Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โoตาคุ 'เป็น' หรือ 'ไม่เป็น' ในความหมายไหน(?) กับเรื่องเล่า...เรื่อง'ไม่เป็นเรื่อง'

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
***กระทู้นี้งดดราม่า เราขอแชร์ประสบการณ์เรื่องไม่เป็นเรื่อง***



คำว่า 'โอตาคุ' นั้นหลายคนคงรู้จักความหมายและที่มาของมันดี
ว่ามันเป็นเหมือน 'คำด่า' หรือ 'คำล้อ' หรืออะไรสักอย่างที่มันไม่ดีสำหรับสังคมญี่ปุ่น
และเราว่ามันเกิน5ปีแล้วล่ะ กับความหมายนี้ เพราะเรารู้มานานมาก(สมัยสาวมากกว่านี้)


ขอแชร์ประสบการณ์จริงของเรา(สมัยเรียน) ก็คือช่วงที่คำนี้ยังฮิตเฉพาะกลุ่ม
เรานั้นมีสังคมเพื่อนในกลุ่มคนคลั่งการ์ตูน และทั่วไปเวลาเรียน มีแฟน3D ปกติ(และโดนเราลากเข้าโลก2Dตามสเต็ป)
ทั้งกลุ่มมีผู้ชาย5 หญิง2 คือเรากับเพื่อนสายคอสเพลย์ ทุกคนเพิ่งรู้จักตอนเรียน
แน่นอนทุกคนรู้ความหมายของคำว่า 'โอตาคุ' แบบเข้าใจดี

วันหยุดเวลาไปเดินสะพานฯ หรือที่อื่นๆ ในกลุ่ม ถ้าใครอาการคลั่ง2Dกำเริบเวลาเห็นการ์ตูนจะโดนล้อว่า 'ยี้โอตาคุ'
ทุกคนโดนหมด เพราะมันต้องมีหลุดบ้าง (เราจะหลุดเวลาเห็นฟิกเกอร์(คนขับ)กันดั้ม หรือพวกโกลด์เซ็นต์)
แต่มีคนหนึ่งซึ่งดูแล้วเข้าขั้นรุนแรงที่สุด(ซึ่งเจ้าตัวคงไม่รู้)
เลยโดนล้อเป็นประจำ และดูท่าทางเขาไม่ชอบ เพราะ 'ความหมาย' ของมัน

วันหนึ่งขณะที่นั่งเล่นนั่งพักดูของที่ซื้อมา เขาก็โดนล้อเช่นเดิม แต่คราวนี้เพื่อนที่ล้อโดนหมัดสวนกลับ!!
เรากับเพื่อนตกใจมาก และคิดว่าล้อเล่นกัน แต่เลือดกกปากจริงๆ(ถึงจะหมัดเดียว)
แล้วเขาพูดทำนองว่า "GUไม่ได้เป็นโอตาคุ"
พวกเราก็แบบว่า "เฮ้ย...จริงดิ" แล้วเขาก็โกรธพวกเรา และปลีกตัวออกไปเลย
วันต่อมาเรากับเพื่อนผู้หญิงก็ไปช่วยปรับความเข้าใจ คุยไปคุยมาก็เลยเข้าใจว่า เขานั้นยังไม่ถึงขั้นโอตาคุ เพราะ
เขายังเข้าสังคม ยังไม่ได้หมกมุ่นในโลก 2D ตลอด เรากับเพื่อนหันมองหน้าแบบรู้กัน
ก็เลยไม่ว่าอะไรเพราะดูเหมือนเขาจะโกรธคนที่ล้อไปเลย สำหรับเขามันเป็นคำหยาบคายแบบสุดหูรูด
และแน่นอนเขาไม่สนผู้หญิง 3D อย่างเราและเพื่อน =_=' (ในใจคิดว่าถ้าเป็นสาว2D นายคงจะให้อภัยสินะ)


เราไม่รู้นะ ถ้าสำหรับคนปกติก็จะมองเราว่าเป็น 'โอตาคุ'
(แต่ที่ไม่เรียกว่า 'ฟุโจฉิ' เพราะมันเหมาะกับผู้หญิงที่มีรังสีวาย+พลังจิ้นสูง ซึ่งเรามีไม่พอ)
จะเรียกว่าผ่านสายเทพ H.O.L.Y มาแล้วก็ได้
บางทีก็เผลอหลุดคำพูดที่คนปกติไม่เข้าใจ จนเพื่อน(ปกติ)ถาม เราจึงต้องซับภาษามนุษย์ให้ =,.='
และที่หนักมากถึงขนาดเอาสูตรขนมในการ์ตูนมาทำกิน ทำขาย ได้ตังค์ ^^
ถึงเราไม่คิดที่จะแต่งงานกับหนุ่ม2D และไม่ได้คลุกอยู่แต่กับโลก2Dตลอด ก็ตาม

