Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อีกไม่นาน!! เปิดรับนักศึกษาใหม่ปี 2555 แล้ว.. มาอัพเดทข่าวกันเถอะ!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อีกไม่นานเกินรอ!!
จะกลับมาเปิดรับสมัครกันอีกแล้ว ไม่นานอย่างที่คิดเลย
ประมาณธันวาคมนี้แล้วนะ

คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน
หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
หรือที่หลายๆคนจะเรียกว่า สินสาด อินเตอร์


ขึ้นชื่อว่า \"เอกคู่\" ดูแล้วเหมือนจะเรียนยากและหนัก
แต่จริงๆแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่จะเกินความสามารถเด็กศิลป์อย่างพวกเรา
แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กสายวิทย์หรือคุณจะเป็นเด็กสายศิลป์ก็ตาม
ไม่ต้องห่วงและไม่ต้องกังวลใจไปเลย คุณสามารถเรียนกับเราได้!!

หลักสูตรนี้จะเรียนทั้งหมด 4 ปี เรียนที่ประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง
และเรียนที่ประเทศจีนเป็นเวลา 1 เทอม (โดยไม่บังคับว่านักศึกษาจะต้องเดินทาง
ไปเรียนที่ประเทศจีน นักศึกษาสามารถเลือกเรียนที่ประเทศไทยตลอด 4 ปีเลยก็ได้)
และระยะเวลาการเดินทางไปศึกษาที่ประเทศจีน คือตั้งแต่ช่วงประมาณภาคเรียนซัมเมอร์
ของชั้นปีที่4(กลางเดือนมีนาคม) จนถึงหมดภาคเรียนที่ 1 (ประมาณเดือนตุลาคม)
และในอนาคต ทางคณบดีคณะศิลปศาสตร์มีนโยบายใหม่ว่า
อาจจะมีการอนุญาตให้นนักศึกษาในหลักสูตรนี้ได้เดินทางไปศึกษาที่ประเทศ
ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร�(อาจจะเป็น นิวซีแลนด์ อังกฤษ หรือ ออสเตรเลีย
แต่นโยบายนี้ยังไม่มีความแน่ชัดในเรื่องของการเดินทางและประเทศที่จะไป)

หลักสูตรนี้อย่างที่บอกในตอนแรกว่าเป็น \"หลักสูตรนานาชาติ\"
เพราะฉะนั้น แน่นอนค่ะ ที่จะต้องใช้ \"ภาษาอังกฤษ\" เป็นสื่อในการสอนอย่างแน่นอน
แต่น้องๆไม่ต้องกลัวไปนะคะ เพราะถ้าหากว่าน้องๆคิดว่าตัวเองยังมีพื้นฐานภาษาไม่ดีพอ
เราก็จะมีการให้เรียนปรับพื้นฐานใหม่ค่ะ!
แต่อย่าลืมไปนะคะ ว่านี่คือสาขาวิชาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน เราจะทิ้งภาษาจีนไปไม่ได้เลย
ผู้ที่เลือกเรียนในหลักสูตรนี้ เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว จะต้องมีความรู้ทั้งทางด้านภาษาอังกฤษ
และภาษาจีนไปควบคู่กัน และที่สำคัญเลย จะต้องใช้ทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียน
ให้ได้ดีทั้ง 4 ทักษะอีกด้วย เพราะฉะนั้นหลักสูตรนี้แน่นอนค่ะว่าเมื่อเราจบไป
เราจะเป็นผู้มีทักษะมากกว่าคนที่จบการศึกษาจากเอกเดี่ยวแน่นอนค่ะ!

หลักสูตรนี้ยังมีสิ่งที่พิเศษกว่าหลักสูตรอื่นๆอีกมากมายนะคะ
ไม่ว่าจะเป็น วิชาอื่นๆ เช่น วิชาจิตวิทยา หรือ world view & way of life
น้องๆจะได้เรียนกับเจ้าของภาษาซึ่งเป็นชาวอเมริกัน และจบการศึกษาเอกจิตวิทยา
มาดำเนินการสอนน้องๆโดยตรงด้วยค่ะ หรือจะเป็นวิชาคอมพิวเตอร์ Information Technology
ก็จะเป็นเจ้าของภาษาชาวอังกฤษ จบเอกวิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์
มาดำเนินการสอนให้โดยตรงเช่นกันค่ะ

