Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นิทานพื้นบ้านจร้า!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
  เรื่องแรกๆ

ขอมดำดิน (สุโขทัย)

 

                ครั้งสมัยโบราณ เมืองลพบุรีมีชื่อว่าเมืองละโว้ในสมัยนั้นยังเป็นเมืองขึ้นของขอมอยู่

                เมืองละโว้ มีเจ้าเมืองปกครอง ชื่อว่านายคงเครา นายคงเครามีลูกชายชื่อนายร่วง

                ทุกๆปีนายคงเคราจะต้องส่งส่วยน้ำให้แก่เมืองขอมผู้เป็นนายมิได้ขาด โดยกระทำกันในตอนสิ้นปี อันนับเป็นการส่งเครื่องราชบรรณาการนอย่าหนึ่งให้กับเมืองผู้เป็นนาย

                น้ำที่จะส่งไปเมืองขอมนั้น เป็นน้ำที่อยู่ในทะเลชุบศรซึ่งอยู่ในเมืองละโว้นั่นเอง

                น้ำในทะเลชุบศร เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์ เจ้านายเมืองขอมจึงอยากได้เป็นนักหนา เมืองละโว้ตกเป็นเบี้ยล่างเขา จึงต้องเกณฑ์ประชาชนมาช่วยกันตักน้ำใส่โอ่งจำนวนมาก แล้วใช้เกวียนลากไปส่งถึงเมืองขอมเป็นประจำทุกปี

                ต่อมานายเคราเจ้าเมืองถึงแก่กรรม นายร่วง ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรได้ขึ้นครองสืบต่อมา

                นายร่วงเป็นคนมีศีลธรรม พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ทำให้เป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรออกไป สิ่งนั้นก็จะเป็นอย่างที่พูดหมด ประชาชนจึงพากันเรียกว่าพระร่วง

                เมื่อมีกำหนดการส่งส่วยน้ำเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ทางเมืองขอมก็ส่งคนมารับน้ำส่วยเหมือนเคย ฝ่ายพระร่วงเกิดความคิดว่า

                “การตักน้ำใส่โอ่งใส่ไหแล้วลากไปส่งยังเมืองขอมนั้น สร้างความลำบากแก่ประชาชนมิใช่น้อย ยกขึ้นยกลงก็หนัก ระหว่างทางขึ้นไปยังกระทบกันแตกอีกด้วย เสียน้ำเสียโอ่งและเสียแรงไปแต่ละปีมิใช่น้อยอย่ากระนั้นเลย เราจะสานกระออมใส่ดีกว่า”

                คิดดังนั้นแล้ว พระร่วงก็สั่งให้ประชาชนไปช่วยกันตัดไม้ไผ่มาสานกระออม (ลักษณะคล้ายกระบุงไม่มีคอ) เมื่อสานเสร็จแล้วก็เอาชันมายาให้ทั่ว เอาไปผึ่งแดดไว้ให้แห้งสนิท ลองนำมาตักน้ำ ปรากฏว่าใส่น้ำได้ไม่รั่ว จึงสั่งให้ประชาชนใช้กระออมตักน้ำ เพราะไม่หนักหนา หิ้วคนเดียวได้สบาย

                พอขนขึ้นเกวียนจนครบทุกเล่มแล้ว พระร่วงก็สั่งให้ขับเกวียนไปส่งถึงเมืองขอม โดยมีคนของขอมนำทางไป ครั้นขนน้ำลงหมดแล้ว ชาวละโว้ต่างก็พากันกลับ

                กษัตริย์ขอมเห็นกระออมใส่น้ำเป็นของแปลกจึงถามชาวขอมที่มากับขบวนเกวียน ได้ความว่าเป็นของวิเศษที่พระร่วงเจ้าเมืองละโว้ประดิษฐ์ขึ้น ก็นึกหวั่นเกรงว่า พระร่วงคนนี้มีความคิดเฉียบแหลม ถ้าขืนปล่อยไว้นาน อาจจะตั้งข้อแข็งเมืองขึ้นสักวัน ควรรีบหาทางกำจัดเสียดีกว่า แล้วประกาศหาชาวขอมผู้มีวิชาอาคม เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ฉลาดในการเอาตัวรอด แล้วส่งไปจับตัวพระร่วงมาเมืองขอมให้ได้

