Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ท่องอิินเตอร์เน็ตเด็ดกว่าท่องหนังสือ หากคุณเป็นฝ่ายค้าน คุณจะแย้งว่า?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ท่องอิินเตอร์เน็ตเด็ดกว่าท่องหนังสือ หากคุณเป็นฝ่ายค้าน คุณจะแย้งว่า?
แชร์ๆกันนะคะ อยากรู้ว่า คนอื่นๆคิดอย่างไรกันบ้าง

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

BIGBEAM 20 ม.ค. 54 เวลา 17:11 น. 2

ไม่แย้งเช่นกัน

เอ๊ะ!!! ญัตินี้คุ้นๆนะ เหมือนญัติการแข่งโต้วาทีที่นิด้าเลยอ่ะ

0
น้องตี๋ 20 ม.ค. 54 เวลา 17:21 น. 3

มันก็จริงที่ท่องเน็ตดีกว่าท่องหนังสือ จะในแง่รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ค้นคว้าได้เยอะ ต้องใช้สายตาเหมือนกัน


แต่นั้นเราก็ต้องเตรียมไว้ว่า
1.เขาจะเสนอข้อดีอะไร เตรียมหักล้าง
2.หักล้างไม่ได้ไม่ซีเรียส เราเสนอข้อดีของเราสิ มันเป็นเกมโต้วาที

ท่องหนังสือ ดีกว่าท่องเน็ตเยอะแยะ

อย่างแรง ไม่เปลื้องพลังงานไฟฟ้า เราใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่า

อย่างที่สอง หนังสือและห้องสมุดได้คัดกรองเนื้อหาคุณภาพไว้แล้ว มันช่วยลดปัญหาติดเกมงอมแงมและสื่ออนาจารบนเน็ตได้ดี พวกนี้เรื่องคัดกรองลำบากมาก

อย่างที่สาม หนังสือเราหยิบประเด็นในแง่งานศิลปะ มรดกทางปัญญาที่สามารถเก็บไว้ได้
สิ่งพวกนี้คอนเทนในเน็ตมันทำไม่ได้ พวกจารรึกโบราณ ลายแทง ภาพเขียนหรือภาพถ่าย การจะนำข้อมูลเข้าอินเตอเน็ตก็ต้องสแกน แต่หนังสือคือของจริงที่จับต้องได้

หนังสือเล่มเก่า ๆ บันทึกเล่มเก่า ๆ ไม่มีในอินเตอเน็ท มันเก่ามากจนเกินกว่าจะสแกนได้
ของแบบนี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า

อย่างที่สี่ เราอาจจะหยิบสถานที่ในการใช้งานขึ้นมาเล่น
เน็ตต้องอยู่ในสถานที่ไฟฟ้าเข้าถึง สัญญาณเข้าถึง
แต่หนังสือเราสามารถพกพาไปอ่านในสถานที่ ๆ ช่วยให้บรรยากาศและความสงบได้
ขึ้นป่าเขา หรืออ่านนวนิยายท่ามกลางธรรมชาติ

ซึ่งเน็ตไม่ได้ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการอ่านแบบนี้ได้ เพราะสัญญาณเน็ตมันเข้าไม่ถึง

คนฟังก็จะมีข้อมูลหักล้าง

กลยุทธ์ในการโต้วาที ถ้าไม่สามารถหักล้างข้อเสนอของเขาได้
การพรีเซนต์ข้อดีของเรา ทำให้มันแตกต่าง กินกันไม่ลง คนฟังก็ตัดสินใจได้ยากว่าเขาจะชนะ

บางทีเราอาจจะได้เปรียบ แค่นี้เอง ขำ ๆ นะ

0
555 20 ม.ค. 54 เวลา 17:41 น. 4

ท่องเน็ตมีความเสี่ยงที่จะได้รับข้อมูลผิดๆ กว่าท่องหนังสือเยอะ

อย่างเช่น พวกเว็บบอร์ดต่างๆ ที่มีการก็อบ FW บทความที่เขียน(มั่วๆ) มาลง(ชุ่ยๆ) ซึ่งผู้อ่าน(โง่ๆ)ก็มักจะเชื่อทันทีโดยไม่สนใจที่มา หรือความน่าเชื่อถือ

โทษที พอดีเครียด ใกล้สอบละ พิมพ์เอาสะใจ 555

0
erksnowy 20 ม.ค. 54 เวลา 17:47 น. 5

ไม่รู้นะว่าคนอื่นเป็นรึเปล่า แต่เรา ท่องเน็ตแล้วมันก็จะหลุดไปเว็บอื่นๆ อีก ตอนแรกว่าจะ 30 นาทีดันกลายเป็น 3 ชม.ซะได้นี่สิ 555+

