GAT-PAT คืออะหยังไม่รู้เรื่อง
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
5 ความคิดเห็น
GAT คือข้อสอบที่ม.6ทุกคนต้องสอบ แบ่งเป็น2พาร์ท 
-แกทไทย จะมีเนื้อเรื่องยาวมากๆให้อ่าน แล้วก็ต้องหาคำตอบว่าอะไรเชื่อมโยงกับอะไร @_@ เราเองยังตาลาย
-แกทอิ๊ง มีเนื้อเรื่อง conversation ต่างๆ
PAT มี7ชนิด
1. PAT มี 7ชุด คือ
PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร์
PAT 2 วัดศักยภาพทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 วัดศักยภาพทางวิศวกรรม ศาสตร์
PAT 4 วัดศักยภาพทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 วัดศักยภาพทาง ครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์
PAT 6 วัดศักยภาพทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 เกี่ยวกับภาษาต่างๆ
*สำหรับแพทนั้น ต้องดูว่าคณะและสาขาที่เราจะเข้า เค้ากำหนดให้สอบแพทอะไรบ้าง
ตาม คห.1
แนะนำสำหรับ GAT เชื่อมโยง เวลาฝึกทำข้อสอบอ่ะ
เอาเฉพาะพวกข้อสอบที่เขาใช้สอบกันจริงๆมาทำก็พอ ( ที่ออกโดย สทศ )
พอทำจบหมดทุกชุดก็เวียนกลับไปทำใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คล่อง
พวกนี้สามารถหาโหลดบทความ+เฉลยได้ ไม่ต้องซื้อ
พวกหนังสือที่มันจะมีบทความที่เค้าแต่งขึ้นมาอะไรแบบเนี้ย ไม่ต้องไปซื้อทำ
เพราะทำไปก็งงเปล่าๆ แล้วพอทำไม่ได้ก็ท้อ ไม่อยากทำ ( เจอมากับตัว )
ขอบใจจ้า คห1-2 เรามีลองโหลดมาเก็บไว้ก่อน ตอนนี้อ่านแต่ Onetเพราะตอนแรกลองอ่าน PAT2แล้ว งง ตึบเลยเลิกอ่านไป
ตอนนี้ก็ตามเก็บพวกหนังสือกับเนื้อหาที่จะเตรียมมาอ่าน
แล้วคห.1-2 เรามีไรถามนิดนึง Onet อยากมั้ยอ่า  GAT1-2 PAT 2ด้วย
gat pat ยากมากไหมค่ะ ทำไมต้องสอบ สอบเพื่อ แล้วถ้าได้คะแนนต่ำจะทำไง ทำไงถึงจะสอบได้ ต้องเตรียมตัวยังไง อ่านหนังสือมากไหม คนไม่เก่งจะสอบได้หรือ แล้วมีผลยังไง ช่วยให้คำตอบหน่อยค่ะ
GAT PAT O-net ล้วนมีความสำคัญทั้งนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อเราสอบไปก็จะมีคะแนนซึ่งเราสามารถนำไปยื่นเวลาเราจะเข้ามหาลัยต่างๆ มันจึงมีความสำคัญอย่างมาก เดี๋ยวเราลองกันไปดูกันนะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
หน้าที่ของ GAT PAT
GAT คือ การวัดความถนัดทั่วไป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ พาร์ทภาษาไทย หรือที่เรียกว่าพาร์ทเชื่อมโยง จะวัดเรื่องความสามารในการอ่านและวิเคราะห์ อีกพาร์ทนึงเป็นภาษาอังกฤษ ก็วัดความสามารถทางภาษาอังกฤษค่ะ รวมกันสองพาร์ทนี้ 300 คะแนน
PAT คือ วิชาสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ แบ่งออกเป็นหลายวิชา วัดศักยภาพตามกลุ่มวิชาชีพ คือ
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายภาษา ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาอาหรับ และภาษาบาลี
สำหรับประโยชน์ของ GAT PAT ถ้าคนไหนติดตามข่าวสารมาตลอดก็จะรู้ว่ามันเป็นคะแนนสำคัญมากทีเดียวเลยล่ะ เพราะใช้ทั้งในระบบรับตรงและระบบแอดมิชชั่นกลาง ซึ่งในแอดมิชชั่นกลางนั้น GAT PAT รวมกันจะเป็นส่วนถึง 50% เรียกว่าถ้าไม่มีคะแนนนี้ก็ไม่ได้แอดมิชชั่น อีก 50% ที่เหลือก็เป็นส่วนรวมกันของเกรด(GPAX) และคะแนน O-NET
และที่เกริ่นไปว่ารับตรงก็ใช้นั้น บางแห่งแทบจะใช้เป็นเกณฑ์สำคัญเลยทีเดียว เช่น รับตรงปกติ จุฬาฯ, รับตรง มธ.บางคณะ, รับตรงแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น และรับตรงรอบแรกส่วนใหญ่ก็จะใช้ GAT PAT รอบแรกเท่านั้น เพราะรับตรงโครงการนั้นๆ จะเสร็จสิ้นก่อนจะสอบ GAT PAT รอบมีนาคม จึงใช้ได้แค่รอบเดียว ดังนั้น เตือน  ม.6 รุ่นนี้ ถ้าถึงเวลาสมัครสอบแล้ว ก็อย่าลืมสมัครด้วยนะจะได้ไม่เสียสิทธิ์รับตรง(ในบางคณะ)