                ฝ่ายพระร่วง ได้ทราบข่าวว่า ทางเมืองขอมส่งคนฝีมือดีมาหมายจะจับตัวไป จึงปลอมตัวหนีไปทางภาคเหนือ เพราะถ้าขืนอยู่ก็จะต้องต่อสู้กัน แล้วประชาชนก็ต้องมาล้มตายไปเปล่าๆ สู้หนีไปดีกว่า ลำบากก็แค่คนเดียวถ้าตายก็ตายคนเดียว

                ชาวขอมผู้อาสาจับตัวพระร่วง ได้ลอบเข้าเมืองละโว้ พยายามหาข่าวจนทราบว่า พระร่วงหนีไปทางเหนือ จึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว

                พระร่วงไปถึงเมืองสุโขทัย ก็ได้ออกบวชเป็นพระภิกษุประพฤติดีปฏิบัติชอบ ทำกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัดเป็นประจำทุกวัน

                ฝ่ายขอมผู้ตามหาพระร่วง ไม่อยากให้ฝ่ายพระร่วงรู้ว่าตนกำลังตามจับจึงใช้คาถาอาคมดำดินไปโผล่ที่สุโขทัย เที่ยวตามหาพระร่วงในที่ต่างๆ

                วันหนึ่ง ขณะที่พระร่วงกวาดลานวัดอยู่ ชาวขอมไม่รู้ว่าเป็นพระร่วงได้เข้าไปถามว่า

                “พระคุณเจ้า! รู้จักนายร่วงไหมครับ?”

                พระร่วงตอบว่า

                “รู้จักอยู่เหมือนกัน โยมถามหาทำไมรึ?”

                ชาวขอมกล่าวโกหกว่า

                “ฉันเป็นคนไทยมาจากเมืองละโว้ อยากจะมาเป็นข้ารับใช้พระร่วงพ่อเมือง ได้ข่าวว่ามาบวชอยู่ขอท่านเมตตาพาฉันไปพบหน่อยเถิดครับ”

                พระร่วงมองดูชาวขอมก็นึกในใจว่า

                “ชายคนนี้อ้างว่าเป็นคนไทย แต่ไฉนพูดสำเนียงแปร่งๆไปทางขอมหรือว่าจะเป็นขอมปลอมมาจับตัวเรา” แล้วจึงกล่าวว่า

                “คอยอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวจะไปตามนายร่วงมาให้”

                ด้วยอำนาจวาจาสิทธิ์ พอสิ้นคำ ขอมก็ขยับเขยื้อนไม่ได้ แล้วกลายเป็นหินอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

                ภายหลังเมืองสุโขทัยว่างจากกษัตริย์ ประชาชนจึงขอร้องให้สึกออกมาปกครอง แล้วถวายพระนามให้ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์






เรื่องต่อไปจร้า^^ 

คนขี้เหล้า เล่นพนัน (เพชรบูรณ์)

 

                ชายคนหนึ่งเป็นนักเลงเหล้า และนักเลงการพนันคือชอบดื่มเหล้าและเล่นการพนันเป็นนักหนา พ่อแม่ดุด่าว่ากล่าวอย่างไรไม่เชื่อฟัง จึงเป็นคนไร้เสน่ห์ มีแต่เสนียด

                เสนียดอย่างที่ 1 ก็คือ การเป็นนักเลงเหล้า ชมชอบดื่มเสพของมึนเมาจนเป็นนิสัย

                เสนียดอย่างที่ 2 ก็คือ การเป็นนักเลงการพนัน ชมชอบการเสี่ยงโชค รังเกียจการทำงาน

                เสนียดอย่างที่ 3 ก็คือ การเป็นคนดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนของพ่อแม่ ในที่สุดก็จะเป็นคนดีไม่ได้ เพราะไม่ใฝ่ดี

                เมื่อมีเสนียดครบ 3 ประการนี้แล้ว ชายคนนี้จึงไม่มีใครอยากจะแต่งงานด้วย ผู้หญิงที่ไหนรู้กำพืดของเขาก็พากันเบือนหน้าหนี จนกระทั่งไม่มีใครอยากพูดกับเขา เพราะไม่อยากให้เป็นเสนียดจัญไรแก่ปากคอ

