Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

14 อันดับแหล่งหลอนสุดขอบโลก!?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 14 อันดับแหล่งหลอนสุดขอบโลก!?

ที่มาจากนิตยสาร FHM โดยชานม

สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา...ทริปสุดพิเศษ พาทัวร์ดินแดนสยองขวัญสั่นประสาทรอบโลก เตรียมตัวเอาไว้ เพราะนี่คือประสบการณ์สุดหลอนที่คุณอาจไม่มีวันลืม

อันดับ 14 CATACOMBS : FRANCE

Catacombs เป็นสถานที่ฝังศพแห่งปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดินแดนแห่งวิญญาณที่ลอยล่องอยู่ทุกตารางนิ้ว

อุโมงค์ใต้ดินที่ลงไปใต้เมืองกว่า 300 เมตรและห้องขนาดต่างๆ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโรมันรุ่งเรือง และผันแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหลุมฝังศพ ในช่วงศตวรรษที่ 18 มีศพแล้วศพเล่าที่ถูกฝังอยู่ใต้ธรณีในพื้นที่แห่งนี้

หลายครั้งหลายคราที่มีคนถ่ายภาพแล้วพบเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ หรืออีกหลายคราวที่มีผู้เล่าว่าเหมือนว่ามีเงาของกลุ่มคนเดินตาม และแน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านั้น ไม่มีใครที่ยังคงมีลมหายใจอยู่แม้แต่คนเดียว!

และไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ร้อยปี Catacombs ก็ยังคงเป็นสุสานที่รอให้คนที่ชื่นชอบการค้นหาในสิ่งลี้ลับมาพิสูจน์ความน

 

อันดับ 13 PALMYRA ISLAND : NORTHERN PACIFIC ISLAND

                เกาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประเภทหนึ่งที่มีผู้คนนิยมชมชอบไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก หรือบางคนอาจเลือกเกาะส่วนตัวเพื่อเป็นสถานที่ฮันนีมูนหวานฉ่ำ แต่จะเป็นยังไงหากเกาะแห่งนั้นเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยผี!

                เกาะที่ว่านั่นก็คือ เกาะพัลไมรา ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งได้ชื่อว่ามีรังสีแห่งความชั่วร้ายครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ จากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนที่เคยไปเยี่ยนที่นี่ พวกเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้กลิ่นของการไม่ต้อนรับขับสู้จากสิ่งที่มองไม่เห็นเข้าให้แล้ว”

อีกหนึ่งมูลเหตุอันน่าสยดสยองของเรื่องผีๆ สางๆ ก็คือการมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของปลาฉลามจอมวายร้ายเดือนละ อย่างน้อย 2-5 ราย อีกทั้งยังตายเพราะกินปลาหรือสาหร่ายที่มีพิษที่อยู่บริเวณนั้นเข้าไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

และนั่นก็คือสาเหตุสำคัญที่มีจำนวนคนตายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บนเกาะแห่งนี้และไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย แน่นอนว่าเกาะพัลไมราก็ไม่ใช่เกาะสวาทหาดสวรรค์สำหรับหนุ่มสาวอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นเกาะแห่งความตายที่พร้อมจะกลืนชีวิตทุกมนุษย์ที่ไปเยือน!

อันดับ 12 PRYPIAT CITY : UKRAINE

ทุกคนคงจะจำเหตุการณ์ช็อกโลกที่เชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 ได้เป็นอย่างดี การระเบิดของโรงงานนิวเคลียร์ในครั้งนั้นก่อเกิดความสูญเสียอย่างมากมายต่อมวลมนุษยชาติ อีกทั้งยังสร้างความหลอนให้กับเมืองอย่าง Prypiat ที่อยู่ติดกับบริเวณนั้นอีกด้วย

เมือง Prypiat สร้างขึ้นเพื่อรองรับคนงานของโรงงานนิวเคลียร์ดังกล่าวในปี 1970 ก่อที่จะกลายเป็นเมืองร้างไปในบันดล ทั้งๆ ที่เมืองนี้ถูกวางแผนให้เป็นเมืองที่จะมีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงในยูเครน

ซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดในครั้งนั้นก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 56 ศพ และแน่นอนว่าเหล่าวิญญาณของผู้เสียชีวิตยังคงวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น เพราะยังมีคำยืนยันว่ายังคงได้ยินเสียงกรีดร้อง กลิ่นคาวเลือด และบรรดาเงาร่างของผู้ใหญ่และเด็กๆ บริเวณกำแพงแถวๆ นั้นอยู่เป็นประจำ

และทุกวันนี้ Prypiat หลงเหลือเพียงเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่เพียงนิดหน่อย...กวาง และสุนัขจิ้งจอกเพียงไม่กี่ตัว...รวมถึงบรรยากาศของความเศร้าและน่าสยดสยองก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

 

อันดับ 11 LAWANG SEWU : INDONESIA

อีกความหลอนจากอินโดนีเซีย กับตึก Lawang Sewu ในเมืองเซมารัง ที่มีอายุเกือบ 150 ปี (สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์) ที่รับรองว่าระดับความน่ากลัวที่พุ่งถึงขีดสุด...

ชื่อของตึกเก่าแห่งนี้แปลความหมายตรงตัวเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘ประตู 1,000 บาน’ ซึ่งมีเสียงหนาหูว่าคนที่ไปเยือนได้พบกับดวงวิญญาณมากมายหลายรูปแบบ ไล่มาตั้งแต่ผีหัวขาดสุดสยอง วิญญาณของหญิงสาวชาวดัตช์ที่แขวนคอตรงประตูบานหนึ่งของตึก รวมไปถึงเสียงกรีดร้องชวนสะพรึง แถมยังมีชาวอินโดนีเซียอีกจำนวนมากที่ถูกขัง ทรมาน และฆ่าตายด้วยวิธีการต่างๆ อย่างสยดสยอง ภายในห้องใต้ดินของตึกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการล็อกห้องและปล่อยให้ตายไปเฉยๆ หรือไม่ก็โดนตัดหัวขาด

ฟังเรื่องราวเหล่านี้แล้ว มีใครจะกล้าเข้าไปอยู่ในตึกนี้คนเดียวตอนกลางคืนไหมล่ะ???

 

อันดับ 10 QUEEN MARY : USA

สถานที่สุดนต่อไปนี้ไม่ว่าจะมีการสำรวจความน่ากลัวกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็จะต้องติดอันดับเสมอ

ความนนี้มีชื่อว่า ‘ควีนแมรี่’ เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สุดลำหนึ่ง ที่สร้างขึ้นมาจากน้ำมือของมนุษย์ เคยมีวัตถุประสงค์เพื่อขนส่งผู้โดยสารข้ามมหาสมุทร โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1939 มีความยาว 300 เมตร สูง 54 เมตร สามารถจุคนได้ถึง 2,075 คน แต่สุดท้ายในปี 1967 มันก็หยุดเดินเรือและกลายสภาพไปเป็นโรงแรม ภัตตาคาร และพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำแทน แต่ความยิ่งใหญ่ ก็มาพร้อมกับความน่าสะพรึงอย่างที่สุด!

หลายคนเชื่อว่า ผู้ใดที่เสียชีวิตบนเรือลำนี้ จะต้องกลายเป็นผีเฝ้าเรือไปทุกราย ไม่ว่าจะเป็นการตายของกะลาสีเรือที่ชื่อว่า จอห์น เฮนรี ที่ถูกไฟครอกตาย แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเสียงเคาะประตูและแสงสว่างวาบเล็ดลอดออกมาจากห้องเครื่องหมายเลข 13 ที่เป็นสถานที่ซึ่งเขาตายโหงนั่นเอง

หรือจะเป็นกรณีของเด็กสาวนามว่า แจ็คกี้ ที่วนเวียนอยู่บริเวณสระว่ายน้ำบนเรือ เธอพลาดสไลด์ตัวลงมาจากราวบันไดชั้น 3 คอหักตาย แต่จนป่านนี้ เธอยังคงเฝ้ารอแม่และตุ๊กตาเท็ดดี้ แบร์ ตัวโปรดของเธอไม่ไปไหน

นี่ยังไม่นับรวมเสียงเด็กร้องไห้จากห้องเนอร์สเซอรี่ และ Cabin B340 ที่นหนักอันเนื่องมาจากมีการฆาตกรรมเด็กอายุ 8 ขวบอย่างสยดสยอง ณ บริเวณนั้น

ถ้าใครไม่เชื่อก็ลองไปเสิร์ชหาเรื่องราวและประวัติของเรือลำนี้ดูได้ในอินเทอร์เน็ต แล้วจะรู้ว่าการติดอันดับความน่ากลัว ‘ควีนแมรี่’ จากทุกสำนักที่ได้รับการสำรวจในทุกๆครั้งไม่ได้มาเพราะความบังเอิญอย่างแน่นอน!!!

