Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มารู้จัก ขนมหวานไทยที่หากินยากกัน คะ ^0^

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ทุกวันนี้พวกเราสามารถพูดได้เลยว่าขนมไทยบางอย่างเราก้ไม่รู้จักไปซะหมด เช่น ของหวานไทยที่เราจะเอามาให้ดู

1.ขนมโพรงแสม


ซึ่งขอนชนิดนี้จะใช้ในพิธีแต่งงานมีความหมายโดยแทน เสาบ้าน เสาเรือน ให้คู่บ่าว สาว อยู่กันยั่งยืนและร่ำรวยคะ ลักษณะคร้ายทองม้วนแต่จะต่างกันตรงที่ขนมชนิดนี้มีน้ำมันเคลือบ พัน อยู่คะซึ่งจะสังเกตดูว่างานแต่งสมัยนี้ก้แทบจะไม่มีแล้วคะ

2.ขนมหม้อตาล


ขนมนี้ก้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่จะใช้กันในงานแต่งคะมักจะเรียกว่า หม้อเงิน หม้อทองคะ ขนมชนิดนี้มีรสหวานกำลังดีที่พอได้ชิมจะได้รสของแป้งกันน้ำตาลที่ลงตัวคะ

3.ขนมพันตอง


เป็นขนมที่ห่อด้วยใบตองซึ่งมันก็จะเพิ่มความหอมให้ด้วยและเพื่อความอร่อยควรรับประทานแป้งและไส้พร้อมกันคะเพราะมันจะให้รสชาติที่กลมกลืนมากๆคะ

4.ขนมพระพาย


เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานแต่งงานคะ ขนมนี้ทำมาแป้งนวดกับน้ำมะลิและสอดไส้ซึ่งไส้ของขนมชนิดนี้มีรสหวานอรอยมากคะ

5.ขนมเทียนแก้ว


หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ขนมนมสาว เปรียบเสมือนแสงสว่าง ขนมชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นน่ากินของควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิที่อบอวลอยู่คะ

6.ขนมตะลุ่ม


ขนมนี้จะมียุ2ส่วนคะ ส่วนตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้าย่ายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใสและหางกะทิ และนำไปนึ่ง ส่วนตัวหน้าทำจาก กะทิและน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทบนตัวขนมนำไปนึ่ง ตอนรับประทานควรทานพร้อมกันเพราะมันจะให้รสชาติที่ลงตัวมากคะ

7.ขนมบุหลันดั๋นเมฆ


ขนมชนิดนี้จะเป็นขนมที่ชาววังคิดขึ้นมา ให้มีสีสันเปลียบแบบบทเพลงของไทย บุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2  เมื่อรับประทานจะให้รสหมอหวานของดอกอัญชัน กับ กลิ่นน้ำตาลมะพร้าวคะ

8.ขนมเห็ดโคน


สำหรับคนชอบกินเห็ดมักจะแยกไม่ออกคะว่าอันไหนเห็โจริงอันไหนเห็ดปลอมเพราะจะมีความละไม้คล้ายครึงกันมากคะ ส่วนรสชาติจะมีรสที่หมาน และถ้านำเข้าปากเมือขนมสัมผัสกับลิ้นแทบจะไม้ต้องเคี้ยวเพราะขนมแทบจะละลายไปเองคะ

9.ขนมเกสรชมพู


ขนมชนิดนี้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่สนี้คือ ข้าวเหนียวแก้ว แต่ถ้ามองดีดีจะเห็นข้อแตกต่างกันตรงที่ความแข็งกะด้างของข้าวเหนียวคะ  ส่วนเรื่องรสชาติขนมชนิดนี้จะมีความมันและหอทไปในตัวของมะพร้าวและยังมีความหวานที่ไม่เหมือนใครคะ

10.ขนมไข่เ้ย


ว่ากันว่าเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงมีพระราชประสงค์จะเสวยไข่เ้ย แต่เนื่องจากไม่ใช่ฤดูวางไข่จึงไม่สามารถหามาถวายได้ เจ้าจอมแว่นจึงคิดทำไข่เ้ยขึ้นถวาย โดยนำถั่วเขียวมาโขลกกับเกลือปั้นเป็นไข่แดง แล้วนำแป้งข้าวเหนียวมาห่อเป็นเปลือก นำไปทอดในน้ำมันจนเหลือง เสร็จแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อพระองค์ได้เสวยก็พอประทังความอยากเสวยไข่เ้ยไปได้ ปัจจุบันขนมไข่เ้ยเปลี่ยนชื่อให้น่ากินว่า “ไข่หงส์”คะ

