การเวียนว่ายตายเกิดไม่มีในพุทธศาสนา_บัวไม่ได้มี ๔ เหล่า_พระพุทธองค์สวดมนต์บทไหน_ศาสนาพุทธที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ตั้งกระทู้ใหม่
ไปตามกลไกทางสังคม จึงเกิดผลตามมาหลายอย่าง รวมไปถึงการเอาหลักธรรมที่แท้จริง
เรื่องแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ดีแล้วหรือ?
24 ความคิดเห็น
วิญญาณไม่ได้เวียนว่าย  แต่สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นผู้เวียนวายท่องเที่ยวไป
ฟังๆดูแล้วก็พระทุกองค์ในประเทศผิดหมด พระอาจารย์คึกฤทธิ์ถูกคนเดียวว่างั้น
http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3034
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/03/Y10380758/Y10380758.html
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/08/Y10883983/Y10883983.html
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/09/Y11062554/Y11062554.html
จำคำสั่งที่พุทธเจ้าให้ไว้ได้ไหมว่า ธรรมจะเป็นศาสดาของพวกเราต่อไป
คหที่ 2 พระอาจารท่านเอาธรรมของพุทธเจ้ามาบอกกล่าวไม่ให้เราลืมในสิ่งที่พุทธเจ้าตรัสไว้
ซึ่งเป็นสิงที่สงฆ์สาวกนั้นควรเดินตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า
คห4 แต่ผมดูๆแล้วท่านไม่ได้พูดเพื่อความดับทุกข์เลย ไม่ได้พูดเพื่อมรรค ผล นิพพาน แต่เห็นพูดเน้นหนักไปในทางอันนั้นผิด อันนี้ถูก ต้องของท่านอย่างเดียวที่มาจากพระโอษฐ์ ของคนอื่นไม่จริง สรุปก็คือให้ทุกคนฟังท่านผู้เดียว ครูบาอาจารย์องค์อื่นผิดหมด มันไม่ใช่สาระสำคัญอะครับ ถ้าอยากจะสอนให้สาธุชนประสบความสุข พบความดับทุกข์ ก็สอนมาว่าให้ปฏิบัติตัวอย่างไร แนวทางในการปฏิบัติตน สอนแบบนี้จึงได้ชื่อว่า สงฆ์ใดสาวกศาสดารับปฏิบัติมาแต่องค์สมเด็จภควันต์ ไม่ใช่มาเพ่งแต่ว่าที่พูดกันมาผิดหมด ไม่มียกเว้นแม้แต่ครูบาอาจารย์องค์ใด
คห.5 ก็ท่านต้องการชักชวนคนให้ศึกษาในสิ่งที่ถูกต้อง ท่านไม่ได้บอกว่าของท่านอย่างเดียวที่มาจากพระโอษฐ์ อีกอย่างท่านก็ไม่ได้บอกด้วยว่าครูบาอาจารย์ท่านอื่นผิดหมด ส่วนแนวทางเข้าสู่ทางดับทุกข์ ปฏิบัติตัวอย่างไรท่านก็สอนแต่คุณไม่รับรู้ ไม่ใส่ใจเอง
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 18:34
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 18:36
ท่านจะไปกล้าพูดตรงๆอย่างงั้นได้ยังงัยอะครับคุณ คห6 แล้วสิ่งที่ถูกต้องที่เป็นสาระสำคัญอันควรจะนำมาเทศน์ อันจะทำให้ผู้ฟังได้รับความชุ่มเย็นเบิกบานก็มีเยอะแยะ แต่นั่งฟังท่านมาเป็นชั่วโมงก็มีแต่เรื่องยิบๆย่อยๆ ไม่ทราบว่าเข้าใจตรงนั้นถูกต้องแล้วจะหมดทุกข์ได้ไหม หรือจะพูดไปเพื่อว่าของท่านดีก็ไม่ทราบ
เหมือนจับผิดพระไตรปิฎกรึเปล่า ว่าตรงนี้ผิดๆ
ถามว่ามีประโยชน์มั้ย มีประโยชน์นะ สำหรับมือใหม่ ไม่เคยศึกษามาก่อน
แต่ยิบย่อยมากๆๆๆๆๆ บางอันตีความไม่เข้าใจก็ควรถามบัณฑิตหลายๆ ท่าน
ปริยัติแล้ว ก็อย่าลืมปฏิบัตินะ ถึงจะได้ปฏิเวธ
๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ [๒๐๘]
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 19:07
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 19:13
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 19:25
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 19:26
คห. ๒
ในคลิปเนี่ยไม่ได้บอกว่าพระอาจารย์ครึกฤทธิ์ ถูกคนเดียว
แต่บอกว่าพระอาจารย์อยากให้ศึกษาคำของตถาคตเป็นหลัก
ในเมื่อพระทุกรูปในประเทศไทยไม่ได้เป็นพระอรหันต์กันทุกรูป
เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านสอนเราถูกหรือผิด เราก็ควรจะหาอะไร
