T^T "ตาลอบ-ยายทอง" ปิดตำนานความรักเหนือกาลเวลา ( ต้นแบบเรื่อง HAPPY BIRTHDAY และ เพลง"คนไม่มีเวลา" )
ตั้งกระทู้ใหม่
ตำนานรัก "ตาลอบ-ยายทอง" ต้นแบบหนังรัก แฮปปี้เบิร์ธเดย์
อยากให้ทุกๆคนได้ดูคลิปเหล่านี้นะครับ
เรื่อง ราวความรักของชาย-หญิงคู่หนึ่ง ที่ถูกถ่ายทอดออกมาสู่สายตาประชาชนในรูปแบบภาพยนตร์รัก โรแมนติก-ดราม่า เรื่อง แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ฝีมือการกำกับของ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นำแสดงโดย “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” และ “แอม-ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของคนหลายๆคู่ และหนึ่งในนั้นคือ “ตาลอบ-ยายทอง” ณ เชียงคาน จังหวัดเลย
เรื่องราวของ “ตาลอบ” หรือ ชื่อจริงว่า อมร สีสุภเนตร ชายชราวัย 77 ปี (วันเกิดตามบัตรประชาชน 24 เมษายน 2476) ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ในอำเภอเชียงคาน กับ “ยายทอง” ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ที่ทั้งสองอยู่กันด้วยความรัก ความเข้าใจ และคำสัญญาที่จะรักและดูแลกันตลอดไปจนวันตาย
แต่ชีวิตคู่ของสองตายายนั้น กลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนคู่แต่งงานอื่นๆ เพราะเมื่อในปี 2538 ยายทองล้มป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ และทรุดหนักจนกลายเป็นอัมพาต… 6 ปีต่อมา “ยายทอง” ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถพูดคุยกับ “ตาลอบ” ได้อีกต่อไป หลายครั้งที่ “ยายทอง” ร้องไห้ และได้เพียงแค่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า ซึ่ง “ตาลอบ” ก็รับรู้ และอยู่เคียงข้าง “ยายทอง” มาตลอด แม้ “คำพูด” จะไม่สามารถเป็นตัวกลางในการสื่อสารกันระหว่างสองสามีภรรยาได้ แต่ “ใจ” ของทั้งสองคนก็ยังสามารถสื่อถึงกันได้ ไม่ต่างกับตอนที่พวกเขายังพูดคุยกันได้ปกติ
แต่ชีวิตคู่ของสองตายายนั้น กลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนคู่แต่งงานอื่นๆ เพราะเมื่อในปี 2538 ยายทองล้มป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ และทรุดหนักจนกลายเป็นอัมพาต… 6 ปีต่อมา “ยายทอง” ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถพูดคุยกับ “ตาลอบ” ได้อีกต่อไป หลายครั้งที่ “ยายทอง” ร้องไห้ และได้เพียงแค่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า ซึ่ง “ตาลอบ” ก็รับรู้ และอยู่เคียงข้าง “ยายทอง” มาตลอด แม้ “คำพูด” จะไม่สามารถเป็นตัวกลางในการสื่อสารกันระหว่างสองสามีภรรยาได้ แต่ “ใจ” ของทั้งสองคนก็ยังสามารถสื่อถึงกันได้ ไม่ต่างกับตอนที่พวกเขายังพูดคุยกันได้ปกติ
ทุก วัน “ตาลอบ” จะปั่นจักรยานที่ตนเองประดิษฐ์ขึ้น พร้อมพ่วงเตียงติดล้อที่ตาลอบดัดแปลงขึ้นมาพา “ยายทอง” ออกไปเที่ยวกับเขาตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรำลึกถึงความหลังเมื่อ 50 ปีก่อน และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า คำมั่นสัญญานั้นยังไม่ลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ด้วยพละกำลังและวัยที่ร่วงโรย ทำให้ตาลอบไม่สามารถปั่นจักรยานพายายทองไปไหนต่อไหนได้อีก เพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดระหว่างทาง
“ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยาย จนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลย เพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่า ยายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกัน ไปข้างหนึ่ง” คำพูดจากใจของ “ตาลอบ” ผู้ไม่เคยลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงผู้เป็นที่รัก
“ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยาย จนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลย เพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่า ยายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกัน ไปข้างหนึ่ง” คำพูดจากใจของ “ตาลอบ” ผู้ไม่เคยลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงผู้เป็นที่รัก
ความ รักมั่น อาจเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในสังคมปัจจุบันนี้ แต่ “ตาลอบ” ก็ยังเป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ความรักแท้ และจริงใจยังมีอยู่จริง เพราะทุกวันนี้ความรักของ “ตาลอบ” ยังคงไม่ต่างไปจากวันเดิม ๆ ที่เคยมีให้ “ยายทอง” แม้ว่า “ยายทอง” จะป่วยหนักเพียงใด “ตาลอบ” ยังดูแล “ยายทอง” อย่างเต็มที่ และเฝ้าหวังว่าสักวันหนึ่ง “ปาฎิหาริย์” จะบังเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขาบ้าง (ข้อมูลจาก Kapook)
แต่ในวันนี้ ความหวังของ “ตาลอบ” ไม่อาจเป็นจริงได้อีกแล้ว เมื่อ “ยายทอง” จากไปอย่างสงบด้วยวัย 71 ปี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน 2553 เวลา 11.00 น. โดยศพจะตั้งอยู่ที่ วัดศรีพนมมาศ อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งมีกำหนดฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553
