Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Why?? "Science-Mathematics" ทำไมต้องเป็นวิทย์-คณิต?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ความจริงที่อยากบอก และคำถามที่อยากถาม

-ทำไมเวลาถามว่าจะเข้าสายอะไรดีตอนม.4 ผู้ใหญ่มักบอกว่า"วิทย์-คณิต"

-ทั้งๆที่เด็กฉลาดในวิชาภาษาหรือสังคมแต่ทำไม"พวกเขา"ต้องเข้าสายวิทย์-คณิตถึงดูฉลาดจริงๆ

-เด็กที่อยู่สายศิลป์ต่างๆ ทำไมพวกอาจารย์และผู้ใหญ่ถึงดูถูกกันจัง­

-ทำไมถึงต้องบังคับเข้าสายวิทย์-คณิต ทั้งๆที่ผู้ใหญ่ก็รู้ว่าเด็กคนนั้นเก่งศิลปะ...

-สายวิทย์-คณิตมันมีอะไรดี ...ถ้ามันดีจริง ทำไมเด็กถึงบ่นว่าเรียนหนัก เครียด ไม่เข้าใจ งานเยอะ ท้อแท้ ไม่มีสุขภาพดี อ่านหนังสือเยอะ

-คนฉลาดๆไป เรียนแพทย์ เรียนบริหาร จบออกมาเป็นหมอ เป็นนักธุรกิจ เป็นวิศวะ แล้ว"ใคร"เรียนคุรุเพื่อมาสอนเด็กละ­ ก็คนที่ฉลาดน้อยกว่าไม่ใช่หรือไง­


-สองมาตรฐานหน่ะ มีทุกที่แหล่ะ ไม่เว้นแม้กระทั่งใน"ห้องเรียน" ครูก็โอ๋แล้วก็สอนแต่พวกเด็กที่ได้เกรด4 แล้วก็ด่าๆๆพวกที่เกรดแย่  ทั้งๆที่เนื้อหาการสอบมันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เด็กอ่าน หรือว่าสิ่งที่เด็กถนัดก็ได้

-อาจารย์ชอบที่จะถามคำถามเด็กที่เรียนไม่เก่งด้วยคำถามยากๆ ตัดกำลังใจเด็ก แล้วยังทำให้เด็กขายหน้าเลยไม่เข้าเรียน และไม่ตั้งใจเรียนยิ่งกว่าเดิม

-ทำไมอาจารย์ถึงชอบให้การบ้านเยอะ แล้วกำำหนดส่งมักจะเร็วมาก พอเด็กถามว่าทำไมถึงสั่งเยอะ ก็บอกว่าทำแบบฝึกหัดเยอะๆจะฉลาด ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรีบทำหนิ­

-ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ...เคยเป็นไหม โจทย์ให้มา รู้ว่ามันมีวิธี แล้วเราก็เคยเรียนมาแต่เรียนมาหลายสูตรเกิน หลายแบบเกิน แล้วก็จำสลับสับสน เช่น สูตรหาพื้นที่วงกลม จำผิดเป็นสูตรหาปริมาตร...

-ครูวิชานึง ให้การบ้านนักเรียน5-10ข้อ เรียนวันนึงเจอครู6-8วิชา บางวิชาให้การบ้านน้อย รวมๆประมาณวันหนึ่งมีการบ้าน20-30ข้อ ส่งวันพรุ่งนี้­­

-อาจารย์ทักจะบอกว่าใครไม่เข้าใจถามได้ แต่เด็กที่ไม่เข้าใจก็ไม่ยกมือถาม เพราะอายแล้วก็ไม่กล้า กลัวเพื่อนด่าว่าทำให้เพื่อนต้องเรียนซ้ำ ทำไมอาจารย์ถึงไม่เข้าใจว่าเด็กไทยขี้อายและขี้กลัว­