ปัจจุบันเหมือนจะมีบางคนเข้าใจว่าคำนี้ใช้กับพวก 'คลั่งการ์ตูน' ปกติ
เพราะคนบางกลุ่มก็คงไม่ได้ทำตัวเดือดร้อนอะไร หลายคนคงมองในแง่ดี
เราก็เลยมองว่าทำความเข้าใจกับความหมาย แล้วยอมรับตาม 'สังคม'
เพราะสังคมไทย คำๆนี้ดูจะอ่อนลงไปเยอะ แต่เรารับรู้โดยนัยว่ามัน 'แรง' แค่นั้นพอ
ดีกว่าไป 'ออกหมัด' หรือ กระฟัดกระเฟียดใส่ ทำแบบนั้นเราว่าคนจะยิ่งมองในทางลบเข้าไปอีก


เรา 'เป็น' ตามสังคม 'เป็น' ตามความเข้าใจของหลายๆคน 'เป็น' ในแง่ที่เขาอยากให้เป็น
แต่เราก็จะไม่เรียกใครว่า 'โอตาคุ' ถ้าไม่ใช่เล่นกับเพื่อนในกลุ่ม หรือเขา'ไม่อยากเป็น'


แล้วคุณเลือกที่จะ 'เป็น' หรือ 'ไม่เป็น' ในความหมายไหน




แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 ธันวาคม 2553 / 23:42

แสดงความคิดเห็น

>

18 ความคิดเห็น

Loin 14 ธ.ค. 53 เวลา 23:46 น. 1

สาระดีมีประโยชน์มากครับ ;w;
จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้เป็นโอตาคุนะ
แต่อาจจะเป็นเพราะเพื่อนเข้าใจผิดบ่อยๆ ก็ได้
แต่คงไม่โกรธอะไรถ้าโดนเรียกว่าโอตาคุ
เพราะว่าคนอื่นคงจะหมายถึง "คนที่ชอบ/บ้า อะไรบ้างอย่าง"
จะว่าไปคนเดี๋ยวนี้ชอบเรียกตัวเองว่า "โอตาคุ" นะ
ทำไมตรูข้ารู้สึกว่าถ้าเรียกอย่างนั้นเหมือนด่าตัวเองนะ =[]=


PS.  อยากมีสาระในช่วงปิดเทอมจัง Loin@BoardCartoon
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 00:00 น. 2

หึ ๆ

เราเคยเจอคนที่เข้าขั้นนะ
บ้าพอที่จะใส่เข็มขัดไรเดอร์แล้วแอคท่าเสียงดังกลางฝูงชนเลย
ส่วนอีกคนพูดเรื่องอะไรก็จะโยงเข้าการ์ตูนหมด

แบบนี้แหละที่เราจัดให้อยู่ในระดับ "โอตาคุ"


แค่ดูการ์ตูนชื่นชอบการ์ตูนเฉย ๆ อย่ามาเรียกว่าตัวเองคือโอตาคุเลย

ถ้าดูแต่พากย์ไทย ไม่เคยสนซื้อดีวีดีหรือบลูเรย์เมะจากญี่ปุ่น
ไม่เคยแย่งซื้อฟิกเกอร์ที่หายากผ่านทางเน็ต
ก็อย่าแม้กระทั่งเรียกตนเองว่าแฟนพันธุ์แท้เลยดีกว่า

หากจะเป็นระดับโอตาคุ จะต้องเหนือกว่านั้นนะ ขั้นเข้ากับสังคมไม่ได้ไปเลย



ปล ฟุโจชิ ไม่ใช่เหรอ Fu-Jo-Shi ตัว "ฉิ" ภาษาญี่ปุ่นมันไม่มีตัวนี้นา

ภาพประกอบ


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 00:10 น. 3

อยากเป็นโอตาคุกันไหมท่าน ?