11.ขนมลูกชุบ


หากเป็นชาววังแท้ๆ ไส้ขนมไม่ได้ทำจากถั่วกวน แต่นำเมล็ดแตงโมมากะเทาะทีละเม็ดแล้วปั่นให้ละเอียด ร่อนด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้ได้เนื้อที่ละเอียดที่สุด แล้วนำมากวนก่อนปั้นเป็นรูปผักและผลไม้ขนาดจิ๋ว นำไปชุบในแป้งพอขึ้นเงาเท่านั้นคะ

12.ขนมเปื้อง


การละเลงแป้งขนมเบื้องในสมัยก่อนนับว่าต้องใช้ฝีมือมากจึงจะออกมาสวยน่ากิน จนมีการกล่าวถึงเรื่องการประกวดประขันการละเลงขนมเบื้องในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนเลยทีเดียว ส่วนขนมเบื้องญวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปตีเมืองญวน จับเชลยญวนมาเป็นจำนวนมาก และได้ทำขนมขายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือขนมเบื้องญวน โดยนำแป้งมาผสมกับไข่และน้ำ ตักแป้งใส่ในกระทะที่ทาด้วยน้ำมัน เอียงกระทะไปรอบๆ เพื่อให้แป้งแผ่ออกเป็นแผ่นกลมจึงใส่ไส้ ซึ่งจัดเป็นของคาวอย่างหนึ่งคะ

13.ขนมจี้


เป็นขนมไทยชาววังที่หากินไม่ได้แล้วในยุคนี้ ส่วนผสมทำด้วยแป้งข้าวเหนียวผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วนวดกับกะทิ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แบนๆ มีไส้ที่ทำด้วยน้ำตาลทรายเคี่ยวผสมกับงาคั่ว จากนั้นคลุกกับนวลแป้งข้าวเจ้าที่คั่วสุกแล้ว รสหวานและมีกลิ่นหอม ว่ากันว่าเวลาหยิบใส่ปากแล้วต้องรีบหุบปาก มิเช่นนั้นนวลแป้งที่คลุกขนมจะฟุ้งคะ

14.ขนมผิง


ขนมชนิดนี้ทำมาจากแป้งมัน น้ำทราย หัวกทิ ไข่ไก่ เทียนอบ โดยนำกะทิไปตั้งไฟอ่อนใสน้ำ คนจนน้ำตาลละลายดีจากนั้นจึงใส่แป้งลงไปในกะทิ ใส่ทีละน้อย ใส่แล้วคนต่อเนื่องจนแป้งนุ่ม จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ แล้วจึงนำไปวางบนถาดซึ่งทาน้ำมันไว้บางๆ ปั้นทิ้งไว้ 1 คืนจนแห้ง (อย่าวางชิดกันมาก เนื่องจากเวลานำไปอบขนมอาจขยายและติดกันได้)วันรุ่งขึ้นนำแป้งที่ปั้นไว้ไปอบในเตาประมาณ 15 นาที หรืออบจนส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน จึงเอาออกมาแซะออก และนำไปอบควันเทียน จัดขนมใส่จานเสริฟ หรือใส่โหล, ภาชนะมิดชิดเก็บไว้ทานภายหลังคะ

15.ขนมถังแตก


โดยขนมชนิดนี้จะต้องทำ2ส่วนคะ 1.ส่วนผสมทำตัวแป้ง  แป้งสาลี 500 กรัม  แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม  กะทิ 3 ถ้วยตวง  น้ำ 6 ถ้วยตวง  ยีสต์ 2 ช้อนชา  น้ำตาลทราย 800 กรัม (1)  น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (2)  เกลือป่น  2.ส่วนผสมไส้ขนม  งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ  มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง  น้ำตาลทราย  โดยจะต้องผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน  ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้  ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟคะ

16.ขนมขี้หนู


จะมีส่วนผสมดังนี้คะ  แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง  มะพร้าว 1 ซีก (นำไปขูดเป็นเส้นฝอย)  น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง  น้ำลอยดอกไม้ 1 ถ้วยตวง  สีผสมอาหารตามชอบ  เทียนอบ   โยจะต้องทำดังนี้คะนวดแป้งข้าวเจ้วกับน้ำดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง อย่าให้แชะเกินไป จากนั้นห่อด้วยผ้าขาวบางและนำไปใส่ถุงผ้า มัดปากถุงให้แน่น หาของหนักๆทับเพื่อให้แห้งน้ำ  จากนั้นจึงนำไปยีเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผึ่งแดดให้พอหมาด แล้วจึงนำไปร่อน ให้สิ่งสกปรกออก  นำแป้งที่ร่อนแล้วไปใส่ในผ้าขาวบางและนึ่งจนสุก นำน้ำตาลทรายไปผสมกับน้ำลอยดอกไม้และสีผสมอาหาร จากนั้นนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนน้ำตาล ละลายดี จึงปิดไฟและกรองน้ำเชื่อมด้วยผ้าขาวบางอีกครั้ง  นำแป้งที่นึ่งสุกใส่ลงในอ่างน้ำเชื่อม ใช้ไม้พายคนเบาๆ หาฝาปิดไว้สักครู่เพื่อให้แป้งฟู คนต่ออีกครั้ง เพื่อให้แป้งกับน้ำเชื่อมเข้ากัน จากนั้นจึงนำไปอบด้วยควันเทียนให้หอม  ตักแป้งใส่จาน ก่อนเสริฟโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดหยาบๆ พร้อมรับประทานได้ทันที

17.ขนมเปียกปูน


จะต้องเตียมส่วนผสมดังนี้คะ  แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง  แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ  น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม  น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง  น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง  น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง  เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย  (คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า)  ทำดังนี้คะ นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง . ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง  เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม

18.ขนมอาลัว


มีส่วนผสมดังนี้คะ แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง  แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง  แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง มะพร้าวขูด 350 กรัม น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง  สีผสมอาหาร (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้ เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)  วิธีทำคะโดย 
นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ  นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน  นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)  นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน  จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

19.ขนมถั่วแปบ


มีส่วนประกอบดังนี้คะ แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง น้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำใบเตยข้น 1/2 ถ้วยตวง เนื้อมะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก 2 ถ้วยตวง  น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ  งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ สีผสมอาหาร (สีตามความชอบ)  เกลือป่น   วิธีทำคะโดยจะต้อง
เตรียมทำไส้ถั่วโดย นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ด้วยน้ำร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้ (แบ่งถั่วนึ่งออกเป็น สองส่วน ส่วนที่หนึ่งใช้ใส่ไส้ และส่วนที่สอง ใช้คลุกกับขนมที่ห่อไส้แล้ว)  นำมะพร้าวขูดไปผสมกับเกลือป่นเล็กน้อย และนำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3 - 5 นาทีให้นุ่มจึงปิดไฟ พักไว้  นำแป้งข้าวเหนียวไปนวดกับน้ำลอยดอกมะลิ (หรือน้ำใบเตย)จนเนื้อเนียนเข้ากันทั่ว แบ่งเป็นส่วนตามจำนวนสีที่ต้องการ จากนั้นจึง ใส่สีผสมอาหารลงไป (ควรใช้โทนอ่อนจะน่ารับประทานมากกว่าสีเข้ม ) แล้วจึงนวดอีกครั้งจนสีกับแป้งเข้ากันดี แบ่งปั้นเป็นก้อนกลม (เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว) แล้วกดให้แบน ระหว่างปั้นให้นำผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ มาคลุมไว้ก่อน  ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่แป้งที่ปั้นไว้ลงไป เมื่อแป้งสุกจะลอยขึ้น ใช้ทัพพีที่มีรูตักออกมาจากหม้อ แล้วนำไปคลุกกับมะพร้าวขูดที่นึ่งเตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง จากนั้นจึงบีบแป้งให้แบน ใส่ไส้ถั่วลงไป พับครึ่ง กดปลายทั้งสองข้างให้สนิท แล้วนำไปคลุกกับมะพร้าวขูดและถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก (ส่วนที่เตรียมไว้สำหรับคลุก)  จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยงาขาวคั่วและน้ำตาล พร้อมเสริฟเป็นของว่างได้ทันที

