Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นี่หรือประเทศญี่ปุ่น ผู้เจริญ ประเทศที่คนไทยยกย่องและช่วยเหลือ อยากให้อ่านครับ(คนเคยชอบญี่ปุ่น)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อาจจะมีเนื้อเรื่องยาวหน่อยนะครับ มันเป็นแนวประวัติศาสตร์ครับ ปัจจุบันญี่ปุนไม่มีกองทัพครับ มีแต่กองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งญี่ปุ่นได้ลงนามในสนธิสัญญาแพ้สงครามกับสหรัฐ จึงถูกปลดอาวุธและลดกำลังทหารลง ผมเชื่อว่าหากไม่มีสนธิสัญญาดังกล่าวญี่ปุ่นจะมีกองทัพและอาวุธที่น่าเกรงกลัวกว่าครั้งที่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก เรียกได้ว่าเป็นรองแค่รัสเซียเท่านั้น ลองอ่านดูครับท่านอาจจะเศร้าใจเหมือนผมก็ได้ ขนาดผู้ก่อการร้ายที่ว่าโหดมากแล้ว พวกทหารญี่ปุ่นพวกนี้เรียกได้ว่าสัตว์นรกครับ เป็นกรรมที่ทหารญี่ปุ่นพวกนั้นทำหรือไม่ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นในวันนี้ ต้องรับกรรมจากภัยต่างๆนาๆในประเทศ

Credit : http://atcloud.com/stories/11222

-อสุมะ ชิโร ทหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพยานในเหตุการณ์ทารุณโหดร้าย กล่าวว่า
ในระหว่างเวลาสองปีแห่งการฝึกอบรมทางทหารในกองพลทหารราบที่ 20
แห่งเกียวโต-ฟุ ฟูคูชิ-มา นั้น เราถูกสอนว่า

"ความจงรักภักดียิ่งใหญ่กว่าภูผา หากชีวิตของผมเองยังไม่สำคัญ ชีวิตของ
ศัตรูก็ยิ่งสำคัญน้อยเสียจนไม่มีค่าอะไรเลย"

ทหารทุกคนล้วนได้รับการฝึกให้ความรู้สึกของอย่างมนุษย์หมดไป วันแล้ว
วันเล่าจะต้องฝึกให้รู้จักการตัดหัวมนุษย์และเสียบดาบปลายปืนเข้าไปในร่าง
เป็นๆ ของเชลยเหล่านั้น

และขณะเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงก็ได้มีการจัด "การแข่งขันฆ่า" ดูซิว่า
ใครจะสามารถฆ่าเจ๊กได้ถึง 100 คน ก่อนที่กองทัพญี่ปุ่นจะบุกถึงเมืองนานกิง

หนังสือพิมพ์ "เจแปน แอดเวอร์ไทเซอร์" ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม รายงานว่า
เรือตรีมูคาอิ โทชิอาขิ และเรือตรีโนดะ ทาเคฉิ จากหน่วยคาตากิริเข้าร่วม
ในการแข่งขันกระชับมิตร ซึ่งอีกสัปดาห์ต่อมาก็รายงานว่า ทหารทั้งสอง
เกิดไม่แน่ใจว่าใครได้คะแนนถึง 100 ก่อน ดังนั้นจึงตกลงใจขยับเป้าเป็นฝ่ายละ 150

"คมดาบของมูคาอิบิ่นไปเล็กน้อยจากการแข่งขัน เขาเล่าว่าเป็นเพราะการผ่าตัว
คนจีนออกเป็นสองครึ่งดาบเลยกระแทกเข้ากับหมวกเหล็กและอื่นๆ และบอกว่า
การแข่งขันนี่ สนุกดี"

ส่วน โอมาตะ ยูคิโอะ ผู้สื่อข่าวประจำกองทัพ ซึ่งได้เห็นเชลยศึกชาวจีนถูกนำ
ไปยังท่าเรือเซี่ยกวาน แล้วถูกสั่งให้ยืนเรียงกันที่ริมฝั่งแม่น้ำ รายงานว่า