แต่ดราม่าโอตาคุในเว็บพันทิปก็มีคนแถนะ ว่า...
1 เมื่อก่อนกับสมัยนี้ โอตาคุมันคนละความหมายกันแล้ว
2 ว่าคนญี่ปุ่นกับคนไทยใช้ไม่เหมือนกัน ของญี่ปุ่นด่า ของไทยคือคำชม

เชิญเหอะ เหมือนคำว่า "เกรียน" หรือ "ติ่งหู" ของไทย
จะบอกว่าเป็นคำชมก็เชิญใช้ไปคนเดียวเถอะ

แต่เราว่าคนที่ใช้แบบนี้ คงไม่ได้ซาบซึ้งกับความหมายที่แท้จริงของคำเหล่านี้แหง ๆ

PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
วงเวทมรกต 15 ธ.ค. 53 เวลา 09:23 น. 5
สำหรับในไทยมันเป็นคำชมไปแล้วล่ะ(หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)
ผมมองคำว่าโอตาคุอีกความหมายนะ
นั่นคือ การชอบหรือคลั่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
อย่างโอตาคุการ์ตูน โอตาคุเกม โอตาคุรพ โอตาคุปืน
ถามว่าดีไหม ในสายตาคนทั่วไปอาจมองเป็นพวกหมกมุ่น
แต่ว่าถ้าคนเหล่านั้นสร้างสรรค์สิ่งของที่ให้เราใช้ล่ะ!
อย่างโอตาคุรถเงี้ย เพราะชอบถึงได้หมกมุ่น(แต่คำว่าหมกมุ่นก็ไม่ดีเท่าไหร่)เอาเป็นว่าเพราะชอบจึงมุ่งมั่นกับสิ่งที่ชอบ บางคนอาจถึงขั้นอยากทำงานด้านนี้ ถ้าไม่เป็นนักแข่งรถก็ออกแบบไม่ก็สร้าง เพราะอยากทำในสิ่งที่หลงใหล

แต่โอตาคุที่คนทั่วไปเขาลงความเห็นว่า ใช่ กันคือ พวกหมกมุ่นแล้วไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ จึงไม่แปลกที่สำหรับคนญี่ปุ่นคือคำด่า แต่สำหรับไทยคือคำชม(เพราะสังคมโอตาคุไทยถือว่าใครเป็นโอตาคุเท่ากับเป็นแฟนพันธ์แท้ที่น่ายกย่อง ในขณะที่ของญี่ปุ่นนั้นเรียกสั้นๆ ว่า พวกรกโลก)

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็เป็นโอตาคุนะ = =
สรุปว่า...โอตาคุน่ะ จะดีหรือไม่ดีก็เราทำตัวทั้งนั้นแหละ
ถ้าเราคลั่งแล้วไม่เสียจุดยืนในสังคมซ้ำยังทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ก็ดีไป
แต่ถ้าคลั่งแล้วเก็บตัวแถมยังไม่ทำอะไรให้สังคมอีกก็...นะ...ตามความเข้าใจก็แล้วกัน

อุ๊ พล่ามเยอะเกินไปซะแล้ว

PS.  ผมรักแม่ที่สุดครับ/ไม่ใช่ ก้มหัวรับใช้ แต่เป็น บริการด้วยใจรัก ผมจะเป็นพ่อบ้านที่ดีให้ได้ครับ
0
finwail 15 ธ.ค. 53 เวลา 09:56 น. 6

โอตาคุดีหรือไม่...เป็นปัญหาโลกแตกคล้ายๆ กับ ภาษาวิบัติดีหรือไม่นั่นแหละ
มีทั้งกลุ่มที่สนับสนุน กลุ่มที่แอนตี้ หรือแม้กระทั่งกลุ่มที่เฉยๆ จนถึงขั้นเบื่อกับปัญหาพวกนี้

เราว่าโอตาคุเป็นคำที่มีหลายความหมายแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มนะ
คนบางกลุ่มก็ว่าดี คนบางกลุ่มก็ว่าไม่เหมาะสม แล้วแต่กันไป

สำหรับเราคนที่เป็นโอตาคุคือคนที่ไม่ใช่แค่ชื่นชอบการ์ตูนหรือดูการ์ตูนมากๆ แล้วเท่านั้น มันต้องมีมากกว่านี้ คนที่เป็นโอตาคุได้ต้องรู้จักการ์ตูนต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ชอบการ์ตูนบางเรื่องมากๆ แล้วโมเมว่าตัวเองเป็นโอตาคุ แต่ต้องชอบการ์ตูนทุกๆ เรื่องที่อยู่ในสายของตน เพียงแต่จะชอบมากหรือชอบน้อยเท่านั้น
     คนที่เป็นโอตาคุต้องรู้จักคำบางคำที่เป็นพื้นฐานในกลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูน
     คนที่เป็นโอตาคุเคยไปงานการ์ตูนแล้วไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง
     คนที่เป็นโอตาคุต้องเคยหรือฝันที่จะทำโดจิน
     คนที่เป็นโอตาคุจะทุ่มเทให้กับตัวละครที่เขาชอบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
     คนที่เป็นโอตาคุไม่ใช่แค่คนชอบการ์ตูนหรือคลั่งไคล้การ์ตูนมาก แต่ต้องเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้ถ้าเพื่อหนุ่มหรือสาว2Dที่ตนปลื้ม

