Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

>> มาดูเงินเดือนแพทย์//ทันตแพทย์//เภสัชกร//นักเทคนิคการแพทย์//วิศวกร และอีกหลายอาชีพกัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เปิดเงินเดือนเด็กจบใหม่แต่ละคณะ...


สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลอาชีพที่ได้รับเงินเดือนมากสุดในกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ โดยพบว่าเป็นของ 3 อาชีพ คือ แพทย์ ทันตะ เภสัชกร ตามลำดับ


สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจค่าตอบแทนภาคเอกชน ประจำปี 2554
โดยพบว่า ระดับปริญญาหรือเทียบเท่า ที่เพิ่งจบการศึกษานั้น สำหรับเงินเดือนขั้นต่ำ


อาชีพแพทย์ ไม่หลุดการสำรวจในครั้งนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดให้อยู่ในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอกหรือเทียบเท่า โดยแพทย์-ทันตแพทย์จบใหม่ ระดับการศึกษานี้เทียบเท่าปริญญาเอก หากทำงานในภาคเอกชน แพทย์จะได้รับเงินเดือนประมาณขั้นต่ำ 51,285 บาท รองลงมาคือ ตำแหน่งทันตแพทย์ เงินเดือนภาคเอกชนขั้นต่ำ 48,359 บาท
เป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ


อาชีพที่ 3 คือ เภสัชกร เป็นตำแหน่งที่ได้รับเงินเดือน คือ โดยเฉลี่ย 17,389 บาท รองลงมาคือ สถาปนิก โดยเฉลี่ย 15,756 บาท ส่วนอันดับ 4 มีหลายตำแหน่ง คือ วิศวกรสาขาต่างๆ วิศวกรไฟฟ้า เครื่องกล และพยาบาล และอันดับ 5 คือ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนักทรัพยากรธรณี โดยพวกเขาได้รับเงินเดือนใกล้เคียงกัน คือ โดยเฉลี่ยประมาณ 14,786 และ 14,457บาท ตามลำดับ


ส่วนเงินเพิ่มอื่นๆเฉลี่ยต่อเดือน แพทย์ก็ยังได้รับเงินเพิ่มอื่นๆ เฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดเช่นกัน คือ ประมาณ 11,235 บาท รองลงมาคือทันตแพทย์ และเภสัชกร ได้รับเงินเพิ่มอื่นเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 10,449 บาท และ 10,000 บาท ตามลำดับ

ในขณะที่คณะทั้ง 3 ได้แก่ แพทย์ ทันตะและเภสัช จะไม่มีตกงานอย่างแน่นอนในปัจจุบัน เพราะรัฐบรรจุต่ำแหน่งราชการให้เป็น นายแพทย์หรือทันตแพทย์ปฎิบัติการ เพื่อไปใช้ทุนในจังหวัดต่างๆ



ในขณะที่สาขายอดฮิตอย่างวิศวะ, คอมพิวเตอร์, บริหารธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ โอกาศได้งานยังน่าเป็นห่วง จากข้อมูลกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พบว่าภาคเอกชนทั้งหมด จะรับต่ำแหน่งงานได้เพียง 2-3 พันต่ำแหน่ง แต่มีผู้สมัครซึ่งจบวิศวะจากมหาลัยรัฐบาล 2-3 หมื่นคน และวิศวะจากมหาลัยเอกชนอีก 6 หมื่นคน รวมผู้สมัครมากถึง 9 หมื่นคนขึ้นไป

ในขณะที่ขณะยอดฮิตอย่างบริหารธุรกิจที่เปิดสอนในทุกมหาลัย มีผู้จบใหม่ร่วมแสนคน รวมทั้งคณะวิทยาศาสตร์ที่มีผู้จบใหม่หลายหมื่นคน โอกาศได้งานก็ยังน่าเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน ที่มีสาขาเดียวกัน เมื่อจบมาแล้ว ก็ไม่มีความแตกต่างในการหางานทำ
เนื่องจากต่ำแหน่งงานมีจำนวนจำกัดในหลักพันคน แต่มีผู้จบเป็นจำนวนมากระดับหลายหมื่นถึงแสนคน ทำให้ต้องแข่งขันกันหางานที่มากขึ้น เนื่องจากเป็นงานที่สามารถนำแรงงานมาทำงานทดแทนกันได้ โดยอาศัยการเรียนรู้งาน ซึ่งอาจใช้เวลาหางานมากกว่าสามเดือนขึ้นไป