 

อันดับ 9 TANA TORAJA : INDONESIA

ย้ายการทัวร์สยองจากฝั่งยุโรปและอเมริกามาพบกับ ‘ทานา โทราจา’ สถานที่สุดสะพรึงในอินโดนีเซียกันดีกว่า

‘ทานา โทราจา’ ตั้งอยู่ภายในเกาะสุราเวชี โดยมีเทือกเขาล้อมรอบ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งที่ทำให้ผู้ที่ได้มีโอกาสไปเยือนขนลุกขนชันได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความตายของพวกเขานั่นเอง

ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า หากเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมาตายตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้นซักซี่ ชาวบ้านก็จะนำร่างของเด็กคนนั้นไปฝังใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะมีความเชื่อว่าสายลมจะพัดพาเอาวิญญาณของเด็กไปอยู่ในสถานที่ที่ดีได้

นอกจากนั้นพิธีกรรมเหล่านี้ก็จะแตกต่างกันไปตามสถานภาพทางสังคมของคนตาย มีการเซ่นไหว้สัตว์ ทั้งหมู ควาย เป็นการบูชายัญเทพเจ้าอีกด้วย

ถึงแม้อาจจะได้มีการพบเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่แค่นึกภาพตามก็ขนลุกขนพองแล้วนะเนี่ย! บรื๋อออส์!!!

 

อันดับ 8 DRACULA CASTLE : ROMANIA

ตำนานแดร็กคูล่าเป็นเรื่องเล่าขานที่ทั่วโลกต่างเคยได้ยิน แต่จะมีสักกี่คนที่เคยได้เหยียบปราสาทที่ท่านเคาท์อาศัยอยู่จริงๆ!

ปราสาทแดร็กคูล่าหรือปราสาทบรานถูกสร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมโกธิคตั้งแต่ปี ค.ศ. 1212 โดยอัศวินชาวเยอรมัน ตัวปราสาทเด่นตระหว่านอยู่บนหน้าผาสูงในบริเวณที่ปัจจุบันคือประเทศโรมาเนีย

ความสยดสยองนั้นเริ่มขึ้น เมื่อเจ้าชายวฉาดขึ้นเป็นเจ้าของปราสาท ซึ่งเป็นที่รู้กันถึงนิสัยใจคออันโหดเ้ยมในการทรมานเชลยของเขา โดยการใช้ไม้แหลมเสียบจากทวารหนักถึงรูปากและนำมาห้อยโตงเตงอยู่รอบบริเวณปราสาท และความอำมหิตเช่นนี้จึงมีการเสริมเติมแต่งกลายเป็นเรื่องราวของผีดิบดูดเลือดตั้งแต่ครานั้น แต่บ้างก็อ้างว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งพำนักของเหล่าแวมไพร์จริงๆ

เรื่องจริงเท็จเป็นเช่นไรก็คงต้องหาข้อพิสูจน์กันต่อไป แต่หากใครได้เยื้องย่างเข้าไปข้างในปราสาทได้ รับรองได้เลยว่าขนหูตั้งแน่ๆ!!!

 

อันดับ 7 GREYFIAR FIRK : SCOTLAND

สก็อตแลนด์นับเป็นอีกหนึ่งประเทศในโลกที่ว่ากันว่าผีดุโครตๆ และสุสานแห่งนี้ก็เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าเสียงร่ำลือนั้น... เป็นเรื่องจริง!