-วิชาแนะแนว อาจารย์ให้ทำแบบสอบถามนู่นนี่แล้วตีความว่าเด็กควรเข้าสายไหน เข้าคณะอะไร ทำอาชีพอะำไร แต่ทำไม อาจารย์ถึงไม่ลองคุยกับเด็กแบบเรียงคนว่าถนัดสิ่งใดกันแน่­ ในเมื่อในกระดาษแบบสอบถามอาจจะไม่มีสิ่งที่เด็กต้องการจะตอบก็ได้

-ความถนัด ความเก่งของคนเราทุกคนมีไม่เท่ากัน แต่เกณฑ์และมาตรฐานของการศึกษากลับมีอยู่แค่นิดเดียว

-สายวิชาชีพ ทำไมถึงดูเหมือนคนโง่ ทั้งๆคนเรียนสายวิชาชีพหน่ะฉลาดในด้านอาชีพนั้นๆเฉพาะไปเลยก็ยังดีกว่า เรียนอะไรเยอะแล้วค่อยมาเรียนสิ่งเดียว รกสมองแล้วยังสับสนอีก

-ทราบว่าผู้ปกครองและผู้ใหญ่เป็นห่วงไม่อยากให้ให้เด็กโตมาตกงาน อยากให้ลูกมีตังเยอะๆ จะได้สุขสบายในวันข้างหน้า ...แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าคำพูดที่พวกคุณบอกว่า"โตแล้วหัดทำอะไรเองมั่ง"คุณกำลังกระทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดโดยการขีดเส้นทางชีวิตให้ลูกของคุณ แทนที่จะให้ลูกของคุณเลือกเอง และรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวของเขาเลือก

ถ้าหากผู้ใหญ่เอาแต่ขีดเส้นให้เด็ก เอาแต่บีบบังคับ เอาแต่ใช้ข้ออ้างต่างๆนาๆ
แล้วเมื่อไหร่เด็กถึงจะมีความรับผิดชอบ
ปล่อยเด็กได้แล้ว ตอนนี้เด็กก็มีสิทธิที่จะเลือกอนาคตของตัวเองได้แล้วละ 
ให้เด็กเลือกผิดเลือกถูกบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นสิ่งที่เด็กต้องเผชิญมัน
เพื่อที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

นี่เป็นความคิดของเด็กม.3คนหนึ่งที่อยากจะระบาย นิดหน่อย ...
จากที่ตัวเองถูกบังคับมาโดยตลอด ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็บอกมาได้นะคะ


PS.  ____________________ เมื่อถึงวันหนึ่งเราก็ต้องลาจากกันไป...ใช่ ชั้นรู้ดี แต่ทำไม...ชั้นถึงไม่อยากจากเธอไปเลยนะ

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

--ThE_sKy-- 9 ก.ค. 55 เวลา 18:05 น. 1

รู้สึกว่าคุณจะตั้งสองกระทู้....
อีกกระทู้หนึ่งถามว่าเข้าสายอะไรดี
ในเมื่อคุณไม่ชอบวิทย์ คณิตขนาดนี้ ไม่ต้องมาถามแล้วล่ะ
คุณก็เข้าสายศิลป์ของคุณไป
ส่วนเกรดสี่ เหอะๆ เราไม่เห็นจะโดนโอ๋เลย โดนด่าก็ออกจะบ่อย
อย่าเอาความคิดด้านเดียวของคุณมาใช้
ถ้าคุณไม่อยากเรียนวิทย์ คณิต ก็สอบให้ได้คะแนนน้อยๆหน่อยแล้วก็ไม่เลือกวิทย์ คณิตต
โดนพ่อแม่ด่านิดหน่อยแล้วช่วงนี้ เราก็ตั้งใจๆทำเกรดให้ดีๆ
ในเมื่อคุณจะเลือกสายศิลป์แล้ว คุณต้องทำให้มันดีที่สุดนะ
ไม่ใช่ว่าเลือกแล้วเกรดแย่นะ...
ยังไงก็สู้ๆละกันนะคะ ม.3 เหมือนกัน

0
-Massy-. 9 ก.ค. 55 เวลา 19:23 น. 2

นี่แหละค่านิยมของคนไทย 
  ปล. เราก็ม.3 แบบนี้เด๊ะๆเลย อยากจะระบายเหมือนกันแหละ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2555 / 19:33