พวกที่ยืนอยู่แถวแรกถูกตัดหัว แถวที่สองถูกบังคับให้ผลักร่างไร้หัวลงน้ำไป
จากนั้นคนในแถวถัดมาก็ถูกตัดหัวเช่นกัน การฆ่าหมู่ดำเนินไปไม่หยุดยั้ง
จากเช้ายันค่ำ

แต่ด้วยวิธีนี้ทหารญี่ปุ่นฆ่าได้แค่วันละ 2,000 คน จนเหน็ดเหนื่อยกับวิธีการนี้
พอถึงวันถัดมาจึงหันมาใช้ปืนกล ทหารสองคนกราดปืนกลเข้าใส่เชลยที่ยืน
เรียงแถวกันอยู่ ปังๆ ปังๆ ทหารเหนี่ยวไก ขณะเชลยกระโดดหนีลงน้ำ

แต่ไม่มีใครไปได้ถึงอีกฝั่งสักคน!

มีไม่คนที่รู้ว่าทหารเอาดาบปลายปืนเสียบร่างทารกที่ยังเป็นๆ แล้วตวัดร่างนั้น
ลงในหม้อน้ำเดือด

ที่ทรมานใจคนอ่านยิ่งนักคือ เรื่องของการข่มขืน

ไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าตัวเลขของสตรีในนานกิงที่ถูกข่มขืนมีมากเท่าใด
ตั้งแต่ 20,000 จนถึง 80,000 คน เพราะทหารญี่ปุ่นข่มขืนผู้หญิงไม่เลือกหน้า
ตั้งแต่ชาวนา เด็กนักเรียน ครู แม้กระทั่งแม่ชี ตั้งแต่อายุ 12 ปี ไปจนถึง 80 ปี

เด็กสาวถ้ายังอยู่ในบ้านก็เสี่ยงต่อการถูกข่มขืนต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว...
ซึ่งมีไม่น้อยที่ลูกชายถูกบังคับให้ข่มขืนแม่ พ่อถูกบังคับให้ข่มขืนลูกสาว...
แต่หากออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังเขตปลอดภัย ก็เสี่ยงต่อการถูกจับได้
กลางทาง

กระนั้นกองทัพญี่ปุ่นก็ยังสร้างเรื่องโกหกว่า มีตลาดที่พวกแม่บ้านสามารถ
นำไก่และเป็ดมาแลกกับข้าวสารและแป้งปรุงอาหารได้ แต่เมื่อพวกผู้หญิง
ไปถึงที่นั่นพร้อมด้วยข้าวของที่จะแลก พวกเธอกลับได้พบกับทหารเป็นฝูง
คอยทีอยู่

ผู้หญิงที่นานกิงถูกข่มขืนไม่เลือกเวลาและสถานที่ หนึ่งในสามเกิดขึ้นตอน
กลางวันแสกๆ

"พวกที่รอดมาได้เล่าว่า พวกทหารจับผู้หญิงถ่างขาออกแล้วก็ข่มขืนพวกเธอ
ทั้งๆ กลางแจ้ง ที่กลางถนน และต่อหน้าฝูงชนที่มุงดู"

ถึงแก่เฒ่าก็ไม่เว้น "ทหารญี่ปุ่นที่ข่มขืนหญิงวัยหกสิบคนหนึ่งออกคำสั่ง
ให้นางใช้ปากทำความสะอาดอวัยวะเพศให้ และเมื่อยายวัย 62 อีกคน
ออกปากว่านางแก่เกินกว่าจะทำเรื่องอย่างนั้นได้ พวกเขาก็ตอกท่อนไม้เข้า
ไปในตัวนาง

ยายวัยแปดสิบจำนวนมากถูกข่มขืนจนตายคาที่"

พยานชาวจีนหลายรายเล่าว่า ทหารข่มขืนเด็กผู้หญิงที่กลางถนน เสร็จแล้ว
ก็ใช้ดาบฟันร่างของพวกแกขาดเป็นสองท่าน นอกจากนั้นยังมีบางรายที่
ถูกแล่ช่องคลอดด้วยดาบของผู้ชำเราเอง

กับผู้หญิงท้องหลังจากการเรียงคิวแล้ว "บางทีทหารก็คว้านผ่าหน้าท้อง
ของหญิงที่พวกตนข่มขืน แล้วเขี่ยเอาลูกอ่อนออกมาดูเล่น!"

