Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

*** ท่านเชื่อหรือไม่ พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย? (ภาค2) ***

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
  ในประเทศไทยและลาว ดังปรากฏในจารึกและใบลานจาร พงศาวดารท้องถิ่นที่แสดงเรื่องราวในสมัยพุทธกาลของการ

เกิดพระเจดีย์ พระพุทธบาท พระพุทธฉายและพระพุทธรูปของชาวเหนือและชาวลาว แสดงว่าประชาชนมีความเชื่อว่า พระพุทธเจ้า

ของพวกเขา อุบัติขึ้นที่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน  ในการประกาศว่า พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในอินเดียหรือเนปาล ยังความไม่พอใจให้ชาวชมพูทวีปเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เพราะส่วนใหญ่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษหรือฝรั่งเศส ยกเว้นประเทศไทย

           

           พระสงฆ์ชาวไทยที่ไม่พอใจมีจำนวนมาก แต่ไม่กล้าประท้วงอย่างเปิดเผย เนื่องจากพระผู้ใหญ่และผู้ใหญ่บางองค์ในสมัย

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเห็นคล้อยตามฝรั่ง และหันหลังให้กับหนังสือโบราณ เช่น “มหาวงศ์” และ “สังคีติยวงศ”

เนื่องจากเห็นว่า หนักไปในทางปาฏหิารย์ จึงยึดถือที่ฝรั่งเผยแพร่ เป็นเหตุให้ “ชาวโยนก” กลายเป็นพวกกรีก พระยามิลินทร์และ

พระนาคเสนก็กลายเป็นฝรั่งไปสิ้น โดยไม่นำพาความเชื่อของชาวเหนือที่ถือว่า พระยามิลินทร์และพระนาคเสนเป็นชาวเหนือ  

 

           อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระปิยมหาราช มีพระเถระรูปหนึ่ง คือ พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (ปาน) แห่งวัดมหรรณพาราม

ได้เขียนหนังสือ “พระเจ้า 500 ชาติ--อ้อยต้นจืดปลายหวาน กินนานอร่อย” เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่พระปิยมหาราช ครองราชย์ได้ ๒๙ ปีเนื้อหาของหนังสือ ประท้วงคณะสงฆ์ที่ยอมเชื่อว่า พระพุทธองค์ประสูติในอินเดีย ตามที่ชาวอินเดียจากเมืองกาสี ๘ คนนำมาเสนอหลวงพ่อปานฯกล่าวหาว่า เมื่อชาวอินเดียทั้ง ๘ คนนี้เดินทางกลับอินเดีย ได้นำพระไตรปิฎก อภิธานศัพท์และคำสอนในพระพุทธศาสนาไปประเทศอินเดียด้วย และเมื่อชาวอินเดียพวกนี้กลับมากรุงเทพ ก็กลับมาพร้อมกับแผนที่ประะเทศฮินดูสถานทีมีชื่อเมือง แม่น้ำ ภูเขา ฯลฯ ตามที่ปรากฏในประไตรปิฎก ก็ยิ่งทำให้คนไทยเชื่อว่า พระพุทธอุบัติขึ้นในอินเดียมากยิ่งขึ้น โดยให้การต้อนรับอย่างดี ได้ขายนมเนย ภายหลังก็ได้มีการเรี่ยราย เงินทองเพื่อไปสร้างเจดีย์ ที่สถานที่ตรัสรู้ ณ พุทธคยา แต่หามีใครสังเกตไม่ว่า

ระยะทางและทิศทางระหว่างเมือง ต่างๆในอนิ เดีย ขัดแย้งกับที่ปรากฏในพระไตรปิฏกชนดิ หน้ามือเป็น หลังมือ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า  ”ผู้เฒ่าผู้แก่โกรธมากที่มีคนบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นอินเดีย”

 

 

 

 

หนังสือ "สังคติยวงศ์" ซึ่งพระวันรัตน์วัดโพธิ์ได้นิพนธ์ขึ้นในพ..ศ ๒๓๓๑ ในรัชกาลที่ ๑ หลังจากการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับสยามประเทศ

 

 

 

 

 

ปกหนังสือของ John Keay ซึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวชาวอังกฤษอย่างน้อย ๕ คน และเยอรมัน ๑ คนที่ได้กระทำการบิดเบือนข้อเท็จจริงจนนำไปสู่ความหลงผิดของชาวโลกว่า พระพุทธองค์เป็นชาวอินเดีย

 

 

