Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เหตุใดพระพุทธเจ้าห้ามฉันเนื้อ 10 อย่าง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ห้ามพระฉันเนื้อสัตว์ 10 อย่าง 

-------------------------- 
พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อมนุษย์ 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้ 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย อนึ่ง ภิกษุยังมิได้ 
พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
 
พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อช้าง 
[๖๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ช้างหลวงล้มลงหลายเชือก สมัยอัตคัตอาหาร ประชาชน 
พากันบริโภคเนื้อช้าง และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อช้าง 
ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉัน 
เนื้อช้างเล่า เพราะช้างเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบคงไม่ทรงเลื่อมใสต่อพระสมณะ 
เหล่านั้นเป็นแน่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ 
ห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อช้าง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อม้า 
สมัยต่อมา ม้าหลวงตายมาก สมัยอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้อม้า และ 
ถวายแก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อม้า ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า 
ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อม้าเล่า เพราะม้าเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัว 
ทรงทราบ คงไม่เลื่อมใสต่อพระสมณะเหล่านั้นเป็นแน่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี 
พระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉัน 
เนื้อม้า รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อสุนัข 
สมัยต่อมา ถึงคราวอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้อสุนัข และถวายแก่พวก 
ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อสุนัข ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า 
ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อสุนัขเล่า เพราะสุนัขเป็นสัตว์น่าเกลียด น่าชัง 
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามแก่ภิกษุทั้งหลาย 
ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อสุนัข รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้องู 
สมัยต่อมา ถึงคราวอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้องู และถวายแก่พวกภิกษุ 
ผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้องู ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน 
พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้องูเล่า เพราะงูเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง แม้พระยานาค 
ชื่อสุปัสสะก็เข้าไปในพุทธสำนักถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง 
ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า บรรดาที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใสมีอยู่ 
มันคงเบียดเบียนพวกภิกษุจำนวนน้อยบ้าง ของประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระ- 
*คุณเจ้าทั้งหลายโปรดกรุณาอย่าฉันเนื้องู ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระยานาคสุปัสสะ 
เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา ครั้นพระยานาคสุปัสสะอันพระผู้มีพระภาค 
ทรงให้เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำ 
ประทักษิณกลับไป 
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุ 
แรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้องู รูปใดฉัน 
ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อราชสีห์ 
สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าราชสีห์แล้วบริโภคเนื้อราชสีห์ และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว 
บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อราชสีห์แล้วอยู่ในป่า ฝูงราชสีห์ฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อ 
ราชสีห์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุ 
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อราชสีห์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
 
พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือโคร่ง 
สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือโคร่งแล้วบริโภคเนื้อเสือโคร่งและถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว 
บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเสือโคร่งแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือโคร่งฆ่าพวกภิกษุเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อ 
เสือโคร่ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้าม 
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือโคร่ง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือเหลือง 
สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือเหลือง แล้วบริโภคเนื้อเสือเหลืองและถวายแก่พวกภิกษุ 
ผู้เที่ยวบิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อเสือเหลืองแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือเหลืองฆ่าพวกภิกษุเสีย 
เพราะได้กลิ่นเนื้อเสือเหลือง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค 
ทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือเหลือง รูปใดฉัน 
ต้องอาบัติทุกกฏ. 

พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อหมี 
สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าหมีแล้วบริโภคเนื้อหมี และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต 
พวกภิกษุฉันหมีแล้วอยู่ในป่าเหล่าหมีฆ่าพวกภิกษุเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อหมี ภิกษุทั้งหลายกราบทูล 
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย 
ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อหมี รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
 
พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือดาว 
สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือดาวแล้วบริโภคเนื้อเสือดาว และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว 
บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อเสือดาวแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือดาวฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่น 
เนื้อเสือดาว ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติ 
ห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือดาว รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ บรรทัดที่ ๑๓๘๕ - ๑๕๐๘. หน้าที่ ๕๖ - ๖๑.