โดยโอกาศได้งานขั้นสูงของสาขาวิศวะ  คือ 10%  
(ผู้สมัคร  10 คน  :  รับได้เพียง 1 คน)

โอกาศได้งานขั้นต่ำของสาขาวิศวะ  คือ 0.5%
(ผู้สมัคร 200 คน  :  รับได้เพียง 1 คน)



โอกาศได้งานขั้นสูงของสาขาวิทยาศาสตร์ คือ 5%
(ผู้สมัคร 20 คน : รับได้เพียง 1 คน)

โอกาศได้งานขั้นต่ำของสาขาวิทยาศาสตร์ คือ 1%
(ผู้สมัคร 100 คน : รับได้เพียง 1 คน)



โอกาศได้งานขั้นสูงของสาขาบริหาร  คือ 2%  
(ผู้สมัคร  50 คน  :  รับได้เพียง 1 คน)

โอกาศได้งานขั้นต่ำของสาขาบริหาร  คือ 0.01%
(ผู้สมัคร 1000 คน : รับได้เพียง 1 คน)


แต่โอกาศได้งานจะมากขึ้น หากทำเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไป และมีผลสอบอังกฤษ TOEIC


สำหรับสาขาวิทย์ และศิลป์อื่นๆ มีค่าเฉลี่ยเงินเดือนภาคเอกชน ขั้นต่ำ 15,000 บาท, ขั้นสูง 25,000

รัฐวิสหกิจ เช่น การไฟฟ้า การสื่อสารแห่งประเทศไทย การประปา และการบินไทย ระบุเงินเดือน 14,000 บาท
กำหนดรับสมัครและคัดเลือกผู้มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.5 ขึ้นไป และมีผลคะแนนสอบ TOEIC > 500-550
จึงมีสิทธิสอบคัดเลือกเข้าเป็นพนักงาน

ภาคเอกชน เช่น โตโยต้า (เงินเดือน 16,500-18,500 บาท) เครือปูนซีเมนส์ไทยและรอยเตอร์ (22,000 บาท)
บริษัทจากยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา (20,000 - 25,000 บาท)
กำหนดรับสมัครและคัดเลือกผู้มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.8 ขึ้นไป และมีผลคะแนนสอบ TOEIC > 550

ฐานเงินเดือนวิศวกรจบใหม่

http://www.oknation.net/blog/WoET/2010/03/14/entry-1

นางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 3 มีนาคมว่า ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรล่าสุด ในเดือนกุมภา 2555 พบว่ามีผู้ว่างงานประมาณ 450,000 คน  โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.)  มีอัตราการว่างงานสูงสุดถึง 3 แสนคน

เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อเปรียบเทียบภาวะการว่างงานปีนี้กับปีที่แล้วพบว่า อัตราการว่างงานใน กทม. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 โดยจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมดเป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 190,000 คน และเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 260,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ว่างงานจากภาคการบริการ 130,000 คน ภาคอุตสหกรรม 90,000 คน และภาคเกษตรกรรม 40,000 คน


จากผลการสำรวจยังพบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยว่างงานสูงสุด 330,000 คน รอง ลงมาเป็นผู้มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 120,000 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 110,000 คน ระดับประถมศึกษา 60,000  คน และผู้ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 30,000 คน ตามลำดับ

นาง ธนนุช กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้มีงานทำมีจำนวน 37.89 ล้านคน แยกเป็นผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 22.40 ล้านคน หรือร้อยละ 59.1 และภาคเกษตรกรรม 15.49 ล้านคน หรือร้อยละ 40.9 โดยผู้มีงานทำในภาพรวมเพิ่มขึ้น 490,000 คน แยกเป็นผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรม เพิ่มขึ้นในสาขาก่อสร้าง 190,000 คน สาขาขายส่งและขายปลีกเพิ่มขึ้น 180,000 คน สาขาการขนส่งเพิ่มขึ้น 90,000 คน สาขาการบริหารราชการและการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 70,000  คน สาขาการโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้น 40,000 คน ส่วนสาขาการผลิตลดลง 290,000 คน ที่เหลืออยู่ในสาขาอื่น ๆ สำหรับผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมลดลง 70,000 คน


