รับสมัครเดือนกุมพา คับ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
39 ความคิดเห็น
ลิ้งนี้นะคับลืมลงโทษที  http://www.sis.siam.edu/news/mail_20_53.pdf
ยินดีกับหลายๆคน ที่ได้โอกาสเพิ่ม 555+
ผมอ่านตาลายเลย
จับความได้เเค่
"มหาวิทยาลัยสยามเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ประจำปีการศึกษา 2554
ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นไป โดยจะมีการเปิดสอน เพิ่มอีก 2 หลักสูตร ศือ หลักสูตร
ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสาร และหลักสูตรแพทยศาสตร์
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักรับสมัครนักศึกษา อาคาร 19
ชั้น 1 หรือที่เบอร์โทรศัพท์ 02-4570068 ต่อ 5306,5307,5308 "
นี้เองอ่ะ
มีรายละเอียดให้มากกว่านี้มั้ยครับ
แล้วที่นี่เอกชนใช่มั้ยอ่าครับ
รายละเอียดยังไม่ค่อยชัดเจนน่ะค่ะ
รู้เพียงเเค่ว่ารับสมัครช่วงเดือนกุมภา แล้วสถานที่ติดต่อ
แต่คงจะมีระเบียบการออกมอีกมั้งค่ะ ก็ต้องรอติดตามค่ะ
ค่าเทอมประมาณเท่าไหร่อ่ะครับ
ใช่ๆๆ อยากรู้ค่าเทอม-.-
มันยังไม่มีระเบียบที่เป็นรายละเอียดชัดเจน ก้อรู้เท่ากันหมดแหละ ค่าเทอมเอกชนยังไงก้อแพงกว่ารัฐบาลพอสมควรอยู่แล้ว ยิ่งคณะแพทย์ ยังไงก้อเป็นแสนอยู่แล้วแหละ อยู่ที่ว่าจะเป็นปีไหน หรือเก็บค่าเทอมแบบไหน เหามจ่าย หรือแบบหน่วยกิต แต่คณะแพทย์หน่วยกิตปี4 ขึ้นไปมันก้อเยอะอยู่แล้ว เป็นสี่ สิบหน่วยกิตต่อเทอมลองไปเปิดดูแพทย์ที่มหาลันอื่น หลักสูตรมันไม่ต่างกันมากหรอก ขนาดหน่วยกิตของเภสัชที่นี้ยังตั้งหน่วยกิตละ 2000 เลยนะ แพงคงต้องแพงกว่า ส่วนถ้าเหมาจ่าย มันก้อจะแพงตั้งแต่แรกๆละ เพราะฉะนั้น ถามในนี้ก็ไม่ได้คำตอบอะไรหรอก เพราะฉะนั้น รอเค้าประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีสิ
คห. 8 ค่าเทอมไม่ถึงแสนครับ รับปีแรก 40 คน รู้ได้ไงหรอครับว่าสภายังไม่รับรองหลักสูตรผมว่าถ้าคห.8 เป็นคนในสภาไม่ใช่แน่นอน หลักสูตรผ่านแพทย์สภาทั้งหมด 5 ครั้ง เปลี่ยนความเหมาะสมของโรงพยาบาลมาหลายครั้ง ถ้าไม่ผ่านคิดว่าแพทย์สภาจะอนุมัติให้รับนักศึกษาหรอครับ
เชื่อ คห.8 อ่ะ
คงได้คำตอบกันแล้วนะ
ไปเรียน ม.รังสิต ดีกว่าน่าจะแพงพอๆกันแหละ
เท่าที่รู้มาค่าเทอมของที่นี่น่าจะถูกกว่ามาก ดูจากคณะเภสัชศาสตร์ ค่าเทอมเท่ากับภาคพิเศษของศิลปากร ซึ่งถูกกว่า ม รังสิตมาก ครับ และเท่าที่ทราบมา ก็เรียนที่โรงพยาบาลตำรวจครับ หลักสูตรยื่นแพทยสภาหลายครั้งแล้ว แก้ไขหลายครั้งเช่นกันครับ ผมคิดว่ายังไงก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนอยากเป็นหมอครับ สู้ๆครับ