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ กับเตียง หรือเสาบ้าน
ในสภาพเปลือยเปล่าในฐานะเป็นอุปกรณ์สนองกามถาวร

"ในระหว่างการข่มขืนมโหฬารที่เกิดขึ้นในตัวเมือง บ่อยครั้งที่ทหารญี่ปุ่น
ฆ่าเด็กและทารกทิ้ง เพียงเพราะพวกแกเข้ามายุ่มย่ามขวางทาง พยานที่เห็น
เหตุการณ์เล่าถึงภาพเด็กๆ หรือทารกที่ถูกเอาผ้ายัดปาก หรือไม่ก็ถูกเสียบตาย
คาดาบปลายปืน เพราะพวกแกเกิดร้องขึ้นมาขณะแม่กำลังถูกข่มขืน"

และเมื่อเบื่อหน่ายกับกามที่สวาปามเข้าไปจนเกินอิ่มแล้ว วิธีการหฤหรรษ์
อันสุดเ้ยมอย่างหนึ่ง คือ "การเสียบช่องคลอด"

สองขาของซากศพพวกผู้หญิงที่พบตามท้องถนนในเมืองนานกิงถ่างแยก
มีสิ่งของต่างๆ ทิ่มแทงค้างอยู่ในอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นท่อนไม้ กิ่งไม้ หรือ
กอหญ้า

ทหารนายหนึ่งยัดขวดเบียร์เข้าไปในช่องคลอดที่เขาเพิ่งเสร็จออกมา
จากนั้นก็ยิงเจ้าของช่องคลอดรายนั้นทิ้ง

การข่มขืนชนิดไม่เลือกหน้าในนานกิงทำให้เกิดเสียงโวยวายอย่าง
รุนแรงจากกลุ่มประเทศตะวันตก แต่ปฏิกิริยาของรัฐบาลญี่ปุ่นกลับ
วิปลาสยิ่ง เพราะแทนที่จะห้ามปรามหรือลงโทษผู้กระทำผิด
ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของญี่ปุ่นกลับวางแผนทำซ่องใต้ดินขนาด
มหึมา ที่มีเครือข่ายใช้ผู้หญิงนับพันๆ จากทั่วเอเชีย

โดยการสั่งให้จัดตั้ง "บ้านผ่อนคลาย" ขึ้น จากนั้นหลอกล่อ ซื้อขาย
หรือไม่ก็ลักพาตัวผู้หญิงประมาณแปดหมื่นถึงสองแสนคน ซึ่งส่วนใหญ่
มาจากเกาหลี อันเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น แต่ก็มีจำนวนมากเช่นกันที่
มาจากจีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

โดยหวังว่าจะลดตัวเลขผู้หญิงท้องถิ่นที่ถูกข่มขืนไม่เลือกหน้าลงให้ได้
แจกถุงยางอนามัย ด้วยหวังจะหยุดยั้งโรคติดต่อจากการร่วมเพศ และ
เพื่อให้รางวัลแก่ทหารที่เครียดจากการสู้รบที่แนวหน้ามาเป็นเวลานาน

ปี ค.ศ.1991 โยชิมิ โยชิอาขิ ศาสตราจารย์นักประวัติศาสตร์เรืองนาม
แห่งมหาวิทยาลัยโช ค้นพบเอกสารชิ้นที่จั่วหัวว่า "การรับผู้หญิงเข้า
ซ่องทหาร" จากหน่วยงานกลาโหมของญี่ปุ่น ตราที่ประทับบนเอกสาร
นอกจากแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพ
คำสั่งที่ระบุในเอกสารคือ ให้มีการจัดสถานที่ "เพื่อความผ่อนคลายทางเพศ"
เพื่อให้ทหารหยุดข่มขืนผู้หญิงในจีน

"บ้านผ่อนคลาย" แห่งแรกเปิดขึ้นที่นานกิงในปี ค.ศ.1938

กระนั้นก็ตาม วิลเฮลมินา วอทริน หรือที่ใครๆ เรียกว่า "มินนี" วัย 51 ปี
คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์สตรีจินหลิง
ซึ่งช่วยปกป้องสตรีชาวนานกิงนับพันๆ ไว้จากการถูกทหารญี่ปุ่นข่มขืน
ยังยอมรับว่าเธอถูกหลอกให้ส่งตัวผู้หญิงให้กับทหารญี่ปุ่น