แต่ในวันนี้ ความหวังของ “ตาลอบ” ไม่อาจเป็นจริงได้อีกแล้ว เมื่อ “ยายทอง” จากไปอย่างสงบด้วยวัย 71 ปี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน 2553 เวลา 11.00 น. โดยศพจะตั้งอยู่ที่ วัดศรีพนมมาศ อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งมีกำหนดฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553
50 ปี แห่งความรักของ 'ตาลอบ' กับ 'ยายทอง' อดีตสาวงามประจำหมู่บ้าน เมื่อปี 2538 ยายทองเริ่มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ และกลายเป็นอัมพาตใน 6 ปีต่อมา นับเเต่นั้นยายไม่สามารถพูดอะไรกับตาได้อีก ".....ยายเค้าร้องไห้ เพราะอยากจะพูดกับเรา เเต่พูดไม่ได้ เค้าบอกรักเราด้วยการร้องไห้ พอตาเห็นหรือได้ยินเสียง ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ตาก็จะเดินไปพูดกับเค้าหรือส่งเสียงตอบกลับไป ตาจะบอกกับเค้าว่า .. อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้เเล้ว .. ตาอยากจะมีชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญาว่าจะดูเเลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ทุกวันนี้ตามีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้น เเละพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่เเบบมีหวัง เพราะความหวังนี่เเหละ ทำให้เรามีกำลังใจในการดูเเลยายต่อไป จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง....." รักแท้ในโลกนี้ยังมีอยู่จริง ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราหรือเปล่าก็ตาม
เรื่องของ ตาลอบกับยายทอง เคยออกรายการคนค้นคน ตอน คำมั่นสัญญา ครับ สามารถไปติดตามชมเพิ่มเติมได้
ขอฝากกระทู้ด้วยนะครับ
รายการครัวกากๆ โดย เชฟหมี
เรื่องของ ตาลอบกับยายทอง เคยออกรายการคนค้นคน ตอน คำมั่นสัญญา ครับ สามารถไปติดตามชมเพิ่มเติมได้
ขอฝากกระทู้ด้วยนะครับ
รายการครัวกากๆ โดย เชฟหมี
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 มีนาคม 2554 / 21:20
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 19 มีนาคม 2554 / 22:23
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 19 มีนาคม 2554 / 22:43
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 15:37
แก้ไขครั้งที่ 5 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 15:38
แก้ไขครั้งที่ 6 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 18:02
แก้ไขครั้งที่ 7 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 19:22
แก้ไขครั้งที่ 8 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 19:35
แก้ไขครั้งที่ 9 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 20:20
แก้ไขครั้งที่ 10 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 20:43
แก้ไขครั้งที่ 11 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 21:07
แก้ไขครั้งที่ 12 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 21:40
แก้ไขครั้งที่ 13 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 / 23:39
แก้ไขครั้งที่ 14 เมื่อ 22 มีนาคม 2554 / 08:59
แก้ไขครั้งที่ 15 เมื่อ 22 มีนาคม 2554 / 17:28
แก้ไขครั้งที่ 16 เมื่อ 23 มีนาคม 2554 / 14:16
165 ความคิดเห็น
ซึ้งจริงๆครับ  น้ำตาแทบไหลเลย
สงสารคุณตาคุณยายจังเลย
นี่แหละครับความรัก ^^
เค้าอยู่เป็นกำลังใจของกันและกัน ถึงแม้พูดไม่ได้ แต่ก็รับรู้ได้
จะมีสักกี่คนกันที่จะไม่ทิ้งกันแบบนี้
PS. ...รักเธออ...ที่ร๊ากกกกกกกก...>W<
นี่แหละค่ะ ความรักอันบริสุทธิ์ในอุดมคติ  เฮ้อสงสารพวกท่านจังเลย
ไอเรารึก็อยากได้คนมารักแบบนี้บ้างจัง
ไม่รู้จะพูดอะไรดีก็น้ำตามันจะไหลท่าเดียว
ยิ่งเปิดเพลงฟังไปดูรูปไปด้วยนี่น้ำตาไหลเลย
ซึ้งจังง
เราร้องไห้เลยอะ
ความรักนี่นะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ไม่ว่าจะเกิดเป็นใครๆๆมีเงินทองมากมายล้นฟ้าหรือไม่…”รักแท้”ไม่ได้เกิดกับ ทุกๆๆคน และไม่ใช่ทุกคนจะได้เจอ”รักแท้”เมื่อเจอคนที่ใช่และเราก็ใช่สำหรับเขาดูแล และใส่ใจกันให้ดีๆๆนะ
PS. แ ป้ ง รั ก โ ล แ ก น
TT________________TT แง
แง้ T0T จขกท.อ่ะ ทำเราร้องไห้พรากๆเลยนะ T^T
ร้องแล้วยังสะอื้นอีกแน่ะ T^T
น่าสงสารตา-ยายสองคนนี้กัน
เราเชื่อว่า แม้ยายทองจะจากไปแล้ว
ตาลอบ ก็ยังรักยายอยู่ ตราบชั่วนิรันดร์...
PS. ความรักของฉันมีไว้ทำไม ... มีไว้เพื่อให้เธอ
โฮๆๆๆๆๆ
PS. ทุกอย่างไม่ได้เป้นอย่างที่เห็นเสมอ
รักแท้ ที่ไม่ทอดทิ้งกัน
ตาลอบและยายทองคือ
บุคคลตัวอย่างด้านความรักนะค่ะ^^
PS. ขอบคุณทุกท่านค่ะ
5555
นี่สิ
"รักแท้"
แง้ ~
ซึ้งงงง
โคตรซึ้งจังงงง T______T ฮื่อๆ
PS. ไม่มี ป.ล.
เป็นความรักที่ทุกคนหวังว่าเราจะเจอ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?