เภสัชกับแพทย์ของรังสิต ทั้งสองคณะนี่ ค่าเทอมก็ต่างกันมาเช่นกัน หลักล้านครับที่ต่างกัน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าเภสัชสยามจะถูกกว่ารังสิต ยังไงแพทย์ก็ยังคงเป็นแสนอยู่ดีเพราะเภสัชก็เหยีบยๆแสนแล้ว ถึงจะไม่ทุกปีก็ต่าง
ปล. การยื่นสภาหลายครั้ง แก้หลายครั้ง ไม่ได้รับรองว่าจะต้องผ่านชัวร์ เพียงแต่%อาจมีมากหน่อยที่จะผ่านทัน  ให้ลองคิด พยาบาลของเอกชนแห่งนึงที่เคยเป็นข่าว คิดว่าเค้าไม่ได้ยื่น หรือแก้หลักสูตรกับสภาพยาบาลเลยเหรอ....ยิ่งแพทย์ด้วยแล้ว ความจำเป็นในการรังรองมันมีผลอย่างมาก เพราะแพทย์นั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไข้อย่างมาก  เทียบกับพยาบาลหรือเภสัชนี่ ความรับผิดชอบกับชีวิต อัตตราเสี่ยงที่คนไข้เป็นอัตรายถือชีวิตมีสูงกว่าเยอะครับ
ปล เรพ 9 ถ้าผ่านจริงๆ ของลิงค์เอกสารกาารผ่านด้วยครับ ถ้าไม่มีเอกสาร พูดมาปากต่อปาก เค้าว่าอย่างโน้นอย่างนี้ เชื่อถือไม่ได้ครับ และคำว่า น่าจะ...ผ่าน ก็ยังเสี่ยงต่อเงินและเวลาที่ยังคงมีความเสี่ยงมากอยู่ดี    ให้ตัวอย่าง เภสชัเอกชนที่เปิดมากมาย รับปีแรกๆก็บอกน่าจะผ่าน จะผ่าน ผ่านแล้ว ข้อมูลมั่วกันไปหมด ถามหาเอกสารก็ไม่เคยจะมี คคำตอบคลุมเครือ  แต่พอผ่านร้อยเปอร์เซ็นจริงๆแล้วจะมีเอกสารยันให้ดูอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มเครดิตให้คณะอย่างทันที ซึ่งแบบนั้นถึกจะน่าไว้วางใจ
ผมว่าต้องมองที่จุดเริ่มต้นนะครับ ว่าการรับสมัคร ใครมาสมัคร คนที่มาสมัครส่วนใหญ่ก็คือเด็กมัธยมหรือเด็กซิ่ว ซึ่งคณะไหน มหาลัยไหน ก็เป็นคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น การมองว่าเอกชนไม่มีคุณภาพผมว่าคุณคิดผิดนะ เพราะผมเชื่อว่า การเข้าคณะนี้ต้องมีการสอบแข่งขันกันพอสมควร ไม่ใช่ว่าสมัคร 10 คน ก็รับ 10 เพราะรับ 40 คนเป็นไปไม่ได้ที่คนจะมาสมัคร 40 คน ลองคิดดูดีๆ อัตราการแข่งขันก็สูงอยู่ดีและผมเชื่อว่าเด็กไทยที่ผ่านการแข่งขันระดับนี้ ผมว่าต้องมีศักยภาพพอ อย่างน้อยๆผมว่าก็ความรูระดับวิทยาศาสตร์ หรือเภสัชรัฐบาล ลองคิดดู การที่ดูถูกเอกชนเท่ากับคุณดูถูกตัวเอง ดูถูกโรงเรียน หรือ มหาลัย ในประเทศคุณเอง เพราะอย่าลืมว่า อาจารย์ คณบดี หรือ บุคลาการ ล้วนมาจากรัฐบาลทังนั้น
ดังนั้นจงเปลี่ยนความคิดใหม่ และให้เกียรติมหาลัยบุคลากรด้วย