"...ทหารญี่ปุ่นตามรังควานอย่างไม่ลดละด้วยการกวาดเอาพวกผู้ชายออก
ไปฆ่า เอาผู้หญิงไปไว้ในซ่องของกองทัพ ซึ่งบางครั้งวิธีการคัดเลือกก็เป็นไป
อย่างหน้าด้านๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะใช้วิธีเข้ามาแอบจับตัว ด้วยการ
กระโดดข้ามรั้วไม้ไผ่ หรือแหกแนวรั้วด้านข้างเข้ามา แล้วจับเอาผู้หญิงที่
เจอตรงนั้น"

โชคดีที่ จอห์น แมกี ใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์ชนิดสมัครเล่นถ่ายภาพเหยื่อ
หลายรายที่นอนแบ็บอยู่กับเตียงในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนานกิง ร่างของคน
เหล่านั้นถ้าไม่บิดเบี้ยวยับเยินก็ดำเกรียมเพราะถูกเผาทั้งเป็นจนแทบไม่เหลือ
สภาพมนุษย์

ส่วนจอร์จ ฟิทช์ เสี่ยงด้วยชีวิตในการนำฟิล์มม้วนนั้นหลบออกมาได้ถึงเซี่ยงไฮ้
และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากนานกิงในวันที่ 19 มกราคม โดยบรรจุ
ฟิล์มชนิด 16 มม. จำนวน 8 ม้วน เย็บซ่อนอย่างดีในสาบเสื้อโค้ตขนอูฐที่สวมใส่

เรื่องราวเหล่านี้จึงแดงออกมา

อย่างไรก็ตาม ด้วยการเรียนรู้ร่วมกันที่จะขออภัยและให้อภัยซึ่งกันและกัน
เชื่อว่าเวลาจะช่วยเยียวยาความรู้สึก เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือ
หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์

แสดงความคิดเห็น

>

51 ความคิดเห็น

ImShino 3 เม.ย. 55 เวลา 21:13 น. 2

มันแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ฉันเกลียดญี่ปุ่นแต่ก็ชอบญี่ปุ่น งงไหมล่ะ ญี่ปุ่นสมัยก่อนโหดร้ายเลือดเย็นก็จริง(ตอนนี้ก็อาจจะเป็นเช่นนัั้นอยู่//โดนตบ= =;) แต่ว่าสมัยนี่คนญี่ปุ่นใจดี(จริงเหรอ)ก็มีเยอะนะ
แต่ถ้าคุณยังอยู่กับอดีตก็แนะนำให้ไปดูเรื่อง ยามาดะ ซามูไรแห่งอโยธยา คุณอาจจะกลับมาชอบญี่ปุ่นอีกครั้งก็ได้นะ ถ้าขี้เกียจไปหาดูละก็จะเล่าเรื่องย่อให้อ่าน จะอ่านไม่อ่านก็ช่าง(ล้อเล่นอ่านหน่อยเถอะ)              เรื่องย่อ  ยามาดะ ซามูไรแห่งอโยธยา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งยามาดะก็คือ ออกญาเสนาภิมุข เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นคนใหญ่โตที่มีอิทธิพลในสมัยนั้น ถึงเป็นคนญี่ปุ่นแต่ก็รักผืนแผ่นดินไทยมาก ซึ่งที่นครศรีธรรมราชก็ยังมีอนุสาวรีย์ท่านอยู่

จากเอกสารที่ค้นพบ ทํา ให้สันนิษฐานได้ว่าท่านยามาดะน่าจะเดินทางเข้ากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช และได้สมัครเข้ากองอาสาญี่ปุ่นทําการออกรบให้อยุธยาหลายครั้ง จนได้รับการแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนาง และในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระราชบุตรของสมเด็จพระเอกาทศรถ ท่านยามาดะก็ได้รับตําแหน่งสูงสุดเป็นถึงออกญาเสนาภิมุข ควบคุมกองอาสาญี่ปุ่น

ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ท่านยามาดะก็ได้เดินทางไปปราบกบฏที่เมืองนครศรีธรรม-ราช จนสามารถทําการปราบปรามกบฏได้สําเร็จ ถือเป็นความดีความชอบจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ท่านยามาดะได้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช จนถึงแก่อนิจกรรมลงเมื่อค.ศ.1630 หรือ พ.ศ.2173 และถือได้ว่าท่านยามาดะเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวในโลก ที่ได้มาเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้น มาเพื่อนําเสนอถึงเรื่องราวและเหตุที่ว่า ทําไมท่านยามาดะถึงได้เทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทยและยอมตายเพื่อแผ่นดินอโยธยา และยังเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทย กับประเทศญี่ปุ่น  https://www.youtube.com/watch?v=m_qoZpn10dk มี7ตอน
ฉันน่ะนะไม่อยากให้คุณเกลียดญี่ปุ่นหรอกนะ อืมฉันไม่มีเหตุหรอกนะก็แค่ไม่อยากให้คุณไม่ชอบญี่ปุ่นเท่านั้นเอง^-^


PS.  ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้
0
LiLiandStitch 3 เม.ย. 55 เวลา 21:43 น. 3

 ในสมัยก่อนที่มีการล่าอาณานิคม และต้องปกป้องอาณาเขตประเทศตัวเองกันด้วยชีวิต

มันก็ทุกประเทศนั่นแหละที่ต้องเ้ยมโหด ฆ่ากันไปฆ่ากันมา แม้แต่ไทยเองก็เถอะ

0
จขกท 3 เม.ย. 55 เวลา 21:44 น. 4

มันเป็นอดีตก็จริงครับ แต่มันสะท้อนอะไรบางอย่างในส่วนลึกของคนประเทศนี้ ผมว่าต่อให้ทหารประเทศไหนๆ ไปทำสงครามเค้าก็ไม่ทำกันเหมือนว่าคนเป็นสัตว์ ทำนองนี้ครับ มันต้องมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้าง ทุกที่มีคนดี มีคนไม่ดีก็จริงแต่คนไม่ดีใช้กับพวกทหารญี่ปุ่นพวกนี้ไม่ได้ครับ พวกมันเลวเกินคนจริงๆ ดีว่ามันไม่ทำกับคนไทยตอนเราถูกมันเข้ามายึดครองในสมัยสงคราม ปัจจุบันนี้ที่น่านกิง ประเทศจีน เค้าสาบแช่งทุกครั้ง ที่นายกญี่ปุ่นไปไหว้หลุมศพทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่โตเกียว ตัวผมเองเลิกชอบเลิกยกย่องมันไปนานแล้วครับ ผมยกย่องประเทศของผมดีกว่า ไม่ว่าประเทศเราจะเจริญน้อยกว่ามัน ไม่ฉลาดเท่ามัน แต่ประเทศไทยของเรามีคนดีๆ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อกัน ผมว่ามีความสุขแล้วครับ

0
nayrunkung 3 เม.ย. 55 เวลา 22:22 น. 5

คุณอย่าอ่านประวัติศาสตร์เพียงด้านเดียวเลย มุมมืดของสงครามประเทศไหนๆก็มีทั้งนั้น
สงครามธุรกิจปัจจุบันมันก็โหดร้ายไม่ต่างกันเพียงแต่มันเป็นปีศาจในมาดผู้ดี คุณอาจจะไม่คนโดนยิงดิ้นพล่าน
แต่ก็มีคนที่อดโซจนตาย ฆ่าตัวตาย หรืออะไรกว่านั้นเยอะ

0
เกลียดชั้นทำไม 3 เม.ย. 55 เวลา 22:26 น. 6

มันก้โหดร้ายทุกประเทศแหล่ะ เวลาชนะ
ดูจากหนังไทยบางเรื่องก็ได้ พวกพม่าชนะไทย มันก็ข่มขืนผญ ฆ่าตัดคอ เผาบ้าน
บลาๆๆๆ เหมือนกันหมด ฝรั่งก็เป็น พวกนาซีไง โหดกว่าด้วยซ้ำ พวกจีนนี่ก็ใช่ย่อยนะฮะ
เขมรแดงอีก ว่าแต่ว่าประเทศไทยไม่มีเรื่องแบบนี้เลย หรือไม่ยอมเล่าหว่า คิคิ
ประเทศไทยดีที่สุดในโลก ทุกคนล้วนจิตใจดี เอาแต่เกลียดคนอื่นหาเรื่องเหยียดทุกประเทศให้จมอยู่ใต้เรา ไม่ว่าประเทศเค้าจะดีขนาดไหนก็ติได้เสมอแหล่ะหน่าคนไทย ฮิฮิ(?)
ไม่เชื่อลองยกตัวอย่างประเทศที่ประเทศไทยไม่เคยว่าหรือดูถูก มา 1 ประเทศ