และสำหรับวิชาภาษาจีนน้องจะเรียนกับเจ้าของภาษาชาวจีนอย่างแน่นอน
แต่จะมียกเว้นในบางรายวิชาที่มีจำนวนนักศึกษาต้องการเรียนเกินจำกัด
จะมีการเปิด section ใหม่ให้สำหรับนักศึกษาที่เกินจากที่จำกัดไว้ แต่ผู้ที่จะมาดำเนินการสอน
จะเป็นคนไทนมาดำเนินการสอนให้ และนักศึกษาที่เกินจะนับจากนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนทีหลัง

สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ จะเป็นชาวต่างชาติมาดำเนินการสอนเช่นกัน
ยกเว้นในวิชาพื้นฐานต่างๆ จะเป็นอาจารย์ชาวไทยมาดำเนินการสอนให้ค่ะ
เช่นวิชา Foundation English , English for communication 1 ,
Reading stategies in English , Business English 1 , English Structure 1 . Etc.

โดยส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาจะได้เรียนกับเจ้าของภาษาเป็นหลักอยู่แล้วแน่นอนค่ะ
เพราะฉะนั้น สำเนียง เสียง ภาษาของเราจะเป็นไปตามอย่างเจ้าของภาษา
หรืออาจจะใกล้เคียงมากที่สุด และที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ จะต้องรีบลงทะเบียนเรียน
ไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดเป็นนักศึกษาในจำนวนที่เกินและจะอดเรียนกับเจ้าของภาษานะคะ


สำหรับน้องๆที่ยังไม่เก่งทั้งทางด้านภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน
ไม่เป็นไรค่ะ สำหรับหลักสูตรนี้จะมีการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษและภาษาจีน
ของน้องๆก่อน เพื่อแยก section ในการเรียนให้กับน้องๆค่ะ
สำหรับน้องๆคนไหนที่สอบวัดระดับไม่ผ่าน ไม่ได้แปลว่าน้องๆจะไม่ได้เป็นนักศึกษาของที่นี่นะคะ
น้องๆจะยังคงเป็นนักศึกษาของที่นี่แน่นอน แต่น้องๆจะต้องเรียนวิชา Foundation English
ถ้าหากว่าน้องๆสอบไม่ผ่านในวิชาภาษาอังกฤษ และวิชานี้ไม่มีหน่วยกิตค่ะ
ถ้าหากว่าสอบผ่านในวิชาภาษาอังกฤษ น้องๆจะได้เรียนวิชา English for Communication 1
และเก็บหน่วยกิต 3 หน่วยกิตไปก่อนเพื่อนๆเลยค่ะ
สำหรับน้องๆที่สอบไม่ผ่านในวิชาภาษาจีน น้องจะต้องเรียนวิชา Foundation Chinese
เป็นการปรับพื้นฐานไปก่อนนะคะ และวิชานี้ไม่มีหน่วยกิตเช่นกัน
สำหรับน้องๆทีสอบผ่านในวิชาภาษาจีน น้องๆจะได้เรียนวิชา Chinese1 แน่นอนค่ะวิชานี้
มีหน่วยกิตอย่างแน่นอนตั้ง 3 หน่วยกิตเลยนะคะ ตั้งใจเรียนกันด้วยหล่ะ 3 หน่วยไม่น้อยเลยนะ

อ่านๆดูแล้ว มันอาจจะยังดูงงๆ และดูวุ่นวายไปซักหน่อย
แต่ลองอ่านและศึกษาทำความเข้าใจดูนะคะ มันไม่ยากเกินจะเข้าใจหรอก
และที่สำคัญยังมีรุ่นพี่อีกหลายๆคน คอยช่วยเหลือและยินดีให้คำปรึกษาแก่น้องๆอยู่เสมอค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านใดๆก็ตาม ยังไงก็จะมีพี่ๆคอยช่วยเหลือน้องๆอย่างแน่นอนค่ะ

พราะถ้าคุณเลือกเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้
คุณก็คือน้องของเราและเราก็คือพี่ของคุณ
เราจะเป็นพี่เป็นน้องกัน เราจะไม่ทิ้งกันแน่นอนค่ะ!


