Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

10ลำดับราชวงค์ที่รํ่ารวยที่สุด[ไม่น่าเชื่อ ประเทศไทยติดลำดับด้วย]

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 ลำดับที่ 10.

Sultan Qaboos bin said of Oman



มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970

หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ

สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน

ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ 


ลำดับที่ 9.

Princes Albert II of Monaco



เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียว

ที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาว

ของพระองค์เข้าเรียน คอร์สติวเข้มภาษาฝรั่งเศส

พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ

ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์

และหุ้นส่วนกิจการ คาสิโนในโมนาโก

พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ

(ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก)

โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล

ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้

สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร 


ลำดับที่ 8.

King Mohammed VI of Morocco



กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ แห่งประเทศโมร็อกโก

ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ พันล้านเหรียญฯ

เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต

ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟตเกษตรกรรม

และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท

Morocco's largest public company, ONA. 



ลำดับที่ 7.

Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani of Qatar



ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่

มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

(ข้อมูลหาได้เท่านี้ครับ) 


ลำดับที่ 6.

Prince Hans-Adam II von und zu Liechtenstein

of Liechtenstein



เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ แห่งลิกเตนสไตน์

มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์

(บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)

ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว

ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า 
ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน

จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่า

พระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้อง

ในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT 


ลำดับที่ 5.

Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum of Dubai



ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ

ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ

เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding

ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่

และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้

กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้

ได้ใช้เงิน พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น

ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ

เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York

และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย


ลำดับที่ 4.

Sultan Haji Hassanal Bolkiah of Brunei



สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ

ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ

ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ)

ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน

เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง

โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด

ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี 


ลำดับที่ 3.

King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia



กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ

ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ

รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน

ที่ซาอุดีอาระเบีย มีส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน

ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์

แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า

แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040

หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้ 


ลำดับที่ 2.

Sheikh Khalifa bin Zayed Al Nahyan of

the United Arab Emirates



ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี

(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ

23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์

เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน

สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน

ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ

เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank 


และมาถึงลำดับที่

ซึ่งเป็นอีก 1ราชวงศ์จากเอเชีย นั่นก็คือ....

ลำดับที่ 1.

King Bhumibol Adulyadej of Thailand


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

แห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุด

ของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ 

โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้าน

เหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน

บาท: 34 ดอลลาร์)

โดย พระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใส

ที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง


 


PS.  สักวัน..จามรีจะกระโดดเชือก !!

แสดงความคิดเห็น

กระทู้นี้ถูกปิดการแสดงความคิดเห็น

44 ความคิดเห็น

『copy』 24 เม.ย. 54 เวลา 21:30 น. 3

 ในหลวงรวยจัง T^T

ประเทศไทยติดลำดับที่32 ประเทศที่รวยที่สุดด้วย
เหตุนี้ นี้เอง ครั้งก่อนเลยมีการเผารถเมย์กับยาง เผาห้างด้วย อ๊ะล้อเล่น =P

PS.  สักวัน..จามรีจะกระโดดเชือก !!
0
DJ.คิว 24 เม.ย. 54 เวลา 21:32 น. 4
ขอเบรคไว้ก่อนนะครับ

ข้อมูลตรงนี้ เป็นข้อมูลเท็จ

เพราะดูจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ซึ่งสำนักงานนี้ เป็นสมบัติของแผ่นดินครับ ไม่ใช่สมบัติส่วนพระองค์

ในขณะที่ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ อยู่ในความดูแลของ

สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีอากร


http://www.facebook.com/topic.php?uid=117003101660457&topic=48
0
DJ.คิว 24 เม.ย. 54 เวลา 21:33 น. 5
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (อังกฤษ: Crown Property Bureau; ตัวย่อ: CPB) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 เดิมมีฐานะเป็นหน่วยงานราชการ สังกัดกระทรวงการคลัง และได้ยกฐานะขึ้นเป็นนิติบุคคลเมื่อปี พ.ศ. 2491... ดูเพิ่มเติม มีหน้าที่ดูแลรักษาและบริหารทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยกระทรวงการคลัง

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรีที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ เช่น เงินจากการแต่งสำเภาค้าขายต่างประเทศของรัชกาลที่ 3 หรือที่เรียกว่า "เงินถุงแดง" ซึ่งตกทอดมาถึงรัชกาลที่ 5 และใช้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศส หลังวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ประเทศสยามรักษาเอกราชไว้ได้ หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ที่ก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6
ต่อมาภายหลังการปฏิวัติปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 เนื่องจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรีที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ เพื่อความเหมาะสมจึงมีการออกกฎหมายกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 และมีการแก้ไขปรับปรุงมาจนถึงปัจจุบัน
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ดูแลโดยกระทรวงการคลัง ได้รับการยกเว้นภาษีอากรเช่นเดียวกับทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479

ในขณะที่ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ในความดูแลของ สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีอากร

ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๙๑ ได้บัญญัติไว้ว่า


“ทรัพย์สินส่วนพระองค์ หมายความว่า ทรัพย์สินที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่ก่อนแล้วก่อนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ หรือทรัพย์สินที่รัฐทูลเกล้าฯ ถวาย หรือทรัพย์สินที่ทรงได้มาไม่ว่าในทางใดหรือเวลาใด นอกจากที่ทรงได้มาในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งนี... ดูเพิ่มเติม้ รวมทั้งดอกผลที่เกิดจากบรรดาทรัพย์สินเช่นว่านั้นด้วย”


ในรัชกาลปัจจุบัน ได้แยกทรัพย์สินส่วนพระองค์ออกจากสำนักงานพระคลังข้างที่ และตั้งสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ขึ้น โดยมี “ผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ เป็นผู้ดูแลรักษาและจัดหาผลประโยชน์ทรัพย์สินส่วนพระองค์ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นได้กำหนดว่าการดูแลรักษาและการจัดหาผลประโยชน์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย” ส่วนผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้น ต้องเป็นผู้ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ ในกรณีทั้งปวงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระองค์ห้ามมิให้ระบุพระปรมาภิไธย หรือข้อความใดๆ อันแสดงหรืออนุมานได้ว่า พระมหากษัตริย์เป็นคู่กรณีหรือคู่ความ ให้ระบุเพียงชื่อผู้ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งแล้วต่อท้ายด้วยตำแหน่ง ผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์” เท่านั้น
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ หมายความว่า ทรัพย์สินที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ก่อนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ หรือทรัพย์สินที่รัฐทูลเกล้าฯ ถวาย หรือทรัพย์สินที่ทรงได้มาไม่ว่าในทางใดและเวลาใด นอกจากที่ทรงได้มาในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ รวมทั้งดอกผลที่เกิดจากบรรดาทรัพย์สินเช่นว่านั้นด้วย


... ดูเพิ่มเติม
ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ซึ่งใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่าพระราชวัง

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ นอกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวแล้ว”

ในส่วนของ “ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” นั้นให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง

เพราะฉะนั้นที่ นิตยาสาร Forbes นำมูลค่า จาก สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปจัดอันดับ ว่าพระองค์ทรงเป็นKingที่รวยที่สุดในโลกนั้น ถูกต้องแล้วหรือครับ

ปล. Forbesจัดอันดับในช่วงปี51 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการโจมตีสถาบันอย่างมากมายและรุนแรง ด้วยยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของทักษิณ คำถามคือ Forbes ตกเป็นเครื่องมือของ ทักษิณและLobbyistที่ทักษิณจ้างหรือไม่???

แต่ที่แน่ๆ เสื้อแดงทั้งหลายตกเป็นเครื่องมือของทักษิณและเหล่าบรรดาคอมมิวนิสต์หลงยุคแน่นอนครับ!!!!!!!!!

