ทำทานด้วยเถิด" คำว่าภิกษุ ทุกคนเข้าใจดีแล้วว่าเป็นผู้ขอรับอาหาร เมื่อได้รับอาหารแล้ว หรือไม่ได้ก็ตาม ก็ให้เดินจากไปอย่างปกติ ไม่ต้องกล่าวให้พรใดๆ ผู้ให้ฝึกให้ด้วยใจที่บริสุทธิ มิใด้หวังผลใดใด ทานจึงมี อนิสงส์สูงสุด และผู้ให้ย่อมได้รับผลของการให้นั้นอยู่แล้ว

0
v.bac 9 พ.ค. 59 เวลา 18:57 น. 15

ผมเคย สัมภาษณ์ เรื่องนี้กับทาน ดร.ไชยยง พรหมวงศ์ เมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่ทานได้มาก็คือการสืบค้นจากเอกสารทางประวัติศาสตร์ ตลอดจน คำบอกเล่าของพระเถราจารย์ เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งนับว่า เป็นเรื่องที่น่าค้นคว้า ทำวิจัย นะครับ เพราะมันมีหลักฐานอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งเป็นวิถีของคนสมัยพุทธกาลที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีในประเทศไทย เลยครับ

0
anna 7 ก.ย. 59 เวลา 02:03 น. 16

คำบอกเล่าของพระเถราจารย์ เช่น หลวงปู่มั่น น่าเชื่อได้ตรงไหน ห้ามบอกว่าเข้าฌาณนั่งสมาธิก็เลยรู้เรื่องนี้นะ ขอหลักฐาน!!!! ไม่งั้นใครๆ ก็อ้างมั่วๆ อะไรก็ได้

0
Chaitaroj.C 17 ต.ค. 61 เวลา 21:40 น. 18

พพระเจ้าอโศกอินเดีย หรือปิยานัมปิยทัสสี แกนับถือศาสนาเชน และเป็นกษัตริย์ที่เด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่มีประวัติเคยสร้างวัด84000พุทธทั่วอินเดียเลยซักวัด หามาซักวัดเถอะ แต่วัดไทยมีเกิน84000วัด อาจพังเก่าบ้าง และแกเกิดหลังสังคายนาเกือบ100ปี ประวัติพระเจ้าอโศกไทยที่สร้างวัดต่างๆมีบานเบอะชื่อ สมเด็จพระเจ้าศรีธรรมมาโสกราช ราชบพิตร คนล่ะองค์กับศรีธรรมมาที่ศรีวิชัย นั่นก็อโศกมหาราชเหมือนกัน แต่เป็นอโศกมหาราชแห่งปาฎลีบุตร

0
Chaitaroj.C 17 ต.ค. 61 เวลา 21:49 น. 19

ที่กำเนิดในอินเดียขอหลักฐานด้วย สังเวฯนี่ไม่ได้บอกอะไรเลยในพระไตยก็ไม่ได้บอกไว้ อ.มั่นไม่น่าเชื่อถือแต่ไปเชื่อถือพ่อค้าของเก่าชาวอังกฤษชื่อ คันนิ่งแฮม ตลก ญาณของอ.มั่นระลจกถึงยุคพระพุทธเจ้า หลักฐานที่อยากได้จากความเป็นอรหันต์ นิพพานคืออะไรมันเป็นวัตถุสิ่งของเหรอ -หน้าโง่ พระที่สั่งสอนคนได้จนรู้ธรรมตนต้องรู้ธรรมก่อน ครูที่สอนฟิสิกข์เด็กได้ตนต้องรู้ก่อน พุทธศาสนาอยากรู้เหมือนอ.มั่นอยากเห็นหลักฐานต้องประพฤติปฎิบัติญาณให้เท่าเขา อย่ามาปากพร่อยหาหลักฐาน แม้หาได้มนุษย์ที่ถือตัวว่าเก่งเหนือใครในโลก(แต่เอาตัวไม่รอด)มันก็บ่ายเบี่ยงไม่เชื่ออยู่ดี พระพุทธเจ้าเป็นพันธุ์แขกขายโรตีมันถึงจะนับถือ

0
กุ๊ก1245 16 เม.ย. 62 เวลา 13:32 น. 20-1

อ่าวถ้าไม่เกิดที่อินเดียและเกิดที่ใดหละ(ศาสนาพราหมณ์​มีวิวัฒนาการ​มากพอสมควร)​ศาสนาพราหมณ์​เป็นศาสนาของชาวอารายันถ้าไม่ใด้เกิดที่อินเดียจะเกิดที่ไหนล่ะ

0