Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมถึงเกิด นิทานชาดก เหรอคะ ??

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
    คือจะบอกว่าเราเป็คริสต์นะคะ เเต่เราก็ศึกษาศาสนาพุทธด้วย [ที่โรงเรียนสอนเรื่องศาสนา] เราอยากรู้ว่า นิทานชาดกนี่ ทำไม พระภัทธเจ้าถึงเกิดเป็นอะไรต่างๆได้เหรอคะ [เช่น ลิง พระมหากษัตริย์] คือ สำหรับเรา[เราว่ามันเว่อนิดๆ เเต่เราก็ไม่ได้ลบหลู่ ] เเล้วนิทานชาดกนี่ได้รับการดลใจ เหมือนกับพระคำภีร์หรือเปล่าคะ 

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

เนติ 10 พ.ค. 55 เวลา 19:47 น. 1

เรียกว่า พระพุทธเจ้านะครับผม&nbsp ไม่ใช่พระภัทธเจ้าครับ
ผมเป็นคนธรรมดาครับมิได้นับถืออะไรนอกจากปัญญาของตัวเอง แต่ก็พอจะอธิบายได้บ้างนะครับด้วยปัญญาอันนิดหน่อยนี้&nbsp ตามว่าครับพระพุทธศานานั้นสอนเรื่องกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดนะครับ แต่อย่าไปติดอยู่ในกรรมอันจะไม่เป็นการขวานขวายประโยชน์แห่งตน ใครทำกรรมดีก็จะส่งผลให้ไปเกิดในเกิดในภพภมฺที่ดีครับเช่นเกิดเป็นพระมหากษัตริย์บ้าง พระเจ้าจักพรรดิราชบ้าง หรือเป็นเศรษฐีบ้าง ด้วยอำนาจในกุศลธรรมที่ตนทำไว้ตอนเป็นคนอยู่บนโลก แต่ตรงข้ามกับคนที่ทำความชั่วนะครับ เหมือนกับพระคริสตศาสนานะครับต้องตกนรกแน่นอนเหมือนกัน กรรมคือการกระทำจึงเป็นแรงผลักดันนำสัตว์เหล่านั้นมาเกิดเป็นพระเจ้าจักพรรดิราชบ้าง หรือเป็นเศรษฐีบ้าง&nbsp หรือเป็นสัตว์เดียรัจฉานบ้างตามอำนาจแห่งกรรมที่ตนกระทำไว้จะเป็นตัวส่งผลนำสัตว์มาเกิดเป็นไปต่างๆนาๆตามอำนาจแห่งกรรม&nbsp ส่วนนิทานชาดกไม่ได้รับการดลใจอะไรหรอกครับเป็นพระชาติหนึ่งที่พระโพธิสัตย์ไปจุติบำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าเป็นการเกิดในแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไปตามอำนาจกรรมเหมือนกันส่วนจะเว้อหรือไม่เว้อผมก็ไม่เห็นจะแตกต่างกันเหมือนกับศาสนาทั่วไปที่เป็นเทวนิยม ที่รอการกลับมาของพระผู้เป็นเจ้าหรือการเข้าไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้ามันก็เว้อๆๆเหมือนกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็น่าจะได้คติเตือนใจจากนิทานชาดกสามารถนำมาเป็นคติเตือนใจในชีวิตประจำวันมันน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ&nbsp  สุดท้าย ขอพระพุทธเจ้า ขอพระผู้เป็นเจ้า อวยพรแด่คุณนะครับ

0
DRAMA QUEEN 10 พ.ค. 55 เวลา 20:05 น. 2

เพราะชาวพุทธเชื่อเรื่องเวียยนว่ายตายเกิดค่ะ  เราไม่ได้เกิดมาแค่ครั้งเดียวเหมือนกับคริสต์  ที่ตายแล้วก็ขึ้นสรรค์-ลงนรก  ตลอดกาล   
ชาวพุทธเชื่อว่าคนเราเกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย มาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้เพิ่มเติมให้แอดเฟสเรามาละกันจะอธิบายส่วนตัวให้ (Ploynapuss Worakan)เพราะถ้าจะให้พูดคงยาวๆๆๆๆมากกกกกก  