จากสถิติของเด็กจบใหม่ทั้งหมด พบว่าคณะทันตแพทย์มีจำนวนคนจบน้อยที่สุด คือ 600 คน
และพบว่าคณะบริหารธุรกิจและวิศวะมีจำนวนคนจบมากที่สุดหลักเฉียด 1 แสนคน

ส่วนอันดับอาชีพรับเงินเดือนรวมสูงสุดของภาครัฐและเอกชนในการสำรวจครั้งนี้ คือ


แพทย์         จบปีละ 1500 คน   โอกาศที่จะได้งานภาครัฐและเอกชน 100%
ภาครัฐ         ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 30,000 - 100,000 บาท
ภาคเอกชน   ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 62,520 - 150,000 บาท

ทันตแพทย์   จบปีละ 600 คน   โอกาศที่จะได้งานภาครัฐและเอกชน 100%
ภาครัฐ         ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 30,000 - 65,000 บาท
ภาคเอกชน   ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 58,808 - 120,000 บาท

เภสัชกร      จบปีละ 1,300 คน   โอกาศที่จะได้งานภาครัฐ 100%
ภาครัฐ         ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 22,039 - 30,000 บาท
ภาคเอกชน   ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 20,000 - 60,000 บาท

วิศวกร  จบปีละ 90,000 คน โอกาศที่จะได้งานภาครัฐและเอกชน 0.5 - 10 %
ภาครัฐวิสหกิจ (การไฟฟ้า-สื่อสาร-ประปา-การบินไทย) รับเงินเดือนเริ่มต้นโดยเฉลี่ย 14,500 บาท
ภาคเอกชน   ช่วงการรับเงินเดือนเริ่มต้นรวมที่ 14,786 - 22,000 บาท

และเมื่อเปรียบเทียบชั่วโมงการทำงานแล้ว

พบว่าแพทย์ในภาครัฐ มีชม.ทำงานสูงที่สุด คือ 8-20 ชั่วโมงต่อวัน
มีชม.ทำงานโดยเฉลี่ย 14 ชม. ต่อวัน)


ขณะที่ทันตแพทย์ภาครัฐ มีชม.ทำงานต่ำที่สุด คือ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
มีชม.ทำงานโดยเฉลี่ย 6 ชม. ต่อวัน

และสาขาวิศวกรรม , บริหารธุรกิจและสาขาอื่นๆ
มีชม.ทำงานโดยเฉลี่ย 8 ชม. ต่อวัน


การสำรวจครั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ เริ่มสำรวจระหว่างเดือนพฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป
ในสถานประกอบการ 5,686 แห่ง และเป็นข้อมูลจากของการดำเนินกิจการต่อเนื่องในปี 2553


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

>> ข้อมูลงานทุกคณะ ทุกอาชีพ ลักษณะงานที่ต้องออกไปทำ ?  เงินเดือนเท่าไร ?  ความก้าวหน้ามีแค่ไหน ?


search google พิมพ์คำว่า..............   เปิดเงินเดือนเด็กจบใหม่แต่ละคณะ unigang


*เลือกคณะ ยังต้องศึกษาสถิติ คะแนนเก่า ข้อสอบเก่า

*เลือกอนาคต ยิ่งก็ต้องศึกษาสถิติ ข้อมูลเงินเดือน ความก้าวหน้า

อย่าลืมศึกษาความก้าวหน้า-โอกาศได้งาน ก่อนเลือกคณะนะ  

แสดงความคิดเห็น

>

60 ความคิดเห็น

volthemolt 1 พ.ค. 55 เวลา 13:39 น. 2

มันไม่มีคำว่ายุติธรรมในระบบของทุนนิยมหรอกครับ เรื่องการประกอบอาชีพมันต้องขึ้นอยู่เฉพาะตัวบุคคล ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย กว่าอาชีพที่มีความมั่นคงและรายได้สูงจะจบออกมาประกอบอาชีพ เค้าก็ต้องเรียนต้องเหนื่อย ค่าตอบแทนถึงเยอะตาม