ที่พอจะมีความน่าเชื่อถือได้
ผมไม่ได้ให้ปฏิเสธพระเกจิท่านอื่นนะ เพราะคำของท่านเป็นเรื่องของโลกุตระ
ซึ่งแน่ใจได้ว่า หลักธรรมที่ท่านบอกมา สามารถปฏิบัติเพื่อให้เห็นจริงได้
แต่หากเราศึกษาเพิ่มเติมในส่วนที่พระอาจารย์ท่านนี้บอกว่าเป็นสายเอกด้วยแล้วเนี่ย
มันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ ที่จะได้เห็นคำพูดของตถาคตว่ามีเนื้อหาแบบใด
มีลักษณะประการใด และมีแนวทางแบบใด
โดยส่วนตัวจริงๆ ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วย ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
และผมก็ไม่ค่อยได้ศึกษานิกายเถรวาทเท่าไหร่ มักจะไปทางเซ็น
มากเสียกว่า เพราะรู้สึกว่าเซ็นมีความเป็นกลาง ไม่ได้ยึดใครเป็นหลัก
ไม่ติดตำรา(แต่ไม่ใช่ไม่ศึกษาตำราเลย) ดูเหมือนเป็นปรัชญามากกว่า
ที่จะเรียกว่าศาสนา
แต่สิ่งนี้อาจจะทำให้บางคนที่ไม่เคยได้รู้หลักธรรมดั้งเดิมมาก่อน
ได้เข้าใจในแง่มุมของพุทธศาสนาที่นอกเหนือตำราเรียนในชั้นเรียน
นอกเหนือจากการที่สวดมนต์ไปโดยไม่รู้ว่าทำไปไม ได้เปลี่ยนแนวคิดใหม่
เป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นถูกเห็นควร ไม่หลงงมงายเหมือนแต่ก่อน
เมื่อเข้าใจดีแล้วการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงวิมุตตินั้น คงไม่จำเป็นต้องใช้
ตำรามาก(ซึ่งก็มีในพระไตรปิฎกฉบับนี้) เน้นปฏิบัติให้มากไม่ติดตำรา
หรือทิ้งตำราเลยก็ดี เพราะตำราอาจเป็นเครื่องขัดขวางการทำงานของจิต
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจได้ จะรู้ได้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติมาแล้วเท่านั้น
ส่วนคห. ๓ ก็อย่างที่บอกไป
ก็เป็นเพราะเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ ที่อยากจะดัดแปลงเพื่อให้ง่าย
ต่อความเข้าใจของตนเอง แต่หากมันเลยเถิดออกไป แล้วอะไรจะเรียกว่า
บรรทัดฐานของศาสนาพุทธ อะไรคือสิ่งที่พุทธองค์ได้ตรัสสอนกับสาวก
เว้นเสียแต่จะนำเอาหลักธรรมส่วนหนึ่งมาประยุกต์ในรูปแบบใหม่ และตั้งเป็นลัทธิใหม่
เหมือนในนิกายเซ็นที่เอาพุทธ เต๋า ขงจื้อ สุขาวดีและแนวคิดอื่นๆ มารวมกัน
แล้วเรียกว่าเป็นนิกายเซ็น อันนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตของนิกายเถรวาท
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 20:04
"ก็เป็นเพราะเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่  ที่อยากจะดัดแปลงเพื่อให้ง่าย
ต่อความเข้าใจของตนเอง  แต่หากมันเลยเถิดออกไป  แล้วอะไรจะเรียกว่า
บรรทัดฐานของศาสนาพุทธ" คห.9
ก็นี่งัย จาก 227 เหลือ 150
ก็อย่างที่ผมบอก(ดู คห.7) ในคลิปพระอาจารย์ท่านไม่ได้พูดหรอกว่าท่านถูกคนเดียว แต่เข้าใจได้ว่าต่อแต่นี้คงไม่กล้าเชื่อคนอื่น คงยึดพุทธวจนะเป็นหลัก
แล้วก็อย่างที่เคยบอก ถ้าจะเอาคำของพระพุทธเจ้าจริงๆก็ศึกษาจากพระไตรปิฎกเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ไม่มีพุทธวจนะก็มีค่าเท่ากัน และอีกอย่างการที่ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าต่อไปพระไตรปิฎกของมหาจุฬาก็คงหมดความหมาย เพราะท่านว่าเติมแต่งซึ่งอันนี้เรียกได้ว่าเป็นแม่แบบ ผู้จัดทำก็ล้วนแต่ครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น แม้ตัวพระอาจารย์คึกฤทธิ์เองก็เป็นผู้เริ่มศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ แต่เปิดตัวมาทีทำเอาแบบฉบับเขาหมดความหมาย
"อะไรคือสิ่งที่พุทธองค์ได้ตรัสสอนกับสาวก"
คำตอบก็คือความพ้นทุกข์ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ แล้วทำยังงัยถึงจะพ้นทุกข์ต้องอ่านพระไตรปิฎกครบหมดหรือถึงต้องทำพุทธวจน?