เรื่องชาดก อธิบ่ยง่ายๆก็คือชาติก่อนๆของพระพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ไง คือจะว่าเวอร์ไหมก็แล้วแต่คนจะมองนะ แต่ทุกสิ่งไม่ได้เกิดจากพระเจ้าดลใจจ๊ะ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชาวพุทธไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นธรรมชาติ เพราะแม้แต่พระุทธเจ้าก็ไม่อาจพ้นจากกฏแห่งธรรมชาติได้ สำหรับชาวพุทธถ้าจะถามว่าพระเจ้ามีจริงไหม ก็ตอบได้ว่ามี แต่ไมม่ได้เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกแบบคริสต์  คือมันจะมีพระสูตรในพระไตรปิฏกกล่าวไว้ว่าแท้จริงพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างโลกน่ะคืออะไรในทรรศนะของพระพุทธเจ้า  ท่านจะบอกเลยว่าท่านรู้อะไรมาบ้าง  
       
พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แค่ครูของมนุษย์แต่เป็นครูของเทวดาด้วย ถ้าจะอธิบาย ก็คงยาวอีกนั่นแหละ


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 พฤษภาคม 2555 / 20:07
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 10 พฤษภาคม 2555 / 20:09
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 10 พฤษภาคม 2555 / 20:27


PS.  group dhamma wa wa wow http://group.dek-d.com/autto002/
0
๛ไหลฤา๛ 10 พ.ค. 55 เวลา 20:49 น. 3

 มีเพชรอยู่ในชาดกเยอะเลยครับ  ใครอ่านดีเหมือนได้เพชร  


PS.  เมตตา และ ปัญญา เป็นที่มาของความสุข
0
choco-mars 10 พ.ค. 55 เวลา 22:40 น. 4

ชาดกเป็นเรื่องในอดีตชาติของพระพุทธองค์ เมื่อครั้งดำรงเป็นพระโพธิสัตว์
ศาสนาพุทธกล่าวถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด (รวมถึงพราหมณ์ ฮินดู ก็กล่าวไว้เช่นกัน) คือ ตราบใดยังมีเหตุ ก็ย่อมต้องมีผลตามมาอย่างแน่นอน เมื่อดับที่เหตุได้ ก็เป็นอันสิ้นสุด

ชาดกเป็นเรื่องของการสอนในเรื่องต่างๆ มากมาย ไม่ว่า จะเป็นการเสียสละ การประพฤติปฏบัติที่ดี ฯลฯ ซึ่งนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้นะ

และที่สำคัญคือสอนให้รู้ว่าบาปบุญ คุณโทษ มีจริง นรกสวรรค์มีจริง ให้เห็นภัยในวัฏฏะนี้ แล้วก้าวออกอย่างผู้มีปัญญา เช่นพระพุทธองค์ และพระสาวกทั้งหลาย

และยังแสดงให้เห็นอีกว่าแม้แต่พระองค์เอง ผู้ซึ่งจะมีอันตรัสรู้ในภายหน้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ และครั้งตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งยิ่งใหญ่แล้ว ก็ล้วนหนีไม่พ้นอำนาจของกรรมได้เลย


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 พฤษภาคม 2555 / 22:42
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 10 พฤษภาคม 2555 / 22:41

0
DRAMA QUEEN 11 พ.ค. 55 เวลา 10:26 น. 5

ที่พระเยซูยังเกิดมาโดยที่มารีอายังเวอร์จิ้นได้
พระเยซูรักษาคนตาบอดได้ และทำอภินิหารต่างๆ ได้ (เรายังไม่เห็นว่าเวอร์เลยนะ)

แล้วทำไมพระพุทธเจ้าท่านมีเรื่องเวอร์แบบนั้นบ้างไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว พระสาวกทั้งหลายก็สามารถทำเรื่องเวอร์ๆที่เรียกว่าอภินิหารได้อีก(ถ้าท่านอยากจะทำ)

ถ้าคุณคิดว่าเรื่องชาดกมันเวอร์  ศาสนาเราทั้งคู่ก็เวอร์ได้พอๆกันนั่นแหละ


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 พฤษภาคม 2555 / 10:27
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 พฤษภาคม 2555 / 13:55
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 11 พฤษภาคม 2555 / 13:50