          นับตั้งแต่ที่    Sir Alexander Cunningham เขียนประวัติพระพุทธศาสนาขึ้นใหม่  และเผยแพร่ไปทั่วโลกในช่วง พ.ศ.๒๓๙๗-๒๔๑๙ ก่อนหน้าที่เขาจะเสียชีวิต ๑๗ ปี พระพุทธองค์ก็กลายเป็นชาวอินเดีย และชมพูทวีปก็กลายเป็นอินเดียไป ทั้งๆ ที่มีความเชื่อมายาวนานว่า ชมพูทวีป คือ ดินแดนที่เป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ก็หาได้ มีผู้ใดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือใครอื่น กล้าที่จะทักท้วงข้อเท็จจริงแต่อย่างใดไม่ อาจด้วยเชื่อว่า เป็นอย่างนั้นจริงหรืออาจเกรงภัยจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ก็ได้ เท่านั้นไม่พอ ชาวไทยบางคน กลับช่วยกระพือและ เผยแพร่ความคิดไปให้แพร่หลายออกไป หากไม่มีหลวงพ่อพระธรรมเจดีย์ปาน เขียนหนังสือประท้วงไว้ เรื่องก็คงเงียบหายไป.

 

 

 

 

 

 

            หลังจากข่าวแพร่ไปว่า พระพุทธเจ้าเป็นชาวอินเดีย เกาะซีลอนก็อ้างว่า เป็นลังกาทวีป และเปลี่ยนชื่อเป็น "ศรีลังกา" มาเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง โดยยึดคัมภีร์มหาวงศ์ไปเป็นประวัติศาสตร์ของตนเอง และระบุว่า พระพุทธเจ้าเสด็จไป ๓ ครั้งและมีพระเขี้ยวแก้ว อยู่ด้วยตามที่อ้างไว้ในคัมภีร์ "มหาวงศ์" อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานที่แสดงว่า พระเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา เป็นของปลอม ตามพระราชหัตถเลขาพระพุทธเจ้าหลวง ที่นพ.วิบูลย์    วิจิตร วาทการ เขียนไว้ในหนังสือ เล่าเรื่องเมืองสยาม

 


เครดิต : http://www.facebook.com/note.php?note_id=170473976305621&id=100000984677059


PS.  วัตถุสิ่งหนึ่งกำลังคุยกับคุณ

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

bossluckyclub 25 พ.ย. 53 เวลา 23:15 น. 1

 หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง

แต่ถ้าเป็นจริงเราจะแก้ไขได้เหรอ  แต่ยังไงซะก็ถือว่าเรารู็้้แล้วรู้อยู่แก่ใจ


0
เกรียน 26 ธ.ค. 55 เวลา 20:55 น. 2

พระพุทธเจ้าน่าจะเกิดที่เลยนะเพราะเลยเวลาทำไรผิดชอบพูดว่า"เบิ่ง"แล้วสอนให้ถูก คำว่า"เบิ่ง"คล้ายๆกับว่า"เบิ่งก่อน"

0
ธงชัย 10 พ.ค. 56 เวลา 16:30 น. 3

ถ้าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ก็ต้องหาคำตอบว่าทำไมพระไตรปิฎกจึงเป็นภาษาบาลี-สันสกฤต

0
วัชระ 21 ก.ค. 56 เวลา 08:36 น. 4

เจ้าชายสิทธัตถะเรียนรู้หลายภาษา เนื่องจากพระราชบิดาหาครูมาสอน เพราะประสงค์จะให้เป็นจักรพรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องเรียนรู้เพื่อการรบ พระพุุทธเจ้าทรงเลื่อกภาษาบาลี เนื่องจากบันทึกลงในใบลานได้ และให้ภิกษุได้ท่องจำต่อต่อกันมา แต่ภาษาบาลีก็ไม่เป็นที่แพร่หลายในดินแดนชมพูทวีป ซึ่งเป็นสยามประเทศในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำพูดอีกหลายคำที่ใช้ต่อเนื่องมา บันทึกเป็นภาษาบาลี เช่น เสียงร้องของนกชนิดหนึ่ง ฟังแล้วมันร้องว่า ของกู ของกู หรือ ของลับชายหญิงที่เรียกว่า คุย หะ แม้นปัจจุบันจะเพี้ยนไปบ้าง
ต้องศึกษาหลายๆด้าน ประกอบกันจึงจะเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ไม่ใช่แขก เช่น ประเพณีการแต่งงาน ในอินเดีย หญิงขอชาย แต่ในพุทธประวัติ ชายขอหญิง ดินแดนชมพูทวีปกินข้าวเหนียว ปั้นเป็นก้อน ไม่กินโรตี ดูโบราณสถานแสดงถึงศรัทธาที่มีมาต่อเนื่อง ในประเทศพม่า ไทย กัมพูชา ดูฤดูเข้าพรรษา
ดูมาตราวัดระยะทาง ซึ่งไม่ได้ใช้ในอินเดีย และอื่นๆอีกมากมาย