จริงๆก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ก็อย่างที่ท่านพุทธทาสสอน
จริงๆพระไตรปิฎกฉบับปัจจุบันนี้ก็ถือว่าบริบูรณ์แล้ว ถ้าใครอยากจะเอาแต่คำของพระพุทธเจ้าก็ดูจากพระสุตตันตปิฎกก็ได้ จะมาบอกว่าเขาแต่งเติมอีก ก็เชิญไปประเทศอินเดีย นั่งอ่านภาษาบาลีเอาเลย
พระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐไม่ใช่หรอ ที่เป็นแม่แบบ
อีกอย่างคือท่านพุทธทาสเป็นคนริเริ่มแยกพุทธวจนออกจากพระไตรปิฎกเป็นหนังสือขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ พระอาจารย์คึกฤกธิ์มาสานต่อเป็นหนังสือพุทธวจน
ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หลายๆพระสูตรเพราะอินทรีย์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน พระองค์ทรงตรัสสอนไว้หลายๆแบบเพื่อรองรับคนแต่ละประเภท เพราะฉะนั้นคำที่พระองค์ตรัสสำคัญหมด ก็แล้วแต่แต่ละคนว่าจะศึกษาคำไหนแล้วจะเข้าถึงธรรมะได้
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 21:31
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 21:31
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 21:31
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 21:35
คุณคห.11 ท่านพุทธทาสทำไปโดยมีเจตนา เอา มรรค ผล นิพพาน ท่านเจตนาจะหยุดไว้แค่นั้น อย่าเอาท่านไปปนกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เทียบกันไม่ได้ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านทำของท่านเอง ไม่ได้สานต่ออะไร สานต่ออะไรทำตั้งแต่เล่ม1ถึงเล่มที่เท่าไร สานต่อต้องต่อจากท่านพุทธทาส นี่ท่านทำเป็นเรื่องของท่านเองไม่เกี่ยวกับท่านพุทธทาส
พระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐไม่ใช่แม่แบบ พระไตรปิฎกบาฬี จุลจอมเกล้าบรมธัมมิกมหาราช อันนี้แม่แบบของไทย ต่อมาถึงจะเป็นบาลีสยามรัฐ แล้วก็มาเป็นของมหาจุฬาซึ่งเป็นฉบับแสตนดาร์ดในปัจจุบัน ถ้ากลัวแต่งเติม รู้จักส่วนพระสุตตันตปิฎกไหม นั่นแหละพุทธพจน์
ลองอ่านคำตอบที่8 จากอันนี้ดู>>>http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3034
ผมผิดเองที่เอาไปปน แต่ก็แสดงว่าการแยกออกมาก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน
เพราะอภิธรรมไม่มีความว่าดูกร ดูก่อน........เลยนะ
พระไตรปิฎกถ้าศึกษาดีๆ จะรู้ว่าทุกๆ คำ ทุกๆ หน้า มีค่า และมีประโยชน์มากๆๆๆ
เราว่าพระไตรปิฎกบริบูรณ์ดีอยู่แล้วนะ จะทำให้ยุ่งยากกันทำไม
ถ้าอยากศึกษาพุทธวจนะ ก็เชิญศึกษาพระไตรปิฎก แค่นี้ก็ได้แล้ว
ไม่ต้องแยกให้มากมาย อรรถกถาท่านจะว่าเป็นคำสาวกรุ่นหลัง ก็แล้วแต่ แต่สำหรับเราแล้วถือว่ามีคุณ
ประโยชน์มากๆ และถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญทางพระพุทธศาสนารองจากพระไตรปิฎก
พระมหากัสสปะซึ่งเป็นประธานในการสังคายนาเองก็มีความเคารพรัก ยำเกรงในพระรัตนตรัยมากๆ
โดยการสังคายนา เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็จะลงมติเป็นเอกฉันท์ โดยใช้หลักที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว ยังจักสมาทานประพฤติอยู่ในสิกขาบททั้งหลายตามที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้วตลอดกาลเพียงไร ภิกษุทั้งหลายพึงหวังความเจริญอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้"
ซึ่งเป็นแนวทางของคณะสงห์เถรวาท ศรีลังกา พม่า ไทย สืบกันเรื่อยมา ใช้หลักถึงเพียงนี้ พระธรรมจะบิดเบือนนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องยาก