0
Candy'z_Love_Lollipop'z :)) 10 ก.ค. 55 เวลา 20:32 น. 3
ใช่ค่ะ เราเห็นด้วยกับ จขกท มากๆเลย ดีใจนะที่เราไม่ได้คิดคนเดียว 
เมื่อก่อนเราตั้งใจจะเข้า วิทย์ คณิต เพราะคิดว่าต่อสายอะไรก็ได้
แต่คิดไปคิดมา คือ เราชอบอะไรให้ไปตามฝันของตัวเองดีกว่า ตัวอย่างเรานะ เราอยากเรียน นิเทศ เราชอบภาษา เราชอบ เราก็จะไม่เข้า วิทย์ คณิต เพราะว่า คณิตเราห่วยมาก แต่ในขณะเดียวกันเราถามเพื่อนที่ไม่เก่งคณิตเหมือนกันว่าจะเข้าอะไร เค้าก็บอกว่า จะเข้าวิทย์ คณิต แล้วคือ จะเรียนไหวเหรอ
เราก็เลยคิดว่า เด็กไทย ทำอะไรตามค่านิยม จริงๆ 
สถานการณ์สมมุติ ด.ช. ก ด.ช. ข ทั้งสองคน ไม่เก่งคณิต เก่งอังกฤษ
ด.ช. ก เลือกเข้าศึกษาต่อแผนการเรียน วิทย์ คณิต เพราะ ค่านิยม และ ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรเอาวิทย์คณิตไว้ก่อน สุดท้ายก็ไปไม่ไหว

ด.ช. ข เลือกเรียนแผนการเรียน ศิลป์ภาษา เนื่องจาก ชอบ และ ไปได้ดี 
หากผลการเรียนออกมา ด.ช. ก ได้ที่โหล่ของห้องวิทย์คณิต ในขณะที่ ด.ช. ข ได้ที่1ของห้องศิลป์ภาษา . เราถามว่า ยังไงมันรู้สึกดีมากกว่ากันคะ  

เราสรุปเลยว่า เด็กทุกคน ไม่จำเป็นจะต้องเข้าห้องวิทย์คณิต ตามค่านิยมของเด็กไทย เหมือนกับ เมื่อพูดถึงห้องศิลป์ เด็กหลายคนมองว่า โห่ ไม่เก่งว่ะถึงสอบเข้าวิทย์คณิตไม่ได้ถึงไปเข้าศิลป์ ทำไมละคะ แผนการเรียนศิลป์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความชอบ ไม่ใช่รองรับนักเรียนที่สอบไม่ติดวิทย์คณิต ไม่งั้นทำไมไม่สร้างวิทย์คณิตไปทั้งประเทศเลยละ ­ ประเทศไทยก็ยังงี้ละค่ะ ตอนนี้เราพยายามอธิบายเพื่อนอยู่ว่า ทำตามที่ตัวเองชอบ แล้วจะออกมาดีที่สุด เราสนับสนุน จขกท สู้ๆนะคะ 

อีกข้อนึง เด็กไทย ขาดความมั่นใจและกล้าแสดงออก ถ้ามีข้อนี้จะทำให้เรารู้ว่าตัวเองชอบอะไรดีขึ้น
0
rUmInA 13 ก.ค. 55 เวลา 18:42 น. 4
#ตอบคห.1
ขออนุญาติ ตอบของคห.หนึ่งสักนิดนะ
คือว่าที่คุณบอกว่าเราตั้งสองกระทู้ ก็ถูกค่ะ แต่ว่ากระทู้นั้น"ถาม"จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะทำตามที่คุณพ่อคุณแม่บอกหรือจะทำตามความชอบของตัวเอง
ถึงเราจะไม่ชอบสายวิทย์คณิต แต่เราก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวังอ่ะนะ=w=;
ส่วนเรื่องเกรดสี่ มันก็แล้วแต่ครู แล้วแต่โรงเรียนอ่า แต่รร.และครูที่เราเจอมันเป็นงี้อ่ะ
ความคิดเห็นด้านเดียว ก็ยอมรับ เพราะมันเป็นความคิดเห็นของเราอ่ะ ก็ที่ลงกระทู้ถามก็เพราะอยากได้รับความคิดเห็นอีกด้านไงคะ
เรื่องสอบให้ได้คะแนนน้อยๆมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกคะ เพราะว่าถ้าทำคะแนนแน่ลงแล้วอาจจะโดนด่า 
แน่นอนว่าถ้าเราเลือกสายศิลป์เราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดอยู่แล้วคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ



PS.  ____________________ เมื่อถึงวันหนึ่งเราก็ต้องลาจากกันไป...ใช่ ชั้นรู้ดี แต่ทำไม...ชั้นถึงไม่อยากจากเธอไปเลยนะ
0
คนคนหนึ่งตรงนี้ 15 ก.ค. 55 เวลา 15:21 น. 5

เห็นด้วย บางเรื่อง .&nbsp ไม่เห็นด้วย ก็บางเรื่อง
--คนฉลาดๆไป เรียนแพทย์ เรียนบริหาร จบออกมาเป็นหมอ&nbsp &nbsp อ๋อหรอ คุณครูที่สอนพวกคุณเขาก็ไม่ได้โง่นะคะ&nbsp &nbsp คนฉลาดๆที่คุณว่าน่ะ ถ่ายทอดววิชาเป็นหรือเปล่า? ถึงฉลาดแค่ไหน แต่สอนไม่เป็น จะมาเป็นครูได้หรอ&nbsp  ครูมัธยมจบดอกเตอร์กันเยอะแยะ ครูมหาวิทยาลัยน่ะ มีใครจบป.ตรีบ้างล่ะคะ อย่างนี้คือฉลาดน้อยหรอ ?

-ครูตั้งคำถามยากๆ แต่ตอบไม่ได้&nbsp &nbsp รู้ว่าตอบไม่ได้ ก็ต้องตั้งใจเรียนมากขึ้นสิ

- ทำแบบฝึกหัดๆเยอะๆ น่ะดีแล้ว จำได้ฉลาก ถ้าไม่รีบทำตอนนี้ จะไปทำตอนไหน&nbsp ยิ่งทำมากก็ยิ่งดี&nbsp มัวแต่เรื่อยๆ เมื่อไหร่จะได้ทำ&nbsp 

-ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ...&nbsp เหอๆ&nbsp  อย่างนี้มันมีความรู้ แต่ขาดประสบการณ์ ถ้าทำโจทย์เยอะๆ ทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ&nbsp มันไม่เกิดขึ้นหรอกปัญหาแบบนี้&nbsp ผิดที่ตัวเด็กเอง

- การบ้านเยอะ นั่นก็เรื่องของคุณนะ ยิ่งทำก็ยิ่งได้ มันมีอะไรเสียหายหรือ ?&nbsp เชื่อว่าไม่มีครูคนไหนให้การบ้านจนเด็กทำไม่ไหวหรอกค่ะ ต้องรู้จักจัดสรรเวลาเอง ที่บอกไม่มีเวลา เอาแต่เล่นซะมากกว่า

- ทำไมไม่ยกมือถาม ?&nbsp อันนี้ก็อยู่ที่ตัวเด็กแล้ว&nbsp  ไม่กล้าเอง&nbsp ไม่มีใครว่าอะไรหรอก

-วิชาแนะแนว เด็กกี่คน ครูกี่คน ไหวหรอ ?&nbsp เดี๋ยวนี้เขามีแบบทดสอบความถนัดแล้วไม่ใช่หรอคะ ? (ในกระดาษแบบสอบถามไม่มีคำว่า อื่นๆหรอ คิดอะไรก็เขียนไปสิ) อีกอย่าง ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าชอบบอะไรอ่ะ ไปถามครู ครูจะรู้หรอ&nbsp 

