12 วลีฮิต ติดปากหมอ ที่ต้องแปลให้ถูกความหมายจริงๆ!? ((ปรับปรุงแล้วค่ะ))
บุคคลแต่ละวิชาชีพมักจะมีลีลาการใช้ภาษาไทยที่เฉพาะตัว อย่างคำพูดของคุณหมอกับคนไข้มักมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ สั้นๆ แต่บางทีชวนให้คนไข้คิดไปไกล ดังที่เคยมีคนไข้ท่านหนึ่งไปตรวจมะเร็งปากมดลูกมาแล้วคุณหมอบอกว่าผลเป็น เซลล์ผิดปกติแค่นี้คนไข้ก็ขนหัวลุกแล้ว
เพราะคำอย่างนี้ในภาษาไทยเขาเรียกว่า คำเปิด คือความหมายกว้างมาก อย่างน้อยก็ 2 แง่ ผิดปกติแต่ไม่ใช่มะเร็ง กับผิดปกติแบบมะเร็ง หรืออย่างคนไข้ถูกบอกว่าพบ เนื้องอก พอบอกแล้วคุณหมอก็ไป ทิ้งหน้าที่กังวลไปทั้งวันให้กับคนไข้ที่ไม่ได้ความกระจ่าง จนบางครั้งร่ำๆ จะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
คนไข้บางท่านอาจคิดว่า เซลล์ผิดปกติหรือเนื้องอกก็เท่ากับ มะเร็ง แล้ว น้อยคนที่จะคิดว่า เซลล์ผิดปกติ คือ เซลล์ที่มันเปลี่ยนแปลงไปจากการอักเสบหรือติดเชื้อ ซึ่งรักษาได้พอหายก็จะกลับมาเป็น เซลล์ปกติ ได้ในสามวันเจ็ดวัน
เพื่อป้องกันปรากฏการณ์ช็อค!! เมื่อรับฟังคำพูดจากคุณหมอ ขอนำคำพูดติดปากแบบ หมอๆ มาแปลให้ฟังกัน ซึ่งก็อาจไม่เป็นดังนั้นเสมอไป
เริ่มที่วลีว่า "ต้องผ่าตัด" เมื่อใดที่พูดถึงผ่าๆ เฉือนๆ ขอเตือนไว้ว่าให้ขอ ความเห็นอื่น จากผู้เชี่ยวชาญด้วยจะช่วยได้มาก หากไม่จำเป็นท่านก็ไม่ต้องเอาตัวไปรองเขียงให้เขาสับไม่ดีหรือ ความลับก็คือถ้าไปโรงพยาบาลเอกชนแล้วถูกพิพากษาให้ผ่า ขอให้ถนอมตัวไว้มาหาความเห็นกับหมอที่โรงพยาบาลรัฐอีกทีก็ดี
ต่อมา "เจ็บนิดเดียว" คำ นี้สร้างความเสียวได้มาก เพราะถ้าหมอบอกว่าเจ็บนิดเดียวส่วนใหญ่จะเจ็บเยอะ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป บางท่านที่มีขีดความอดทนสูงก็อาจบอกว่าจริงแล้วไม่เจ็บเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าให้ดี ท่านก็ถามไปตรงๆ เลยว่าถ้าเจ็บมากคุณหมอจะฉีดยาชาหรือดมยาสลบให้ไหม?
