พี่ๆๆ คับเภสัชที่จบเอกชนสามารถเข้าทำงานโรงพยาบาลรัฐได้ไหมคับแล้วบรรจุเป็นข้าราชการด้วยง่ะคับ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
15 ความคิดเห็น
ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๐ นักศึกษา/นิสิตเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยของรัฐบาลต้องเซ็นสัญญาชดใช้ทุนกับรัฐบาล ดังนั้น สถานพยาบาลของรัฐ (โรงพยาบาลรัฐ, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์, อย.. ศูนย์มะเร็ง, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด) จะมีเภสัชกรจบใหม่ที่ผลิตโดยมหาวิทยาลัยของรัฐบาลป้อนเข้ามาบรรจุเป็น ข้าราชการ อยู่แล้วทุกปี และตำแหน่งที่บรรจุก็น้อยกว่านักศึกษา/นิสิตเภสัชศาสตร์ที่จบอยู่แล้ว ดังนั้น แทบจะไม่มีตำแห่งให้กับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชนเลย
ยกเว้น ตำแหน่งที่โรงพยาบาลของรัฐเปิดรับเอง เป็นตำแหน่ง เภสัชกรลูกจ้างประจำ จะรับผู้ที่เรียนจบสถาบันไหนก็ได้ แต่โอกาศบรรจุน้อยมากครับ แต่ถ้าคุณมีเส้นสาย คุณก็สามารถทำเป็น เภสัชกรลูกจ้างประจำก่อน แล้วค่อยใช้เส้นบรรจุเป็นข้าราชการ
ขอให้โชคดีครับ
PS. อ่านคำตอบแล้วช่วย กด เห็นด้วย หรือ ขอบคุณ สักนิดจะได้รู้ว่าอ่านแล้ว
เรียนพยาบาลเถอะ  ได้เงินเยอะกว่าอีกนะ  เภสัชน่ะทำงานเยี่ยงทาส  โดนคนไข้ด่าตลอดเเหละ 
แต่ถ้าชอบก็เรียนเลย  ทำงานโรงพยาบาลรัฐได้  แต่โอกาสบรรจุแทบไม่มี
โอกาสมันมีเเต่น้อยมากๆขนาดมรัฐยังต้องเเย่งกัยเลยครับตำเเหน่ง ก่าจะเป็นลุกจ้างชัวคราวในรพก็ต้องรอว่างเมื่อไรเพราะรุ่นพี่เก่าเเก่ก็ยังรออีกนานเหมือนกันครับ
เรียนพยาบาลเถอะ  ได้เงินเยอะกว่าอีกนะ  เภสัชน่ะทำงานเยี่ยงทาส  โดนคนไข้ด่าตลอดเเหละ 
แต่ถ้าชอบก็เรียนเลย  ทำงานโรงพยาบาลรัฐได้  แต่โอกาสบรรจุแทบไม่มี
พึ่งรู้นะว่า เภสัช 6 ปี ได้รายได้น้อยกว่าพยาบาล 4 ปี เภสัชทำงานเหมือนทาศ แล้วพยาบาลที่ทำแผลคนไข้อาบน้ำคนไข้ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวคนไข้ไม่ใช่ทาสหรือ คนที่อยู่ใกล้ชิดคนไข้มักจะโดนคนไข้ด่ามากกว่าไม่ใช่หรือ แล้วใครใกล้ชิดคนไข้มากกว่ากัน
คห.2 สลับกันแล้วมั้งคะ
พยาบาลต่างหาก ที่ทำงานเยี่ยงทาสแถมเงินน้อยนิด เภสัชอยู่ห้องยาคอยจ่ายยา เช็คยา ไม่ได้ไปทำถึงขนาดเช็ดตัวเช็ดอ้วก เช็ดขี้ เหมือนพยาบาลนะคะ เงินเดือนเภสัชก็ได้ดีกว่าเยอะด้วยค่ะ
โดนคนไข้ด่าเนี่ยก็อีก พยาบาลโดนหนักที่สุดในรพ.ค่ะ ตามมาก็หมอ เพราะชาวบ้านเค้าก็รู้กันอยู่แล้ว ถ้ายาไม่ได้เนี่ย มันมาจากหมอ เภสัชทำหน้าที่จัดตามหมอสั่งเฉยๆ