หรือถ้าหากน้องๆต้องการปรึกษา
ติดต่อได้ที่..
พี่ไหม (ประธานสาขาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน รุ่นที่5 ของสาขา หรือปี 2553)
Email / Facebook / Skype :
Hyde-i@msn.com


แสดงความคิดเห็น

>

23 ความคิดเห็น

ZaiMaii" 25 มิ.ย. 54 เวลา 13:26 น. 2

ใช่ค่ะ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนค่ะ
เป็นมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งขึ้นโดยมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง
และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านการแพทย์ การพยาบาล และภาษาจีน
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยของรัฐบาล แต่ที่นี่ก็ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ทางด้านภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนอย่างเด่นชัด
และที่สำคัญค่าเทอมยังคงถูกกว่าหลักสูตรนานาชาติของมหาวิทยาลัยรัฐบาล
ในหลายๆที่อีกด้วยค่ะ!!
แต่อยากให้ลองเปรียบเทียบกันดูดีดีนะคะ
มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ หลายๆที่ระบุหลักสูตร
เป็นวิชาเอกเพียงเอกเดียว แต่สำหรับหลักสูตรนี้ของที่นี่ เป็นเอกคู่และค่าเทอมถูกกว่าด้วยค่ะ

0
Itim_LEMONz 26 มิ.ย. 54 เวลา 11:24 น. 4
คห.1 เสื่อมอ่ะ

ที่มีแพทย์แผนจีนใช่ป่าว
เพื่อนครีมก็สนใจอยู่เหมือนกัน

แต่ครีมเองก็ไม่อยากได้อ่าค่ะ เพราะมันไกลบ้านอ่า
อยากได้แถวๆ กรุงเทพ (ยิ่งจุฬายิ่งดีเลย ใกล้บ้าน),,><
0
ipafez&#039; 27 มิ.ย. 54 เวลา 19:28 น. 9

น่าสนมากเลยค่ะ
แต่ทางบ้านคงไม่มีทุนทรัพย์พอหรอก
อาจได้แต่ไม่อยากรบกวน TT


อยากไปเรียนจีนบ้างงงง


PS.  "โปรดเถอะใจฉัน..มันทำไมถึงสั่น ?"
0
loveDH 27 มิ.ย. 54 เวลา 21:11 น. 10

อยากรู้ว่าจบด้านภาษาจีนไป 
ทำงานอะไรได้บ้างค่ะ
( คือเราเรียนจีน แต่ยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลย)

0
Lollipop Devil 28 มิ.ย. 54 เวลา 16:24 น. 11
อืม แต่เราว่าที่แม่ฟ้าหลวงก็ดีน๊ะ ไม่แพงด้วย
แถมอาจารย์ก็เป็นคนจีนทั้งนั้น
แถมที่นี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ด้วย
**เราไม่ได้ว่ามหาลัยเธอไม่ดีนะ



PS.  หนึ่งมิตรชิดใกล้ ใกล้กันจนไหวหวั่น อิอิ
0
ZaiMaii&quot; 28 มิ.ย. 54 เวลา 22:15 น. 12

อืมเข้าใจดีค่ะ
เพราะก็มีคนเปรียบเทียบหลักสูตรนี้ของหัวเฉียว
กับของแม่ฟ้าหลวงทุกๆปีอยู่แล้ว
ก็แล้วแต่คนจะมองนะคะ

แต่ที่อยากลองให้เปรียบเทียบดู คือการเป็นเอกคู่และเอกเดี่ยว
การระบุชื่อปริญญาที่จะได้รับตอนเรียนจบ
สำหรับหลักสูตรนี้ คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน เป็นเอกคู่
ใบปริญญาที่จบมาแล้วจะได้คือ Bachelor of Arts (English-Chinese)
และชื่อของหลักสูตรคือ Bachelor of Arts in English-Chinese (International program)
ซึ่งต่างจากของแม่ฟ้าหลวงตรงที่ ปริญญาของแม่ฟ้าหลวงจะได้เป็น
Bachelor of Education (Teaching Chinese Language) ของคณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาจีน
หรือ Bachelor of Arts (Business Chinese) ของคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ

ซึ่งบ่งบอกได้ว่า ของหัวเฉียวระบุเป็นเอกคู่ แต่ของแม่ฟ้าหลวงเป็นเอกเดี่ยว
และของแม่ฟ้าหลวงเน้นทางด้านสอนภาษาจีน เช่น การวิเคราะห์แบบเรียนภาษาจีน , หลักการสอนภาษาจีน
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นครูสอนภาษาจีนจริงๆ
และอีกหลักสูตรของแม่ฟ้าหลวง จะเน้นไปทางธุรกิจ เพราะฉะนั้นต้องมีพวกวิชา
บัญชี , การตลาด , เศรษฐศาสตร์ด้วย อย่างแน่นอน ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดและไม่ชอบวิชาคณิตเอาซะเลย