สุสาน Greyfiar Firk และได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งผีนที่ฮอตที่สุดในยุคนี้ ใครที่อยากมาลองของก็จะพบกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นผิดปกติ กลิ่นอันน่าขยะแขยงที่พัดโชยมาจากสุสาน ที่พลันทำให้เราคลื่นเยนน่าอาเจียนเป็นยิ่งนัก เสียงดังที่เล็ดลอดออกมาจากหลุมฝังศพที่ไร้ศพ หลายคนมีรอยฟกช้ำและบาดแผลที่เกิดจากการจู่โจมจากสิ่งที่มองไม่เห็น บางคนถึงกับหมดสติไปเลย แถมบ้านแถวนั้นก็โดนก่อกวนนับไม่ถ้วน จากสิ่งที่มองไม่เห็นที่เรียกว่า ‘โพลเตอร์ไกสต์’ ที่เรามักจะเห็นภาพชินตาของวัตถุที่สามารถเคลื่อนย้ายมวลสารได้เอง โดยไม่มีใครอยู่สักคน

ผีที่นที่สุดในสุสานแห่งนี้คงหนีไม่พ้นร่างอันไร้วิญญาณของพนักงานบริษัทที่ชื่อ จอร์จ แม็คเคนซี่ เขาถูกใส่ร้ายป้ายสีและทรมานจนตาย มีเพียงคำสั่งเสียสั้นๆ ว่าอยากแก้แค้น! และพวกที่อยากลองดีต่างเผชิญหน้ากับเขามานักต่อนัก

 

อันดับ 6 KELLY ROAD : USA

ใครที่บังเอิญขับรถผ่านไปแถวๆ โอไฮโอวิลล์ รัฐเพนซิลวาเนีย แล้วเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ขนหัวลุกแล้วล่ะก็ ไม่ต้องแปลกใจ...ถ้าหากถนนสายนั้นมีป้ายเขียนอย่างชัดเจนว่า ‘Kelly Road’

ด้วยระยะทางเพียง 1 ไมล์ แต่คุณอาจได้พบกับสิ่งเร้นลับนับไม่ถ้วน ถนนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก เสียงอันน่าสะพรึงกับดวงวิญญาณที่โผล่มาให้ตกใจเล่นๆ มากมาย สัตว์ที่เชื่องกลับกลายเป็นดุร้าย ผืนป่าหนาทึบต่างเคลื่อนไหวคล้ายดูมีชีวิตซะอย่างงั้น!

ปรากฏเหล่านี้ไม่มีคำอธิบายใดๆ มีเพียงความเชื่อที่ว่าถนนสายนี้อาจถูกสาปโดยชนเผ่าอินเดียนแดงที่สูญเสียบ้านเมืองไปจากการรุกล้ำอาณาเขตของชนผิวขาวนั่นเอง

ถึงแม้มันจะเป็นความเชื่อที่ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่มันก็ทำให้ใครหลายๆ คนต่างบรรจุชื่อถนนเส้นนี้เอาไว้ว่า ‘ถนนมรณะ’!

 

อันดับ 5 DJAVOLJA VAROS : SERBIA

ประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรปที่มีอัตราการส่งออกราสเบอร์รี่มากที่สุด 1 ใน 3 ของโลกอย่างประเทศเซอร์เบีย ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของบรรยากาศอันน่าพิศวงไม่แพ้ที่ใดในโลก... ที่แห่งนั้นคือ Djavolja

สถานที่แห่งนี้อยู่บนเทือกเขาราดาน ทางตอนใต้ของเซอร์เบีย สิ่งที่แปลกประหลาดคือเต็มไปด้วยหินรูปปิรามิดทรงแปลกๆ กว่า 202 ชิ้น แต่ละชิ้นสูง 2-15 เมตร กว้าง 4-6 เมตร วางเรียงรายอย่างน่าฉงน เชื่อกันว่าเกิดจากการกัดเซาะของน้ำเชี่ยวและถูกล้อมไปด้วยผืนดินอันอ่อนนุ่ม