สุดท้ายกลุ่มคนที่เป็นโอตาคุก็แค่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบในสิ่งที่ตนชอบจนถึงกับถวายชีวิตให้ได้

ปล.ที่ยกตัวอย่างนี้คือโอตาคุการ์ตูนเท่านั้น ไม่รวมโอตาคุอื่นๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างกันกว่านี้เท่าไหร่



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 15 ธันวาคม 2553 / 19:27
0
MuI2asaki 15 ธ.ค. 53 เวลา 12:33 น. 7

เห็นด้วยกับทุก คห.เลยค่ะ
แต่เราไม่ออกแนวผู้หญิงในรูปของท่านซ่อนนามนะคะ 5555+
ฟุโจชิ*(เราก็เข้าใจแบบท่านซ่อนนาม แต่เห็นหลายบอร์ดชอบใช้ ฉิ ก็เลยไม่รู้จะเอายังไงดี)
จริงๆหลายคน ออกแนวน่ารักด้วยค่ะ แต่มาต่อมแตกเมื่อเห็น BL =_='

รู้ความหมายที่แท้จริงด้วยนั้นแหละดีแล้ว
เราคิดแบบนั้น แต่ไม่ถึงกลับต้องไปอัดหน้าเพื่อน
มันเสียความรู้สึกในหลายๆแง่ เสียเพื่อนด้วย

ปล.เรายังคิดเลยว่า จะมีใครคิดกับชื่อ Mul2asaki ของเรามั้ยน้อ
      ความหมายมันส่อไปทางฟุโจชิซะเหลือเกิน 5555+
     


PS.  "หากเธอคือแสงสว่าง ฉันคงเป็นความมืด...เพราะพลังที่อยู่ในตัวฉัน" Astrorian Estra:ผนึกร่างรัตติกาล http://writer.dek-d.com/zerachiel/writer/view.php?id=614610
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 13:21 น. 8

พูดตามตรงนะ
ถ้าเกิดในโลกจริงมีคนว่าเราอย่างนี้ ก็ปล่อยให้มันเรียกไปเถอะ
เพราะยังไงคน ๆ นั้นก็ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมันหรือใช้มันอย่างซีเรียสอยู่แล้ว

การจะไปเถียงหรือโต้กลับ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ดีไม่ดีจะโดนหาว่าเป็นโอตาคุหนักกว่าเดิม
เราว่ามาอธิบายในที่สมควรเช่นนี้ยังจะดีกว่า (เราเลยพยายามอธิบายในแทนนี้ไง)


แล้วอีกอย่าง เราว่า เราคลั่งไคล้และรู้ดีเรื่องการ์ตูนมากกว่าหลายคนอีกนะ
แต่เราไม่คิดว่าตัวเองเป็นโอตาคุ
กลับกันคนที่คลั่งไคล้น้อยกว่าเราดันเรียกว่าตัวเองคือโอตาคุแทนเสียนี่

มันรู้สึกตลกที่ไม่ค่อยตลกยังไงพิกล


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 19:09 น. 10

#9
พูดงั้นไม่ถูกนะท่าน

เหมือนเรียกใครบางคนหรือตัวเองว่า "กะXรี่"
ถามว่า... คนที่ได้ยินหรือโดนเรียกจะคิดยังไง ?

ใช่ มันก็แค่คำ ๆ หนึ่ง
แต่มากพอที่จะทำให้โดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ ไม่ก็โดนคนในสังคมดูถูก
ถึงจะทำดีแค่ไหนก็เหอะ แต่ถ้าคนนั้นดันเรียกตัวเองด้วยคำนี้ ก็ยากนะ ที่คนอื่นจะเห็นดีเห็นงามกับเรา


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
วงเวทมรกต 15 ธ.ค. 53 เวลา 20:45 น. 11
ก็ถ้าไม่อยากให้คำว่า "โอตาคุ" ถูกมองในแง่ลบ
แล้วเหตุใดไฉนเลยกลุ่มโอตาคุทั้งหลายจึงไม่ทำประโยชน์แก่สังคมเล่า

ที่มันถูกเรียกประหนึ่งคำด่า ก็เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ทำอะไรนอกจากคลั่งไคล้น่ะสิ


