Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

GAT-PAT คืออะหยังไม่รู้เรื่อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
GAT - PAT เป็นยังไงไม่รู้เลยอ่า GAT นี่คำตอบเขาจะให้ตอบลงในไหนอย่างไรหรอ PAT เป็นภาษาอังกฤษรึป่าวอะ

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

788798 30 เม.ย. 55 เวลา 16:07 น. 1

GAT คือข้อสอบที่ม.6ทุกคนต้องสอบ แบ่งเป็น2พาร์ท&nbsp 
-แกทไทย จะมีเนื้อเรื่องยาวมากๆให้อ่าน แล้วก็ต้องหาคำตอบว่าอะไรเชื่อมโยงกับอะไร @_@ เราเองยังตาลาย
-แกทอิ๊ง มีเนื้อเรื่อง conversation ต่างๆ

PAT มี7ชนิด
1. PAT มี 7ชุด คือ

PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร์
PAT 2 วัดศักยภาพทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 วัดศักยภาพทางวิศวกรรม ศาสตร์
PAT 4 วัดศักยภาพทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 วัดศักยภาพทาง ครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์
PAT 6 วัดศักยภาพทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 เกี่ยวกับภาษาต่างๆ

*สำหรับแพทนั้น ต้องดูว่าคณะและสาขาที่เราจะเข้า เค้ากำหนดให้สอบแพทอะไรบ้าง

0
suju only13 30 เม.ย. 55 เวลา 16:37 น. 2

ตาม คห.1

แนะนำสำหรับ GAT เชื่อมโยง เวลาฝึกทำข้อสอบอ่ะ
เอาเฉพาะพวกข้อสอบที่เขาใช้สอบกันจริงๆมาทำก็พอ ( ที่ออกโดย สทศ )
พอทำจบหมดทุกชุดก็เวียนกลับไปทำใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คล่อง
พวกนี้สามารถหาโหลดบทความ+เฉลยได้ ไม่ต้องซื้อ

พวกหนังสือที่มันจะมีบทความที่เค้าแต่งขึ้นมาอะไรแบบเนี้ย ไม่ต้องไปซื้อทำ
เพราะทำไปก็งงเปล่าๆ แล้วพอทำไม่ได้ก็ท้อ ไม่อยากทำ ( เจอมากับตัว )


0
Pla Wanwisa 1 พ.ค. 55 เวลา 13:28 น. 3

ขอบใจจ้า คห1-2 เรามีลองโหลดมาเก็บไว้ก่อน ตอนนี้อ่านแต่ Onetเพราะตอนแรกลองอ่าน PAT2แล้ว งง ตึบเลยเลิกอ่านไป
ตอนนี้ก็ตามเก็บพวกหนังสือกับเนื้อหาที่จะเตรียมมาอ่าน
แล้วคห.1-2 เรามีไรถามนิดนึง Onet อยากมั้ยอ่า&nbsp GAT1-2 PAT 2ด้วย

0
Luksika 9 พ.ย. 55 เวลา 12:56 น. 4

gat pat ยากมากไหมค่ะ ทำไมต้องสอบ สอบเพื่อ แล้วถ้าได้คะแนนต่ำจะทำไง ทำไงถึงจะสอบได้ ต้องเตรียมตัวยังไง อ่านหนังสือมากไหม คนไม่เก่งจะสอบได้หรือ แล้วมีผลยังไง ช่วยให้คำตอบหน่อยค่ะ

0
แอนนน 28 ม.ค. 56 เวลา 12:30 น. 5

GAT PAT O-net ล้วนมีความสำคัญทั้งนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อเราสอบไปก็จะมีคะแนนซึ่งเราสามารถนำไปยื่นเวลาเราจะเข้ามหาลัยต่างๆ มันจึงมีความสำคัญอย่างมาก เดี๋ยวเราลองกันไปดูกันนะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
หน้าที่ของ GAT PAT
GAT คือ การวัดความถนัดทั่วไป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ พาร์ทภาษาไทย หรือที่เรียกว่าพาร์ทเชื่อมโยง จะวัดเรื่องความสามารในการอ่านและวิเคราะห์ อีกพาร์ทนึงเป็นภาษาอังกฤษ ก็วัดความสามารถทางภาษาอังกฤษค่ะ รวมกันสองพาร์ทนี้ 300 คะแนน
PAT คือ วิชาสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ แบ่งออกเป็นหลายวิชา วัดศักยภาพตามกลุ่มวิชาชีพ คือ
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายภาษา ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาอาหรับ และภาษาบาลี
สำหรับประโยชน์ของ GAT PAT ถ้าคนไหนติดตามข่าวสารมาตลอดก็จะรู้ว่ามันเป็นคะแนนสำคัญมากทีเดียวเลยล่ะ เพราะใช้ทั้งในระบบรับตรงและระบบแอดมิชชั่นกลาง ซึ่งในแอดมิชชั่นกลางนั้น GAT PAT รวมกันจะเป็นส่วนถึง 50% เรียกว่าถ้าไม่มีคะแนนนี้ก็ไม่ได้แอดมิชชั่น อีก 50% ที่เหลือก็เป็นส่วนรวมกันของเกรด(GPAX) และคะแนน O-NET
และที่เกริ่นไปว่ารับตรงก็ใช้นั้น บางแห่งแทบจะใช้เป็นเกณฑ์สำคัญเลยทีเดียว เช่น รับตรงปกติ จุฬาฯ, รับตรง มธ.บางคณะ, รับตรงแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น และรับตรงรอบแรกส่วนใหญ่ก็จะใช้ GAT PAT รอบแรกเท่านั้น เพราะรับตรงโครงการนั้นๆ จะเสร็จสิ้นก่อนจะสอบ GAT PAT รอบมีนาคม จึงใช้ได้แค่รอบเดียว ดังนั้น เตือน&nbsp ม.6 รุ่นนี้ ถ้าถึงเวลาสมัครสอบแล้ว ก็อย่าลืมสมัครด้วยนะจะได้ไม่เสียสิทธิ์รับตรง(ในบางคณะ)