สำหรับของหัวเฉียว บอกได้ตามตรงเลยว่า ไม่มีคณิตศาสตร์เลยแม้แต่นิดเดียว
สำหรับวิชาภาษาไทย ตลอด 4 ชั้นปีก็จะมีเพียงวิชาเดียว 3 หน่วยกิต
และหลักสูตรของหัวเฉียวจะเน้นไปทางการทักษะในการใช้งาน การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
การออกเสียง การฝึกสำเนียง โดยที่เน้นการสื่อสารและการใช้งานจริงเป็นหลัก
และยังได้เรียนวิชาวัฒนธรรมต่างๆของจีนอีกด้วย และที่สำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลย
วัฒนธรรมของชาวจีน ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ใช้ชีวิตและสังคมคล้ายคลึงกับคนจีนเป็นอย่างมาก
ถ้าน้องๆต้องการมีเพื่อนเป็นคนจีน หรือ คุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีนและเข้าใจจากการใช้ชีวิตประจำวัน
พี่ขอแนะแนะ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ แห่งนี้ค่ะ!!

0
ZaiMaii&quot; 29 มิ.ย. 54 เวลา 11:41 น. 13

สำหรับ คห.4 นะคะ

ใช่ค่ะ ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
มีการเปิดสอนคณะการแพทย์แผนจีน (นับเป็นคณะทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ)
คณะทางสายวิทย์สุขภาพ เช่น พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ การแพทย์แผนจีน เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุขศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะกายภาพบำบัด
(สำหรับคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะไม่นับเป็นสายวิทย์สุขภาพ
เนื่องจากสาขาที่เปิดสอนคือ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และ จุลชีววิทยา)

สำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนคณะทางสายวิทย์สุขภาพเหล่านี้
จะต้องผ่านการสอบ โดยมี 2 วิธีค่ะ แต่มารถสอบได้สาหลายรอบเอามากๆ
2 วิธีที่บอกคือ วิธีการสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยและการยื่นแอดมิชชั่นกลาง
จะแบ่งเป็นรอบๆ แบบนี้นะคะ

ครั้งที่ 1 เป็นการสอบรับตรงของมหาวิทยาลัย เปิดรับประมาณมกราคม
(อาจจะเปลี่ยนแปลงเวลาเปิดรับสมัครนิดหน่อย)
เรียกว่า การสอบสายวิทย์สุขภาพ รอบก่อนแอดมิชชั่นครั้งที่ 1
โดยเนื้อหาของข้อสอบ จะเป็นเนื้อหาทั้งหมดของ ม.4-ม.6
และไม่เหมือนกับ o-net ของปีก่อนๆอย่างแน่นอน
เกณฑ์การพิจารณา จะนับจาก GPAX , GAT , PAT2
นับและเรียงอันดับจากจุดทศนิยมด้วยนะคะ

ครั้งที่ 2 เป็นการสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยเช่นกัน
เรียกว่า การสอบสายวิทย์สุขภาพ รอบก่อนแอดมิชชั่นครั้งที่ 2
โดยเนื้อหาของข้อสอบ จะเป็นเนื้อหาทั้งหมดของ ม.4-ม.6
และไม่เหมือนกับ o-net ของปีก่อนๆอย่างแน่นอน (ข้อสอบเหมือนกับรอบแรก)
เกณฑ์การพิจารณา จะนับจาก GPAX , GAT , PAT2
นับและเรียงอันดับจากจุดทศนิยมด้วยเช่นกันค่ะ
การสอบครั้งที่ 2 นี้เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับน้องๆ
ที่พลาดการสอบครั้งแรก และเปิดโอกาสให้กับน้องๆที่สอบติดในครั้งแรกแล้ว
แต่ไม่ได้ในคณะที่ตัวเองต้องการจะเรียน

ครั้งที่ 3 เป็นการยื่นคะแนนกับการแอดมิชชั่นของส่วนกลาง
ถ้าหากคะแนนผ่านเกณฑ์ก็จะมีการสอบสัมภาษณ์โดยทางคณะวิชา
ของมหาวิทยาลัยค่ะ และยังคงมีผู้ตกสัมภาษณ์เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ผู้ที่ติดเข้ามาสัมภาษณ์รอบแอดมิชชั่นของที่นี่ ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้เป็นนักศึกษา
ของที่นี่อย่างแน่นอนหรอกนะคะ เพราะคณาจารย์จะคัดนักศึกษาที่มีคุณสมบัติ
ที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาศึกษา ไม่ใช่เพียงแค่เหมาะสมเท่านั้นค่ะ