คือถ้าอยากได้รับความช่วยเหลืออะไร ไม่ว่าจะใครที่เป็นคนไทยในประเทศนี้ สามารถชงเรื่องผ่านตัวแทนประชาชนได้มากมาย ไม่ว่าจะ ผ่านรัฐสภา ผ่านองค์กรอิสระ ฯลฯซึ่งทุกคนเป็นตัวแทนของประชาชน ยื่นเรื่องจะขอความช่วยเหลือโครงการนั้นๆๆๆ
ผมก็งงว่าประชาชนไม่มีส่วนร่วมตรงไหน ถ้าประชาชนไม่ยืนเรื่องแล้วจะมีส่วนร่วมยังไง รัฐสภาตัวแทนประชาชนก็มี ทุกคนควรใช้สิทธิ์อย่างที่คุณพยายามใช้อยู่ ผ่านตัวแทนประชาชนเพื่อจะได้มีส่วนร่วม

แต่ยังไงสุดท้ายแล้ว ผลประโยชน์มันก็ตกเป็นของแผ่นดิน และประชาชนอยู่ดี ทั้งที่มีการขอและไม่ขอ
0
DJ.คิว 24 เม.ย. 54 เวลา 21:35 น. 6
ข้อมูลจาก http://www.zone-it.com/115760

ถึง เพื่อนชาวไทย ที่รักในหลวง ได้โปรดอย่าได้ FORWARD จดหมายเวียน ที่ลบหลู่ให้ร้ายในหลวง (FORTUNE magazine ลำดับกษัตริย์ ที่รวยที่สุดในโลก) ต่อไปอีก เพราะนอกจากจะเข้าข่ายร่วมกระทำการหมิ่นและให้ร้ายต่อในหลวงของเรา แล้วยังร่วมกล่าวหาอย่างเป็นเท็จกับพระองค์ท่านอีกด้วย โดยพระองค์ท่านเองไม่สามารถออกมาชี้แจงหรือโต้ตอบอย่างใดได้เลย

ท่าน ทราบไหมว่า วังที่ในหลวงพระทับที่สวนจิตรนั้น เป็นบ้านที่เล็กกว่าบ้านของเศรษฐีไทยหลายพันคน และเล็กกว่าแม้กระทั่งบ้านของอดีต รมต. หลายร้อยคน วังสวนจิตรลดาถึงแม้จะมีบริเวณใหญ่ แต่ส่วนที่เป็นที่ประทับมีบริเวณเล็กมาก ที่ดินส่วนใหญ่เป็น โรงเรียน โรงงานทดลองทำปุ๋ย เลี้ยงวัว ทดลองปลูกข้าว บุคคลทั่วไปก็เข้าไป รร.จิตรลดา ได้โดยขอแลกบัตร ได้ทุกคน จากบริเวณโรงเรียน ก็มองเห็นอาคารที่ประทับได้ห่างออกไปไม่ถึง 100 เมตร ใครอยากจะเห็นด้วยตาตนเองก็เข้าไปดูได้สะดวกง่ายๆ

ผมเห็นว่า พระองค์ท่านกินอยู่แบบคนไทยชั้นกลางทั่วไป ไม่ใช่แบบเศรษฐีไทยอย่างแน่นอน คนซ่อมรองเท้าของพระองค์ท่าน ได้เล่าให้พวกเราได้รับทราบว่า ท่านจะส่งรองเท้าเก่าท่านมาซ่อมตลอดจนซ่อมไม่ไหว รองพระบาทเก่าคู่นั้นช่างยังเก็บไว้ให้เราไปดูได้ สมาคมทันตแพทย์ไทยไปเข้าเฝ้าขอพระราชทานหลอดยาสีฟันเก่าที่ทรงใช้ยาสีฟันได้ จนหยดสุดท้าย โดยรีดจนหลอดแบนเป็นกระดาษ ไปขอดูที่สมาคมได้

เกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามาก ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรย์ ที่ฝรั่งไปเอามูลค่าของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ธนาคารไทยพานิชย์ นั้นมารวมว่าเป็นทรัพย์สินของในหลวงด้วยนั้น ไม่ใช่ครับ ที่เป็นของพระองค์ท่านส่วนพระองค์ มีครับแต่ไม่มาก เรียกว่า ทรัพย์สินส่วนพระองค์ จะต้องเสียภาษีอากรภายใต้กฏหมาย เหมือนประชาชนทั่วไป ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์เดิม ส่วนที่ถูกยึดมาเป็นของรัฐหลังปฎิวัติ 2475 นั้นตกเป็นของรัฐทั้งหมด เห็นได้ว่าทรัพย์สินส่วนนี้จึงไม่ต้องเสียภาษีเหมือนส่วนที่เรียกว่า ทรัพย์สินส่วนพระองค์

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์ จัดตั้งขึ้น โดยรัฐบาลยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 ให้ รมต.คลังของรัฐบาลเป็นประธานควบคุมดูแล ที่จริงก็คือทรัพย์สมบัติของราชวงค์จักรีเดิมถูกยึดมาเป็นของกลางเป็นของ รัฐฯหมดแล้ว หลังจากได้ยึดอำนาจจากระบบปกครองโดยกษัตริย์ มาเป็นโดยรัฐบาลใดๆที่ชนะการเลือกตั้งก็จะได้สมบัติที่ยึดมาทั้งหมดนี้ไป ดูแล ที่ดินของราชวงค์จำนวนมากก็ถูกยึดมาเรียกว่า ที่ดินราชพัสดุ กระทรวงการคลังดูแล ธนาคารออมสินธนาคารที่ ร.6 ทรงตั้งด้วยเงินส่วนพระองค์เริ่มต้นเอง ปัจจุบันมีเงินเพิ่มพูนเป็นแสนล้านก็กลายเป็นธนาคารของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้ระเบียบที่ ร. 6 ท่านวางไว้เดิมให้เสนาบดีพระคลัง เป็นคนดูแลปัจจุบัน รมต.คลังเป็นคนดูแลเอง ตั้งกรรมการได้เองทั้งคณะ รัฐบาลจึงเอาเงินไปใช้ได้สะดวกมาก พระราชวงค์ไม่มีสิทธิ์ใดๆในธนาคารเลย

ผมเป็นคนไทยธรรมดา มิได้เกี่ยวข้องเป็นราชนิกูลแต่อย่างใด มีเชื้อสายบรรพบุรุษเป็นมอญ ลาว จีน มีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น แต่ก็ได้เกิดมาในประเทศไทยที่มีความสุขและมีกษัตริย์ที่ดี ผมจึงรักในหลวงมาก การใส่ร้ายพระองค์ท่านต่างๆในขณะนี้ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพระองค์ท่านเลย และเริ่มมีคนหลงไหลและเชื่อคำให้ร้ายต่างๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงมีอยู่ พิสูจน์ได้ใครยังไม่เห็นจริงก็ออกมาโต้ได้อย่าเชื่อโดยไม่พิสูจน์ก่อน

ขอ แสดงความนับถือ
รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค
0
Nuanias 24 เม.ย. 54 เวลา 22:42 น. 7

^
^
^

จาก คห. ข้างบน ถึงอ่านแล้วจะงงนิดๆก็เหอะ


แต่แปลประมาณว่าไม่อยากให้พวกเรามองว่าในหลวง

เป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เพราะทรัพสินเหล่านั้นเป็นทรัพสินของแผ่นดิน

พระองค์ทรงใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และสมถะที่สุด

การกล่าวอ่างของนิตยสาร Forbes เป็นการดิสเครดิตของท่าน

อาจจะด้วยจุดประสงค์ใดก็แล้วแต่ หรืออาจมีคนบางกลุ่มอยู่เบื้องหลัง
(EX ทำให้ประชาชนและต่างชาติ เกิดความแคลงใจต่อที่มาของทรัพสิน ความโปรงใส หรือทำให้คนเกิดความรู้สึกแบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนจน เป็นต้น)