2) คณะไหนใช้อะไรบ้าง
เกริ่นไปตอนต้นเยอะเลยว่า GAT PAT สำคัญมากๆ ในระบบแอดมิชชั่นกลาง ดังนั้นน้องๆ ก็สงสัยกันว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคณะไหนใช้อะไรบ้าง พี่มิ้นท์สรุปตามกลุ่มวิชาคร่าวๆ ให้เตรียมตัวกัน ดังนี้
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์  กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มคณะวิทยาศาสตร์กายภาพ กลุ่มเกษตร-วนศาสตร์ กลุ่มบริหาร-บัญชี เศรษฐศาสตร์ กลุ่มมนุษยฯ-อักษรฯ-สังคมศาสตร์ (ยื่นคะแนนรูปแบบที่1)
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ มีคณะเดียวที่ใช้ คือ คณะศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ กลุ่มคณะที่ใช้ เช่น กลุ่มการโรงแรมและท่องเที่ยว(ยื่นคะแนนรูปแบบที่2) กลุ่มมนุษยฯ-อักษรฯ-สังคมศาสตร์(ยื่นคะแนนพื้นฐานศิลป์ รูปแบบ2)
3) ใครสอบได้บ้าง
สำหรับการสอบ GAT PAT ค่อนข้างจะอิสระพอสมควร เพราะทุกคนมีสิทธิในการสอบหมด ทั้ง ม.6 เด็กซิ่ว และ สายอาชีพ และจะสมัครกี่ครั้งก็ได้(แต่ปีนึงมีแค่ 2 ครั้ง) เพราะการสมัครสอบสามารถดำเนินการสมัครได้ด้วยตนเอง ดังนั้นอยู่ที่ความรับผิดชอบของตัวเอง หากสมัครไม่ทัน ผลเสียก็ตกอยู่ที่ตัวเองค่ะ
อายุของคะแนนสอบ GAT PAT อยู่ได้ 2 ปี  นั่นหมายความว่า หาก ม.6 ปีนี้ อยากซิ่วในปีหน้า คะแนนของปีนี้ก็ยังใช้ได้  ดังนั้นในความหมายเดียวกัน ถ้ารุ่นพี่แอด55 จะซิ่วในปีนี้ ก็สามารถใช้คะแนนปีที่แล้วได้ด้วย โดยในการสมัครแอดมิชชั่นกลางจะมีระบุไว้ว่าใช้รอบใดได้บ้าง
แต่ในรับตรงบางคณะ จะกำหนดไว้ว่าใช้คะแนนรอบไหนได้บ้าง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างคือรายละเอียดล้วนๆ ต้องดูให้ถี่ถ้วนเอง
4) วิธีเตรียมตัวสอบ gat/pat
สำหรับการเตรียมตัวสอบ GAT PAT พี่มิ้นท์จะขอข้ามเรื่องการกวดวิชาไปนะ  เพราะเรื่องกวดวิชาขึ้นอยู่กับดุลพินิจในเรื่องความจำเป็นและความหนาของกระเป๋าสตางค์ ><  แต่จะพูดถึงการเตรียมตัวด้วยตนเอง มีเคล็ดลับง่ายๆ แต่จะยากตรงที่ต้องใช้ลูกขยันของเราล้วนๆ ค่ะ
1) เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ ว่าเราจะสอบวิชาอะไรบ้าง และวางแผนการอ่านหนังสือของเรา เช่น จะอ่าน GAT ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอ่าน PAT วันที่เหลือ เป็นต้น
2) เข้าใจข้อสอบก่อนว่า ข้อสอบ GAT PAT จะมีระดับความยากกว่า O-NET เพราะอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ เพราะฉะนั้น จะอ่านหนังสือแต่ละทีต้องตั้งใจและมีสมาธิมากๆ รวมถึงหาขอบเขตเนื้อหาของข้อสอบมาดู และไปตามหาหนังสือที่มีรายละเอียดเรื่องนั้นๆ มาอ่าน ซึ่ง อาจจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือที่ใช้เรียน เพื่อให้ได้ข้อมูลกว้างขึ้นนะ
3) ดาวน์โหลดข้อสอบเก่าๆ มาลองทำ การอ่านเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ  เราต้องลงมือทำข้อสอบด้วย เพื่อให้คุ้นกับแนวข้อสอบ ยิ่งทำเยอะ ยิ่งได้เปรียบ
4) ทุกครั้งที่ทำข้อสอบจับเวลาด้วย เอาให้ใกล้เคียงกับเวลาในการสอบจริงมากที่สุด หากเลยเวลาไม่เป็นไร ค่อยๆ ปรับตัว ขออย่าเดียว อย่าหยุดทำ
5) ตามข่าวว่ามีที่ไหนให้ติวฟรีบ้าง ซึ่งในแต่ละปีมีหน่วยงานหลายหน่วยงานจัดติวฟรี และส่วนใหญ่จะรับจำนวนจำกัด อยากได้ของฟรีต้องรีบ แต่ก็อย่าสักแต่ว่าจะไปฟรีนะ ถ้าคิดจะไปก็ควรตั้งใจเรียนให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าในการจัดติวแบบนี้เราจะได้เทคนิคดีๆ มาเยอะมาก ส่วนเอกสารหรือหนังสือที่ได้มา มีเวลาว่างก็ขอให้อ่าน อย่าดองนะ เดี๋ยวปลวกขึ้น!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?