ครั้งที่ 4 เป็นการสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ
จำนวนรับนักศึกษาของรอบนี้ จะน้อยมากค่ะ เพราะจะเหลือเพียงที่นั่งว่างๆ
เพียงไม่กี่ที่ ในบางคณะวิชาเท่านั้น ถ้าหากคณะวิชาไหนที่มีจำนวนนักศึกษา
เต็มหรือบางคณะวิชาอาจจะเกินมาบ้างแล้ว ก็จะไม่เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่
ในรอบนี้อีกค่ะ! และรอบนี้ใช้คะแนน o-net ในการพิจารณาด้วยนะคะ!
คะแนนโอเน็ตนำมาพิจารณาว่า จะต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษหรือไม่!
ดูจากคะแนนวิชาภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ!

0
ZaiMaii&quot; 29 มิ.ย. 54 เวลา 12:04 น. 14

สำหรับ คห. 10 นะคะ

ถ้าหากว่าเรียนจบหลักสูตรนี้คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน
สิ่งที่คุณสามารถจะเป็นได้คือ..

1. พนักงานบริษัทต่างๆ คุณอาจจะได้อยู่ในฝ่ายการตลาดต่างประเทศ
หรืออาจจะเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท (อาจจะประสัมพันธ์กับคนไทย,จีน,ฝรั่ง)
เช่น บริษัทเอกชนที่กำลังติดต่อการค้ากับฝรั่งอยู่แล้วและต้องการที่จะ
ตีตลาดใหม่ในประเทศจีน (บริษัทเหล่านี้มีอยู่เป็นจำนวนมากเลยนะคะ)

2. ครูสอนภาษาจีน
ในปัจจุบันครูสอนภาษาจีนมีอยู่มากมายหรืออาจจะเรียกได้ว่า
เกือบล้นประเทศไทยแล้วก็ว่าได้ แต่จะมีครูสอนภาษาจีนสักกี่คน
ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษา
มีครู 2 คนให้คุณเลือก คนแรกพูดภาษาจีนได้ พูดภาษาไทยได้
สามารถสอนภาษาจีนให้กับคนไทยได้เท่านั้น
กับคนที่ 2 พูดภาษาจีนได้ ภาษาไทยได้ และภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น คนนี้จะสามารถสอนภาษาจีนให้ได้ทั้งคนไทยและฝรั่ง

3. ครูสอนภาษาอังกฤษ
ครูสอนภาษาอังกฤษ คุณอาจจะคิดว่า ใครๆก็สามารถเป็นได้
แต่อยากจะบอกคุณว่า..
ในปัจจุบันคนจีนกำลังต้องการเรียนภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก
เพราะประเทศจีนกำลังเปิดประเทศและติดต่อการค้ากับต่างชาติมากขึ้น
และคนจีนไม่นิยมเรียนภาษาในบ้านตัวเอง ประเทศที่ใกล้เคียงที่สุด
ที่เขาจะมาเรียนคือประเทศไทย (สอบถามคนจีนในมหาวิทยาลัยมาแล้ว)
คนจีนบางคนที่มาเรียน ไม่สามารถพูดภาษาอื่นได้เลยนอกจากภาษาจีน
ดังนั้น ครูที่เขาต้องการมากคือ ครูที่สามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนค่ะ

4. ล่าม (นักแปลภาษา)
บางคนอาจจะคิดว่า ล่าม แค่รู้ภาษาก็เป็นล่ามได้
แต่คุณจะได้เปรียบกว่ามั้ยคะ? ถ้าหากคุณรู้ภาษามากกว่า
แค่ไทยกับอังกฤษ หรือไทยกับจีน แต่คุณจะพูดได้ดีทั้ง ไทย อังกฤษ และจีน
มันเป็นเครื่องบ่งบอกว่า คุณสามารถติดต่อสื่อสารได้กับคนทั้งโลก
และการเป็นนักแปลภาษาของคุณ งานแปลของคุณ คุณสามารถรับเป็น
Job พิเศษนอกเหนือจากงานประจำของคุณหรือคุณจะทำเป็นงานประจำ
ในบริษัทต่างๆก็ยังได้ค่ะ