"โรคนี้ไม่หาย" คนป่วยไม่อยากได้ยินคำนี้จากปากหมอเป็นที่สุด ทั้งที่จริงคำนี้หมายความว่า ไม่หายแต่ดีเป็นปกติได้ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเองที่ไม่มีวันหายแต่ก็มีช่วง อาการสงบ (Remission) ที่คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หรืออย่าง เบาหวาน, ความดันสูง และมะเร็ง ที่ไม่หายแต่ก็ต้องรักษาและคุมอาหาร อย่าไปคิดว่าอย่างไรก็ไม่หาย จะกินอะไรก็ได้ตามใจปาก มันจะทำให้ทั้งไม่หายและเพิ่มความทรมานขึ้นมาได้
"รอแป๊บเดียว" ตะเภาเดียวกับเจ็บนิดเดียว ให้รอแป๊บแต่นานเหมือนชั่วกัลป์ อย่าไปคิดเสมอว่าถ้าแป๊บเดียวของหมอจะสั้นเท่ากับเวลาเราทานข้าวกับแฟน ไม่เลย แป๊บเดียวในเคสผ่าตัดบางรายนานนับชั่วโมงหรือเป็นวัน ถ้าเป็นหมอที่นั่งตรวจก็ขึ้นกับชนิดโรคคนไข้ บอกไม่ได้ว่าจะใช้เวลา 15 นาทีเท่ากันหมดเหมือนสั่งไก่ทอด
"ต้องใช้เวลา" ถ้าโดนคำนี้ก็ให้บวกเผื่อ(ใจ)ไว้ด้วย จะได้ไม่เครียดจนจิตตก เพราะบางโรคต้องรักษากันเป็นมหากาพย์ อย่างภูมิแพ้ที่เป็นโรครักษาไม่หาย แต่จะมีช่วงที่สบายดีเป็นปกติด้วย หรือว่าโรคผิวหนังบางอย่างก็กินเวลานานในการรักษา ถ้ากังวลใจจริงอาจถามให้คุณหมอช่วยประมาณเวลาให้ด้วยก็จะช่วยลดแรงกดดันได้
"เซลล์ผิดปกติ" ท่านที่ไปตรวจชิ้นเนื้อตามองคาพยพต่างๆ ทั้งเต้านม, เนื้องอก, ปากมดลูก ถ้าคุณหมอบอกผลมาว่า เซลล์ผิดปกติอย่าเพิ่งตกตื่นใจไป แม้บางครั้ง worst case จะมีโอกาสเป็นเนื้อร้ายได้ แต่คำว่าเซลล์ผิดปกติก็แค่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมให้มั่นใจขึ้นเท่านั้นเอง
"โรคยังหาสาเหตุไม่ได้" มาจากภาษาฝรั่งว่า Idiopathic วลีนี้พบบ่อยเป็นข้อพิสูจน์ว่าใครว่าการแพทย์ฝรั่งเจริญที่สุด ท้าพิสูจน์ให้ไปเปิดตำราแพทย์หาสมุฏฐานแต่ละโรคเลย จะพบคำว่ายังหาสาเหตุไม่พบนี้จนลายตาเลย คุณหมอไทยเลยเคยชินนำมาใช้บ้างเผยแพร่ความไม่กระจ่างออกไปให้ฝรั่งบ้างไทย บ้างงงกัน ถ้าท่านได้ยินคำนี้ ก็ยังไม่ต้องหัวเสีย บางทีตัวท่านเองจะมีคำอธิบายได้ดีกว่า
"นอนโรงพยาบาล" ได้ยินคำนี้จากโรงพยาบาลเอกชนอย่าเพิ่งยิ้มกริ่มเตรียมนอนเสมอไป ถ้าท่านยังไม่อยากนอนหรือยังสงสัยก็ยังไม่ต้องนอน เพราะยุคนี้เป็นนิดหน่อยก็ เชียร์ ให้นอนกันจัง คนไข้ที่น่าสงสารก็ไม่รู้เลยว่าเป็นการรับเชื้อแบบเน้นๆ ในการนอนโรงพยาบาลแต่ละครั้ง เพราะโรงพยาบาลเขาฉลาด แต่งให้เหมือนโรงแรมแต่เรื่องเชื้อโรคภัยไข้เจ็บน่ามีมากกว่าอยู่แล้ว
