อยากเปลี่ยนไปนับถือคริสติ์ ทำยังไงดี
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
24 ความคิดเห็น
อ่อ พอดีนับถือศาสนาคริสต์นิการโรมัน-คาทอลิกนะคะ ที่ถามว่ามีกฏเเบบศาสนาพุทธหรือไม่ ต้องบอกไว้ก่อนว่า การที่จะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ของคริสต์เนี่ย คือ ถ้าใครทำบาปที่ถือว่าเป็นบาปหนัก เช่น การฆ่าคน ข่มขืน อะไรก้ตามที่หนักๆ จะต้องลงนรกอย่างเดียว เเต่ถ้าเป็นพวก ขโมยของเล็กๆน้อยๆ โกหก พวกบาปที่ไม่รุนเเรง ก็ไม่ได้ลงนรกทีเดียวเเต่ต้องไปที่ไฟชำระก่อน เหมือนต้องล้างความไม่ดีออกจากตัวเราก่อนขึ้นสวรค์ไปหาพระเจ้าค่ะ
ไม่ว่าท่านจะอยู่ในสถานภาพใด ตราบเท่าเมื่อยังวนเวียนในวัฏฏสงสารนี้
สถานที่ซึ่งท่านจะหนีกรรมของตนนั้นหาไม่ได้ กรรมชั่วไม่จำเป็นต้องส่งผลให้ตกนรกเสมอไปนะ
ท่านกระทำกรรมอันใดไว้แล้ว กรรมนั้นก็ย่อมส่งผลแน่นอน แมจะหนีไปซ่อนเร้นแฝงกายในซอกเขา หรือหุบเหว กรรมก็ตามไปส่งผลได้
ถ้าจะเปลี่ยนศาสนาเนี่ย ลองศึกษาศาสนาคริสต์ดูให้ดีๆนะ เราอยากให้คุณเปลี่ยนเพราะศรัทธาในศาสนาคริสต์ในพระเจ้า ไม่ใช่เปลี่ยนเพื่อหนีกรรม
ศาสนาพุทธสอนเรื่องความจริง สิ่งที่มีอยู่แล้วพระพุทธเจ้าท่านเพียงแค่ค้นพบแล้วเอามาบอกเรา จะนับถือศาสนาอะไรก็ต้องอยู่ภายใต้ความจริงเดียวกัน เช่น ทำดีคือดี ทำชั่วคือชั่ว จะกลับตัวก็ทำดีมากๆ ลองไปถามคนที่เคยนับถือคริสต์ แล้วเปลี่ยนมาพุทธ เพราะอะไร(มีเยอะมากๆ)
เวรกรรม มันหนีไม่ได้หรอกค่ะ ซึ่ง อันนี้ก็คือความจริง เราไม่ได้บอกว่า เราจะเปลี่ยนศาสนาเพื่อหนีเวรหนีกรรม หรอกนะคะ แต่เราได้ยินจากพี่สาวเราพูดอย่างนี้จริงๆ เราไม่ได้บอกว่า เราเปลี่ยนไปนับถือคริสติ์ เเล้วจะไปสร้างกรรมชั่วเพิ่มนะคะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ เพราะเวรกรรม หรือ กฏเเห่งกรรม มันตามทัน เหมือนเงาติดตัว อย่างคนทำกรรมดี ย่อมได้รับกรรมดีเป็นผลตอบเเทน เเต่ถ้าทำชั่ว ก็ได้รับกรรมชั่ว นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อค่ะ เเล้วก็อีกอย่าง เราได้ยินว่า การทำดีไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัดเสมอ บางครั้งเราอาจช่วยเด็กที่ ด้อยโอกาส หรือไม่มีการศึกษา ให้ได้เรียนหนังสือสูงๆ ได้ เเล้วก็ช่วยเหลือคนยากจน ก็ได้ ถือว่าเป็นการทำบุญทำทานอย่างหนึ่งเหมือนกันค่ะ อย่างเราเนี่ย ช่วงทำบุญใหญ่ๆ เราก็ทำขนมไปเเจกพนักงาน ในอ๊อฟฟิส พ่อเรา ส่วนเเม่บ้านเราก็ทำอาหารไปเเจกจ่ายพวกเขาเหมือนกัน เเต่ถ้าใครเลือกที่จะไปทำบุญที่วัด ก็ทำได้ค่ะ
คริสเตียนตียน-โปรแตสแตนท์ ศาลตัดสิน น่าจะเป็น การพิพากษาครั้งสุดท้าย ครับในพระคัมภีร์
ในพระธรรม มธ 25:31-46
(31)เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหลาย พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ (32)บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ (33)ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย (34)แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก (35)เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ (36)เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา (37)บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม (38)เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ (39)เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม (40)พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา
เราอยู่โรงเรียนคริสต์(โรมันคาทอลิก)นะ แต่เราเป็นพุทธ
เราก็เลยได้เรียนทั้ง2ศาสนาไปโดยปริยาย
ศาสนาไหนเขาก็สอนให้เราทำดีทั้งนั้น
ถึงแม้จะได้รับการอภัย แต่ความผิดก็คือความผิด
เขาอภัยให้กลับไปแก้ตัวใหม่ แต่ถ้ายังทำแบบก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก
อีกอย่างนึงถ้าคิดแบบพุทธแล้ว คนเราทำผิด เขาก็สอนให้รู้จักการให้อภัยอยู่แล้ว
ถ้ามันเป็นความผิดที่ไม่รุนแรงมาก แต่ถ้ารุนแรง มันก็สมควรเป็นไปตามที่เขาก่อไว้
ถ้าคิดว่าเวลาใครทำผิดอะไร ก็จะได้รับการอภัย แล้วมันจะมีข้อห้ามมาเพื่ออะไร?
เราคิดว่านะ แล้วแต่เธอแหล่ะ ศาสนาไหนเขาก็สอนให้ทำดี แต่วิธีทางไม่เหมือนเท่านั้นเอง
ทุกวันนี้เราก็เข้าวัดทำบุญตักบาตร เวลามีพิธีคริสต์ก็ช่วยร้องเพลง อ่านพระวรสาร
ช่วยงานพิธีกรรมบ่อยอยู่ ในวิชาสังคมฯเขาให้เรียนศาสนาสากลเพื่ออะไร ลองไปอ่านดูดิ
เราก็เคยคิดแบบเดียวกับ จขกท.นะ แต่เราเลื่อมใสในศาสนาพุทธอ่ะ เราไม่เปลี่ยน^^
กรรมใดที่เราก่อไว้ยังไงเราก็หนีไม่พ้นอยู่ดีน่ะ จงเปลี่ยนเพื่อความศรัทธาไม่ใช่ เพื่อหนีกรรม..
PS. ยอมรับความเป็นจริงซะเถอะ! // ฉันรักเธอ เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุด ..คนในกระจกเงา..
เราก็คิดนะ แต่เราคิดเพราะว่า ศาสนาคริสมีการสารภาพบาป
ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นข้อดี ตอนนี้เรานัถือพุทธอ่ะค่ะ
ก็อยากเปลี่ยนเหมือนกัน แต่เรากลัวนะดูไม่ไดเพราะครอบครัวนับถือพุทธกันหมด
เราก็ไม่ใช่ว่าศาสนาพุทธไม่ดีนะคะ แต่ศาสนาพุทธทไม่ได้เคร่งครัดอะไำร ทำให้เราไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญ แต่มีคนเปลี่ยนจากคริสต์เป็นพุทธเยอะเหมือนกันนะคะ สาเหตุบางอย่างคือ ศาสนาคริสต์ต้องไปโบสต์เป็นประจำ ซึ่งศาสนาพุทธจะไม่บังคับเท่าไหร่อ่ะค่ะ
ตอนนี้เราสองจิตสองใจว่าจะยังไงดี ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ
ถ้าจิตใจเราตั้งมั่นอยู่ในความดี ก็ไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนศาสนา
เพราะศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจแต่เพียงเท่านั้น
จุดมุ่งหมายคือการทำความดี
PS. โลกไม่ได้เป็นของเราคนเดียวนะครับ-0-
พี่ว่าก่อนที่น้องจะนับถือศาสนาอะไรควรถามตัวเองก่อนว่าน้องต้องการอะไร ทำไมถึงเปลียนศาสนา ศาสนาเก่าไม่ดีหรือน้องไม่เคยศึกษาว่ามันดียังไง รู้ไหมคนนับถื่อคริสก็เปลี่ยนมาถือพุทธ ส่วนใหญ่คนที่เปลี่ยนศาสนาเป็นพวกไม่มีแก่นสาร ไม่เคยรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วศาสนาแต่ละศาสนาสอนอะไรและให้อะไร รุ้เพียงแค่ผิวเผินหรือที่เรียกว่ารู้ไม่จริง ถ้าน้องรู้ว่าแท้ที่จริงศาสนาพุทธเป็นอย่างไรน้องจะไม่อยากเปลี่ยนศาสนาหรอก
ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ
ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นคริสต์คุณก็ไปเข้าโบสถ์รวมกับชาวคริสต์ในได้เลยนะ เราว่า
เรื่องศาสนา เราว่าไม่เกี่ยวกับว่าต้องไปแจ้งถึงเปลี่ยนได้
ส่วนเรื่องศาสนาไหนดี เราไม่ขอตอบ
แต่เราเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้
(เราเรียนรร.คริสต์ แต่เป็นพุทธ)
เรื่องของพุทธคงไม่ต้องบอก รู้กันอยู่แล้ว
ส่วนคริสต์ เราเรียนไบเบิ้ล เคยอ่านด้วย บางอันก็ดี
บางอันก็อ่านไปแล้วเห็นความไม่สมเหตุสมผล
ซึ่งเราเชื่อในความเป็นเหตุเป็นผล พิสูจน์ได้จริง
ถึง จขกท.นับถือศาสนาอะไรก็ได้ แต่อย่าเคร่งมากเกินไป
หมั่นทำความดีไว้เยอะๆค่ะ
ปล.
กฎแห่งกรรมสำหรับเรา = กฎแห่งแรงของนิวตัน
action = reaction
ถ้าเธอถูกตบ หรือถูกด่าแรงๆ เธอจะทำยังไง
1.ตบกลับ ด่าสวน หรือแก้แค้น = จองเวร
(หลายคนเลือกขอนี้ใช่ไหม นั่นแหละที่เธอเรียกว่ากรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเริ่มต้องชดใช้)
2.ปล่อยผ่านไป = อโหสิ (คนดีของสังคมโลก)
คำถามต่อไป แล้วถ้าคนตบขอโทษเธอ เธอจะให้อภัยเขาไหม
(นี้เหมือนการสารภาพบาป หรือกลับใจ)
เรานับถือศาสนาคริสต์นะ ศาสนาคริสต์จะมีความเชื่อว่าถ้าเราทำผิดเราก้อสามารถสำนึกผิดและไปแก้บาปกับผู้แทนพระเจ้านั่นคือพระสงฆ์ได้ ให้เรารุจักที่จะสำนึกถึงบาปที่กระทำและตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปอีก และเชื่อว่าพระเจ้ารักเราและอภัยบาปให้เราได้ และทุกวันอาทิตย์ก้อจะถือเปนวันศักดิ์สิทธิ์ ต้องไปวัดไปหาพระเจ้า ถ้าขาดวัด ก้อจะต้องไปแก้บาปค่ะ
��������� ศาสนาพุทธเฮามีการ\"ปลงอาบัติ\" มาตั้ง ๒๐๐๐ กว่าปีแล้ว ไม่รู้กันเลยรึ นั่นแหละสารภาพแบบพุทธล่ะขอรับ
��������� หากคุณต้องการหนีบาปที่ทำไว้แต่ปางหลัง เว้นไว้แต่อนันตริยกรรม (ผมเคยโพสต์ไว้แล้ว แต่จะขอย้ำอีกที) ให้ทำตามนี้ (เดี๋ยวก่อน...หนีบาปในที่นี้คือ บาปจะลากคุณไปอบายภูมิทั้ง ๔ ไม่ได้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าบาปจะส่งผลอีกต่อไปนะขอรับ)
��������� ๑. มีความรู้สึกตัวว่าตัวเราจะต้องตายแน่ และอาจตายวันนี้ไว้เสมอ
��������� ๒. มีความเคารพในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการอย่างแท้จริง
��������� ๓. มีศีล ๕ บริสุทธิ์(อย่างยิ่ง)
��������� ๔. มีความรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำความดี ทำบุญทุกอย่างไม่หวังสิ่งใดนอกจากไปนิพพาน
��������� เอาแค่นี้ไม่ต้องเอามากกว่านี้ ใครหน้าไหนก็ลากคอคุณลงอบายภูมิมิืได้�
� � � � � แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนเพราะศรัทธาในพระเจ้า ก็ไม่ขอค้าน ขอพระเจ้านำทางท่านสู่สวรรค์
� � � � � ป.ล. สวรรค์น่ะนับถือศาสนาไหนก็ไปได้ พรหมโลกเหนือกว่าสวรรค์มีแต่พุทธและพราหมณ์ - ฮินดู เท่านั้นสอนวิธีไปได้ แต่การหนีภัยในวัฏฏะสงสารมีแต่พุทธเท่านั้นสอนท่านได้ (เราบ่นตามประสาคนบ้า เพราะคนจำนวนมากหาว่าอาจารย์เราบ้า เราเป็นศิษย์ท่านก็เลยต้องบ้าตามท่าน ฉะนั้นอย่าถือคนบ้าเลยนะครับ ถ้าไม่เชื่อ(ซึ่งผมก็ไม่ได้ขอให้ใครเชื่อ)ก็นึกซะว่า \"บ้าที่ไหนมาโพสต์อะไรไว้ฟระ\" ก็แล้วกัน เน้อ!!!