ปล.ไม่ต้องไล่เราออกจากประเทศนะ เพราะคุณไม่มีสิทธิ
แค่อยากจะบอกว่า เกลียดเค้าทำไม? นี่หรือคือเหตุผล? รู้หรือไม่ว่าการเอาประวัติแบบนี้มาลงพร้อมพูดจาแบบนี้ ทุกคนในโลกที่รู้จักรักและเคารพคนอื่นไม่มีใครทำกัน
เพราะทุกคนเสียใจ คนญี่ปุ่นเองก็เสียใจที่มันเกิดเรื่องนี้มาเป็นตราบาป เหมือนกับชาวเยอรมันเรื่องนาซี ไม่มีใครเค้ามาขุดคุ้ยพูดกันหรอกนะ มันไม่ใช่นิสัยของมนุษย์ ต่ำ! มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นด้วยซ้ำ ทุกวันนี้คนไทยก็เอาฮิตเล่อร์มาเล่นล้อเลียนแต่งตัวกันสนุกสนานฝรั่งมันก็ด่าพ่อแม่เรากันใหญ่...ออกทะเลซะงั้น

0
คิดบ้างนะ 3 เม.ย. 55 เวลา 22:28 น. 7

มันอดีตละคุณ อย่าจมปักสิ
คิดหน่อยถ้าคุณจะเกลียดคุณก้ต้อง
เกลียด ฝรั่งเศษ อังกฤษ เกาหลี
เขมร พม่า ลาว จีน เยอะอ่ะที่ทำไม่ดีกับไทย
ใช่ว่าคนไทยจะดีเสมอไป
บางคนก็ไม่ดี
คนไทยเขาให้อภัยคนอื่นได้เสมอ
คุณอย่ามาจมปักเหมือนวัวเลยเถอะ
คิดบ้างนะ

0
Yugiru 3 เม.ย. 55 เวลา 22:41 น. 8

ยังไงทุกอย่างมันก็คืออดีตค่ะ จขกท. สมัยนี้คนญี่ปุ่นอาจจะไม่เป็นเหมือนในอดีตแล้วก็ได้
ทุกอย่างมีทั้งด้านดีและด้านเสียในตัวของมันเองทั้งนั้นแหละค่ะ จขกท. ลองมองด้านที่ดีๆของเค้า มองเค้าในปัจจุบันนี้ดูบ้างสิคะ ^-^

ปล. แต่ความจริงเราเองอ่านแล้วก็แอบสะเทือนใจนิดๆนะคะ

0
NiGhTmArE 3 เม.ย. 55 เวลา 22:55 น. 9

 ไม่มีประเทศไหน ดีพร้อมตั่งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันหรอกนะ


PS.  Be Weak Enough To Know You Can Not Do Everthing Alone......
0
แมวโฉดร้องแหง่วๆ 3 เม.ย. 55 เวลา 22:56 น. 10

เราอยากจะบอกว่าเราเกลียดญี่ปุ่นมาก

ญาติเราเป็นคนจีน เขาเล่ามาว่าในสงครามโลกตะกูลเราโดนหนักมาก

เขายังไม่แน่ใจเลยว่าเราเกิดมามีเชื้อญี่ปุ่นหรือเปล่า



คนไทยไม่เคยโดนจริงๆจังๆ. จะไปรู้อะไร ต่อให้เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วแต่มันก็ลืมกันไม่ได้หรอก


เข้าใจไหมว่ามันเป็นรอยแผล ตราบาปที่ฝังลึกและเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง


ของอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องเด็กอนุบาลนะ ที่จะลืมได้ง่ายๆ