ซึงในหลวงจะไม่มีโอกาศออกมาชี้แจงหรือตอบโต้ได้เลย

ดังนั้น
การ FORWARD จดหมายเวียน ที่ลบหลู่ให้ร้ายในหลวง (FORTUNE magazine ลำดับกษัตริย์ ที่รวยที่สุดในโลก)จึงเป็นการเข้าข่ายร่วมกระทำการหมิ่นและให้ร้ายต่อในหลวงของเรา แล้วยังร่วมกล่าวหาอย่างเป็นเท็จกับพระองค์ท่านอีกด้วย






ประมาณนี้ป่ะ ?

PS.  So many people all around the world.. Tell me where do I find someone like you girl
0
แมวมาซุ่ม 24 เม.ย. 54 เวลา 23:02 น. 10

รักใครขึ้นมาแล้วมารู้ทีหลังว่าฐานะดีจะให้เลิกรักคงทำไม่ได้...แล้วบอกต่อจะผิดไรหรือ

0
Juliette'★ 24 เม.ย. 54 เวลา 23:18 น. 12
 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ;')


PS.  " กระ แส หั ด ล ด ๆ กั น บ้ า ง น ะจ๊ ะ ; ) "
0
PEET Noppharat 24 เม.ย. 54 เวลา 23:23 น. 13

คห.10 มันก็โดนว่าแน่นอนคับ พูดไม่ถูกหนิคับ

มันสมบัติแผ่นดิน่ะคับ แล้วไปว่าท่านทำไม

รักในหลวง
0
รักในหลวง 25 เม.ย. 54 เวลา 01:02 น. 15

สงสัยคห.10ยังเด็กอยู่เลยไม่รู้ว่าที่ผ่านมาในหลวงทรงช่วยเหลือราษฎรมามากแค่ไหน
อ่านความเห็นคุณแล้วอยากจะร้องไห้
ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของคนเพียงคนเดียวในประเทศ
อยากจะถามซักคำว่่าที่ประเทศเราอยู่ได้มาจนทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะมีในหลวงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจหรอกหรือ?

แล้ววันหลังเวลาจะแสดงความคิดเห็น คุณน่าจะอ่านด้วยว่ามันจริงเท็จยังไง
เกิดเป็นคนมีสติสัมปชัญญะ อ่านออกเขียนได้ วิเคราะห์ได้ .. หรือว่าคุณไม่ใช่?

0
Anialice 25 เม.ย. 54 เวลา 01:09 น. 16

คห 10. ไม่น่าเกิดมาเป็นคนไทยเลย&nbsp เปลืองเนื้อที่แผ่นดีให้คนอย่างคุณซุกหัวอยู่!!!!

0
เอ็นมะ ไอ 25 เม.ย. 54 เวลา 01:40 น. 17

อาจารย์ เราบอกว่า ในหลวง ก็เป็นข้าราชการ ได้เงินเดือนเหมือนประชาชนทั่วไป หักภาษีด้วย แต่แค่ไม่ได้เปิดเผยว่ารายได้เท่าไร  ท่านทรงงานหนัก จนอายุเท่านี้แล้ว ถ้าเป็นข้าราชกาล คงปลดเกษียณ ไปแล้ว แต่ท่านก็ยังทรงงานอยู่ ผมซึ้งในน้ำใจของพระองค์มาก ถึงผมจะเกิดไม่ทันเห็นพระองค์ทรงงาน แต่สารคดีส่วนพระองค์ต่างๆ ที่ผมได้รับชม มันทำให้รู้ว่า ประเทศเรามีกษัตริย์ที่ดูแลประชาชนจริงๆ เข้าถึงประชาชนจริงๆ

0
นะจ้ะ 25 เม.ย. 54 เวลา 02:02 น. 18

ถ้านักการเมืองไทย มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ แและมีประสิทธิภาพ ด้วยแล้ว เชื่อว่าประเทศเราจะเจริญก้าวกน้ากว่าทุกวันนี้เยอะ