5. เจ้าของธุรกิจ
คุณสามาราถเปิดธุรกิจของตัวคุณเอง ธุรกิจของคุณมันจะไม่ลำบากแน่นอน
ถ้าหากคุณสามารถสื่อสารกับประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ อย่าง สหรัฐอเมริกา
และปัจจุบันประเทศจีนกำลังจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทางเอเชีย
เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจกับใคร ชาติใด คุณก็สามารถที่จะสื่อสารได้ทั้งนั้น
โดยไม่ต้องกลัวว่าการสื่อสารจะผิดพลาด หรือโดยใครโกง เพราะเรารู้ภาษาได้
ทัดเทียมกับเจ้าของภาษาเช่นกัน ไม่ว่ายังไงธุรกิจของเราก็ไปได้สวย
และเป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอนค่ะ

0
wanyen 1 ก.ค. 54 เวลา 13:41 น. 15
 มหา'ลัยจะ ดี หรือ ไม่ดี คุณใช้อะไรตัดสินคะ ??

มหา'ลัยไหนก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ตัวคุณมากกว่ากะมัง..
ว่าจะทำตัวเองให้มีคุณภาพมากแค่ไหน ??

คิดเหมือนอิฉันไหม,, 


PS.  หวัดดีนะ มาเปงเพิ่นกานน้าส์คร๊าฟ~~
0
ZaiMaii&quot; 1 ก.ค. 54 เวลา 18:06 น. 16

มันก็จริงอย่างที่คุณบอกค่ะ
แต่ถ้าเกิดว่า เด็กมีคุณภาพมากแค่ไหน
แต่มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณภาพ อนาคตของเด็กหล่ะคะ?

ขอยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ขอไม่เอ่ยชื่อ
มีรุ่นพี่คนนึงเลือกเข้าไปเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
เรียนไปจนถึงประมาณ ปี3 แล้ว แต่จำนวนนักศึกษาของที่นั่นในคณะนั่นมีน้อยมาก
ทางมหาวิทยาลัยก็ได้สั่งยุบคณะนี้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน
โดยที่บอกกับนักศึกษาว่า ให้นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ทำการย้ายคณะและเทียบโอนหน่วยกิตรายวิชา
แล้วคุณลองคิดดูสิ ว่าถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวคุณ คุณจะทำยังไง?
มันไม่ใช่ความผิดของนักศึกษาเลย ที่เลือกเรียนคณะวิชานี้
เพราะฉะนั้นมันก็สิ่งหนึ่งที่แสดงได้ว่า คุณภาพของมหาวิทยาลัย
ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญกับอนาคตทางการศึกษาของเด็กทุกคน
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวนักศึกษาจะดีเพียงอย่างเดียว เพราะต่อให้นักศึกษาดีเลิศ
แต่มหาวิทยาลัยกลับไม่มีคุณภาพ สั่งยุบคณะอย่างกระทันหันแบบนี้
เด็กดีดี เด็กที่เรียนเก่ง มีคุณภาพ ก็จะกลายเป็นเด็กที่ต้องย้ายคณะ
ย้ายสถาบันไปโดยปริยาย อย่างที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยสักนิดเดียว


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 กรกฎาคม 2554 / 18:08

0
winkwinnk 11 ก.ค. 54 เวลา 20:30 น. 17

ขอโทษนะคะ สงสัยอ่ะว่า คห.1 เค้าโพสอะไรหรอ ถึงบอกว่า เสื่อมกัน ??
ช่วยบอกที^^"

0
อำพล 20 ส.ค. 54 เวลา 11:44 น. 19

ช่วยบอกหน่อยครับว่าถ้าเรียนABACสาขาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ ต้องเรียนอะไรบ้าง แล้วจบมาทำงานอะไร ถ้าคนไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษสามารถเรียนได้ไหมรบกวนขอคำตอบจากพี่ๆ และขอคำตอบจากพี่ๆนักศึกษาของABACด้วยนะครับ(ถ้ามีครับ)

0
ZaiMaii&quot; 9 พ.ย. 54 เวลา 15:16 น. 20

พี่ไหมขอแจ้งนิดนึงนะคะ..
ยกเลิกการติดต่อทาง MSN ทุกกรณีค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะ พี่ไม่สะดวกจริงๆ
ช่องทางอื่น ยังคงได้เหมือนเดิมค่ะ
Email / facebook : hyde-i@msn.com
Skype : zaimaiitianhui
BB Pin : 27821D4E

0