PS. (^__^) ฉันไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ !! ผู้ชายดินดิน เซอร์ ๆ !!
ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม
สุดท้ายแล้ว ชีวิตหลังความตายของสรรพสัตว์ทุกดวงจิต ก็ต้องไปตามกรรมที่ตนเองก่อไว้
ไม่มีใครช่วยใครได้นะจ๊ะ
จขกท ครับ เราเองไม่ได้อวดรู้นะ แตจะเล่าให้ฟังเป็นธรรมทาน
มีหลายคนที่เปลี่ยนศาสนาเพราะอยากล้างบาป ล้างความผิด เราเองก็เคยคิดเหมือน จขกท นะแต่พอได้รู้ความจริงของชีวิตจึงทำให้เข้าใจ�
สิ่งไหนที่ผิดพลาดไปแล้วในอดีตย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ และวันหนึ่งข้างหน้ามันจะตามมาส่งผล
แต่.............ไม่ต้องกลัวจนเกินไป เพราะมีวิธีแก้ไข��� ฟังดีๆนะครับ
ตัวอย่างที่ 1
เปรียบชีวิตเราเหมือนเรือ
เปรียบบุญเหมือนน้ำ
เปรียบบาปเหมือนตอไม้
เมื่อไหร่ที่น้ำ(บุญ)ลด ตอก็ผุด ชีวิตก็สะดุด แต่ถ้ามีน้ำ เรือก็แล่นต่อไปได้ ตอไม้ก็ทำอะไรเราไม่ได้
ถึงทำได้ก็ทำให้เรือบาดเจ็บ หรือซัดส่าย ถ้าน้ำมากยิ่งขึ้นอีก ตอไม้ก็ทำอะไรเรือไม่ได้
ตัวอย่างที่ 2
เปรียบบาปเหมือนเกลือ
เปรียบบุญเหมือนน้ำ
ที่อยู่ในเหยือกแก้วเดียวกัน
ถ้ามีเกลือมาก มันก็จะเค็มมาก แต่ถ้าเราเติมน้ำเข้าไป ความเค็มมันก็จะลดลง
แต่ว่ามันก็ไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่เพียงแต่ความเค็มมันลดลง
อย่ากลัวในสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว เพราะสัจธรรมยังไงก็คือสัจธรรม กฏแห่งกรรมมีจริง ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่กฏแห่งกรรมนั้นมีอยู่ และทุกคนก็ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม หลีกหนีไม่ได้หรอก
ใครๆก็เคยทำผิดพลาดทั้งนั้น อย่าได้กลัวจนเกินเหตุเลยจ้า
วิธีการแก้ไขนั้นมี เอาแบบทางตรงเลย
1.อดีตที่เคยผิดพลาดไปแล้ว ลืมให้หมด (ถ้ายิ่งคิด ดวงบาปยิ่งโตขึ้น เพราะใจมันไปผูกพัน)
2.บาปทุกชนิด ไม่ทำเพิ่มอีก� (รักษาศีล 5 ให้ได้)
3.รู้จักทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ� อย่าได้มองข้าม อาจจะเคยได้ยินจนชินว่าทำไมถึงเน้น 3 อย่างนี้จัง เพราะว่า 3 อย่างนี้เมื่อผู้ใดทำแล้ว จะได้รับอานิสงส์มาก
4.หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อยู่เป็นนิจ จะได้อานิสงส์มาก
5.ทุกครั้งที่ทำบุญ ควรอธิษฐานจิตเพื่อเป็นการตั้งหางเสือเรือ(ตั้งเป้าหมายที่ดีงามในชีวิต)
6.บุญใหญ่คือบุญสังฆทาน บุญบวช ถ้าเป็นชายแท้สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะบวช ถ้าเป็นผู้หญิงให้ชวนคนบวชให้ได้ เยอะๆยิ่งดี