0
think 25 เม.ย. 54 เวลา 10:34 น. 19

ผมว่าการที่เค้าจัดอันดับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดจะเป็นการดูหมิ่นตรงไหนเลย
ผมภูมิใจด้วยนะที่รอบกายท่านมีคนเก่งๆ ดีๆ ช่วยบริหารอยู่จนติดอันดับโลก
อย่ามองคนแบบ "รวย=เลว" คนแบบนี้แหละที่เป็นการดูหมิ่นโดยไม่แยกแยะ
หรือแบบว่าถ้า "คุณรวยนักก็มาช่วยคนที่เดือดร้อน"
ผมขอแปลความหมายอย่างสุดโต่งของคนจำพวกนี้ว่า
"ถ้าคุณรวยนักก็อย่าให้มีคนเดือดร้อน หรือแจกจ่ายให้คนอยากจนไม่มีอันจะกิน ให้หมดไปจากประเทศไปเลย"
"ถ้าให้จริง"สุดท้ายพอคนพวกนี้ได้ไปเสร็จก็ "จนเหมือนเดิม" เพราะใช้หมดก็รอแบบเดิม ด่าคนรวย
ผมขอปรียบเทียบแบบบ้านๆ ก็คือคนที่รวยที่สุดในครอบครัว หรือในวงเพื่อนๆ ถ้าเขาไม่ช่วยก็จะถูกมองว่าเห็นแก่ตัว (ผมไม่ได้รวยแต่เข้าใจสัจธรรม)
คนที่ยากจนผมมองว่าเขาขาดแค่ 2 อย่าง (ยกเว้นเงินนะ)
1. โอกาส 2. ขยัน
ขาดโอกาสนี่ คือ ขาดการแสวงหาโอกาส ซึ่งพระองค์ก็ทรงประทานโอกาสในการหาเลี้ยงชีพให้มากมาย ถ้าคุณสังเกตเห็นโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่จะให้คนยากคยจนมีอาชีพ เพราะคนส่วนมากขาดการเรียนรู้ในการแสวงหาโอกาส
2. คือขยัน แยกเป็น 2 พวก
2.1 ขยันทำไม่ขยันคิด พวกนี้จะจนเหมือนเดิม เพราะทำสิ่งเดิมๆ ที่ใช้เวลานานแต่ให้ผลน้อย พวกนี้ขยันจริงแต่เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยใช้ความคิด ส่วนใหญ่ต้องให้คนอื่นคิดให้แล้วทำ ซึ่งมักจะโดนเอาเปรียบโดยไม่รู้ตัว
2.2 ขยันคิดแต่ไม่ขยันทำ อันนี้หนักกว่าแบบแรก เนื่องจากคิดโครงการมากมายอยู่ในหัว แต่ทำน้อยไปทั้งในปัจจุบันก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร (เพราะขี้เกียจทำ) และความคิดที่คิดไว้ก็ไม่ได้ทำเพราะไม่ขยันที่จะทำนั่นเอง ส่วนใหญ่คนพวกนี้ไม่ประสบความสำเร็จเพราะขี้เกียจ และไม่กล้า หรือกลัวที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด

ถ้าพวกคุณเข้าใจองค์ประกอบซึ่งจริงๆ น่าจะมีมากกว่านี้ น่าจะพอเข้าใจถึงการช่วยเหลือคนจนจริงๆ ได้บ้าง
ถ้าพระมหากษัตริย์ไม่รวย จะพาประชาชนพ้นจากความยากจนได้อย่างไร?
เพราะท่านเข้าใจหลักในการหาเงิน และที่สำคัญคือ "การใช้เงิน" ให้เกิดดอกผล
ท่านรวยเพราะความคิดและการกระทำ ไม่ได้ไปกดขี่ข่มเหงจากราษฎร์นะคร๊าบ ชิมิชิมิ

0