0
sweet 20 ม.ค. 54 เวลา 18:21 น. 6

ว้าววว&nbsp เก่งกันทุกๆคนเลย&nbsp ของคุณทุกคนมากนะคะ&nbsp ใครมีแนวคิดดีๆ ที่ต่างจากเพื่อนนี้แล้ว ก็เสนอความคิดออกมาได้นะคะ&nbsp ขอปรบมือๆๆๆๆๆๆ

0
XDXD 20 ม.ค. 54 เวลา 21:02 น. 8

อินเตอร์เน็ตมันมีอะไรดิสแทรคเยอะมาก

ท่องๆอยู่เบื่อๆก็เฟสบุ้ก ฟังเพลง ดูหนัง คุยเอม
มันสะดวกมากเพียงแค่คลิกไม่กี่วิ
ไม่เป็นอันเรียนพอดี

ส่วนอ่านหนังสือถ้าอ่านอยู่เบื่อๆ
จะเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นมันก็เสียเวลา ไม่สะดวกเหมือนในคอม
กลายเป็นขี้เกียจทำกิจกรรมอื่น อ่านหนังสือต่อดีกว่า

ปล.รู้สึกว่าตรรกะตัวเองแถมาก

0
คนไม่เก่ง 21 ส.ค. 54 เวลา 11:51 น. 10

1.&nbsp เพื่อการเรียนรู้ ศึกษาด้วยตัวเอง ถ้าใครบอกว่า เฮ่ย ความรู้ไม่ได้อยู่ในตำรา! มันอยู่นอกตำราถมไป ก็ใช่ครับ แต่เท่าที่ผมอ่านจากประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยส่วนใหญ่ มีธาตุแท้ของการพยายามศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วย&nbsp แต่ผมไม่ปฏิเสธความรู้นอกตำรา เพราะมันมี&nbsp  จริงเช่นกันครับ2.&nbsp เพื่อช่วยการเพิ่มพูนความรู้&nbsp  อันนี้เห็นได้ชัดๆ คนที่มาทำงาน บางทีทำงานไม่ตรงกับสายอาชีพที่ตัวเองเรียนจบมา ถึงแม้ว่าตรงก็ยังต้องอัพเดทตัวเองให้ทันสมัย ผมว่าแทบจะถูกสาขาอาชีพเลยล่ะ&nbsp ถึงจะไม่เพิ่มพูนความรู้ ก็เพิ่มพูนมุมมอง&nbsp ทำให้เป็นคนใจกว้างขึ้น เช่น คนทำการเกษตร พออ่านนิตยสารการเกษตรก็จะต้องเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่&nbsp  แล้วก็อาจจะพบว่า เอ๊ะ มีแบบนั้นด้วยเหรอ?&nbsp เอาว่ะ เขาทำแบบนั้นกัน ประหยัดต้นทุน เพิ่มผลผลิต&nbsp 3.&nbsp เปลี่ยนทัศนคติและมุมมอง&nbsp  บ้างก็ว่า You are what you read,&nbsp Margaret Fuller กล่าวคำคมว่า&nbsp Today a reader, tomorrow a leader&nbsp (ร้านหนังสือบางแห่งติดแบนเนอร์คำนี้เพื่อจูงใจให้คนอ่านหนังสือ เหมือนวิทยาลัยบางแห่ง ขึ้นคัตเอาท์ ประโยคเด็ดของไอน์สไตน์ Imagination is more important than knowledge)&nbsp  เชื่อมั้ยครับ สำหรับบางคน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย&nbsp เช่น พอได้อ่าน ชีวจิต แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไป หรือบางคนอ่านเรื่องดีๆ จาก รีดเดอร์ ไตเจทส์ แล้วก็เกิดมุมมองใหม่ๆ&nbsp  คำถามคือ หนังสืออะไรที่มีอิทธิพลต่อคุณบ้างครับ? 4. เพื่อความบันเทิง หนีไปจากโลกปัจจุบัน&nbsp (escapism) มันมีกันอยู่ทุกคนละครับ อาการเบื่อโลก หรือความต้องการในหาความบันเทิงนี่&nbsp ผมชอบอ่านนิยายครับ&nbsp สมัยก่อน อ่านนิยายจีนกำลังภายใน ตอนหลังอ่านนิยายแปล กระทั่งอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น&nbsp แต่อย่าได้ดูถูกนิยายต่างๆเหล่านี้นะครับ เพราะจริงๆแล้วในความบันเทิง ก็มีสาระซ่อนอยู่ หรือบางทีแฝงวิชาการ ความรู้ไว้ด้วย&nbsp  ได้ทั้งความบันเทิง ได้ทั้งมุมมอง อ่านแล้วสนุก หลายๆเรื่องมีโครงสร้างเรื่องของอารมณ์ จิตสำนึก หรือซ่อนความเลวร้าย กิเลสของคน หลายๆ เรื่องอ้างอิงถึงงานวิชาการระดับสูงๆ ด้วย&nbsp  5. เพื่อค้นหาคามเป็นตัวของตัวเอง ศึกษาธรรมะ&nbsp เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า และดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่กระแสทุนนิยมไหลเชี่ยวกราก สังคมฟอนเฟะ คนรอบข้างไม่ได้ดั่งใจ&nbsp กระทั่งบางทีก็รู้สึกว่า ทำไม ใครต่อใครรอบตัวเรา ในชีวิตคนทำงานนี่มันช่างเห็นแก่ตัวกันนัก (อ้าวๆๆ มองโลกในแง่ร้ายซะงั้น) หรือสงสัยว่า ที่เราๆทำอยู่ทุกวันนี้ มันใช่ความสุขที่แท้ ตัวตนที่จริงของเราหรือไม่&nbsp ถ้าเป็นเช่นนี้ ลองหาหนังสือธรรมะมาอ่านครับ&nbsp จะได้มีโอกาสได้รู้จักตัวเอง หรือทบทวนตัวเองไปด้วย6. เพื่อให้ทันโลก&nbsp (อันนี้ผม copy เรียงความของเด็กๆมา)&nbsp แต่เด็กๆ มักจะบอกว่า ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ หรือฟังข่าวถึงจะทันโลก ---&nbsp โอเค สำหรับการเริ่มต้นที่จะโต ก็คงต้องแบบนั้นก่อน อ่านข่าว หัวเขียว หัวม่วง ไม่ว่ากัน แต่ก็น่าจะมีใครสักคนคอยสอนเด็กเหล่านั้น ให้มีวิจารณญาณในการเลือกเสพย์ข่าวด้วย เพราะข่าวพวกนั้นไม่ใช่ข่าวคุณภาพ การทันข่าวแบบนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิต ถามจริงๆ ข่าวฆ่ากันตายรายวัน ผัวเมียตบตีกัน&nbsp มันช่วยให้ทันโลกตรงไหนหว่า?? ผมว่าข่าวพวกนี้ เป็น บันเทิงรายวันมากกว่า&nbsp บันเทิงบนความเจ็บปวด บนความสูญเสียของคนอื่น&nbsp  แต่ถ้าหากจะทันโลกจริงๆ ก็ต้องศึกษาโลกด้วยความสุขุม ด้วยความเข้าใจจริงๆ&nbsp สุดท้าย อะไรเกิดขึ้น ก็บอกว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง เพราะเช่นนี้ จึงเป็นเช่นนั้น – ตถตา อ้าว กลายเป็นศาสนาไปเสียแล้ว&nbsp การจะศึกษาให้ทันโลกนี้ มันต้องศึกษาทั้งโลกีย์ และโลกุตระ จริงๆนะครับ ทางหนึ่งศึกษาความเป็นไปของชีวิต อีกทางหนึ่ง ศึกษาธรรม&nbsp  สองอย่างนี้ แต่อ่านหนังสืออาจจะไม่พอ แต่ต้องอ่าน ทำไมหนังสือถึงอยู่คู่โลกนี้ไปยืนยาว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไป สำหรับธุรกิจ หนังสือเป็นสินค้าที่สามารถผลิตได้ ต้นทุนไม่แพง ใครๆก็พิมพ์หนังสือได้ ดังนั้น หนังสือหลายสิบประเภทจึงมีให้เลือกอ่าน&nbsp สำหรับนักอ่าน เพราะหนังสือเป็นการลงทุนที่ไม่แพงเลย แถมพกพาไปไหนมาไหนก็ได้ (ถ้าไม่คิดว่า มันจะยับ)&nbsp เล่มขนาดพ็อคเก็ตบุ้ค ยิ่งสบายใหญ่&nbsp เราเป็นหัวหน้าฝ้าน นะ 555+

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เนื้อหาซ้ำ เคยโพสท์ไปแล้ว เพื่อความเป็นระเบียบกรุณาโพสท์กระทู้เพียงครั้งเดียว