ดูอย่างฝรั่ง จนป่านนี้เขายังเกลียดฮิตเลอร์กันอยู่เลย มันไม่เกี่ยวว่ามันเกิดขึ้นมานานหรือยัง มันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำกับพวกเราต่างหาก


เชิดชูเข้าไปสิ ญี่ปุ่นนะ ให้มันหลอกเอาเงินให้พอใจ เอาอาหาร การ์ตูนมาหลอกล่อ ญี่ปุ่นนะชาตินิยมเหลือเกิน เรามีแต่เสียเงินให้เขา ไม่เห็นเขามาเสียเงินให้เราบ้างเลย

เราว่านะ ญี่ปุ่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับเกาหลีที่หลายๆคนเกลียดหรอก!

ปล.แน่ใจว่าญี่ปุ่นสำนึกผิด?ฉันเห็นผู้นำประเทศนั้นยังไปไหว้ศาลเจ้าทหารญี่ปุ่นอยู่เลย บูชาเป็นเทพจนจีนและเกาหลียังออกมาประนามเลย. ฉันไม่เคยเห็นคนเยอรมันไหว้ฮิตเลอร์เลยนะ?
ปล.2คนเยอรมันไม่ใช่พวกเดียวกับฮิตเลอร์ เขาเป็นเหยื่อ เขาถึงได้เกลียดฮิตเลอร์ไง ปล.3เกลียดติ่งญี่ปุ่นบางคน ขีดเส้นใต้เน้นตัวหนาว่าบางคนเท่านั้น!

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 เมษายน 2555 / 23:01


PS.  บนท้องฝ้ามีดาวอยู่มากมาย บนพื้นดินมีก้อนหินอยู่ทุกหนแห่ง แต่ในใจฉันมีเพียงเธอ
0
Dgjmbfr 3 เม.ย. 55 เวลา 22:58 น. 11

คิดว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้วคับ- -* อย่าเอามาปนกันคับผมเรียนกับเซนเซญี่ปุ่นมาหลายปีแล้วไม่เห็นมีนิสัยไม่ดีเลย ดีไม่ดีคนไทยบางคนนิสัยแย่ซะด้วยซ้ำ. //หลุดมาจากยุคไหนคับนั่น

0
Witch 3 เม.ย. 55 เวลา 23:01 น. 12

ขึ้นชื่อว่าสงครามมันก็ต้องโหดร้ายเป็นธรรมดาค่ะ และบางทีประวัติศาสตร์มันก็ถูกบิดเบือนได้เหมือนกัน ถ้าเกิดคุณไปรู้ด้านมืดของทุกประเทศทั่วโลก คุณไม่ต้องเกลียดเค้าไปทั่วโลกเลยหรอคะ ตอนนี้เค้าเองก็ช่วยเหลือคนไทยในหลายๆ ด้าน ดูที่ปัจจุบันดีกว่าไหมคะ ส่วนอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคนในยุคนั้นเถอะค่ะ

0
tanggu 3 เม.ย. 55 เวลา 23:02 น. 13
อ่านแล้วก็สลดนะ  แต่ว่า....
เราศึกษาอดีตมิใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อพัฒนาปัจจุบันต่างหาก:)
เราเข้าใจความรู้สึกจขกท.นะ))

PS.  ❤❤ รักนะไอ้แว่น>//<
0
คนไทยคนหนึ่ง 3 เม.ย. 55 เวลา 23:05 น. 14

อยากว่าชาติไหนก็ว่าไปเถอะ แต่ลองย้อนกลับมาดูชาติตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากเขานักหรอก

ปล.ว่าไหนว่าคนไทยนั้นรักสงบ แต่ทำไมชอบไปวิจาญชาติอื่นนักนะ

0
weep 3 เม.ย. 55 เวลา 23:08 น. 15

เราเคยดูสารคดีช่องนึงอ่ะ
เขาไปสัมภาษณ์นักศึกษาเกาหลีว่ารู้สึกยังไงกับญี่ปุ่น(เพราะสองประเทศนี้เขาไม่ค่อยถูกกันสมัยก่อน)
นักศึกษาคนนั้นตอบว่า..เขาก็รู้สึกโกรธและเศร้า แต่มันเป็นเรื่องในอดีตและเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว
ก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บมาคิดอีก เพราะคนในอดีตกับคนสมัยนี้คือคนละคนกัน.....