PS.  ผมรักแม่ที่สุดครับ/ไม่ใช่ ก้มหัวรับใช้ แต่เป็น บริการด้วยใจรัก ผมจะเป็นพ่อบ้านที่ดีให้ได้ครับ
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 21:37 น. 12

#11
เข้าใจผิดแล้วท่าน


มีคนที่ "บ้าการ์ตูน เก็บตัว ไม่เข้าสังคม สื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง" อยู่
แล้วยังไม่มีคำนี้ เขาเลยอุปโลกน์ตั้งคำว่า "โอตาคุ" ขึ้นมาเรียกคนกลุ่มนี้

ส่วนโอตาคุจะข่มขืนเด็ก หรือช่วยชีวิตคนยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับนิยามโอตาคุ
เพราะมันแปลว่า "บ้าการ์ตูน เก็บตัว ไม่เข้าสังคม สื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง" ต่างหาก

ถ้าไม่อยากเป็นโอตาคุ ก็อย่าทำตัวแบบนั้น

ส่วนคนที่ต้องการเปลี่ยนความหมายของคำนี้รู้ ขอถามว่า
หากเปลี่ยนคำว่าโอตาคุไปแล้ว
จะใช้คำไหนเรียก "คนบ้าการ์ตูน เก็บตัว ไม่เข้าสังคม สื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง" ดีล่ะ ?

ส่วนที่คลั่งไคล้แต่ยังอยู่และสื่อสารกับคนอื่นในสังคมได้ ก็มีคำว่า "แฟนพันธุ์แท้" อยู่แล้วนี่
จะเปลี่ยนความหมายคำให้คำนิยามสิ่งหนึ่งให้หายไป แล้วไปซ้ำซ้อนกับคำอื่นทำไม ?


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
วงเวทมรกต 15 ธ.ค. 53 เวลา 22:11 น. 13
คห.12

อันนั้นผมเข้าใจ แต่ผมก็ยังไม่เห็นมีใครใช้คำว่า แฟนพันธ์แท้ สักทีน่ะสิ= =

อีกอย่างเดี๋ยวนี้ก็เริ่มใช้คำซ้อนกันแล้วด้วย โอตาคุไม่โอตาคุก็ใช้คำว่า โอตาคุ กันทั้งนั้น
ถึงได้บอกไงว่าถ้าไม่อยากถูกมองไม่ดีไม่ว่าจะเป็นโอตาคุหรือไม่ คลั่งได้คลั่งไปแต่ทำประโยชน์กับสังคมด้วยก็ดี
อันที่จริงเรื่องอย่างนี้ถ้าไม่มีการอธิบายให้เข้าใจก็ยังใช้กันผิดๆ อยู่ดี คนบางคนไม่ได้เป็นโอตาคุด้วยซ้ำแต่กลับถูกเรียกว่าโอตาคุมันก็ทั้งน่าเจ็บใจและน่าขำอยู่เหมือนกันนะ

ส่วนตัวผมนั้นอยากเป็นโอตาคุ แต่เป็นโอตาคุคนละความหมายที่ไม่ดีนะ=w=(ฟังดูน่าสับสนมะ)

สรุป(อีกรอบ)ถ้าไม่อยากถูกเรียกแบบผิดๆ มีการอธิบายให้เข้าใจด้วยจะดีมาก แต่ปัญหาคือจะอธิบายยังไงให้คนส่วนใหญ่เข้าใจในความหมายที่แท้จริงของโอตาคุ? เพราะบางคนยังใช้ผิดๆ กันอยู่เลย(อาจจะเป็นคนหมู่มากด้วยซ้ำ)

PS.  ผมรักแม่ที่สุดครับ/ไม่ใช่ ก้มหัวรับใช้ แต่เป็น บริการด้วยใจรัก ผมจะเป็นพ่อบ้านที่ดีให้ได้ครับ
0
ซ่อนนาม 15 ธ.ค. 53 เวลา 22:31 น. 14

เรื่องโอตาคุ
ถ้าท่านอยากจะเป็นแบบนั้นก็ถือว่าเข้าข่ายเข้าใจความหมายผิดด้วยล่ะ =w="


แล้วโอตาคุในความหมายของท่านคืออะไรเหรอ ?

มีสินค้าของการ์ตูนเรื่องนั้น หรือมีความรู้เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนั้นเหรอ ?
หรือว่าเป็นผู้รู้ในการ์ตูนทุกเรื่อง ?