ทั้งสวยงามและแปลกเช่นนี้ เจ้าหินกลุ่มนี้จึงถูกคุ้มครองจากรัฐบาลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 แต่ภายใต้ความประหลาดเหล่านั้นก็มีอาถรรพณ์ที่เล่าต่อกันมาว่า ในขณะที่หินนั้นพังทลายลงมาได้อย่างรวดเร็วจากแรงลมฝน มันเกิดจากการต่อสู้ระหว่างเหล่าซาตานเพื่อช่วงชิงอาณาเขตกันอยู่นั่นเอง นอกจากนั้นยังมีเสียงโหยหวน และกรีดร้อง ดังก้องขึ้นจากหุบเขาแห่งนั้นในยามค่ำคืนที่ลมพัดแรง สร้างความหวาดผวาแก่ผู้คนมานานนับทศวรรษ

และบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจ โบสถ์เก่า สุสาน ที่อยู่บริเวณโดยรอบก็สามารถทำให้ตาดำๆ ของเรากลายเป็นสีขาวโพลนได้ทันตาเห็น!!!

 

อันดับ 4 AOKIGAHARA FOREST : JAPAN

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงติดอันดับโลก และป่า ‘อาโอะกิงาฮาระ’ ถือว่าเป็นป่าต้องคำสาปที่มีมนุษย์คิดสั้นมาทิ้งชีวิตเอาไว้นับไม่ถ้วน!

ป่าชื่อเรียกย๊ากยากแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูเขาฟูจิด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ตามข้อมูลแล้วป่าอาโอะกิงาฮาระแห่งนี้มีอัตราฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากสะพานโกลเด้น เกต) โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 30 คนต่อปี และแค่ปี 2002 เพียงปีเดียวก็มีคนมาปลิดชีวิตตนเองถึง 78 รายด้วยกัน!

มีหลากหลายความเชื่อที่เกิดขึ้นกับป่าแห่งนี้ บ้างก็เชื่อว่ามีวิญญาณต้นไม้ที่จะคอยดูดพลังงานของคนตายกลับสู่ธรรมชาติให้กลายเป็นพลังแห่งป่า แต่บางคนก็เชื่อว่าได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากนวนิยายและหนังที่มีตัวละครคู่รักคู่หนึ่งได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายร่วมกัน

แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เราไม่ขอเหยียบผืนป่าแห่งการฆ่าตัวตายแห่งนี้เด็ดขาด...!!!

 

อันดับ 3 TOWER OF LONDON : ENGLAND

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับบ้านผีสิง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า แม้แต่ ‘พระราชวัง’ ก็มีผีสิงได้เช่นกัน!!!

‘ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน’ เป็นที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ในประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 เมื่อ 900 กว่าปีที่ผ่านมา ที่สำคัญมันยังเป็นหอคอยประหาร หรือ Bloody Tower (ในส่วนของหอคอยสีเขียวนั่นเอง) ที่คร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยวิธีการตัดคอด้วยขวานและเอาเชือกรัดคอให้ตาย รวมไปถึงศพของควีนแอนน์ โบลีน พระมารดาของควีนอลิซาเบธที่ 1 และ นายโรมัน เอ. เบ็คเกตต์ นายช่างฝีมือดี ที่ถูกฆ่าตายอย่างเ้ยมโหด และขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความนเป็นที่สุด

เคยมีเคสแปลกๆ ที่หน่วยทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งพบเจอเรื่องอันน่าสยดสยองที่เขาไม่เคยลืม เพราะในขณะที่เขาเข้าเวร ก็ปรากฏภาพคนกลุ่มหนึ่ง แต่งเครื่องแบบประหลาดเดินช้าๆ เข้ามาหาเขา พวกเขากำลังหามแคร่ ที่ด้านบนมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่...แต่ให้ตายเถอะ! ชายผู้นั้นไม่มีหัว!!!

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความน่ากลัวของทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน ยังมีเรื่องเล่าต่างๆ มากมายที่รอให้ไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาอีกมาก!!!