ปล. ไม่ใช่ค่าตอบแทนและรายได้เป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่อยากให้มองที่ใจรักที่จะประกอบการงานนั้นๆกันมากกว่านะครับ

0
น้อยๆ 1 พ.ค. 55 เวลา 14:57 น. 4

อาชีพทันตะ น่าสนใจมว๊ากกกกกก อยากเรียนจัง ทำงานน้อย เงินเดือนเท่าๆกับหมอเลย ความรับผิดชอบก็ไม่มาก อีกอย่างก็ได้รักษาคนเหมือนกัน มีใครรู้บ้างว่าทำไมเค้ารับน้อยจัง จบแค่ 600 เองหรอ

0
md^^ 1 พ.ค. 55 เวลา 16:33 น. 5

ตอบ คห.4

ในความคิดเราการผลิต แพทย์ ทันตะ นั้นต้องใช้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลสูงมาก
(ทันตะ สูงกว่าแพทย์ด้วยซ้ำค่ะ)

อีกทั้ง การที่จะรักษาคนไข้ได้นั้น จะต้องมีการคัดคนอย่างเคร่งคัด เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและความรับผิดชอบที่มีสูง เนื่อจากต้องรับผิดชอบชีวิตคน
เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถเปิดรับเสรีได้ค่ะ ^^

และในความเห็นของเรา ที่ทันตะรับน้อยกว่าแพทย์ เพราะ เอาจริงๆ คนไข้เกี่ยวกับฟันนั้นมีน้อยกว่าคนไข้ธรรมดาหลายเท่าค่ะ อีกทั้ง โรคเกี่ยวกับฟันส่วนมากมักจะไม่ค่อยเป็นภาวะฉุกเฉิน คนไข้มักจะรอได้
ดังนั้น ความจำเป็นในการผลิตออกมาจึงยังไม่เท่าแพทย์ค่ะ


แต่เราว่า ถ้ามีความสามารถที่จะติดหมอ ทันตะก็ไม่ยากเลยค่ะ
ที่เราเห็น ส่วนมากคนที่สอบติดหมอมักจะติดทันตะคู่กันอยู่แล้ว (โครงการรับตรงต่างๆ)
สำหรับเรา สองอาชีพนี้สอบเข้ายากพอๆกันค่ะ ^_^
ดังนั้น ต้องมีความพยายาม ถึงทำได้ค่ะ

0
กิตติกานต์ 1 พ.ค. 55 เวลา 21:02 น. 6

ข้อมูลมีส่วนผิดพลาดเยอะมากนะครับ ฝากแก้ไขด้วย



PS.  อ่านคำตอบแล้วช่วย กด เห็นด้วย หรือ ขอบคุณ สักนิดจะได้รู้ว่าอ่านแล้ว
0
DTMU 1 พ.ค. 55 เวลา 21:28 น. 7

เราสอบติดทันตะ (:

เราจะตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงาน เป็นทันตะที่ดี !

0
WING 2 พ.ค. 55 เวลา 22:11 น. 8

จริงๆผมว่ามันก็ไม่ถูกต้องไปซะหมดนะ เชื่อสถิติมากไปแบบนั้นไม่ได้อะ ต้องมาสัมผัสจริงๆ

อย่างคณะผมอะ แม้แต่ ภาค IE ก็ทำงาน สผ ได้เงินสตาร์ท 40000 กว่า + (เบี้ยเลี้ยงต่างหาก2-3พันต่อวัน ถ้าไปทำงานที่โรงผลิต เช่น โรงกลั่น)
(วันนี้เพิ่งไปคุยกับ อาจารย์/รุ่นพี่ มาเลย เพราะช่วงนี้ช่วงเลือกภาค)

ภาคเคมี เครื่อง ฯลฯ ไรงี้ก็ได้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะ สผ นะ ที่อื่นก็มี
หลายคนเรียนอยู่ปีสามก็ได้เงินเดือน 30000 40000 แล้ว

ยิ่งภาคปิโตรคงไม่ต้องพูดถึงปะ ?
หรือหลายคนได้ไปทำงานต่างประเทศ?