2) คณะไหนใช้อะไรบ้าง
เกริ่นไปตอนต้นเยอะเลยว่า GAT PAT สำคัญมากๆ ในระบบแอดมิชชั่นกลาง ดังนั้นน้องๆ ก็สงสัยกันว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคณะไหนใช้อะไรบ้าง พี่มิ้นท์สรุปตามกลุ่มวิชาคร่าวๆ ให้เตรียมตัวกัน ดังนี้
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์&nbsp กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มคณะวิทยาศาสตร์กายภาพ กลุ่มเกษตร-วนศาสตร์ กลุ่มบริหาร-บัญชี เศรษฐศาสตร์ กลุ่มมนุษยฯ-อักษรฯ-สังคมศาสตร์ (ยื่นคะแนนรูปแบบที่1)
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มการโรงแรมและท่องเที่ยว(ยื่นคะแนนรูปแบบที่2) กลุ่มมนุษยฯ-อักษรฯ-สังคมศาสตร์(ยื่นคะแนนพื้นฐานศิลป์ รูปแบบ2)

3) ใครสอบได้บ้าง
สำหรับการสอบ GAT PAT ค่อนข้างจะอิสระพอสมควร เพราะทุกคนมีสิทธิในการสอบหมด ทั้ง ม.6 เด็กซิ่ว และ สายอาชีพ และจะสมัครกี่ครั้งก็ได้(แต่ปีนึงมีแค่ 2 ครั้ง) เพราะการสมัครสอบสามารถดำเนินการสมัครได้ด้วยตนเอง ดังนั้นอยู่ที่ความรับผิดชอบของตัวเอง หากสมัครไม่ทัน ผลเสียก็ตกอยู่ที่ตัวเองค่ะ
อายุของคะแนนสอบ GAT PAT อยู่ได้ 2 ปี&nbsp นั่นหมายความว่า หาก ม.6 ปีนี้ อยากซิ่วในปีหน้า คะแนนของปีนี้ก็ยังใช้ได้&nbsp ดังนั้นในความหมายเดียวกัน ถ้ารุ่นพี่แอด55 จะซิ่วในปีนี้ ก็สามารถใช้คะแนนปีที่แล้วได้ด้วย โดยในการสมัครแอดมิชชั่นกลางจะมีระบุไว้ว่าใช้รอบใดได้บ้าง
แต่ในรับตรงบางคณะ จะกำหนดไว้ว่าใช้คะแนนรอบไหนได้บ้าง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างคือรายละเอียดล้วนๆ ต้องดูให้ถี่ถ้วนเอง

4) วิธีเตรียมตัวสอบ gat/pat
สำหรับการเตรียมตัวสอบ GAT PAT พี่มิ้นท์จะขอข้ามเรื่องการกวดวิชาไปนะ&nbsp  เพราะเรื่องกวดวิชาขึ้นอยู่กับดุลพินิจในเรื่องความจำเป็นและความหนาของกระเป๋าสตางค์ ><&nbsp แต่จะพูดถึงการเตรียมตัวด้วยตนเอง มีเคล็ดลับง่ายๆ แต่จะยากตรงที่ต้องใช้ลูกขยันของเราล้วนๆ ค่ะ
1) เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ ว่าเราจะสอบวิชาอะไรบ้าง และวางแผนการอ่านหนังสือของเรา เช่น จะอ่าน GAT ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอ่าน PAT วันที่เหลือ เป็นต้น
2) เข้าใจข้อสอบก่อนว่า ข้อสอบ GAT PAT จะมีระดับความยากกว่า O-NET เพราะอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ เพราะฉะนั้น จะอ่านหนังสือแต่ละทีต้องตั้งใจและมีสมาธิมากๆ รวมถึงหาขอบเขตเนื้อหาของข้อสอบมาดู และไปตามหาหนังสือที่มีรายละเอียดเรื่องนั้นๆ มาอ่าน ซึ่ง อาจจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือที่ใช้เรียน เพื่อให้ได้ข้อมูลกว้างขึ้นนะ
3) ดาวน์โหลดข้อสอบเก่าๆ มาลองทำ การอ่านเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ&nbsp เราต้องลงมือทำข้อสอบด้วย เพื่อให้คุ้นกับแนวข้อสอบ ยิ่งทำเยอะ ยิ่งได้เปรียบ
4) ทุกครั้งที่ทำข้อสอบจับเวลาด้วย เอาให้ใกล้เคียงกับเวลาในการสอบจริงมากที่สุด หากเลยเวลาไม่เป็นไร ค่อยๆ ปรับตัว ขออย่าเดียว อย่าหยุดทำ
5) ตามข่าวว่ามีที่ไหนให้ติวฟรีบ้าง ซึ่งในแต่ละปีมีหน่วยงานหลายหน่วยงานจัดติวฟรี และส่วนใหญ่จะรับจำนวนจำกัด อยากได้ของฟรีต้องรีบ แต่ก็อย่าสักแต่ว่าจะไปฟรีนะ ถ้าคิดจะไปก็ควรตั้งใจเรียนให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าในการจัดติวแบบนี้เราจะได้เทคนิคดีๆ มาเยอะมาก ส่วนเอกสารหรือหนังสือที่ได้มา มีเวลาว่างก็ขอให้อ่าน อย่าดองนะ เดี๋ยวปลวกขึ้น!!

0