 

อันดับ 2 ALCATRAZ PRISON : USA

ข้ามฟากไปยังดินแดนสหรัฐอเมริกา หากคุณมีโอกาสเดินทางไปยังอ่าวซานฟรานซิสโก คุณคงจะได้รับคำแนะนำให้ไปเยี่ยมเยือนเกาะแห่งหนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า ‘อัลคาทราซ’

เกาะอัลคาทราซ หรือ ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘เดอะ ร็อก’ นั้นเคยเป็นที่ตั้งของประภาคารและป้อมปราการของกองทัพสหรัฐ รวมไปถึงคุกทหารที่จองจำนักโทษเป็นจำนวนมาก แถมในช่วงปี 1934-1963 รัฐบาลก็ใช้คุกแห่งนี้เป็นสถานที่คุมขังอาชญากรตัวเอ้และนักโทษการเมือง แต่หลังจากนั้น คุกแห่งนี้ก็ยุติการทำหน้าที่ของมัน และกลายสภาพไปเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในที่สุด

คนพื้นเมืองเชื่อว่าเกาะแห่งนี้มีปิศาจสิงสถิตอยู่ เป็นสถานที่แห่งความตายที่มักมีเหตุเกิดจากอุบัติเหตุ การฆาตกรรม และการฆ่าตัวตายมาเป็นเวลาหลายพันปี ผู้ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ต่างได้รับความเจ็บปวดทางกาย ความบอบช้ำทางจิตใจ ไม่แปลกเลยว่านี่คือสถานที่ซึ่งนติดอันดับต้นๆ ของทุกโพลที่มีการจัดอันดับสถานที่สุดหลอน

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้เรายิ่งแน่ใจว่าคุกอัลคาทราซ คืออีกสถานที่หนึ่งที่น่าขนลุกไม่แพ้ที่ใดเลยก็คือ...ไม่เคยมีใครหลบหนีไปจากเกาะแห่งนี้ได้!!!

นั่นแปลว่า นักโทษที่ถูกคุมขังทั้งหมด... ก็ต้องสิ้นลม ณ คุกแห่งนี้!!!

นอกจากนี้ยังมีเสียงร่ำลือว่าเกิดเรื่องแปลกๆ มากมาย นักท่องเที่ยว พนักงานรักษาความปลอดภัย และบรรดานักโทษ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบางคืนที่เต็มไปด้วยหมอกหนา จะมีเสียงกรีดร้อง เสียงร่ำไห้ เสียงกระซิบที่หาต้นตอไม่ได้เกิดขึ้น ณ บริเวณประภาคาร และแสงสีเขียวประหลาดที่ลอยวนอยู่รอบเกาะอีกด้วย

 

อันดับ 1 BEECHW ORTH LUNATIC ASYLUM

ใครจะรู้ว่า ประเทศออสเตรเลียอันเงียบสงบ... จะมีเคหะสถานอันน่าสะพรึงกะเค้าด้วย... และ ‘โรงพยาบาลประสาทบีชเวิร์ธ’ คือสถานที่แห่งนั้น...

ร.พ. แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1867 โดยมีชื่อเก่าว่า เมย์เดย์ ฮิลส์ เปิดทำการมากว่า 128 ปี ในระหว่างนั้นมีการสร้างตึกกว่า 57 ตึกทำการ ช่วยเหลือคนไข้กว่า 1,200 ชีวิต ในทางกลับกันก็มีคนตายที่นี่เกือบ 9,000 คน!!!

หลักฐานความหลอนของที่แห่งนี้ก็มีอยู่หลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณหญิงสาวบริเวณหน้าต่าง ที่เชื่อว่าเป็นหญิงสาวที่ถูกเพื่อนคนไข้ผลักตกลงมาตาย นักท่องเที่ยวบางคนบอกว่าระหว่างการเยี่ยมชม เหมือนมีผู้ชาย 3 คนเดินตาม บ้างก็บอกว่าได้ยินเสียงเคาะแก้ว หรือแม้แต่รอยเท้าที่ไม่ทราบที่มาที่ไป

เกรวิลเลีย วิง  คือพื้นที่อีกส่วนหนึ่งที่นสุดๆ มันเคยใช้เป็นที่รักษาคนไข้โดยวิธีการช็อตไฟฟ้า ซึ่งภายในห้องแห่งนี้ มักมีคนพบผีตนหนึ่งที่มีคนเจอบ่อยที่สุด นั่นคือ วิญญาณของมาตรอน ชาร์ป นั่งอยู่เคียงข้างคนไข้ที่กำลังรับการรักษาอยู่เสมอๆ! และนี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความหลอนเท่านั้น...


PS.  เป็นแฟนพันธุ์แท้เรา...ต้องอดทน!!!