0
frong1999 9 ต.ค. 56 เวลา 13:13 น. 6
ช็อค หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่เชื่อ จนกว่าหลักฐานมันจะมีเหตุผลที่เพียงพอและดีกว่านี้

1.รู้ได้ยังไงว่าพุทธเจ้าทรงเลือกภาษาบาลี ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ใช้กันอยู่เป็นปกติในสังคมสมัยนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรอคับ แล้วการบันทึกลงใบลาน ไม่จำเป็นต้องบาลีหรอกครับ ภาษาอะไรก็ได้ทั้งนั้น ภาษาบาลีแพร่หลายในสุวรรณภูมิสิครับ(ชมพูทวีปมันอินเดีย)ไม่งั้นจะมีการสอบเปรียญ มีบทสวดมนต์หรอ ???

2.ภาษาใดๆก็มีที่มาจากเสียงธรรมชาติทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบาลีหรอกครับ

3.ประเพณีการแต่งงานไม่จำเป็นจะต้องชายขอหญิงเสมอไปหรอกนะครับ กระทั่งพุทธประวัติที่ร่ำเรียนกันมาเองเนี่ย จะเชื่อถือได้สักเท่าไหร่ เพราะถูกแต่งเติมไปมากแล้วนะคับ

4.ที่อินเดียก็มีโบราณสถานพุทธเหมือนกัน ถ้านับว่าที่ไหนมีจำนวนมากกว่า แล้วถือว่าที่นั่นเป็นที่กำเนิด ถ้าอย่างนี้ประเทศไทยมีคนใช้เฟสมากสุดในโลก แสดงว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่กำเนิดเฟสหรอครับ ???

และอื่นๆฯลฯ

พูดไม่ออก
0
frong1999 9 ต.ค. 56 เวลา 13:25 น. 7

ไม่เชื่อ

พระพุทธบาทที่ปรากฎในไทย หรือแม้กระทั่งอินเดียเอง จะจริงหรอครับ ???คนในดินแดนเอเชียอาคเนย์นิยมรับวัฒนธรรมอินเดีย มาปรับใช้กับตนเอง เหมือนกับที่เรารับวัฒนธรรมฝรั่งตอนนี้แหละ ที่อินเดียมีไรดี เราก็เอาเข้ามาปรับใช้ เรียกว่า "เอาอย่างเขา"อะ เช่น ศาสนาพุทธ รวมถึงการจำลองสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธ เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและแสดงบารมีให้คนในดินแดนเราเอง อย่างการสร้างพระพุทธบาทตามจารึกหลักที่ 8 เขาสุมนกูฎงี้ ที่สมัยก่อนคนต้องเดินทางลำบากกว่าจะไปนมัสการพระพุทธบาทที่อินเดีย  พญาลิไทจึงให้สร้างรอยพระพุทธบาทจำลองขึ้น เพื่อแสดงว่าสุโขทัยเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ คนไม่ต้องไปนมัสการไกลถึงอินเดียด้วย กับทั้งมีเหตุผลทางการเมืองแฝงด้วย นานๆเข้า คนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็เหมาไปว่าเป็นของจริง แล้วเอามาเป็นหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้อีก โอ้

 

0
วัชระ 25 ต.ค. 56 เวลา 20:09 น. 9

จิต ศรัทธา ความเชื่อ อยู่ที่ใด บุคคลย่อมเวียนว่ายตายเกิด ณ ที่นั้น
เราคงไม่ไปเกิด ณ ที่ ที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น และไม่เคยไป

0
วัชระ 25 ต.ค. 56 เวลา 20:17 น. 10

ลองถามเสียงร้องของตุ๊กแก กับคนภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอิสาน หรือคนประเทศอื่นๆ ว่า มันร้องว่าอย่างไร

0
วัชระ 25 ต.ค. 56 เวลา 20:27 น. 11

จิต ศรัทธา ความเชื่อ ความคลุกคลี อยู่กับบุคคลใด เราย่อมเวียนว่ายตายเกิด ไม่ห่าง ไม่ไกล จากบุคคลนั้น