"ไม่ร้อยเปอร์เซนต์" คุณหมอส่วนใหญ่ไม่ฟันธง เพราะไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซนต์ทางการแพทย์อยู่แล้ว ปาฏิหาริย์บางครั้งก็เกิดได้ คนที่นอนนิ่งเป็นอัมพาตยังกลับลุกขึ้นมาใหม่ได้เฉย ในทางตรงข้ามคนดีๆ ก็อาจฟุบไปได้เหมือนกัน ฉะนั้นการได้ยินคุณหมอบอกว่า คุณปกติ ไม่ได้แปลว่า สุขภาพดี
"เป็นพันธุกรรม" คำที่ถูกใช้กับบางโรค เช่น ความผิดปกติแต่แรกเกิด, เบาหวาน, แพ้ภูมิตัวเอง, มะเร็ง คำนี้ถ้าท่านได้ยินเข้าอย่าเข้าใจผิดว่าพันธุ์เราไม่ดีหรือต้องมีพ่อแม่ปู่ ย่าป่วยด้วยโรคเดียวกัน เพราะมันอาจหมายถึงได้ว่า อณูที่ผลิตเซลล์ในตัวเราไม่ดีเลยสร้างความผิดปกติขึ้นมาเวลาเรายิ่งโตขึ้น เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล
"ทานยาให้ครบ" คำนี้มักใช้พูดกับยาประเภทฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ คุณหมอพูดทีคุณเภสัชพูดอีกทีย้ำจนเข้าไปก้านสมอง เป็นคำพูดที่ถูกต้องแล้วครับแต่ถ้าท่านทานแล้วเกิดอาการแพ้และไม่แน่ใจให้ หยุดทานได้ แล้วรีบกลับมาถามหมอ อย่ารอทานจนครบ หรือแค่อาการไม่ดีขึ้นท่านก็กลับมาให้คุณหมอดูใหม่
และวลีสุดท้าย
"อดอาหารก่อนเจาะเลือด" คำนี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่มักพูดก่อนถูกนัดเจาะเลือด หัวใจสำคัญคือไม่อยากให้น้ำตาล, ไขมันและสารในอาหารอื่นๆ เข้าไปกวนเลือด แต่ไม่จำเป็นต้อง งดน้ำเปล่า ดื่มได้ถ้าเป็นการเจาะเลือดตรวจสุขภาพธรรมดา อย่าเป็นน้ำหวานก็แล้วกัน
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 มกราคม 2555 / 11:04
PS. ชีวิตคนไม่ใช่นิยาย ไม่อาจรอคอยโชคชะตาเขียนทุกอย่างให้สมหวัง หรือ วาดเส้นใดๆให้ประสานบรรจบกันอย่างต้องการได้
35 ความคิดเห็น
ติดเป็นแพไปหน่อย ขออภัยค่ะ T T
PS. ชีวิตคนไม่ใช่นิยาย ไม่อาจรอคอยโชคชะตาเขียนทุกอย่างให้สมหวัง หรือ วาดเส้นใดๆให้ประสานบรรจบกันอย่างต้องการได้
เยอะมาก
PS. จะเอายังไงคะ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ตลอดไปหรอ
เนื้อหาดูคร่าวๆน่าสนใจมากนะคะ ตั้งใหม่แล้วจัดหน่อยดีไหมคะ
เพิ่งรู้ระเอียด ขอบคุณค่ะ
เจ็บนิดเดียว
อันนี้คุณหมอคนไหนไม่เคยเป็นคนไข้มาก่อน จะไม่ทราบครับว่ามันเจ็บยังไง
แต่คุณหมอ ก็เหมือนคุณผู้ปกครองที่คอยตะล่อมลูกๆเวลาจะให้ทำอะไร ก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย
ผมเคยได้รับการผ่าตัดที่กะโหลกศีรษะ 5 ครั้ง ซึ่งเป็นการผ่าสด 3 ครั้งคือไม่ดมยาสลบแต่ฉีดยาชาแทนเพราะแค่เป็นการล้างแผล คุณหมอจะต้องแทงเข็มยาสลบเข้าไปตรงศีรษะของผมประมาณ2-3เข็ม เพื่อให้ครอบคลุมทั่วบริเวณแผลซึ่งก็กว้างพอสมควรเนื่องจากผมประสบอุบัติเหตุศีรษะกะโหลกแตกยุบเนื่องยากขับมอร์ไซต์ไม่ใส่หมวกกันน็อต ผมถามคุณหมอว่ามันจะเจ็บแค่ไหนครับเพราะผมเคยโดนฉีดแต่ที่ขา มือ แขน คุณหมอบอก ไม่เจ็บหรอก ก็เหมือนๆกับที่แขนน่ะแหละ แต่ผมขอบอกเลยครับว่า มันเจ็บสุดๆ คุณหมอแทงเข็มเข้าไปที่หัวของผม มันเจ็บแบบสุดขั้ว เจ็บจนผมน้ำตาเล็ด ซึ่งผมเป็นคนมีความอดทนสูงพอสมควร เจ็บแบบเกิดมาไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อน ผมได้ยินเสียงเข็มเจาะเข้าไป ได้ยินเสียงน้ำยาถูกฉีดออกมาและไหลไปทั่วภายในศีรษะของผม ไหลลงมาที่ช่องคอผ่านหลอดอาหาร รสชาติขมและเฝื่อนคอมาก ผมบอก หมอมันเจ็บชิบหายเลย หมอบอกกลืนได้เลย ไม่เป็นอันตราย
ทำให้ผมได้รู้เลยว่า คุณหมอไม่เคยถูกฉีดยาที่หัวมาก่อน กับคำว่าเจ็บนิดเดียว บางทีคุณหมอก็คงต้องบอกแบบนั้น เพราะถ้าคุณหมอบอกว่า มันจะเจ็บมากเลยนะ เจ็บจี๊ดๆเลย คงไม่มีคนไข้คนไหนอยากโดนแน่
ขาดอันนึง "ต้องอยู่ให้น้ำเกลือซัก 2-3 วัน" ครับ
ฮ่าๆ ธรรมดาครับธรรมดา
เจ็บนิดเดียว
เจ็บนิดเดียวของหมอนี่แหล่ะ ที่ทำร้ายหนูที่สุดTT
เราโดนฉีดยาทีไรร้องไห้แตกทุกที
(ขนาดอยู่มัถยมแล้วนะเออ)
ทำไม่เยอะหรอก แค่  ถอน 4 แล้ว ผ่าอีกหนึ่ง เอายาชาอีกซัก 2-3 เข็มไหมล้ะ จะได้ไม่เจ็บ(แค่ดัดฟันก็เหมือนมาโรงเชือดอ่ะ TT')
เจ็บนิดเดียวแต่น้ำตาไหลพราก
เจ็บนิดเดียวน่ะ ไม่ใช่ว่าหมอไม่รู้หรอกนะว่าเจ็บแค่ไหน เราว่าบางทีหมอเค้าก็รู้แหละว่าเจ็บ แต่จะให้บอกไงอะ "เจ็บมากค่ะ/ครับ" อย่างนี้อะหรอ เค้าก็แค่อยากให้คนไข้ใจชื้นขึ้นมาเท่านั้นแหละ
เหอะๆๆ ๆ ,, , ศัพท์แพทย์นี่ยากแท้หยั่งถึง
PS. เจ้าหิ่งห้อยเอ๋ย,, , ถึงแม้ว่าแสงของเจ้านั้น, ,อาจจะไม่สามารถส่องสว่างเทียบได้เท่ากับแสงของดวงจันทร์, ,,แต่เจ้าจงภูมิใจไว้เถิดว่า, , อย่างน้อยตัวของเจ้านั้น ,,ก็ยังคงมีแสงที่ส่องสว่างเป็นของตัวเอง, ,,
ถูกใจเจ็บเหมือนมดกัดมาก ๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 13 มกราคม 2555 / 00:15
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 13 มกราคม 2555 / 00:17
PS. คนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมมากกว่าคนอื่น (Warhammer 40K)
เราก็เคยโดนนะ เจ็บนิดเดียวเนี่ย ตอนนั้นน้ำท่วมปอดเลยต้องเจาะข้างตัว แล้วเสียบสายเท่านิ้วก้อยไปเพื่อเอาน้ำออก ตอนเจาะก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ดันสายเท่านิ้วก้อยเข้าตัวนั่นแหล่ะ TT
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?