เราว่าเป็นแบบนั้นก็ไม่เห็นน่าจะเป็นสักเท่าไหร่เลยนะท่าน

เคยอยู่ในบอร์ดบอร์ดพ็อคเก็ต ออลไฟนอลกับจีคอนโซลมาตั้งนาน
ไม่เคยเห็นใครซีเรียสกับเรื่องการเรียก"ผู้รู้" กับ"แฟนพันธุ์แท้" ในเรื่องพวกนี้กันเลยสักคน
มีแต่คนมาใหม่เพิ่งดู/อ่านการ์ตูนได้ไม่กี่เรื่องเท่านั้นแหละที่อยากจะเรียกตัวเองว่าโอตาคุ


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
MuI2asaki 15 ธ.ค. 53 เวลา 23:13 น. 15

ลำพังคนกลุ่มเล็กยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดคนส่วนใหญ่ได้
ก็ต้องพึ่งความเข้าใจของเยาวชนรุ่นหลังแล้วล่ะ =_='
แต่ ณ ตอนนี้ ในสังคมไทย คำๆนี้ ความหมายมันอ่อนมากๆ
ได้แต่หวังว่า อย่าไปโกรธเขา ถ้าเขาจะใช้คำนั้นกับเรา(สำหรับสังคมไทย)
แต่อย่าไปเรียกเขาว่า 'โอตาคุ' (ในสังคมญี่ปุ่น & สังคมไทยบางกลุ่ม) ดีกว่า
เอาตามที่ท่านๆเข้าใจดีกว่านะ เดี๋ยวมันจะดราม่าซะก่อน ใจเย็นๆค่ะ
เราเอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาเพื่อเตือนสติ และระงับอารมณ์ตัวเอง
ว่าอย่าไปปล่อยหมัด3D ใส่ใครเลย โดยเฉพาะเพื่อน


ปล1.สำหรับสังคมไทยก็อย่าง คห.2ของท่านซ่อนนามก็แล้วกัน ใครยังไม่ถึงขั้นนั้นอย่าเพิ่งเรียกเลย
       เราเพิ่ม>แฟนฯหลายเรื่องรวมถึงเรื่อง(ดังๆ)ในอดีต ผ่านตามาทุกแนว H.O.L.Yก็ได้อะ (สุดๆละ)
      (ไอนี้ให้เป็นสิทธิสำหรับคนที่รับได้ และรู้ที่มาของคำ(คันจิ) ด้วยดีกว่า?)
ปล2.เรท18+ ขนาด(บางคน)บลาๆๆๆกับฟิกฯยังจะไม่รับเลย
ปล3.เราเคยได้ยินเรื่องของสาวญี่ปุ่นที่ยอมให้เรียกตัวเองว่า 'โอตาคุ' ดีกว่า 'ฟุโจชิ' ด้วย
      (เพราะเธอไม่คลั่งวาย แต่เธอชาบูๆกันดั้ม ไม่รู้ว่าเรื่องแต่ง หรือเรื่องจริงเหมือนกัน) แต่ช่างเหอะ
    



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 ธันวาคม 2553 / 00:05

PS.  "หากเธอคือแสงสว่าง ฉันคงเป็นความมืด...เพราะพลังที่อยู่ในตัวฉัน" Astrorian Estra:ผนึกร่างรัตติกาล http://writer.dek-d.com/zerachiel/writer/view.php?id=614610
0
baobub 16 ธ.ค. 53 เวลา 01:09 น. 16

ก็ไม่เชิงโอตาคุขนาดนั้นหรอกครับ เรียกว่าเอามาใช้แค่บางส่วนจะดีกว่า
เพราะผมก็ไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้รู้จักการ์ตูนไปทุกเรื่องหรอก เอาเข้าจริงก็เลือกเรื่องที่อยากอ่านกับคิดว่าสนุกเท่านั้นแหละ
ผมหยิบตรงที่ คลั่งไคล้ มาใช้น่ะ แล้วก็ไม่ใช่ คลั่งไคล้ แบบไร้จุดยืนด้วย เพราะว่า คลั่งไคล้ ถึงได้อยากทำงานด้านนี้นี่แหละมันทำนองว่า ต่อยอด ออกมาน่ะ(หวังว่าจะไม่ได้ใช้คำผิด)

