Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความแตกต่าง! การศึกษา ไทย Vs ตะวันตก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ความจริงที่นักเรียนไทยต้องรับชะตากรรม...........

             ประเทศตะวันตกที่เจริญแล้ว มีการเรียนการสอน โดยเน้นให้นักเรียน คิดเป็น วิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น .......ในขณะที่ของไทยเน้นให้ความรู้ ให้นักเรียนรู้ไปซะทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าความรู้ไม่สำคัญ แต่คนๆหนึ่งไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ดี หากเขาไม่สนใจในสิ่งนั้น เพราะยังไงจบไปเดี๋ยวก็ลืม ให้แต่เพียงความรู้พื้นฐานก็พอ หากเขาสนใจอะไรก็จะไปค้นคว้าเอง

             ข้อสอบในตะวันตกอนุญาตให้นำหนังสือหรือเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบได้ เพราะคำถามเป็นแบบวิเคราะห์ ดังนั้นต่อให้มีหนังสือก็ไม่ช่วยให้คะแนนดีขึ้น ถ้าวิเคราะห์ไม่เป็น ............ในขณะที่ของไทยเน้นถามความจำ เพราะออกและตรวจข้อสอบง่าย เพียงครูเปิดหนังสือแล้วตั้งคำถามตามนั้น ซึ่งความสามารถด้านนี้คอมพิวเตอร์สามารถทำได้ดีกว่า แล้วเราจะต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์ล่ะ! สิ่งที่ทำให้คนต่างจากคอมพิวเตอร์คือจินตนาการ การวิเคราะห์

              ในประเทศต่างๆล้วนชนะกันด้วยสิ่งนี้ คือการที่คนในประเทศคิดเป็น แม้บางครั้งเราอาจรู้สึกขำที่ฝรั่งบางคนไม่รู้ว่าเมืองหลวงของประเทศไทยคือเมืองใด แต่สำหรับตะวันตกจะมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก เพราะถ้าอยากรู้ก็เปิด กูเกิ้ลดูก็ได้ สิ่งที่เหลืออยู่จากการจบจากโรงเรียนไป เมื่อความรู้ส่วนใหญ่ลืมไปหมดแล้วก็คือ "วิธีคิด"

              อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ เคยมีคนถามเค้าว่า 1 ไมล์ เท่ากับกี่ฟุต เขาจำไม่ได้ คนถามจึงหัวเราะ ไอน์ไสตน์ตอบว่าทำไมผมต้องจำว่าหนึ่งไมล์เท่ากับกี่ฟุต ในเมื่อเปิดหนังสือดูเมื่อไหร่ก็ได้ ประโยคอมตะของไอน์สไตน์ที่ได้ยินบ่อยๆ คือ "จินตานาการสำคัญกว่าความรู้"
            
credit: บางส่วนของหนังสือ พระพุทธเจ้าพลิกใจ ไอน์สไตน์พลิกโลก


            ปล.  ผมไม่ได้ยกย่องพวกชาติตะวันตกหรอกนะ แค่อยากบอกว่า เปลี่ยน! ได้ไหม ที่ต้องมานั่งเรียนเยอะๆ หนักๆ จำๆๆ ท่องสูตรๆๆๆ เนี้ยะ!

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ก็มันจริง 29 ธ.ค. 54 เวลา 08:33 น. 1

คนที่คิดแผนการศึกษาไทย ลูกหลานเขาเรียนในไทยที่ไหนกันล่ะ แต่เขาไม่ทำให้การศึกษาไทยดีในทีเดียวหรอก ต้องค่อย ๆ เขาจะได้มีโครงการไว้ประเมินในตำแหน่งพวกเขาที่สูงขึ้นไว้หลาย ๆ โครงการ

0
prego 1 ม.ค. 55 เวลา 12:38 น. 2

 จริงๆนะ  เห็นด้วยกับ  จขกท.  มากเลย  เด็กไทยหนะเรียนพิเศษมากกว่าเรียนที่โรงเรียนอีก  แล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ  เรียนไปก็ไม่รุเรื่อง  แถม   งานก็ยังเยอะ  เวลา  ทำไม่ได้ก็ลอกกัน เป็นส่วนใหญ่  สำหรับคนที่คิดเองก็มี  มะกี่คนหรอก  ส่วนใหญ่  ลอกกันทั้งนั้น           เบื่อมากเลย                                       