คือ เรื่องเงินอะ มันสำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่าความสุขที่ได้รับมาจริงๆ ตอนทำงานอะ ดังนั้นพี่ไม่อยากให้มองที่เงินเป็นอับดับแรกอะ
เป็นหมอดูเหมือนจะเงินเยอะก็จริง แต่สิ่งที่แลกมา งานมันหนักเกินเงินเดือนอะ เรียนก็เยอะ ลองไปถามหมอจริงๆดิ ว่าเงินมันคุ้มกะงานไหม ?  (เงินเท่าเศษกรวด งานเท่าภูเขา)
อย่างพี่อะ คะแนนก็ติดทันตะหมดอะ แต่ก็ไม่เลือก เพราะอยากเป็นวิศวมาก (และก็คิดว่า ถ้าสอบหมอ ก็คงติดเหมือนกัน สังเกตจากข้อสอบ /ระดับเพื่อนๆ ฯลฯ แต่ดันโดนไซโคไม่ให้ไปสอบซะนี่)
จนทุกวันนี้ได้มาเรียนวิศวจริงๆ ได้มาสัมผัส ก็เลยรู้ตัวเลยอะ ว่าเลือกถูกแล้ว ถ้าเลือกไปสายหมอคงไม่มีความสุขแน่ๆ

ดังนั้นเลือกที่ชอบ ดีกว่า นะครับ ...


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 2 พฤษภาคม 2555 / 22:17


PS.   (- - )( - -)(- - )( - -) ปล. ผมเป็นหนึ่งในติวเตอร์ ประถม ม.ต้น ม.ปลาย รบกวนช่วยเก็บ CU at Mind ไว้พิจารณาด้วยนะครับ http://www.facebook.com/cuatmind
0
IDiscii 7 พ.ค. 55 เวลา 17:28 น. 9

ถึง คห.4 เเนะนำให้ไปลองหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับทันเเพทย์เพิ่มเติมนะคะ ;)
เราจะมองจากภาพที่เราคุ้นชินอย่างเดียวเเล้วตัดสินใจก็ใช่ว่าจะถูก
ทันตเเพทย์สำหรับหลายๆคนอาจจะมีความเห็นคล้ายๆคุณคือ ทำงานไม่หนักเท่าเเพทย์เเละได้เงินเดือนค่อนข้างดี เเต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ความรับผิดชอบจะไม่มากเท่า เพราะ เรารักษาคนไม่ใช่สิ่งของ ไม่ได้มองเเค่ปากหรือฟัน หมอฟันที่ดีต้องรักษาคนไข้เเบบองค์รวม ไม่ได้รักษาให้หายปวด คิดเงินเเล้วกลับไป รักษาผิดพลาดในบางเคสอาจทำให้เสียชีวิตได้ หรืออย่างเช่นวิศวกร ถ้าพูดว่าไม่ต้องรับผิดชอบมาก ลองคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการเป็นหมอฟัน หมอ หรือเเม้กระทั่งอาชีพอะไรก็เเล้วเเต่ย่อมต้องใส่ใจเเละมีความรับผิดชอบเท่าๆกัน ส่วนเรื่องเรียนยอมรับว่ายังเรียนไม่จบเเต่ก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายมากนัก หลายๆครั้งรู้สึกท้อกับชีวิต ไม่ได้มีชีวิตวัยรุ่นที่สุขสบายเหมือนที่วัยรุ่นคนอื่นๆได้ทำเท่าที่อยากทำ นอนก็ไม่ค่อยได้นอน กินข้าวก็ไม่ตรงเวลา วันๆอยู่เเต่คณะ เลิกดึกๆดื่นๆ อยู่เเต่มหาลัย รวมทั้งงานที่ทำต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเเละความรับผิดชอบต่อชีวิตคน นั่นอาจจะทำให้ค่าตอบเเทนในวิชาชีพนี้ค่อนข้างสูงกว่าอาชีพอื่น อย่างที่ คห 2 พูดไว้

อยากให้คุณลองเปลี่ยนทัศนคติใหม่น่ะค่ะ อย่าให้ความสำคัญกับตัวเลขหรือค่าตอบเเทนมากเกินไป เรียนในสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดสำหรับคุณ คุณถนัด เเละรักที่จะทำ ไม่อยากเห็นทันตเเพทย์ที่จบมาตั้งหน้าตั้งตาหาเเต่เงิน โชคดีค่ะ :)

