ทำไมไม่สบายต้องให้น้ำเกลือ
ตั้งกระทู้ใหม่
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ
แต่เมื่อผู้ป่วยเสียน้ำมากกว่าปกติ เช่น ท้องเดิน อาเจียน เหงื่อออกมาก ไข้สูง เสียเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น แพยท์จึงต้องให้น้ำเข้าไปทดแทน โดยให้น้ำเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แต่เนื่องจากน้ำกับเลือดมีความเข้มข้นต่างกัน จึงเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อให้มีความเข้มข้นเท่ากับเลือด นอกจากนั้นน้ำเกลือยังช่วยเปิดเส้นเลือดไว้ เพื่อให้เลือดหมุนเวียน จนยาที่ผสมอยู่สามารถไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดดำได้อย่างราบรื่น
น้ำเกลือจึงไม่ใช่ทั้งยาวิเศษ และสัญญาณอันตรายอะไรเลย เป็นขั้นตอนที่มีเหตุผลของการฟื้นฟูร่างกายของเราเท่านั้นเองครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)
6 ความคิดเห็น
ทำให้ไม่เกิดการออสโมซิส
ซึ่งทำให้เซลล์ในร่างกายคงรูป
ไม่เต่งหรือเ่ยวไปจ้ะ =D
(ตามที่้เรียนมาเหมือนจขกท.แหละ : )
PS. รัก รัก รัก รัก [เดี๋ยวก็อกหัก มั้ง ]
แต่การเลือกชนิดของน้ำเกลือก็มีความสำคัญเช่นกัน
จะต้องเลือกให้เหมาะกับ critiria ของคนไข้
เช่น น้ำเกลือที่มี  Dextroseผสมอยู่ ตัวอย่าง 5% Dextrose in Normal saline
ก็ไม่ควรให้กับคนไข้ที่กำลังมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง(Hyperglycemia)
เพราะ Dextrose คือน้ำตาลหากให้ในคนไข้รายดังกล่าว
อาจทำให้ภาวะ hyperglycemia ยิ่งแย่ลง
ไปหาหมอมา หมอบอกว่าให้งดของเค็ม
แล้วทำไมหมอดันให้น้ำเกลือว้าาา ...
น้ำเกลือ / Saline
ชนิดของน้ำเกลือ ที่ใช้บ่อยได้แก่
1. นอร์มัลซาไลน์ (Normal saline solution/NSS) หมายถึง น้ำเกลือเกลือธรรมดาที่มีความเข็มข้น 0.9% ซึ่งเท่ากับกับความเข้มข้นของเกลือในกระแสเลือดของคนปกติ มีอย่างขนาด 500 มล. และ 1,000 มล.
2. 5% เดกซ์โทรส ( 5% Dextrose in water หรือ 5%D/W) หมายถึงน้ำตาลเดกซ์โทรสที่มีความเข้นข้น 5% ไม่มีเกลือแร่ผสม มีอย่างขนาด 500 มล. และ 1,000 มล.
3. 5% เดกซ์โทรสในนอร์มัลซาไลน์ (5% Dextrose in NSS หรือ 5% D/NSS) หมายถึง น้ำตาลเดกซ์โทรสเข้มข้น 5% ผสมกับน้ำเกลือธรรมดา
4. 5% เดกซ์โทรสใน 1/3 นอร์มัลซาไลน์ (5% Dextrose in 1/3 NSS) หมายถึง น้ำตาลเดกซ์โทรสเข้มข้น 5 % ผสมกับน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.3% (เข้มข้นเพียง 1/3 ของน้ำเกลือธรรมดา) มีอย่างขนาด 500 มล. และ 1,000 มล.
ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดน้ำหรือช็อก เมื่อให้น้ำเกลือแล้วมีอาการดังต่อไปนี้ แสดงว่าอาการดีขึ้น
1. มีความรู้สึกตัวดีขึ้น พูดคุยได้ดีขึ้น หน้าตาดูอิ่มขึ้น ผิวหนังเต่งตึงขึ้น หอบน้อยลง และกระสับกระส่ายน้อยลง
2. ความดันเลือดที่เคยตก เริ่มกลับคืนสู่ระดับปกติ
3. ชีพจรที่เคยเต้นเบาและเร็ว กลับเต้นแรงขึ้น และช้าลง
4. มีปัสสาวะออกมากขึ้น โดยให้ผู้ป่วยปัสสาวะลงกระโถน หรือขวด แล้วตวงดู จะพบว่าปัสสาวะออกอย่างน้อย 1 มล.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ต่อชั่วโมง เช่น ผู้ป่วยหนัก 30 กก. ใน 1 ชั่วโมง ควรมีปัสสาวะออกอย่างน้อย 30 มล.
น้ำเกลือไม่ใช่ยาบำรุง ยาเพิ่มเลือด หรือยาเพิ่มแรง ควรใช้เมื่อยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
PS. Can't wait to be with you....Just want you here...next to me...
ให้น้ำเกลือแล้วตัวจะบวมภายในวันนั้นเลยหรือเปล่าค๊ะ
อยากได้ วิธีคำนวณหยดน้ำเกลือ คร๊ เช่น 1000 cc ให้หมดภายใน 10 ช.ม คำนวณยังไง คร๊
PS. หวัดดีทุกคนจ้าาาาาาาาาาาา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?