PS.  PREGO
0
StarrySword 7 ม.ค. 55 เวลา 17:32 น. 3

ใช่ๆ เด็กไทยส่วนใหญ่ตรงกับสำนวนนี้เลย ..'ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด'
เพราะคิดวิเคราะห์เองไม่เป็น มีคนป้อนข้อมูลทุกอย่างให้ตลอด ประยุกต์ความรู้ที่มีอยู่นำไปใช้ไม่ได้
และบางทีการที่เด็กโดนผู้ใหญ่จำกัดขอบเขตมากเกินไปก็ทำให้ ไม่กล้าคิดอะไรด้วยตัวเอง

0
po_yo 9 ม.ค. 55 เวลา 21:36 น. 4

การเรียนของไทยใช้การจำซะส่วนใหญ่ เรื่องที่จำๆเนี่ยก็เป็นเรื่องเก่าๆ ซ้ำซาก บางครั้งข้อมูลในหนังสือก็ขัดกับความเป็นจริงๆ คือบางครั้งเราก็คิดว่า"จะเอาเป๊ะอะไรนักหนาวะ เวลาเอาไปใช้ในชีวิตมันต้องเป๊ะขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่คิดจะกุใช้ความคิดของตัวเองบ้างเลยหรือไง ทำแบบนี้ไปแล้วได้อะไรขึ้นมา บ้างครั้งบางอย่างที่เรียนๆไปแม่งไม่ได้สำคัญอะไรกับกุเลย"  ดูเหมือนกับว่า
การศึกษาไทยไม่ค่อยให้ความอิสระในทางความคิด การกระทำ กับนร. เลย ต้องคอยจูงจมูกให้นร.เดิมตามตลอด พอโตไปทำไร??? ไปเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือว่าไปเป็นลูกจ้างให้พวกต่างชาติมันจูงจมูกน่ะเหรอ??? เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ดิ มันมาผิดทางอ่ะการศึกษาไทย
วันๆมารร. ทำไร? เข้าแถว เคารพธงชาติ แล้วก็ เรียน เรียน เรียน!!! พวกคุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย การเรียนมันไม่ใช่ที่สุดของชีวิตหรอกนะ รู้มากเรียนมาก จบไปเป็น ดร.
มีหน้าที่การงานตำแหน่งใหญ่โต แต่กลับโกงกินบ้านเกิดตนเอง ฉันไม่สนใครทั้งนั้น สนแต่ว่าฉันจะดังมั๊ย? มีชื่อเสียง มีเงินมีทองมั๊ย? ฉันจะอยู่สุขสบายหรือเปล่า? นี่ก็คือผลที่พวกคุณปลูกฝังให้พวกเขามาตั้งแต่เด็กๆ มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย!!!! คุณธรรมในจิตใจต่างหากที่พวกคุณควรปลูกฝังให้พวกเด็กๆ!!!! การศึกษาไทยเอ๋ย ตื่นได้แล้ว ตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงในสังคมที่วุ่นวายนี้ซักทีเถอะ!!!!!!!!
 


PS.  
0
โฮลลี่เกรล 23 ก.ค. 57 เวลา 12:23 น. 5

เห็นด้วยค่ะ

เราเรียนที่ตปท. เขาสอนวิเคราะห์ตั้งแต่เด็กๆเลยทีเดียว อย่างเรียนวิชาภาษาอังกฤษเนี่ย เขาไม่ได้สอนแค่ให้อ่านให้เข้าใจเนื้อเรื่อง แต่เขาสอนให้คิดไปด้วยว่า ทำไมตัวละครถึงทำอย่างนี้ ผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไร แถมเขียนในยุคไหน ต้องนำไปเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ในยุคนั้นอีก

วิทย์กับคณิต ครูให้นำสูตรเข้าไปสอบได้เลยค่ะ ไม่ต้องท่องจำ แต่ข้อสอบจะเป็นการคิด วิเคราะห์เสียส่วนใหญ่ คือถ้าไม่เข้าใจ ต่อให้มีสูตร ก็ใช้สูตรไม่เป็นหรอก

พอเรียนมหาลัย..ทุกอย่างเป็นวิเคราะห์ และประยุกต์ รวมทั้งใช้จินตนาการหมดค่ะ แบบเรียน molecular biology อาจารย์สอนเบสิค และวิธีคิด รวมทั้งให้อ่านแต่งานวิจัย nobel prize winner ข้อสอบนั้นจะเป็นการประยุกต์ความรู้มากกว่า ประมาณว่า ยีนส์ตัวนี้ไม่มีอยู่จริง แต่มีคุณสมบัติอย่างนี้ ถ้าจะทำการทดลองต้องทำอย่างไร คือมันไม่มีในหนังสือจริงๆ ทุกอย่างอาศัยการใช้เหตุผลอธิบาย กับจินตนาการล้วนๆค่ะ