0
สมเกียรติ 19 พ.ย. 55 เวลา 15:56 น. 11

ความคิดเห็นที่ 8&nbsp 
ขี้โม้มว๊าก ถ้าสอบก็คงติดฮ่าๆๆๆๆ ผมก็โม้ได้ ผมก็เรียนวิศวะชื่อดังแห่งหนึ่ง ไปดูคะแนนวิศวะแต่ละปีเลยครับ คะแนนขั้นสูงก็ยังสู้คะแนนขั้นต่ำของคณะแพทย์ไม่ได้เลยครับ ยอมรับซะ เขาเก่งกว่าเรามว๊ากก อย่าไปเทียบกับเขาเลย แล้วเงินเดือน สตาร์ท 40,000-60,000 ไม่ได้ทุกคนหรอกครับ
อย่างเก่งก็ 1-5% หรืออาจจะน้อยกว่านั้นของเด็กจบใหม่ ส่วนหมอ 100% เต็ม คิดผิดคิดใหม่(หลงตัวเองอ่ะ555+)

0
นทพ 21 พ.ย. 55 เวลา 20:57 น. 12

กดไลค์คห9 ทันตะเรียนหนักจริงไรจริง มองไปรอบตัวเพื่อนๆเมททุกคน กำลังเล่นเกมออนไลน์อย่างสบายใจ&nbsp  อิจฉาอ่ะ&nbsp ส่วนแพทย์ต้องถึกจริงๆ แต่ตอนเรียนรัฐซับพอร์ตเต็มที่เลย

0
ภรรยาวิศวะ 16 ธ.ค. 55 เวลา 21:26 น. 13

ขอบอกว่าวิศวะที่ทำงานต่างประเทศดูเท่ เงินดีจริง แต่เวลาที่จะอยู่กับครอบครัวแทบไม่มี ต้องห่างกันเป็นเดือนๆ ครอบครัวต้องอดทนและแกร่ง ภรรยาต้องเผชิญอะไรๆทุกอย่างในครอบครัว แก้ปัญหาเอง ส่วนังไงก็ยังอยู่กับครอบครัว สามีเป็นวิศวะแต่ให้ลูกเรียนหมอค่ะ สอบได้แล้ว

0
หมอดอย 3 ม.ค. 56 เวลา 23:42 น. 15

ผมเป็นหมอฟันครับ&nbsp แต่เป็นหมอฟันในมูลนิธิพอ.สว&nbsp ทำงานถวายในหลวง และทำเพื่อประชาชนที่ยากไร้&nbsp เรื่องค่าตอบแทนที่ได้รับ เยอะมากครับ ถ้าอยู่ในเมือง แต่ผมเลือกไปแต่ละที่แต่ละดอย&nbsp ผมได้มากกว่าเงินเดือนครับ&nbsp ได้เที่ยว ได้เห็น และที่สำคัญที่สุด ได้ความสุขจากการเสียสละเมื่อได้ดห็นรอยยิ้มขาดคนที่ขาดโอกาสจริงๆครับ&nbsp &nbsp 

ปล.หมออย่างเราไม่รวยครับ แต่มีความสุข&nbsp  ทำใจสิ่งที่ชอบแล้วเราจะสุขมากครับ

0
ััyy 20 มี.ค. 56 เวลา 15:15 น. 17

เหนื่อยจัง เหนื่อยใจ ใครเขาจะรู้ไหมนะ เป็นหมอที่เห็นเงินเดือนเยอะๆเนี่ย มันมาจาก OT (ทำงานนอกเวลาราชกาล) เงินเดือนหมอ ก็เท่ากับเงินเดือนป.โทรทั่วไป แถมมีเพดานสูงสุดบังคับไม่ให้เกิน เพราะอยู่ภายใต้กพ. ไม่เหมือนบางสาขาวิชาชีพ ถ้าถามว่าได้เงินเยอะๆจากการทำ OT อยากได้ อยากทำไหม ตอบได้สั้นๆง่ายๆว่า..ไม่ .. แทนที่จะอดหลับอดนอน ทำงานงกกกกกกก เหนื่อย พ่อแม่ไ้ม่ได้ดูแล บ้านไม่ได้กลับ เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต ฟ้องร้องก็เยอะ ผมขอไม่อยู่เวร ไปหลับ แล้วได้ตังค์น้อยๆดีกว่า แต่ทุกวันนี้เงินเดือนเยอะ เพราะเวรเยอะ เพราะต้องช่วยกันอยู่เวร เหนื่อยนะคุณ