อย่ามาว่าเอกชนไม่มีคุณภาพ เพราะคนคุณภาพ คือคนที่ทำให้คนมีคุณภาพ ไม่ใช่การมาสร้างภาพว่าตัวเองดี แล้วมาดูถูกคนอื่น
ถ้าเรียนไปก่อนจนถึงปี 3  ปรากฏว่าแพทยสภาก็ยังไม่ผ่านหลักสูตร อันนี้ก็ไม่มีสิทธิสมัครสอบใบประกอบโรคศิลป์/ ศรว. และในปี 5 ปี 6 ก็ไม่มีสิทธิสอบในขั้นที่ 2 กับ 3  เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าน้องจะเรียนจนจบและได้รับใบปริญญา ก็ยังไม่ถือว่าเป็นหมอ  ปัญหาคือตอนไปสมัครงานจะทำอย่างไร  รพ.เค้าก็ไม่รับ เพราะเป็นหมอเถื่อน
 
ดังนั้นหากว่าให้ชัวร์ๆ ก่อนที่จะสมัครเรียน น้องควรขอดูเอกสารอนุมัติจากแพทยสภาก่อน เพราะจะได้ไม่เสียเงิน  เสียเวลา  และเสียความรู้สึก
จาก นศพ. รุ่นพี่
เรพ 13 ออกนอกประเด็จครับ เค้ากำลังพูดกันถือหลักสูตรว่าผ่านหรือยัง และค่าเทอมครับ
และก็เห็นด้วยกับเรพ 14 อย่างยิ่งครับ
โทรไปถามแพทยสภาโดยตรงเลยครับ แน่นอนกว่า
เหอๆ แสดง Ego กันสุดฤทธิ์ เหมือนเป็นคณะกรรมการพิจารณาเอง สุดยอดเลยครับ
แต่ยังไงก็ช่างผมคนนึงแหละที่จะสมัคร เพราะมั่นใจใน คณบดี่ เพราะเป็นคนที่กว้างขวางพอสมควร
ขอบคุณที่เปิดคณะแพทย์นะครับ ทำให้มีโอกาสมากขึ้น
เรพบน พูดว่า
คณบดีกว้างขว้างพอสมควร พูดเหมือนเค้าจะใช้เส้นแบบนั้นแหละ
ถ้าคิดแบบนี่ ประเทศไทยคงเจริญ
ปล. น้องๆมี่เค้ามากอ่าน ก็ตัดสินใจแล้วกันนะครับ ทางที่ดี โทรถามแพทยสภาก็ได้ว่าหลักสูตรผ่านยังเราสามารถเรียนได้มั้ย
พี่คงไม่มาเถียงกับพวกหน้ามืดตามั่วไม่ฟังเหตุผลแล้ว
IQ ไม่แปรผันตรงกับ EQ เลย เฮ้อ ให้โอกาสเขาบ้างครับ ผมว่าคนที่เรียนแพทย์เอกชน คือคนที่พลาดจากโอกาสของรัฐบาล แต่ไม่ใช่ว่าเค้าเก่งสู้เด็กรัฐบาลไม่ได้
เห็นด้วยกับ คห.19 เพระเด็กแพทยืเอกชนไม่ใช่ว่าเค้าเอ็นท์ไม่ติดหรือเอ็นไม่ติดไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เก่ง อย่าตัดสินคนที่คะแนนอย่างเดียว
ปล.ที่บอกว่า คณบดี กว้างขวางพอสมควร ขอให้เข้าใจใหม่ด้วยนะครับ อย่าคิดไปเอง และอย่าดูถูกศักยภาพของคน ผมหมายความว่า คณบดีมีศัยภาพพอ มั่นใจในศักยภาพของคณบดี ในการสร้างคน
อะไรๆ ที่เค้าได้มา ก็คิดว่าเค้าใช่เส้น แล้วมองตัวเองหรือยังว่าดีมากแค่ไหน ทำใมคิดว่าเอกชนเปิดแพทย์แล้วจะทำไม่ได้ เพราะคณะกรรมการพิจารณาหลักสูตร ก็คนๆเดียวกัน คนที่มาสอบก็กลุ่มเดียวกัน การเรียนก็เหมือนกัน อาจารย์ก็คนเดียวกันกับที่อื่น แค่คนละมหาลัยเฉยๆ อย่ามองโลกแคบๆ นะครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?