พยาบาลทำคนไข้เจ็บก็โดนด่า เด็กก็ถุยน้ำลายใส่ก็มี พวกญาติๆก็ชอบมามองดู ถ้ามีอะไรไม่ดีนิดหน่อยก็โทษพยาบาลกับหมอละ
ส่วนจขกท. ถ้าจะเรียนพยาบาล ต้องทำใจไว้เลยว่างานหนักมาก แล้วก็ต้องไปพบปะกับคนไข้และญาติคนไข้ประจำ ดังนั้นเรื่องโดนด่า มีแน่ๆ ต้องทำใจให้ได้นะคะ ส่วนเภสัช อย่างที่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เยอะแล้ว แถวหน้ามหาวิทยาลัยเรามีตั้ง 5-6 ร้านเข้าไปแล้ว เรื่องรพ. ก็ตามคห.1 แหละ ขนาดพวกม.รัฐยังแย่งกันเอาตำแหน่ง เอกชนก็นะ ถ้าจะเลือกเรียนแค่ 2 อย่างนี้ก็เชียร์พยาบาลค่ะ แต่จขกท.ต้องมีใจโอบอ้อมอารี และก็รู้จักปล่อยวางเยอะๆนะคะ
พูดถึงการทำงานบริการ อันที่จริงสายอาชีพนี้ก็เป็นเหมือนทาศของประชาชนอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีไจรักในงานบริการ คิดแต่เงินอย่างเดียว ผมไม่แนะนำเรียนสายนี้นะ
PS. ผ่านพ้นวันเลวร้าย ร่างกายก็ยังมีแผลมากมาย ถึงแม้ไม่ตายก็เหมือนต้องตายทั้งเป็น วันนี้ยังจดจำ เรื่องราวที่กายบอบช้ำเจียนตาย ที่ล้มทั้งยืน แต่ฝืนให้กายสู้ไป
ค.เห็นที่สองกล้าพูดนะคะ
ถ้าเภสัชได้เงินน้อยและทำงานหนักอย่างทาส
ไม่อยากจะพูด พยาบาลจะขนาดไหนคะ
เรียนมาหกปีคง ได้เงินน้อยกว่า แหล่ะค่ะ คิดดีๆนะคะ ไปถามผู้รู้ดีกว่ามาพูดซุ่มสี่ซุ่มห้าเองแบบงี้ค่ะ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสอบใบประกอบครับ ต่อให้คุณจบมอรัฐ ที่ดังที่สุดในประเทศ แต่สอบใบประกอบไม่ผ่าน คุณก้อไม่มีโอกาสได้ทำงานเปงเภสัชกร เพราะไม่มีใบประกอบ ในทางกลับกัน ถ้าเด็กม.เอกชน สามารถสอบใบประกอบวิชาชีพได้ นั่นก้อหมายความว่า เค้าก้อคือเภสัชกรคนหนึ่ง และสามารถทำได้เปงเภสัชกรได้ จะเห็นได้ว่า เวลา รพ. รับสมัครเภสัชกร เค้าจะประกาศว่า รับสมัครเภสัชกร มีใบประกอบโรคศิลป์ เค้าไม่ได้เขียนเลย ว่าเภสัชต้องจบจากที่ไหน เด็กมอรัฐ ที่สอบใบประกอบไม่ผ่านก้อมีตั้งเยอะแยะ ส่วนเด็กมอเอกชนที่สอบใบประกอบโรคผ่านก้อมีเยอะแยะเหมือนกัน แต่แน่นอนว่า % การสอบใบประกอบของมอรัฐ ย่อมมีโอกาสที่จะได้สูงกว่ามอเอกชน เนื่องจาก Base line เด็กมาดี และมีอัตราส่วนคนเก่งเยอะ แต่มอเอกชนคนเก่งๆๆก้อมี เด็กมอรัฐบางคนยังสู้ไม่ได้ ถือว่าเปงเรื่องปกติ จำไว้ว่าการเรียน ขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถาบัน
***ปีที่แล้วก้อมีมอเอกชน สอบใบประกอบได้สูงกว่ามอรัฐบางมอ เพราะฉะนั้นจงปรับเปลี่ยนความคิดเสียเถอะ ปัจจุบัน เภสัชมอเอกชน พยายามที่จะ Active ให้ได้เท่ากับมอรัฐ ซึ่งบางมอสามารถทำได้ เราต้องคอยดูกันต่อไป...