- เรียนอะไรเยอะแยะ ก็เพื่อค้นหาตัวเองไงคะ&nbsp  หรือคนที่ตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ ถ้าไม่ผ่านสายนี้ มันทำม่ได้ แล้วทำไมล่ะ ? มันไม่รกสมองหรอก ถ้าทำในสิ่งที่ชอบ และมีเป้าหมายในชีวิต




&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp โทษนู่นโทษนี่&nbsp &nbsp ใช่ค่ะบางอย่างอาจจะผิดจริงๆ&nbsp แต่ดิฉันคิดว่า ที่สำคัญที่สุดน่ะ ตัวนักเรียนเองมากกว่า&nbsp &nbsp &nbsp ...

0
เเหม่ 21 พ.ย. 56 เวลา 10:38 น. 6

ไม่เห็นด้วยคห 5 ครับ ปัญหาตัวเด็กเองนั้นมันกว้างมากออกไป สรุปจากจากเหตุผลด้านเดียวมันไม่ได้หรอกครับ มันคับเเคบมากเกินไป ปัญหาหลักๆ ไม่ได้มีเเค่เด็กหรอกครับ ทุกภาคส่วนของการศึกษานี้เหละคือปัญหาหลัก ตัวเด็กเองที่มีปัญหานะเเล้ว มันเกิดจากอะไรล่ะ? หลากหลายสาเหตุครับ สรุปเหตุผลเดียวไม่ได้

0
ไก่บ๊อง 25 ธ.ค. 56 เวลา 06:16 น. 7

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะ เนื่องจากว่าผ่านมัธยมปลายมาหลายปีแล้ว
แล้วก็เรียนสายวิทย์-คณิตมาด้วย เรียนหนักจริง การบ้านเยอะจริง ยากจริง แต่ไม่เกินความพยายามนะ เลยอยากขอออกคห.ซักหน่อยแล้วกัน

คือ เอาตรงๆเลยนะ ถ้าชอบสายไหนไปสายนั้นเลย ถ้ารู้ตัวเองเร็วขนาดนี้ก็เลือกซะตั้งแต่ตอนนี้เลย คนเราทุกคนเกิดมาไม่ได้เกิดมาเก่งทุกอย่าง แต่ถ้าทำในสิ่งที่ถนัดมันก็จะทำได้ดีกว่า และมีความสุขกว่า จริงไหม?
แต่ว่า พอถึงคราวที่ต้องเข้ามหาลัยมันอาจจะเป็นปัญหา คือ ถ้าเรียนสายศิลป์มาแล้ว เข้ามหาลัยห้ามเปลี่ยนใจอยากเป็นหมอ พยาบาล เป็นวิศวะละกัน (นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วล่ะกว่าน้องจะจบก็ไม่รู้ว่าระบบการศึกษาไทยมันจะเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ) แต่ว่าถ้าเลือกศิลป์ เรียนมหาลัยก็จงเรียนศิลป์ต่อไป เพราะเด็กสายศิลป์อาจจะเลือกได้แค่สาขาที่ตรงกับสายศิลป์เท่านั้น แต่จะต่างกับเด็กสายวิทย์เพราะเด็กวิทย์จะเลือกได้หมดเลย แต่ด้วยประสบการณ์ที่เรียนวิทย์แล้วมาต่อมหาลัยศิลป์ มันก็รู้สึกว่าความรู้ด้านศิลป์ภาษาไม่ค่อยมีเลย เพราะเรียนวิทย์มา ในหัวมีแต่วิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่มันไม่ได้ใช้เลย มีแค่วิชาคณิตพื้นฐานที่เราเรียนแบบขั้นเทพตอน ม ปลาย มาแล้ว วิชาสถิติเบื้องต้น ซึ่งมันจะขรี้ๆมากสำหรับเด็กสายวิทย์ เพราะมันคำนวณง่ายกว่าสมัย ม ปลาย มาก แต่มันจะยากสำหรับคนที่เรียนศิลป์ หรือสายอาชีพมา เพราะอาจไม่ได้เรียนคณิตแบบขั้นเทพเหมือนเด็กสายวิทย์ (แต่มันไม่เยอะเพราะเป็นหลักสูตรบังคับให้ต้องเรียน คิดว่าในอนาคตหลักสูตรมันจะเปลี่ยนไปอีกแน่นอน) และในทางกลับกัน เด็กที่เรียนสายศิลป์ หรือสายอาชีพมา ก็จะได้เปรียบเด็กวิทย์ที่จะเก่งภาษา หรือเก่งอะไรจำๆมากกว่า ซึ่งมันจะได้เต็มๆอยู่แล้ว