เอาเป็นว่าเราก็อย่ายึดติดกับเรื่องอดีตเลยนะคะ

0
ดินสอ 3 เม.ย. 55 เวลา 23:09 น. 16

อืม....เราก็เคยดูหนังที่เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันนะ เราเรียนศิลป์-ภาษจีน ครูจีนที่ รร.เอาหนังเรื่องสงครามนานกิงมาเปิดให้ดู เราดูแล้วมันโหดร้ายมากกกกกกกกกกกกก เราดูเรื่องนี้ถึงกับขยาดประเทศนี้และคนญี่ปุ่นเลยล่ะ เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่ดูเรื่องนี้แล้วมันทรมานใจ ดูแล้วร้องให้เลยอ่ะ ระหว่างที่เราดูก็หันไปมองครูจีน เรารู้สึกว่าครูเค้าดูจะจริงจังหรือไม่ก็เกลียดอะไรทำนองนั้น แต่เราว่าในความคิดเราใครได้ดูหรือได้อ่านเรื่องนี้ละก็..คงจะรูสึกเจ็บปวดไม่น้อยเลยล่ะ Y-Y

0
whenyoubelive 3 เม.ย. 55 เวลา 23:25 น. 17

เอาเหอะ ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็เเล้วเเต่
ประวัติศาสตร์มันก็อาจจะมีเปลี่ยนเเปลงมั่งบางทีอาจจะไม่ใช่เเบบนี้จริงๆก็ได้นะ(พยายามคิดในเเง่ดีค่ะ - -//)

เราก็ไม่สงสัยหรอกว่าทำไมญี่ปุ่นภัยธรรมชาติเยอะดูจากปัจุบันที่เป็อยู่ตอนนี้ก็ยังอาจจะมีเรื่องเเบบนี้เกิดอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้(เเต่มันคงไม่ร้ายเเรงเท่านั้นหรอกนะ)ประเทศนี้กรรมเยอะจริงๆนั่นเเหละ หนังโป๊บ้าง ฆ่าปลาสดๆบ้าง ไม่รู้วันนึงกี่ล้านตัววว อะไรอีกต่างๆนาๆ(จีนก็เหมือนกัน)

ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานประเทศพวกนี้จะถูกทำลายล้าง ย่อยยับ ไม่เเน่2012ปีนี้เลยก็ได้

พระพุทธเจ้าทำนายไว้เเล้ว(เเล้วเราก็ไม่เเปลกใจเลย เเต่เราเชื่อเรื่องเเบบนี้ มันก็เเล้วเเต่ความเชื่อของคนอ่ะนะ):

0
อยากบอก 3 เม.ย. 55 เวลา 23:30 น. 18

อาม่าเราอพยพมาจากจีน
เกลียดญี่ปุ่นมาก
เข้าฟูจิ ฮะจิบัง ไม่ได้เลยอ่ะ
ฝังใจมาก = =
อาม่าบอกว่า ตอนสงครามโลกอาม่าหนีมาได้พร้อมกับพ่อแม่พอดี
แต่เพื่อนๆของอาม่า ญาติคนอื่นๆไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง

ไม่แปลกหรอกที่คนจีนบางคนจะเกลียดคนญี่ปุ่นโคตรๆ ก็ทำเขาไว้เยอะ

0
SappHo(&gt;=&lt; ) 3 เม.ย. 55 เวลา 23:46 น. 19

 เวลาเกิดสงครามก็โหดร้ายกันทุกประเทศเเหละค่ะ
เราก็เข้าใจนะว่า มันโหดร้าย
เเต่ว่า ตอนนี้ไทยกับญี่ปุ่นก็มีไมตรีที่ดีต่อกัน 
เมื่อมีไมตรีก็ไม่น่าหาเรื่องมาให้บาดหมางกันอีกจะดีกว่านะ


PS.  หึหึหึ~
0
anonymous 4 เม.ย. 55 เวลา 00:04 น. 20

ถ้าคนญี่ปุ่นในสมัยนี้เลือกได้ เค้าก็ไม่อยากให้บรรพบุรุษทำแบบนั้นเหมือนกัน

0