ที่มา  
http://www.oknation.net/blog/chaidee/2009/08/19/entry-2


ปล ขอฝากไว้สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรมค่ะ แม้ว่าการทานเนื้อสัตว์จะไม่เป็นบาปก็ตาม แต่หากว่าคุณต้องการที่จะให้การเจริญสมาธิของคุณก้าวหน้า ควรจะกินมังสวิรัติจะดีกว่าค่ะ ในการทานเนื้อสัตว์แม้ว่าเราจะไม่ได้ฆ่า สั่งให้ฆ่า หรือรู้เห็นกับการตายของสัตว์ที่นำมาเป็นอาหารนั้น แต่อย่าลืมว่าถ้าหากในระหว่างที่สัตว์ตัวที่กำลังจะถูกฆ่าก่อนตายได้สาปแช่งเอาไว้ว่าใครกินเนื้อของมันเข้าไปจะ...... แล้วถ้าเราเกิดโชคร้ายทานเนื้อสัตว์ของสัตว์ตัวนั้นพอดี ก็หมายความว่าเรารับคำสาปแช่งนั้นมาด้วย 

PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

แสดงความคิดเห็น

>

17 ความคิดเห็น

"ตัวกลม" 17 มี.ค. 55 เวลา 21:10 น. 1

 ถึงพระพุทธเจ้าจะไม่ห้ามมันก็ไม่น่ากินนะ  กินเนื้อไก่เนื้อหมูธรรมดาก็พอแล้ว


PS.  อย่าลืมอ่านฟิคของไรเตอร์นะ หนุกมว๊าก
0
happy to day to love to you 17 มี.ค. 55 เวลา 23:20 น. 4

 พระพุทธเจ้าท่านบอกเดินทางสายกลาง

ท่านให้ฉันที่ควรจะฉัน บางอย่างก็มิควรก็ไม่ฉัน

พวกหมู ไก่ ปลา เขากินมาแต่ไหนแต่ไร

แต่พวกเนื้อคน ช้าง ม้า มัน... (บรื๋อออ)


PS.  ขอบคุณที่โพส
0
มนุสนิริโย 18 มี.ค. 55 เวลา 12:46 น. 5
ปล ขอฝากไว้สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรมค่ะ แม้ว่าการทานเนื้อสัตว์จะไม่เป็นบาปก็ตาม แต่หากว่าคุณต้องการที่จะให้การเจริญสมาธิของคุณก้าวหน้า ควรจะกินมังสวิรัติจะดีกว่าค่ะ 

          ขอน้อมนำถ้อยความของหลวงพ่อมาเขียนให้อ่านซักนิดนะครับ
          \"๑. ...พระเทวทัตเคยทูลขอ ให้ห้ามภิกษุฉันเนื้อตลอดชีวิต แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ เพราะชาวบ้านเขากินเนื้อเขาก็ทำอาหารที่มีเนื้อใส่บาตร ถ้าเราไม่ฉันเนื้อชาวบ้านจะต้องเดือดร้อนทำอาหารมังสวิรัตใส่บาตร สมณะควรทำตนเป็นผู้เลี้ยงง่าย ดีไม่ดีเขาด่าพระหาว่าเรื่องมากเขาจะพากันไปอบายภูมิเสียเปล่าๆ ทรงอนุญาตภิกษุฉันเนื้อที่บริสุทธิ์คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจว่าเขาทำไว้เพื่อเรา...
          ๒. ...ผมไม่เห็นว่าฉันมื้อเดียว ฉันในบาตร ฉันมังสวิรัตกิเลสในใจมันจะเบาบางไปเลยซักนิด ล่อมาเสียหลายปีไม่เห็นมันมีอะไรดีขึ้น มันชินจนถึงขั้นจะให้กินหัวหอมเปล่าๆ ให้ดูตอนนี้ก็ยังได้ การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อการพ้นทุกข์เป็นเรื่องของจิต เรื่องทางกายอย่าให้มันเครียดเกินไปนัก มันจะไม่เกิดผลที่ต้องการ ดีไม่ดี เกิดตัวเองฉันมื้อเดียว ฉันในบาตรหรือฉันมังสวิรัตเข้า แล้วดันเอาไปข่ม ไปเพ่งเล็งในจริยาผู้อื่นเข้า ยิ่งถ้าเกิดไปปรามาสพระอริยเจ้าที่ท่านฉันปกติเข้าแล้ว มันก็ลงนรกไปสบายๆ...
          ป.ล. ผมไม่ได้จะบอกว่ากินมังสวิรัตมันไม่ดี แต่ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสมาอย่างนี้ หลวงพ่อก็ย้ำตามนั้น เวลาแห่งการสงสัยของผมหมดลงแล้ว ผมยอมเป็นศิษย์โง่ๆ เป็นเถรส่องบาตร ตามท่านไปดีกว่า ผมเคยเกิดสงสัยว่าที่ทำไปจะดีแน่หรือ เสียงของหลวงพ่อในคัสเซสได้ตอบผมแล้วว่า \"พระพุทธเจ้าท่านสอนมาอย่างนี้ พระอรหันต์ที่ปฏิบัติตามไปนิพพานกันเป็นแถวแล้ว ยังจะสงสัยทำเกลืออะไรอยู่\"

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 มีนาคม 2555 / 12:48
0
DRAMA QUEEN 19 มี.ค. 55 เวลา 08:46 น. 7