                แต่มีวันหนึ่ง ชายคนนั้นเดินไปได้ยินแม่ลูกครู่หนึ่งเขาคุยกัน

                แม่สอนลูกสาวว่า

                “อีหนูเอ๊ย การจะหาสามีน่ะ มันต้องพิจารณาใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ ผู้ชายดีๆ น่ะมีน้อย ส่วนผู้ชายถ่อยๆ น่ะมีมาก โบราณเขาสอนไว้ว่า จะหาสามีต้องคนที่มือสาก เพราะคนมือสากคือคนทำงานเก่ง มีความขยันขันแข็ง ส่วนมือนิ่มๆ อย่าไปเอา เพราะมันหยิบหย่งเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจำไว้นะ”

                ลูกสาวตอบรับว่า

                “จ้ะแม่! ถ้าฉันชอบใครฉันจะเลือกคนมือสากๆ”

                ขี้เมาได้ยินแล้ว รีบกลับบ้านทันที เดินยิ้มกริ่มไปพลางนุกในใจ

                “ฉันจะได้เมียก็คราวนี้แหละวะ.

                เข้าไปในบ้าน ก็จัดแจงหุงข้าวเหนียว กินข้าวมื้อเย็นอิ่มแล้วก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่ล้างมือ แล้วเดินออกจากบ้านไปเที่ยวสาว

                เขาไปพบสาวคนที่แม่สั่งสอนให้เลือกผู้ชายมือสากเข้าพอดี เมื่อคุยกันจนสนิทสนม คลายความเขินอายกันแล้ว

                ฝ่ายหญิงก็ขอจับมือเขา ปรากฏว่ามือสากเป็นไปตามตำราว่าไว้ จึงยอมรับเป็นแฟน แล้วเร่งให้ฝ่ายชายไปสู่ขอ

                พ่อแม่ฝ่ายชายดีใจเป็นนักหนา ที่ลูกชายของตนจะได้มีคู่ครองเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที จึงได้จัดการสู่ขอและแต่งงานกันในเวลาต่อมา

                อยู่กันมาได้ไม่นาน ฝ่ายชายก็ออกลายใช้สันดานเดิม ไม่ยอมทำการงานเอาแต่กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน เสียเงินเสียทองไม่ใช่น้อยๆ

                ภรรยาลองจับมือสามีดูอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ได้สากอย่างตอนแรก จึงรู้ว่าถูกหลอกลวงให้หลงแต่งงานด้วย จึงลองปรึกษากับพ่อแม่ของตน

                พ่อแม่ก็ไม่รุจะทำอย่างไรดี เพราะลูกสาวตกเป็นเมียของเขาไปแล้ว ยิ่งนานวัน เงินทองยิ่งร่อยหรอลงไปทุกทีๆ

                วันหนึ่ง ลูกเขยขี้เมาเห็นแม่ยายนั่งกุมน้ำขมับน้ำตาไหลนองสองข้างแก้ม จึงแกล้งถามขึ้นว่า

                “เป็นอะไรไปหรือแม่”

                แม่ยายตอบว่า

                “จะเป็นอะไรเสียอีกล่ะ”

                ลูกเขยกล่าวปลอบ

                “แม่จะไปทุกข์อะไร เงินเรามีตั้งสองไห 2 ไห ของแม่ไหหนึ่ง ของลูกไหหนึ่ง”

                แม่ยายตอบว่า

                “แม่กลัวว่า ไหของแม่น่ะ มันจะไหลไปตาไหของลุกหมดสิ แล้วครอบครัวของเราก็จะหมดสิ้นทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือแต่แม่มีทางออกไว้แล้ว”

                ลูกเขยถามต่อ

                “ทางออกของแม่เป็นอย่างไรหรือครับ?”

                “มันเป็นทางออกที่เฉียบขาด” แม่ยายบอก

                “บอกผมบ้างซิครับแม่” ลูกเขยอยากรู้

                “เอ็งอยากรู้จริงเรอะ”

                “อยากรู้จริงๆครับ”

                “ถ้าเอ็งดื่มเหล้าและเล่นการพนันอีกครั้งเดียว แม่จะฉุดหัวออกจากบ้าน และให้ไปแต่ตัวเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

นาฟั 25 ม.ค. 55 เวลา 20:47 น. 2
ทำไมไม่มีจังหวัดลพบุรีเลยอ่ะคะ เอามาได้ไหมอ่าคะ เอามาเยอะๆเลย ต้องใช้ทำงานค่า ช่วยหน่อยน้ะค้ะ ขอร้องล้ะ
0