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

-Saber- 11 พ.ย. 54 เวลา 18:37 น. 1

ไม่มีสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหรอครับ


PS.  ถ้าเขาว่าผิดผมว่าไม่ผิดแล้วผมต้องผิดใช่ไหม ถ้าเขาว่าถูกผมว่าไม่ถูกแล้วผมต้องเชื่อหรือไง
0
มัญชุดา 11 พ.ย. 54 เวลา 18:44 น. 2

น่าไปเที่ยว...
ว่าจะถามเหมือนกัน กะเข้ามาเจอเบอร์มิวด้าเต็มที่ แต่ป่าฆ่าตัวตายที่ญี่ปุ่นนี่ก็ติดทุกทีเลยนะ
ปล.เผลอกดเห็นด้วยกับความคิดเห็นตัวเอง...เซ็งครับ!

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2554 / 18:49


PS.  เชี่ยวชาญชำนาญนัก ให้คนหลงรักหลงปราบปลื้ม
0
cammy 11 พ.ย. 54 เวลา 18:52 น. 4

สามเหลี่ยมเบอบิวด้ามันไม่ใช่สถานที่มั้ง เขาเรียกว่าพื้นที่เขตแดนอะไรประมาณ แถมสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีปรากฏการณ์เรือหาย เครื่องบินหายด้วย มันก็แล่นตามปกติแหละ


ไม่ยักมีเอาวิตต์, แคลมป์ญี่ปุ่นแพะเชื้อนรกสงครามโลกครั้งที่ 2, โคลอตเซียม, ตรอกแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

แต่ในใจผมน่ะโรงเรียนคุกเขมรแดงนี้โหดชั่วร้ายที่สุดแล้ว มันไม่จำเป็นต้องมีผีป่าซาตานหรอกมนุษย์เรานี้แหละตัวดี


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2554 / 18:49
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2554 / 18:57
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2554 / 19:06


PS.  สมาคมหอยหลอดแห่งประเทศเทย
0
shiroro 11 พ.ย. 54 เวลา 18:56 น. 5

เรื่องเรือแมรี่ ควีน นี่ยังไปนำไปสร้างเป็นพล๊อตหนังเรื่อง Ghost ship ไม่มีผิด


PS.   vbvb World of Warcraft Classes Rogue All Hail~ Megatron!
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

na[RakU]en 11 พ.ย. 54 เวลา 20:16 น. 8

 
เอ่อ...ท่านอลิซ (ขอเรียกงี้นะ สั้นดี)

ท่านอยากไปจริงๆหรือนั่น ถ้าจะไปยังไงก็อย่าลืมส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เราด้วยล่ะ 

เราก็อยากไป 555

อยากไปดูปราสาทบรานอะ


PS.  จะเเยกได้อย่างไรว่าสิ่งใดคืออดีต สิ่งใดเป็นปัจจุบัน เเละสิ่งใดที่เป็นอนาคต ในเมื่อทั้งปัจจุบัน เเละอนาคต ล้วนก็ถูกคำว่าอดีตกลืนกินด้วยกันทั้งสิ้น
0
Sirisobhakya 11 พ.ย. 54 เวลา 21:18 น. 9
เบอร์มิวด้าเขาพิสูจน์แล้วนะครับว่าอัตราการหายไปก็ไม่ต่างจากที่อื่นในมหาสมุทรเท่าไหร่เลย

ส่วนสถานที่แปลกเหล่านี้..... อาจมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้.....

PS.  หากเพียงฉันสามารถเอื้อมมือเข้าไปถึงในใจของเธอภายในอกที่ปิดกั้นฉันเรื่อยมา เธอจะคิดถึงฉันบ้างไหมหนา หรือว่าฉันคงไม่มีวันจะสมหวัง.....
0
Kusunoki Columnist 12 พ.ย. 54 เวลา 11:56 น. 10
//ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ท่านอลิซาเบธ ท่านimmortal9

เอ่อ เเล้วค่าเครื่องบินล่ะ? หรือจะขอขึ้นเรือไปกับลูฟี่ดี?

(//โดนถีบ -*-)

PS.  ถ้อยคำที่กระซิบแผ่วเบา คือบทเพลงเเว่วหวานในยามราตรีต้องห้าม
0