ตอบคำถามความคิดเห็นที่ 5
๒. ...ผมไม่เห็นว่าฉันมื้อเดียว ฉันในบาตร ฉันมังสวิรัตกิเลสในใจมันจะเบาบางไปเลยซักนิด ล่อมาเสียหลายปีไม่เห็นมันมีอะไรดีขึ้น มันชินจนถึงขั้นจะให้กินหัวหอมเปล่าๆ ให้ดูตอนนี้ก็ยังได้ การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อการพ้นทุกข์เป็นเรื่องของจิต เรื่องทางกายอย่าให้มันเครียดเกินไปนัก มันจะไม่เกิดผลที่ต้องการ ดีไม่ดี เกิดตัวเองฉันมื้อเดียว ฉันในบาตรหรือฉันมังสวิรัตเข้า แล้วดันเอาไปข่ม ไปเพ่งเล็งในจริยาผู้อื่นเข้า ยิ่งถ้าเกิดไปปรามาสพระอริยเจ้าที่ท่านฉันปกติเข้าแล้ว มันก็ลงนรกไปสบายๆ...
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 

- แค่จะบอกว่าการกินมังสวิรัตมันจะช่วยให้การนั่งสมาธิได้ดีเท่านั้นเอง ใครใคร่จะทำก็ทำ ไม่ได้บอกว่ากินมังสวิรัตเพื่อจะเอาไปอวดคนอื่นสักหน่อย
- ส่วนเรื่องการฉันท์มื้อเดียวนั้น บางที่ฉันไม่ถึง 10 ช้อน หรือการทานแต่น้อยสำหรับคนธรรมดา มันไม่ใช่เรื่องของการเอาไปอวดใครค่ะ ถึงฉันจะสนใจธรรมมะได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่จากประสบการณ์ตอนที่ไปนั่งสมาธิ ถ้าวันไหนกินเยอะไป อาหารมันจะตีขึ้นมา ทำให้กำหนดเวทนาได้ลำบาก เพราะแทนที่จะไปสนใจกับสภาวะธรรม กลับต้องกลัวแทนว่าแหวะออกมาตอนไหน&nbsp แบบว่าการนั่งสมาธิมันขาดตอนนั่นแหละ จากที่เคยกินเยอะก็ต้องกินน้อยลงเพราะกลัวจะแหวะออกมาตอนนั่งสมาธิอะ แบบว่าร่างกายมันเป็นไปเอง
*ที่แนะเรื่องการกินมังเนี่ยเพราะว่าไม่อยากให้อ้วกเกือบพุ่งตอนนั่งสมาธิแบบเรา ไม่ได้ให้เอาไปอวดใคร แต่ทำเพื่ออบรมตัวเอง*


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
DRAMA QUEEN 19 มี.ค. 55 เวลา 13:10 น. 9

มันพูดกันคนละเรื่องอะ ของเรามันสำหรับการปฏิบัติธรรม ส่วนของหลวงพ่อเพื่อกำจัดกกิเลส


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
DRAMA QUEEN 20 มี.ค. 55 เวลา 09:14 น. 11

คนเรามันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ทีละก้าว นิพพานมันไปกันง่ายซะที่ไหนล่ะ


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
DRAMA QUEEN 20 มี.ค. 55 เวลา 18:04 น. 12

 ปฏิบัติธรรมมันเป็นการดับกิเลสอย่างหนึ่งค่ะ
อย่างน้อยฉันก็ตัด ละ กิเลสบางส่วนได้จากการปฏิบัติธรรมนี่แหละ
เคยอ่านเรื่องสติปัฏญาน ๔ ในพระไตรปิฏกไหม มันเป็นคู่มือชั้นเยี่ยมในการปฏิบัติ
ในพระไตรปิฏกกล่าวไว้ว่าสามารถทำให้คนที่ปฏิบัติบรรลุเป็นพระอริยะภายใน ๗ ได้เลยนะ
ถ้าคนๆนั้นมีความเพียร ความอดทนพอ
ถ้าหากว่าคุณ TiffanyloveFahsai  คิดถูก ก็แปลว่าพระไตรปิฏกผิดน่ะสิ
ขอโทษนะที่ฉันเชื่อพระไตรปิฏกมากกว่าคุณ


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
DRAMA QUEEN 20 มี.ค. 55 เวลา 18:09 น. 13

 ข้อความดังกล่าวมีแสดงอยู่ในตอนท้ายของมหาสติปัฏฐานสูตรจริง แต่ทรงหมาย

เอาผู้ที่มีปัญญามาก ที่สะสมญาณอันแก่กล้าแล้ว ไม่ใช่คนในยุคปัจจุบัน

ดังข้อความบางตอนจากอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร ว่า..