0
arleba 12 พ.ค. 56 เวลา 11:21 น. 19

จากการสำรวจจริงของผมครับ&nbsp ต้องแพทย์ครับ&nbsp  ความสามารถการเงินดีกว่าทันตแพทย์อาจถึง 4-5 เท่าครับ&nbsp เงินเยอะมากครับ สอบเข้าก็ยากกว่ามากครับ คะแนนน่าจะสูงเป็นอันดับ 1 ของทั้งประเทศครับ&nbsp  เงินเดือนที่สำรวจไม่ใช้ของจริงทั้งหมดครับ เป็นเงินเดือนทางข้าราชกาล&nbsp ยังไม่รวมถึงเรื่องการเปิดคลีนิคส่วนตัวครับ&nbsp แพทย์หลายท่านมีรายได้เดือนละประมาณ 400,000-500,000 บาทครับ ผมหมายถึงแพทย์ที่เปิดคลินิคตามจังหวัดครับ&nbsp  การรักษาคนไข้แค่ตรวจของคลินิคตกวันละ 70-100 คน กำไรประมาณคนละ 300 บาท (แบบตีรายได้ต่ำไว้ก่อนครับ)&nbsp &nbsp แต่ด้านทันตแพทย์ผมไม่ทราบครับ เพราะไม่ค่อยสนใจในรายละเอียด แต่การรักษาคนไข้ใช้เวลานานต่อคนอาจใช้เวลา 30 นาที-1 ชั่วโมงครับ รายได้ทันตแพทย์ถ้าเปิดคลินิคน่าจะได้ประมาณ 100,000 บาทต่อเดือนครับ&nbsp &nbsp  ผมมีญาติเป็นแพทย์ครับ&nbsp และผมก็เป็นนักธุรกิจครับ นายแพทย์แต่ละท่านมักชอบซื้อที่ดินและสร้างบ้าน กลักร่วม 10ล้านได้ในการทำงานไม่กี่ปีครับ&nbsp แต่เวลาส่วนตัวแทบไม่มีเลย โคตรเหนื่อย ทั้งโรงพยาบาลก็ทั้งวัน กว่าจะปิดคลินิคก็ร่วม 3-4 ทุ่ม&nbsp ญาติผมที่เป็นแพทย์ยอมรับครับว่าเงินดีจริง แต่ไม่มีเวลาใช้หรือผักผ่อนได้เลยครับ เพราะคนไข้เยอะกว่านายแพทย์มากๆๆๆ ครับ ไม่เชื่อลองดูตามโรงพยาบาลดูครับ และผมเคยดูรายการกบนอกกะลา นายแพทย์ 1 คน ตรวจรักษาคนไข้ประมาณเกือบ 1,000 คนต่อวันครับ&nbsp ลองพิจารณาดูครับ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ครับ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยน่ะที่นี้ด้วยครับ

0
arleba 12 พ.ค. 56 เวลา 11:33 น. 20

ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 11&nbsp  ครับ&nbsp เพื่อนรุ่นน้องผมเป็นวิศวะ เข้าทำงานใหม่ได้เดือนละ 22,000 บาทเองครับ หลายคนก็ตกงาน หางานยากขึ้นทุกวัน ผ่อนรถยนต์ยังแทบไม่เหลือเพราะมีภาระเลี้ยงครอบครัวอีกครับ&nbsp สำหรับคณะวิศวะท่านใดมีคะแนนอันดับต้นๆ ของคณะก็อาจติดแพทย์คะแนนท้ายๆ ได้ครับ&nbsp  แต่คะแนนวิศวะอันดับกลางๆ-ล่างๆ ไม่ติดและไม่ใกล้เคียงแพทย์แน่นอนครับ&nbsp &nbsp ลองพิจารณาแพทย์สูติครับ ผมพาภรรยาไปฝากท้อง ถ้าคลอดต้องมีเงินพิเศษ 4,000-5,000 บาทครับ และยังไม่รวมค่าตรวจก่อนหน้านี้อีก กว่าจะคลอด หลักหมื่นครับผม&nbsp 

0