 20.ขนมกลีบลำดวน

ส่วนผสม แป้งสาลี 100 กรัม น้ำมันพืช 50 กรัม (หรือเนยขาว) น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม สีผสมอาหาร (แล้วแต่ชอบ) เทียนอบ   วิธีทำคะ  ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลเข้าด้วยกัน นำไปร่อน 2 ครั้ง เสร็จแล้วใส่น้ำมันพืช (หรือเนยขาว) ลงไปผสม นวดจนส่วนผสมทั้งสามเข้ากันดี  ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆขนาดเท่าๆกัน ใช้มีดคมๆแบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน  จับวางเป็น 3 กลีบ ส่วนอีก 1 กลีบที่เหลือให้ปั้นเป็นลูกกลมๆวางตรงกลางกลีบทั้งสามเป็นเกสร ก็จะได้รูปทรงดอกไม้ ทำเช่นนี้จนแป้งหมด เรียงไว้ในถาด  นำแป้งไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 300 องศาฟาเรนไฮต์ประมาณ 10 - 15 นาทีหรือจนสุก จะได้ขนมที่มีลักษณะผิวนวล กรอบ นำไปอบควันเทียนให้หอม ก็พร้อมรับประทานได้ทันที

หมายเหตุ : ถ้าต้องการกลีบหรือเกสรที่ต่างสีกัน ก็ให้แยกส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง แล้วผสมสีตาม ที่ชอบขณะใส่น้ำมันพืชลงไปนวด ควรใช้สีโทนอ่อนจะน่ารับประทานมากกว่าสีเข้ม


และนี้ก็คือ 20 ขนมหวายไทยที่นับวันยิ่งหาทานยากมากคะและยังมีอีกมากมายที่เราก้ไม่รุจักเหมือกันแต่ถ้าเพื่อนคนไหนรุแล้วหรือยังพอมีความสามารถหามีทานได้ก้ต้องขออภัยด้วยน้าค้าและ ถ้าใครยังมีอาหารไทยที่หาทานไม่ได้หรือหาทานยากก้ช่วยบอกกันบ้าเน้อ 

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

工藤 新一 26 เม.ย. 54 เวลา 06:12 น. 1

บางอันเรายังไม่เคยกินเลยอะ-  -'' สมัยนี้เราควรอนุรักษ์ขนมไทยกันไว้จะได้ให้ลูกหลานได้กินกันบ้าง
ปอลิงรู้สึกโรงเรียนเรารักความเป็นไทยมากนะมีขนมให้กินหลังเลิกเรียน ขนมไทยด้วย แล้วก็มีกลีบลำดวนขายทุกวัน อร่อยมากก(Y)


PS.   รักแกตลอดกาล
0
iSteam 26 เม.ย. 54 เวลา 12:55 น. 4

เอ่อ บางอันก็ยังพอหากินได้อยู่นะๆๆ
(หรือเพราะเราอยู่เขตชานเมือง เลยหากินได้ง่ายนะ= =)

อย่างเช่น ขนมถั่วแปป ขนมอาลัว ขนมเปียกปูน กลีบลำดวน หม้อตาล ก็ยังพอหากินได้ง่ายนะ
แต่ขนมอาลัวนี่ เราหาซื้อได้ตอนไปต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวตลาดโบราณ อ่ะนะ

แต่ ขนมผิง กะ ลูกชุบนี่หาได้ง่ายมากเลยนะๆๆ=[]=

ขนมถังแตก เคยหายไป แต่เดี๋ยวนี้กลับมาทำใหม่ ตั้งชื่อใหม่ว่า ขนมถังทอง แล้วนี่
ไม่ได้ทำอันใหญ่เหมือนเดิมแล้ว ทำเป็นอันเล็ก น่ากิน^^d


PS.  TK = Tomo ♥ Kaew!!! โมะแก้วเท่านั้นนนนน!!!>_< 555 5
0
noei-nattan 26 เม.ย. 54 เวลา 19:16 น. 6
บางอันเคยกินนะ แต่พบอยู่ไม่บ่อย
อาหารแบบนี้น่ากิน อนุรักษ์ความเป็นไทย :)

PS.  Very Good thank you
0
10250 1 พ.ค. 54 เวลา 11:54 น. 12

 น่ากินทุกอย่างเลยยยยย><


PS.  ขอบคุณที่มาคุยกันน้าาาาาาาา...^^ เดี๋ยวเราจะตอบกลับไปน่ะ
0
_Honey_ 1 พ.ค. 54 เวลา 21:39 น. 13

อันแรกๆไม่ค่อยได้กิน อยากกินมากๆเลยค่ะ


PS.  ~ +=Super Junior ONLY13=+ Only SUJU += ฉันมีเลือดสีเดียว คือสีน้ำเงิน =+ ~
0
boom 8 ก.ค. 56 เวลา 08:41 น. 17

อยากกินหมดทุกขนมเบยยยย แต่ไม่มีจ่ามงกุฏหรอค้ะ น่ากินเหมือนกันน่ะ

0