   .................................พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดง   ความที่

คำสั่งสอนเป็นธรรมนำผู้ปฏิบัติออกจากทุกข์โดย  ๗ ปี    อย่างนี้แล้ว      เมื่อจะ

ทรงแสดงเวลา  (ปฏิบัติ)  ที่น้อยไปกว่านั้นอีก  จึงตรัสว่า   ติฏฺฐนฺตุ  ภิกฺขเว 

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๗ ปี    จงยกไว้ดังนี้เป็นต้น.    ก็คำนั้นแม้ทั้งหมดตรัสโดย

เวไนยบุคคลปานกลาง. แต่ที่ตรัสว่าบุคคลรับคำสั่งสอนเวลาเช้า  บรรลุคุณวิเศษ

เวลาเย็น   รับคำสั่งสอนเวลาเย็น   บรรลุคุณวิเศษเวลาเช้า   ดังนี้   ทรงหมายถึง

บุคคลผู้มีปัญญาเฉียบแหลม.


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
TiffanyloveFahsai 22 มี.ค. 55 เวลา 13:00 น. 14
มันพูดกันคนละเรื่องอะ ของเรามันสำหรับการปฏิบัติธรรม ส่วนของหลวงพ่อเพื่อกำจัดกกิเลส

การปฏิบัติธรรม , กำจัดกกิเลส

สองสิ่งนี้ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกันนะค่ะ ซึ่งผู้ที่ต้องการปฏิบัติ ก็เพื่อหวังมรรคผลนิพพาน
แล้วคุณ ปฏิบัติธรรมเพื่อเหตุผล อะไรค่ะ หากไม่ต้องการ พ้นทุกข์ ?

คนเรามันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ทีละก้าว นิพพานมันไปกันง่ายซะที่ไหนล่ะ

ดิฉันทราบดี ค่ะ ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป ทีละก้าว นิพพานไม่ใช่เรื่องง่าย ดิทราบดีค่ะ

   และดิฉันเองก็ไม่ได้ปรามาสพระไตรปิฏกบอกว่าพระไตรปิฏกผิดนะค่ะ ดิฉันก็ศึกษา มาบ้างเช่นกัน คุณใจเย็นๆ นะค่ะ อ่านจาก คำพูดตัวสีแดงของคุณแล้ว รู้สึกเหมือนคุณจะมีโทสะ

และที่ดิฉันบอกไปว่า
    
          ปฏิบัติธรรม ให้ตายยังไง แต่ถ้าเรายัง ดับ กิเลส ไม่ได้ เราก็ไปนิพพานไม่ได้ นะค่ะ
 

 สือเนื่องมาจากที่คุณ บอกว่าปฏิบัติธรรมเป็นคนละเรื่องกับการดับกิเลส ดิฉันก็ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าทั้งสองเป็นเรื่องเดียวกัน  กลัวว่าคุณจะปฏิบัติจนลืมดับกิเลส ก็แค่นั้นค่ะ แต่เห็นคุณก็บอกมาแล้วว่าปฏิบัติธรรมก็ช่วยให้คุณดับกิเลสได้  ดิฉันก็ดีใจด้วยค่ะ 

      และที่สำคัญดิฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ใช้วาจาจาบจ้วง ทำให้หลายท่านเค้าใจผิด เริ่มมีคนติ แล้วค่ะ แล้วก็ขอบคุณมากครั้งต่อไปดิฉันจะใช้วาจา ให้สุภาพมากขึ้นค่ะ
0
DRAMA QUEEN 22 มี.ค. 55 เวลา 17:33 น. 15

 สรุปแล้วเราพูดเรื่องเดียวกัน  แต่หันหน้ากันไปคนละทางเท่านั้นเอง


PS.  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
0
ynpairsone 6 พ.ค. 55 เวลา 17:12 น. 16

 เห็นด้วยกับคห.1 มากมากเลย เนื้อวัว เนื้อกบ ยังไม่กินเลยย ^^


PS.  fc Apple The Star 7 , fc Taew Nattaporn , fc Toni Rakkan
0
SAM nn 10 ก.ค. 56 เวลา 13:03 น. 17

อืม ติเตียนคนอื่นไม่ดีติตัวเองก็ไม่ได้ กิเลสคือความต้องการ
และความไม่ต้องการ
ทุกคนต้องการความสุข ไม่ต้องการฟังคำติ ต้องการเป็นคนดีๆ
มีเงินเพื่อการไดได

แต่คุณลองอยู่นิ่งๆ ปลาศจากความต้องการ ไม่กลัวอันตรายใดใด
ไม่กังวลทั้งอตีต และอนาคต
แล้วจะเป็นอย่างไรหนอ นิ่ง นิ่ง นานนานอืม

0