สิ่งที่ผมจะชี้แจงคือ การเข้าใจความหมายผิดของคนบางกลุ่มเกี่ยวกับคำว่า โอตาคุ แล้วนำคำนี้ไปใช้มากกว่านะ เพราะบางคนแค่อ่านการ์ตูนเอาสนุกเฉยๆ แต่แค่พกการ์ตูนสักเล่มไปโรงเรียนก็ถูกเรียกว่า โอตาคุ แล้วซึ่งถ้าเอาความหมายแท้ มันไม่เหมาะสมเลยที่จะเรียกแบบนั้น(เพราะคนคนนั้นไม่ได้รู้จักการ์ตูนทุกเรื่องไม่ได้ดูอนิเมทุกตอน และอ่านแค่บางเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจเท่านั้น) ในขณะที่บางกลุ่มก็ใช้เป็นคำสรรเสริญเยินยอ...ซึ่งตามความหมายมันก็ไม่เหมาะเช่นกัน...(ก็โดยความหมายเดิมของมันคือคำ ด่า นี่นา) 

ส่วนตัวผมไม่ได้เครียดกับเรื่องนี้เพราะผมอยู่ในกลุ่มที่ใช้คำว่า โอตาคุ เป็นคำสรรเสริญนะ(หึหึ=w='')ซึ่งถ้าเล่นสนุกๆ ผมก็จะพูดว่าผมเองเป็นโอตาคุเช่นกัน(แต่แน่นอนว่าไม่ได้เป็นซะทีเดียวเพราะไม่ได้รู้จักการ์ตูนหรือเกม หรืออนิเมไปซะทุกเรื่อง)แล้วการพูดหรือเล่นของผมก็เป็นเฉพาะกลุ่ม เป็นกลุ่มเล็กๆ ด้วย(แต่ใช้คำด้วยความหมายไปในทางที่ตรงกันข้าม ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะมีใครเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า)แต่เพราะว่าชอบการ์ตูนนี่แหละ ที่ทำให้ผมอยากทำงานด้านนี้น่ะ ตอนอ่านยังเคยคิดเลยว่า เพราะอะไรหนอ เขาจึงแต่งเรื่องได้สนุกขนาดนี้ เพราะอะไรหนอจึงวาดภาพได้กระชากอารมณ์ขนาดนี้ พอลองศึกษาค้นคว้าเท่าที่กำลังความสนใจจะมีดู ก็พบว่าเป็นเส้นทางที่ผมอยากเดินไป(หมายถึงอยากทำงานเกี่ยวกับการ์ตูนน่ะนะ)สต๊อป ผมกำลังจะพล่ามเรื่องของผม
= =''

ส่วน โอตาคุ ในความหมายที่แท้จริงของมันนั้น ผมเข้าใจโดยรวมอย่างไม่ละเอียดลึกซึ้งนักอยู่แล้ว ซึ่งมันก็พอจะชี้ได้ว่าอะไรเป็นอะไรล่ะนะ เพราะงั้นโอตาคุในความเข้าใจของผมมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักหรอก ถ้าจะให้พูด ผมก็มองว่าพวกโอตาคุเป็นพวกที่ หมกมุ่นเกินเหตุ และไม่แยกแยะว่าอะไรคือความจริงอะไรคือการ์ตูน ถ้ามองให้ลึกเข้าไป คือพวกเข้ากับคนอื่นไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็คือพวกที่คลั่งไคล้โดยไม่คิดอะไร ตูจะชอบก็เรื่องของตูใครจะทำไม ทำไมต้องคิดให้หนักหัว อะไรอย่างนี้ เป็นต้น

สรุป(งั้นก็อย่าพล่ามมากสิวะตู) ผมไม่ได้เป็นโอตาคุที่ต้องรู้การ์ตูนทุกเรื่อง แต่ผมหยิบส่วนที่คลั่งไคล้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้างกำลังใจเพื่อเดินตามฝันเท่านั้นแหละ ซึ่งฝันของผมคือ การเป็นนักเขียนการ์ตูนไงล่ะ= =

ปล.ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่อง ผู้รู้ หรือ แฟนพันธ์แท้ เหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีใครพูดถึง ผมก็พูดเรื่องการ์ตูนตามความพอใจและตามที่ผมรู้เท่านั้นแหละ

ปล.ผมใช้เมมเบอร์น้องมาตอบนะนี่= =''


PS.  ลัลล้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด 5555+
0
ซ่อนนาม 16 ธ.ค. 53 เวลา 16:11 น. 17

#16
ถ้าเรียกตัวเองหรือคนอื่นเพื่อความสนุกปากแล้วก็เข้าใจกันก็ไม่ว่าอะไรหรอก
แต่ถ้าไปเรียกตนเองว่าเป็นโอตาคุอย่างภาคภูมิใจ หรือไปว่าเขาว่าเป็นโอตาคุทั้งที่ยังไม่ถึงขั้นเนี่ย
มันไม่ไหวนา