PS.  group dhamma wa wa wow http://group.dek-d.com/autto002/
0
=-No~name-= 11 พ.ค. 55 เวลา 11:47 น. 6

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะว่า ศาสนาพุทธมีความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด คือ เราจะไม่ได้เกิดมาแค่ชาติเดียว แต่เราเกิดมาไม่รู้กี่ล้านชาติแล้ว นับประมาณไม่ได้ และหากเรามีความดีมากพอก็ไปเกิดในสวรรค์ ไปเป็นเทวดา ไปเป็นพรหม แล้วพอหมดบุญก็ลงมาเกิดใหม่ หากมีบาปตามมาทันก็ลงไปเกิดในนรก ไปเกิดในเปรตภูมิ ไปเกิดในเดรัจฉานภูมิ หากยังมีบุญพอก็ไปเกิดเป็นมนุษย์

พระโพธิสัตว์คือผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ชาดกคือเรื่องของพระพุทธเจ้าในสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ โดยพระโพธิสัตว์เองนั้นก็ยังมีความดีความชั่ว เคยทำชั่วจนตกนรกก็มี ไปเป็นเดรัจฉานก็มี เป็นมนุษย์เป็นเทวดาก็มี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ในชาดกจะมี เป็นลิงบ้าง มนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง เป็นกษัตริย์บ้าง พราหม์บ้าง จัณฑาลบ้าง

ส่วนที่ำทำไมถึงมีการแสดงชาดก มันไม่ใช่เรื่องของอะไรมาดลใจค่ะ แต่เป็นการแสดงอดีตชาติที่พระพุทธเจ้าเคยเป็นมาก่อน มาเป็นคำสอนให้พุทธบริษัทได้ฟัง




0
hua hom 11 พ.ค. 55 เวลา 14:19 น. 7

เป็นอย่างนั้นแหละครับ พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

คือ พอรู้ความจริงแล้วก็ตื่นจากความหลง พอไม่หลงแล้ว แม้มีทุกข์จากภายนอกเข้ามา ก็เป็นแต่เพียงผู้เห็น ไม่ได้เป็นทุกข์ไปด้วย จึงมีความเบิกบานอยู่ภายในจิตใจ เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น 

ศาสนาพุทธ คือ ศาสนาของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

0
hua hom 11 พ.ค. 55 เวลา 14:36 น. 8

หลวงพ่อชา ท่านสอนลูกศิษย์ว่า เห็นทุกข์ ไม่มีทุกข์

จขกท นับถือศาสนาคริสต์ คงจะงง ว่า เอ ทำไมศาสนาพุทธมองโลกในแง่ร้ายจัง พูดแต่เรื่องทุกข์

ศาสนาพุทธไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่มองโลกตามความเป็นจริง อะไรเป็นความจริงศาสนาพุทธยอมรับหมด

เห็นทุกข์ ไม่มีทุกข์ น่าแปลก แปลกจริงๆ พอเห็นทุกข์ปุ๊บ ไม่มีทุกข์

0
hua hom 11 พ.ค. 55 เวลา 14:55 น. 9

แต่เราต้องรู้ก่อนว่าทุกข์อยู่ที่ไหน

สมมุติ เราเดินอยู่ในห้าง มองเห็นเค้กที่หน้าตาน่ากินชิ้นนึงอยู่ในตู้กระจก เราอยากจะกินมาก แต่วันนั้นพอดีถือศีล8 กินหลังเที่ยงไม่ได้

คำถามถามว่า การที่เราอยากกินเค้กชิ้นนั้นมาก ความทุกข์อยู่ที่ไหน?

ความทุกข์ก็อยู่ที่ใจเรานั่นเอง เค้กไม่ใช่เป็นความทุกข์ เค้กมันก็อยู่ของมันดีดี แต่เรากลับไปอยากกินมันเอง ใจของเรานี่แหละเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

ความทุกข์อยู่ที่ใจ เพราะฉะนั้นการแก้ความทุกข์ ก็ต้องแก้กันที่ใจ มันถึงจะจบเรื่อง ถ้าไปแก้ความทุกข์ด้วยการสนองความอยาก  ชาตินี้ก็ไม่จบ ชาติหน้าก็ไม่จบ

วันนี้ไม่มีอะไร แค่อยากจะแสดงธรรมเฉยๆ ^ ^

0