ขอบคุณพี่ๆๆที่ช่วยแนะนำนะคับ **------**
ปีที่แล้วคนที่สอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ได้ที่หนึ่งของประเทศมี 2 คน คะแนนเท่ากัน คนนึงเรียนม.มหิดล ที่อีกจากม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ แต่คนที่เรียนม.หัวเฉียว เป็นเด็กที่เรียนจบเจ้าพนักงานเภสัชกรรม มาก่อน และทำงานโรงพยาบาลมาก่อน แถมตอนเรียนก็เป็นอันดับต้น ๆ ของคณะ
ขอแย้ง ความคิดเห็นที่ 2 กับ 4  นะครับ  ผมก็เรียนเภสัช  ที่เขาปรับให้เปง  6ปีอะ  เพราะจะได้ค่า เวร เท่ากับแพทย์ ครับ แล้ว 6ปี  มันเพิ่ม ชม.  ภาคสนาม  มากขึ้น  ทำให้ได้ประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้น  แล้วเงินเดิน เภสัช  มันก็ต้องมากกว่าพยาบาลยุแล้ว    ทั้งหน้าที่การงาน  เละสังคม  มันก็ต่างกันยุเละครับ  ถึงทำงานรัฐบาลไม่ได้  ไมไม่เปิดร้านเปงของตัวเองละครับ  อิสระกว่าอีก  มันยุที่ เครือข่าย ของมหาลัย  มันยุที่ว่ารุ่นพี่ของคุณที่ไปฝึกงาน ตามที่ต่างๆๆ ทำผลงานไว้ดีไหม  ถ้าทำไว้ดีก็จะเปงผลบุญให้รุ่นต่อๆๆไป  เละคำว่าเภสัชกร  เภสัชกรไม่เคยแบ่งแยกนะครับ  เลือดเขียวมะกอก  เหมือนกันหมด  จบ  จากไหน คุณก็ขึ้นชื่อว่าเภสัชกร    เวลาทำงาน  เขาไม่มานั่งถามคุณหรอกครับ  จบจากไหน  ยุที่ตัวคุณมากกว่าครับ  ไม่ได้ยุที่มหาลัยเลย
เราก็เป็นพยาบาลจบจากม.รัฐเพิ่งจบปีนี้ค่ะ เเต่ตอนนี้เรากำลังจะไปเรียนเภสัชที่ม.เอกชนเเห่งหนึ่ง อยากบอกว่าถึงจะเป็นม.เอกชนเราใช้โครงการป.ตรีใบที่2สอบเเต่ก็มีคนสอบเยอะมาก คงมีคนสงสัยว่าทำไมไม่เรียนตั้งเเต่จบม.6 ค่ะตอนที่เราจบม.6เราอยากเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพเพราะชอบทางสายนี้อยู่เเล้วเเต่พอเรามาทำงานรู้สึกว่าเราทำเเล้วมันไม่มีความสุขเพราะฉะนั้นจึงบอกตัวเองว่าอย่าฝืน จากประสบการณ์การทำงานที่รพ.ของเราตั้งเเต่จบเราก็ทำงานที่รพ.ศูนย์ประจำจ.เเห่งหนึ่งที่คนไข้เยอะมากๆ การทำงานพยาบาลถือว่าเหนื่อยมากเลยทีเดียวกับการขึ้น ช บ ด เเล้วต้องทำทุกอย่างเหนือนอกหน้าที่พยาบาล หน้าที่อื่นก็ต้องทำด้วยนะค่ะ กดดันในระดับหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นพยาบาลต้องมีความอดทนเเละมีใจรักในวิชาชีพเป็นหลักเลยทีเดียว
              เเล้วก็อยากจะบอกว่าถือจะเรียนจบรัฐหรือเอกชน มันไม่สำคัญค่ะว่าจะจบจากสถาบันไหน เพราะการทำงานที่รพ.มีทั้งเเพทย์ เภสัช พยาบาลจบทั้งรัฐเเละเอกชน ไม่มีใครมาถามคุณทุกวันหรอกค่ะว่าจบจากไหนเเต่มันขึ้นอยู่กับความรู้ที่เราเรียนมากเเละมาต่อยอดที่ทำงานกันทุกคนค่ะ เเละที่สำคัญการเข้ากับเพื่อนร่วมงานด้วยนะค่ะเพราะชีวิตการทำงานบางครั้งมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะฉะนั้นดิฉันกล้าพูดได้เลยค่ะ "สถาบันไม่ได้สำคัญเท่ากับตัวเราเองที่จะกำหนดมันค่ะ"
แล้ว จริง หรือเปล่าคับ คี่เค้าว่ากันว่างานของเภสัชกรเริ่มตันแล้วเพราะจำนวนคนที่จบแต่ละปีก้เพิ่มมากขึ้นอะคับ
ถ้าดูประกาศรับสมัครเภสัชกร บริษัทบางแห่ง กำหนดว่าต้องจบมหาวิทยาลัยของรัฐ บางแห่งกำหนดเกรด บางแห่งที่ไม่กำหนดก็ยากจะเดาได้ว่าจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจรับเข้าทำงานหรือไม่ หน่วยงานรัฐไม่กำหนด(กลัวถูกฟ้อง)แต่น่าจะเป็นปัจจัยในการพิจารณา เป็นธรรมดาผู้จ้างเขาก็ต้องเลือกที่เขาเชื่อถือหรือคิดว่าดีกว่า ที่จริงแล้วไม่แน่นอนซึ่งต้องพิสูจน์(ไม่มีโอกาสพิสูจน์ถ้าเขาไม่ให้โอกาส)ต้องทำใจ
ใช่ ๆๆ อันนี้เห็นด้วยค่ะ
อยากรู้ว่าถ้าเราเรียนเภสัช ม.เอกชนจบมาเราได้ทำงานของ รพ เอกชนเรยมั้ยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?