คือ ศาสนาพุทธน่ะ เป็นศาสนาที่ประเสริฐที่สุดแล้วค่ะ พวกเราโชคดีขนาดไหนแล้วที่ได้เกิดมาในยุคนี้ยุคที่มีศาสนา เหมือนรอดจากความทุกข์ นะค่ะ ไม่มีใครสามารถหนีกรรมได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะเปลี่ยนศาสนา หรืออะไรก็แล้วแต่ ไปไหว้แม่น้ำคงคา ก็หนีกรรมไม่ได้ คือพูดแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจแต่ถ้าเกิดว่าคุรได้ศึกษาศาสนาพุทะอย่างท่องแท้ แล้วละก็น่ะค่ะ คุณจะรักพระพุทธเจ้ามากๆเลยค่ะ คุณจะซึ้งในคำสอนของท่าน คุณอาจจะร้องไห้ออกมาเลยนะค่ะ แล้วคุณก็จะค้นพบว่า ตัวเราโชคดีขนาดไหนแล้วที่ได้นับศาสนาพุทธ ศาสนาแห่งปัญญา ศาสนาพุทธคือความจริง ค่ะ
ไม่ว่ากันครับ
ทุกคนมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณจะเปลี่ยนศาสนา ก็เปลี่ยนได้ครับ เพราะนั่นคือจิตของคุณ ความคิดของคุณครับ
ทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีแทบทั้งสิ้นครับ
แต่ก็อยากทิ้งท้ายไว้อย่างหนึ่งครับว่า
กรรม แก้ไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้นะครับ ต่อให้สารภาพบาปเท่าไร กรรมก็ไม่หมดไปครับ
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะครับผม
จขกท คะ เราเป็นคริสต์ นะคะ
เมื่อก่อนเราเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อนคะ
จขกท ต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่นะคะ อย่างแรก การล้างบาป นะ คือการสารภาพบาปแล้วยอมรับว่าตัวเองบาป แล้วสำนึกผิด
อย่างที่หลายๆคนบอกว่าบาปล้างไม่ได้ มันคือเรื่องจริงคะ ถ้าเราทำผิดเราสำนึกผิดแล้วจะไม่ทำอีก ขอโทษในสิ่งที่เราทำผิดต่อพระเจ้า พระเจ้าก็จะให้อพัยคะ แต่ใช้ว่าบาปจะถูกล้างนะคะ เพราะทุกคนร่วนแล้วแต่คือคนบาป ไม่มีใครที่เป็นคนดีตั้งแต่เกิดจนตายหรอกคะ นอกจากพระเจ้า หรือพระเยซู ของพวกเรา
คนที่จะตัดสินเมื่อเราตายไปก็ พระเจ้าไงคะ พระองค์จะทรงตัดสินทุกคนที่กระทำผิด พระองค์นะยิ่งใหญ่มาก แล้วก็ยุติธรรมที่สุด ถ้าเราเชื่อมันในพระองค์ไม่ว่าอะไรมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
อีกอย่างนะคะ ใช้ว่าเชื่อแล้วจะขึ้นไปอยู่กับพระองค์ได้นะคะ ต้องทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ด้วยคะ
เราเกิดมามีโชคร้ายบ่นอยู่ตั้งแต่เกิด  พระองค์ยินดีต้องรับทุกคนนะคะ ลองคิดดูนะ ถ้าพระองค์ไม่สงพระเยซูมาเกิดโลกของเราจะเป็นอย่างไร
หลายๆอย่างก็บอกอยู่แล้วละคะ ว่าพระองค์ทรงมีจริง ...ทั้งเรือโนอาห์ พระคัมภีร์ ลองไปหาดูนะคะ
อีกอย่างนะคะ คุณคิดว่าใครจะเป็นคนสร้างโลกได้หรอคะ มันเกิดจากการละเบิดของ big bang หรอคะที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ในอวกาศที่มีแต่ความมืดมิด แล้วมันจะเรียงตัวเป็นรูปแบบนี้ได้เองหรอคะ ลองคิดดูนะคะ
ถ้ามีอะไรก็ปร฿กษาเราได้นะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?