0
เราเอง 31 ต.ค. 56 เวลา 19:54 น. 13

เชื่อที่สุดเพราะ
ในอินเดียไม่เคยมีแม้แต่พระอรหันต์ ปัจจุบันก็ไม่มี และต่อๆไป ก็จะไม่มี
ในดินแดนพุทธภูมิ ไม่สิ้นพระอรหันต์ ด้วยมีผู้ปฏิบัติต่อเนื่อง อบรมสะสมมาทุกฃาติ พระอรหันต์ยังจะมีอยู่ต่อต่อไป แต่อาจจะห่างๆ ไปบ้าง แต่ก็จะยังมี

ในอินเดีย แม้แต่ภิกษุ ก็ไม่มี (ยกเว้นภิกษุจากที่อื่นเข้าไปอยู่)

ถ้าท่านเป็นภิกษุ ไปบิณฑบาตที่อินเดียก็คงอดตาย

0
เอ โคกคา 13 ม.ค. 57 เวลา 21:28 น. 14

คำว่า ชมพูทวีป เป็นชื่อของทวีปในจักวาลนี้ ซึ้งมีทั้งหมด 4 ทวีป ด้วยกันคือ 1. อมรทวีป 2. บุพวิเทหทวีป 3.อุตตรกุรุทวีป และ 4 ชมพูทวีป ดังนั้น ถ้าท่านมีความเห็นว่า ชมพูทวีป คืออินเดียก็ไม่ถูกเสียทีเดีย แต่เพราะชมพูทวีป คือโลกนี้ทั้งใบ

0
crem 20 ก.พ. 57 เวลา 11:08 น. 15

คาดว่าเมืองไทยนี้คงไม่ธรรมดา เพราะมีรอยพระพุทธบาทจริงเป็นหลักฐานหลายแห่ง พระพุทธเจ้าท่านอาจจะให้ไว้เพราะเวลาผ่านมาเนิ่นนานภายหลังสามารถเอามาใช้อ้างอิงได้ว่าท่านเคยเสด็จมาที่นี่ เรื่องราวจะได้ไม่เพี้ยนไปมาก อย่างเรื่องดอกไม้ในบริเวณพระแท่นดงรังที่สลดทั้งหมดในวันวิสาขะบูชา บั้งไฟพญานาคที่มีตรงกับวันออกพรรษาทุกปี ฯลฯ ถ้าศึกษาดีๆ จะพบความมหัศจรรย์หลายอย่างในสถานที่หลายแห่งในเมืองไทย เป็นพระอ้จฉริยภาพของพระพุทธเจ้าท่านโดยแท้

0
ไม่ รู้ 20 ก.พ. 57 เวลา 11:58 น. 16
1.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการได้ยินได้ฟังตามกันมา
2.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
3.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการตื่นข่าวลือ
4.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการอ้างตำรา
5.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยตรรกหรือเหตุผล
6.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคาดคะเน
7.  อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคิดตรองอาการที่ปรากฎ
8.  อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเข้ากับความเห็นของตน
9.  อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะผู้พูดมีรูปลักษณะน่าเชื่อถือ
10.อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเห็นว่าสมณะนี้หรือผู้นี้เป็นครูของเรา
0
วัชระ 30 พ.ย. 58 เวลา 21:06 น. 18

ผมตั้งจิตปราถนา จะขอเกิดในดินแดนพุทธศาสนาทุกชาติ ถ้าได้เกิดอีก ถ้าท่านเชื่อพระพุทธเจ้าเป็นแขก พุทธภูมิเป็นอินเดีย ท่านก็ปราถนาไปเถิด

0
วัชระ 14 ธ.ค. 58 เวลา 04:13 น. 19

ในอินเดีย ไม่มีผู้รู้หลักธรรมคำสอน ไม่เข้าใจสติปัฎฐาน ๔ แม้แต่หลักปฏิบัติของภิกษุ เมื่อบิณฑบาต พระพุทธเจ้ามิให้กล่าวคำใดใด ทำได้แต่เพียงไปยืนให้เขาเห็น ยืนเฉยๆ เพียงให้เขาเห็นว่าเราต้องการอาหาร ไม่ใช่กล่าวอย่างในภาพยนต์ที่ทำออกมาว่า " ท่านผู้มีเมตตา ทำทานด้วยเถิด" คำว่าภิกษุ ทุกคนเข้าใจดีแล้วว่าเป็นผู้ขอรับอาหาร เมื่อได้รับอาหารแล้ว หรือไม่ได้ก็ตาม ก็ให้เดินจากไปอย่างปกติ ไม่ต้องกล่าวให้พรใดๆ ผู้ให้ฝึกให้ด้วยใจที่บริสุทธิ มิใด้หวังผลใดใด ทานจึงมี อนิสงส์สูงสุด และผู้ให้ย่อมได้รับผลของการให้นั้นอยู่แล้ว

0