ส่วนเรื่องของท่านที่บอกว่าอยากจะทำงานด้านนี้ ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า
"อย่าเลือกคณะ เพราะเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด !"
ท่านอาจจะถามทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

1 เพราะสังคมไทยยังไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้ ไม่มีงานรองรับมากพอ
2 เพราะไม่จำเป็นที่ต้องจบด้านนี้ ก็ยังสามารถไปทำงานด้านนี้ได้

ข้อ 1 ไม่เท่าไหร่เพราะอนาคตกระแสอาจจะเปลี่ยน แต่ข้อ 2 นี่สิที่สำคัญ
เพื่อนเราซิ่วจากคณะเดิมไปยังคณะด้านนี้ ปรากฎว่าต้องเรียนพื้นฐานไร้สาระทั้งใหม่หมด
กลับกันบรรดาเพื่อนที่ไม่ซิ่วไปไหนแล้วอยู่ในคณะเดิม แต่ไปเรียนวิชาเลือกที่เกี่ยวกับด้านนี้
เพียงเทอมเดียวก็ทำอนิเมชั่น 3Dได้แล้ว
อีกทั้งมีเพื่อรคนหนึ่งไปฝึกงานที่บริษัททางด้านนี้ ทั้งที่ไม่ได้เรียนคณะทางด้านนี้โดยตรงสักหน่อย

และคณะที่อยู่เนี่ย สามารถทำงานได้หลากหลายมาก
ตั้งแต่ออกแบบบ้าน ครีเอเตอร์ (มีรุ่นน้องคนหนึ่งทำงานเป็นครีเอเตอร์ให้เวิร์คพ้อยท์แล้ว)
ยันคนสร้างโฆษณา(มีรุ่นพี่ที่ประกวดชนะ) นักจัดนิทรรศการ (มีรุ่นพี่ที่เปิดบริษัทนี้อยู่)
รวมถึงเพื่อนเราอีกคนหนึ่ง(ซึ่งพูดข้างต้น)ที่คาดว่าจะไปทำงานในสายอนิเมชั่นด้วย

ดังนั้นไม่จำเป็นหรอกว่าจบคณะที่ตรงสายแล้วจะได้ทำงานในสายนั้นจริง ๆ
แต่ทว่าคณะเกี่ยวกับการ์ตูนนี่สิ มันทำอะไรได้นอกจากสิ่งที่เกี่ยวกับการ์ตูนบ้าง ?
แล้วถึงจะได้ทำในงานที่ตรงกับสาย แต่คิดเหรอว่าจะได้เป็นหัวหน้าคุมงานแต่งเรื่องให้เขา ?
ยังไงก็ไม่พ้นทำงานงก ๆ ให้คนอื่นอยู่ดี

ดังนั้นการไปเรียนคณะเหล่านี้จะเป็นการตัดเส้นทางในอนาคตเอามาก ๆ
ลองหาคณะที่เหมาะสมเพื่อทำงานที่มั่นคงไปพร้อมกับหาความรู้ในด้านนี้เอาเองก็ยังไม่สายหรอก



ไม่บอกนะว่าคณะไหน ลองเอาไปเดาดูก็แล้วกัน ว่าคณะอะไรที่สามารถไปยังอาชีพเหล่านั้นได้บ้าง


PS.  เจ้าน่ะตายไปแล้ว 1... 2... 3... บรึ้มเป็นโกโก้ครั้นช์ !!!
0
Sh!mU-YaMAPj! 17 ธ.ค. 53 เวลา 00:50 น. 18
おたくotakuคนที่หลงไหลหรือหมกมุ่นในอะไรบางอย่างมากเป็นพิเศษ เช่น การ์ตูน
credit www.siamkane

คำว่าโอตาคุที่ใช้กันในไทยนั้น มึการใช้ผิดไปบ้างเพราะว่ามันไม่ใช่ภาษาไทยและเป็นที่รู้กันแค่ในเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
บางคนที่แค่อ่านการ์ตูนไม่กี่เรื่องก็อยากเรียกตัวเองว่าเป็นพวกโอตาคุแล้ว
บางคนที่รู้ดีก็คงไม่อยากเป็นหรือไม่อยากถูกเรียก
แต่จะเรียก หรือถูกเรียกมันก็ขึ้นอยู่กับคนๆนั้นว่าจะเป็นโอตาคุในแนวทางไหน


PS.  รักท่านแสนศักดิ์นะ...แต่เอาไว้เจอกันตอนอีกสิบปีข้างหน้าจะดีกว่ามั้ย
0