เรียนเขียนโปรแกรม ข้อสอบก็เขียนโปรแกรมในกระดาษจริงๆ คือไม่มีวันรู้อ่ะว่าโปรแกรมมันจะผ่านรึเปล่า แต่ต้องเขียนสดๆ 5-6 โปรแกรม ภายใน 2 ชั่วโมงแห่งการสอบ ก็สนุกดี และเวลาตรวจเขาแค่ดูไอเดียว่าเรามาถูกทางไหม อะไรทำนองนั้นมากกว่า

มหาลัยเราจะเน้นด้านการวิจัยมากๆอ่ะ คือ เราก็ทำวิจัยตั้งแต่ปี 1 ผ่าสมองหนูมานักต่อนักแล้ว เขียนโปรแกรมวิเคราะห์ก็หลายครั้งแล้ว เราว่าถ้าการศึกษาไทยเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าภาคทฤษฏี(ที่ใช้จริงไม่ค่อยจะได้) จะดีกว่ามากๆอ่ะ

0
เบลล์ 23 ก.ค. 57 เวลา 12:59 น. 6

ก็จริงอยู่ที่เด็กไทยต่างจากเด็กตปท.นะ
แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ ล่ะก็
ไม่เพียงแต่หลักสูตรไทยที่เน้นการท่องจำ สอบก็ท่องจำไม่ได้ใช้การวิเคราะห์
ครูและนักเรียนเองก็ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การศึกษาไทยยังไม่ได้เรื่อง
ในกรณีที่ครูมีคุณภาพ แต่นักเรียนไม่มีความใส่ใจใฝ่เรียน
สิ่งที่ได้ออกมาก็ไม่ต่างกันการพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรอก
หรือนักเรียนดี แต่ครูมีคุณภาพไม่พอต่อการสอน ผลที่ตามออกมาคือเด็กแทบจะไม่ได้ความรู้อะไรเลย

พอถึงเวลาสอบก็ลอกกันไป ทุจริตกันไป สอบตกไป
โดยคิดเพียงแค่ว่าถึงตกก็มีสอบซ่อม ไม่มีซ้ำชั้นยังไงก็ผ่าน
แต่หารู้ไม่ว่าความคิดแบบนั้นเป็นการบั่นทอนความสามารถของตัวเองที่สุด
โดยเฉพาะม.ปลาย เท่าที่เจอมานะ กิจกรรมเยอะ การบ้านหนัก อ่านหนังสือไม่ทัน
บางคนยอมลงทุนเรียนพิเศษเพื่อติวอย่างรวดเร็วเร่งรัด
โอเค...มันอาจได้ผลจริง แต่ด้วยความเร่งรัดในเวลาจำกัด พอเวลาผ่านไปมันก็ลืม
เพราะไม่ได้เอามาใช้จริง

แล้วการเรียนของไทยเป็นแบบว่า มีความรู้เท่าไหร่ก็จับยัดเท่านั้น
แล้วสิ่งที่ตามมาคือเด็กไม่สามารถนำความรู้มาใช้ได้จริงอย่างที่เรียน
ยกตัวอย่างเรื่องง่ายๆ อย่าสุขศึกษา (โดยเฉพาะหมวดเพศศึกษา)
ตปท.เค้าเรียนกันตั้งแต่เด็ก และเข้าใจเรื่องธรรมชาติของชายหญิง เรียนรู้ที่จะป้องกันหรือปฏิเสธ
แต่สำหรับไทยแล้ว ด้วยสังคมทีเป็นแบบปิดอยู่ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าอาย
เด็กไม่รู้จักปฏิเสธ ไม่รู้วิธีป้องกัน และเกิดปัญหาวัยรุ่นท้องมากขึ้นจนอยู่ในอันดับแรกๆ ของโลกเลย

การเรียนของ ตปท.จะเน้นให้เด็กคิดและหาคำตอบเองตั้งแต่เด็ก
ฝึกการมีวินัยในการเรียน จะสังเกตได้ว่าเด็กตปท.ไม่จำเป็นต้องเรียนหนักหรือเรียนพิเศษเยอะ
เพราะเขาคิดเป็นทำเป็นแต่เด็ก ต่างกับเด็กไทยที่เอาแต่มุ่งหน้าเรียน เรียน แล้วก็เรียน
แถมพอเรียนจบแทนที่จะได้ความรู้นำไปใช้ได้ ก็ได้แต่ความรู้เปล่าๆ โดยไร้การเจียระไน

แต่อย่างว่าหลักสูตรการเรียนบ้านเราน่ะเน้นการท่องจำ เพื่อ "สอบ"
ไม่ใช่การเรียนเพื่อเรียนรู้อย่างแท้จริง

0