เพราะสมองของคนเรามีสองซีก
ขวา คือ ศิลป์ 
ซ้าย คือ คณิต 
ส่วนมากคนเรามักจะใช้สมองข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า มันจึงเป็นที่มาของคำว่า "ถนัด" คนส่วนมาก ถ้าถนัดขวา ซ้ายก็จะไม่ถนัด ในทางกลับกัน ถ้าถนัดซ้าย ขวาก็จะไม่ถนัดเหมือนกัน ไม่มีใครถนัดใช้มือซ้ายกับมือขวาทั้งคู่หรอก นอกจากจะเป็นอัฉริยะจริงๆ เช่น กาลิเลโอ
หรือคนที่ใช้สมองสองซีกเท่าๆกันแต่ก็ไม่ได้ถนัดอะไรเลย เช่น เป็ด
คือจะเดินก็เดินได้ แต่ก็ไม่ได้เดินได้ดี จะบินก็บินได้แต่หาได้จะบินสูงกว่านกไม่ จะว่ายน้ำก็ได้แต่ก็ไม่ได้ว่ายได้ดีเท่าปลา นั่นคือไม่มีอะไรเด่นกว่านั่นเอง 

ก็ลองถามตัวเองดูดีๆ ว่าแท้จริงแล้ว "ชอบอะไร"
อนาคต "อยากทำงานแบบไหน" และตัวเอง "ทำอะไรได้ดีกว่ากัน"

ระหว่าง ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต

กับ สังคม ศิลป์ ภาษา 

พี่ว่าเด็กที่เรียนสาย วิทย์คณิต ไม่ได้ดูเก่งหรือฉลาดทุกคน
และเด็กที่เรียนสายศิลป์ภาษา หรือศิลป์คำนวณ ก็ไม่ได้ไม่เก่งหรือไม่ฉลาดทุกคนเหมือนกัน พวกเขาแค่ "เก่ง" หรือ "ถนัด" ไม่เหมือนกัน แค่นั้นเอง


แต่กล้าพูดได้เต็มปากเลยนะว่า "ได้ภาษายังไงก็ได้เปรียบ"
จบไปมีงานทำชัวร์ อาจเป็นงานอิสระกว่าเด็กสายวิทย์
ชีวิตฟรีดอมจะตาย เยี่ยม 


0
มอปลาย 8 ม.ค. 57 เวลา 09:08 น. 8

ทุกสายดีหมดถ้าชอบเชื่อดิต่อให้มันยากเเค่ไหนก็อยากที่จะเรียนหมดเเหละต่อให้ดูไม่เก่งทำไม่ได้เเค่ไหนลองพยามดูไม่มีใครเก่งจากท้องพ่อท้องเเม่หรอกต้องพยามถ้าชอบก็เรียนไปเเล้วทำให้ดีถ้าไม่ชอบก็อย่าเรียนเรียนที่ตัวเองชอบเเล้วมุ่งไป สู้ๆนะเด็กม.3 #พี่เรียนวิทย์-คณิต
สู้สู้

0
น้องปลา ม.3/1 17 ก.ย. 59 เวลา 17:53 น. 9

ไม่ชอบก็แล้วแต่เข้าใจที่โดนกดดันคะ คุณจะเรียนอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจคนอื่นว่าเค้าจะพูดอย่างไง ขอแค่คุณจบมา

มีเงินเลี้ยงพ่อและแม่ไปตลอดชีวิตก็พอคะ

0