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 พฤษภาคม 2555 / 23:00
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 17 พฤษภาคม 2555 / 19:50
เราก็ใช้เฉพาะคำสอนส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราสิคะ
ถ้าพวกคุณจะโต้แย้งกันคงไม่ได้อะไรที่เป็นสาระหรอกค่ะ
ไม่ต้องยึดถือตรงตัวหรอกค่ะ แค่ปรับใช้ตามสถานการณ์
PS. มีแสง...ก็ต้องมิเงา,มีขาว...ก็ต้องมีดำ
แล้วถ้าเป็นพระที่ทำโดยไม่มีเจตนาจะทำเรื่องพวกนั้นเลี้ยงชีพล่ะ ก็แสดงว่าไม่ผิดอ่ะดิ ย้ำเลยว่า "เลี้ยงชีพ" ด้วยเดียรัจฉานวิชานะ บางท่านก็ทำเพราะไม่อยากขัดศรัทธาคน หรือมีเจตนาจะช่วยจริงๆ รัตสูตร พระพุทธเจ้าก็เคยให้พระอานนท์ทำน้ำมนต์พรมที่แคว้นวัชชีมาแล้วนี่ ต้องดูไปเป็นคนๆ ไม่ใช่จะหลับหูหลับตาด่าพระที่พรมน้ำมนต์ เสียทุกท่าน
PS. [ตรรกะที่ขาดจินตนาการก็เป็นเพียง ทิฐฐิ มานะ] [จินตนาการที่ขาดตรรกะก็เป็นเพียง อุธธัจจะ ดีๆ นี่เอง]
แหม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีเนี่ย ใครฟังจบแล้วช่วยเขียนไว้ให้อ่านหน่อย มันยาวจัด
PS. [ตรรกะที่ขาดจินตนาการก็เป็นเพียง ทิฐฐิ มานะ] [จินตนาการที่ขาดตรรกะก็เป็นเพียง อุธธัจจะ ดีๆ นี่เอง]
ผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริงต่างเห็นประโยชน์ของอรรถกถา เปรียบเสมือนเป็น "ครู" ผู้อธิบายคำที่ยากในพระไตรปิฎก อุปมาอุปมัยให้เข้าใจง่ายขึ้น จัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก แต่ทำไม พระรูปนี้จึงพูดว่า "เป็นคำที่ถูกแต่งขึ้น พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าไปฟังอย่าไปสนใจ" โดยอ้างพุทธวจนแบบนั้นของพระพุทธเจ้าอะ (ดูนาทีที่ 7.50)  นี่ไม่ใช่ความมุ่งหมายของพระพุทธเจ้า หากสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด สอนตามหลักศีล สมาธิ ปัญญาแล้ว แม้จะไม่ได้ใช้คำศัพท์เหมือนอย่างในพระไตรปิฎก แต่มีความหมายอย่างเดียวกัน เห็นสัจธรรมได้เหมือนกัน แบบนี้ผิดด้วยหรือ พูดอย่างนี้ก็เหมารวมพระทั้งประเทศว่าผิดหมดนะสิ เพราะส่วนใหญ่เวลาพระท่านเทศน์ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย "ดูก่อน... " แต่เทศน์ออกมาจากความเข้าใจ เพราะท่านได้ปฏิบัติมาก่อนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทย์โช, พระพยอมกัลยาโณ, พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล , ท่าน ว.วชิรเมธี, พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ,พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ หลวงปู่หลวงพ่อเหล่านี้ท่านไม่ได้อ่านพุทธวจนให้ญาติโยมฟังเหมือนอย่างพระรูปนี้ แล้วจะผิดไหมเนี่ย
ดูแล้วไม่ได้เน้นไปทางสอนเท่าไรอะ เน้นโปรโมทตัวเองซะมากกว่า
เจ้าของกระทู้ทำคนอื่นเข้าใจผิดหมด "การเวียนว่ายตายเกิดไม่มีในศาสนาพุทธ" พระท่านบอกว่า "วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด สัตว์ต่างหากที่เวียนว่ายตายเกิด" ตั้งสติก่อนตั้งชื่อกระทู้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีสติเจตสิก ใช้มันให้เป็นประโยชน์ ด้วยความหวังดีจากสัตว์นรกตัวเล็กๆ
ป.ล. จขคห.ยังมีวิสัยแห่งสัตว์นรก โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และโปรดอภัยให้ความด้อยสติปัญญาของกระผมด้วย
PS. [ตรรกะที่ขาดจินตนาการก็เป็นเพียง ทิฐฐิ มานะ] [จินตนาการที่ขาดตรรกะก็เป็นเพียง อุธธัจจะ ดีๆ นี่เอง]
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?